Sweet Sunbae... จูบนี้สีชมพู
ทดลองอ่าน Sweet Sunbae… จูบนี้สีชมพู บทที่ 1
“ขอตัวกลับก่อนนะคะ ขอให้มีความสุขกับวันหยุดค่ะ”
ซงอารีบลุกขึ้นทันทีที่ถึงเวลาเลิกงาน เธอรู้สึกว่าฮยอนซึงซึ่งนั่งอยู่ข้างๆ กำลังจับจ้องเธออยู่ เธอตั้งใจเมินเฉย ก้าวฉับๆ ออกจากออฟฟิศไป
หากจะนับให้ชัดเจน เธอกับแจชินแอบคบกันในบริษัทมาได้สองปีสิบเดือนแล้ว ตอนนั้นแจชินเป็นรองหัวหน้าและซงอาเพิ่งจะเข้ามาทำงานใหม่ๆ เขาเป็นฝ่ายจีบเธอก่อน ตั้งแต่สมัยที่เธอยังไม่รู้เรื่องรู้ราว ซงอาตกหลุมรักความอ่อนโยนและความมีน้ำใจของเขาทันทีโดยไม่คิดเล่นตัว เธอไม่ใช่พวกเล่นตัวหรือคิดคำนวณเก่งอยู่แล้วเป็นทุนเดิม ไม่อย่างนั้นเธอคงต้องร้อนใจหรือเครียดกว่านี้มาก
‘บอกแล้วใช่มั้ยว่าไม่ได้ เวลาชอบใครต้องหัดเก็บอาการไว้บ้าง แสดงความรู้สึกออกมาหมดรวดเดียวแล้วจะไปต่อยังไง ความเร้าใจก็มีแต่ลดลงเท่านั้นเอง’
ยามเธอต้องการทำอะไรตรงกับใจแต่ไม่อาจแสดงออกโต้งๆ ได้ เพื่อนๆ จะอึดอัดคับข้องใจแทนเธอ ทว่าเจ้าตัวไม่ใส่ใจ ชอบก็บอกว่าชอบ เธอเล่นแง่ไม่เป็น คำนวณไม่ได้ หากรักเธอที่เป็นเช่นนั้น เธอก็พร้อมจะแน่ใจว่านั่นคือรักแท้ ด้วยเหตุนี้แจชินจึงเป็นคนที่ดีมากสำหรับซงอา เมื่อเขาจีบ เธอก็โอนอ่อนทันที แจชินไม่เคยดูถูกหรือหัวเราะเยาะเธอเลยสักครั้ง ผ่านมาเกือบสามปีแล้วเขายังอ่อนโยนและอ่อนหวานกับเธอดังเดิม แม้จะรู้สึกเศร้าที่ไม่สามารถเปิดเผยความสัมพันธ์ได้เพราะแอบคบกันลับๆ แต่เขาก็ดูแลเอาใจใส่เธอดีมากจนทดแทนเรื่องดังกล่าวได้ทั้งหมด หลักฐานคือเธอไม่เคยต้องเหงาเลยแม้แต่ครั้งเดียวเมื่อมีเขาเคียงข้าง
ซงอาลงมายังล็อบบี้ของบริษัทแล้วรีบตรงไปที่ประตูทางออก แต่จู่ๆ ก็รู้สึกถึงแรงสั่นในเสื้อโค้ตจนต้องหยุดเดิน ฮยอนซึงโทรมาจริงตามที่เธอคาดเอาไว้
“คิดว่าฉันบ้าเหรอถึงจะรับสายน่ะ หึ ตลก”
ซงอากดตัดสายก่อนออกเดินต่อ แอบเสียดายที่ต้องกลับบ้านเร็วในเย็นวันศุกร์ แต่ก็ดี นานๆ ทีจะได้มีโอกาสทำความสะอาดบ้าน เตรียมพร้อมเอาไว้เผื่อแจชินจะมาด้วย
ต้องไปซูเปอร์ฯ ซื้อวัตถุดิบต้มซุปแก้เมาค้างหน่อยล่ะ
หญิงสาวคิดพลางผลักประตูหมุน โทรศัพท์ในเสื้อโค้ตสั่นอีกครั้งสั้นๆ พอพ้นจากประตูหมุนเธอก็หยิบมากดดู เป็นข้อความเสียงจากฮยอนซึง
“แล้วจะเสียใจนะครับ”
คำพูดสั้นๆ ที่ไม่อธิบายอะไรเลยทำให้ซงอาคิ้วขมวด ตอนนี้ดูทรงแล้วฮยอนซึงน่าจะเป็นคนที่รู้จักใช้จิตวิทยาไม่หยอก น้ำเสียงเขาแทรกซอนทะลุความกังวลใจที่เธอพยายามกดให้สงบเข้ามาจนได้ ซงอาหน้าบึ้งในที่สุด
“ต้องการอะไรเนี่ย ทำแบบนี้ทำไม”
คงจะดีเสียกว่าหากฮยอนซึงเจตนาจับจุดอ่อนมากลั่นแกล้งเธอ แต่เหมือนจะไม่ใช่อย่างที่คิดในทีแรก เธอจึงรู้สึกหวาดหวั่นครั้งแล้วครั้งเล่า ถ้าตามเขาไป เธออาจต้องทุกข์ใจ ไม่สิ อาจต้องเจอสิ่งที่น่ากลัวที่สุดในชีวิตก็เป็นได้
“ช่างมัน เสียใจก็เสียใจ ตามแชฮยอนซึงไปแล้วเสียใจ หรือไม่ตามไปแล้วเสียใจ ยังไงผลก็เหมือนกัน”
ซงอาบล็อกเบอร์โทรศัพท์ของอีกฝ่าย ส่ายหน้าเพื่อสลัดความคิดเรื่องเขาทิ้ง จากนั้นก็ออกเดินต่อ
ส่วนผสมซุปแก้เมาค้างมีอะไรบ้างนะ ใช้ปลาอลาสก้าพอลล็อกที่ที่รักชอบน่าจะดีเนอะ
ซงอาพยายามอย่างหนักที่จะใช้สมองอันสับสนมาคิดเรื่องอื่นจนไร้พื้นที่ว่าง
ปี๊น!
ซงอาที่ยืนอยู่หน้าทางม้าลายหันมองตามเสียงแตร รถยนต์สีกรมท่าหม่นปรากฏสู่สายตา ฮยอนซึงในตำแหน่งคนขับสบตาเธอแล้วบุ้ยใบ้เป็นเชิงให้เธอขึ้นรถ แต่ซงอาที่สองมือซุกอยู่ในกระเป๋าเสื้อโค้ตกลับไม่ยอมขยับเขยื้