ฮยอนซึงยืนกอดอกพิงกรอบประตู สายตาจดจ้องขึ้นมาที่เธอด้วยสีหน้าเครียดเคร่ง
จะเห็นรึเปล่านะ ถูกจับได้แล้วงั้นเหรอ
เธอไม่แน่ใจว่าเขาเห็นหรือได้ยินตั้งแต่ตอนไหน ซงอาซึ่งตัวแข็งทื่อไปเรียบร้อยแล้วได้แต่นิ่งงัน
ไม่รู้แหละ ทำเป็นไม่รู้ไม่ชี้ก่อน พอเห็นแล้วต่อให้รู้ก็คงปิดปากเงียบให้เองล่ะมั้ง
เรื่องของคนระดับเจ้านายแถมยังเกี่ยวข้องกับหัวหน้าอีก พนักงานใหม่แค่ปีเดียวคงไม่กล้าเอาไปพูดง่ายๆ หรอก แถมฮยอนซึงยังเป็นคนรักษามารยาทในที่ทำงานอย่างเคร่งครัดมาโดยตลอดด้วย แต่ยังเร็วไปที่จะฟันธง ก็เมื่อครู่เขาเพิ่งจะทำลิปสติกเธอเปื้อนด้วยเหตุผลแปลกๆ ไม่ใช่หรือ
ซงอาสูดหายใจเข้าลึกๆ เดินลงบันไดหลังจากเริ่มรวบรวมสติได้บ้าง เธอก้าวขาสั่นๆ มาจนกระทั่งถึงหน้าประตูบันไดหนีไฟ ฮยอนซึงยังคงจ้องเขม็งจนร่างเธอแทบทะลุ
กลัวแล้วนะ มองอะไรขนาดนั้น
ซงอายื่นมือไปที่ประตู ตั้งใจไม่มองชายหนุ่ม ทว่าทันทีที่เขาขยับตัวมาด้านข้าง เธอกลับสะดุ้งตัวโยน รีบเก็บมือไม้
จะบ้าตาย เป็นอะไรของเขาเนี่ย
เธอไม่รู้เลยว่าอีกฝ่ายคิดอะไรอยู่ จึงได้แต่กัดริมฝีปากย้ำๆ ทั้งที่ยังก้มหน้า แต่แล้วเสียงของฮยอนซึงก็ลอยมาเข้าหู
“เย็นนี้ว่างมั้ยครับ”
“ยะ…เย็นนี้?”
เธอเผลอเงยหน้าขึ้นสบตาเขา จากนั้นก็รีบหลบตา อาจเพราะมีชนักติดหลังเลยไม่สบายใจเอามากๆ แม้เป็นเพียงแวบเดียวเธอก็รู้สึกได้ว่าเขาน่าจะกำลังโกรธ
อะไรกันเนี่ย
ซงอาพยายามลดความตึงเครียดลง ถามกลับโดยไม่ยอมสบตา
“หมายถึงวันนี้เหรอ”
“ครับ เย็นวันนี้ ว่างมั้ยครับ”
“อืม…” ซงอารู้สึกถึงลางไม่ดี เธอไม่ควรตอบเป็นอันขาดว่าเย็นนี้ว่าง “ไม่รู้ว่านายมีเรื่องอะไร แต่คงไม่สะดวก เพราะฉันมีนัดแล้ว”
“รุ่นพี่ถูกหัวหน้าที่คิดเองเออเองว่าเป็นแฟนเท ผมได้ยินหมดแล้วครับ”
หา?
ซงอามองอีกฝ่ายด้วยสีหน้าตกใจสุดขีด ท่าทางเขาจะเลือกเห็นและได้ยินเฉพาะประเด็นสำคัญมากๆ เสียด้วย
โอ๊ย ทำไงดี ให้ตายเถอะ!
“ฟะ…แฟนเฟินที่ไหนกัน ถูกเทอะไร ใครยะที่ถูกเทน่ะ!”
ซงอาเชิดคางหันหน้ามาสบตากับเขาตรงๆ ต่างจากเมื่อครู่ แต่ฮยอนซึงไม่นำพา จ้องเธอเขม็งอย่างน่ากลัวยิ่งกว่าเก่า
“ถูกเทแล้วแน่นอนครับ รุ่นพี่ แม้จะเทียบไม่ได้เลยกับการถูกเทในอนาคตก็ตาม”
“หา?”
เหมือนมีความหมายแฝงอะไรบางอย่าง ซงอารู้สึกตงิดๆ จึงจ้องฮยอนซึงเพื่อขอคำอธิบาย แต่ดูท่าทางเขาไม่คิดจะใจดีบอกสิ่งใดทั้งสิ้น
“ยังไงก็แล้วแต่ สรุปว่างใช่มั้ยครับ”
“ไม่ว่าง ไม่มีเวลาให้นายหรอก”
ซงอาคลับคล้ายว่าตนอาจคล้อยตามฮยอนซึงโดยไร้สาเหตุ เลยปัดปฏิเสธอย่างเด็ดขาดพร้อมสะบัดหน้าหนี ไม่รู้เขาหวังอะไร ฮยอนซึงคงใช้เรื่องนี้มาเป็นจุดอ่อนนัดพบเธอเพื่อเอ่ยปากร้องขอบางสิ่งแน่ แม้จะรู้จักกันได้ไม่กี่เดือน แต่เขาก็ดูไม่น่าใช่พวกผู้ชายหน้าไม่อายหรือใจแคบเสียหน่อย
“ไม่ว่างก็ต้องทำให้ว่างครับ เลิกงานแล้วเจอกันที่ทางม้าลายหน้าบริษัทนะ ผมขอพูดชัดๆ ว่ารุ่นพี่ควรมา”
“หา? นี่นาย!”
ฮยอนซึงเอ่ยแกมสั่งโดยไม่เปิดโอกาสให้ซงอาได้โต้แย้ง จากนั้นก็กลับหลังหัน เปิดประตูแล้วเดินเข้าไปด้านในดื้อๆ ซงอามองประตูที่ปิดลงอย่างน่าขัน อึ้งจนพูดไม่ออก
“อะไรของเขา อายุยังน้อย ประสบการณ์ก็ยังด้อย กล้ามาออกคำสั่งขู่กันได้ยังไง”
ปกติฮยอนซึงทั้งสุภาพกับรุ่นพี่ ทั้งว่านอนสอนง่ายดีมาก ซงอาเลยยิ่งโมโหเข้าไปใหญ่ แถมแววตาตอนกล่าวสั่งประโยคสุดท้ายยังดูเหมือนสงสารเธอเสียด้วย
“อายุห่างกันแค่ปีเดียวก็จริง แต่ประสบการณ์การทำงานห่างกันสามปีนะยะ!” ซงอาตะโกนไล่หลังใส่ประตูที่ปิดสนิท “ช่างเถอะ! ทำไมต้องไป ทำไมฉันต้องเจอเจ้าเด็กนั่นด้วย”
ซงอาจับลูกบิดประตู คิดจะเมินเฉยเสีย ทว่าสิ่งที่เขาพูดไว้ดันทำให้เธอสับสนขึ้นมาอีก
‘ถูกเทแล้วแน่นอนครับ รุ่นพี่ แม้จะเทียบไม่ได้เลยกับการถูกเทในอนาคตก็ตาม’
“หมายความว่ายังไงน่ะ เหมือนจะไม่ได้พูดมั่วไปเรื่อยซะด้วยสิ…”
ปกติซงอาจะไม่เก็บอะไรมาคิดเล็กคิดน้อยให้ปวดหัวง่ายๆ แต่ตอนนี้ยิ่งคิดก็ยิ่งรู้สึกสงสัยในคำพูดของเขา ผ่านไปครู่หนึ่งเธอก็ส่ายหน้าแรงๆ
กังวลทำไม ไร้สาระน่า ไม่มีเหตุผลอะไรให้ต้องเป็นทุกข์ซะหน่อย
ซงอาทำใจให้สงบอีกครั้ง
“ใช่ ไม่ต้องสนใจ ไม่ไปเด็ดขาด”
เธอพึมพำย้ำกับตัวเองพลางหมุนลูกบิดประตูสุดแรง เมื่อเวลาผ่านไปความกังวลอันไร้สาระก็จะถูกลืมเลือนไปเอง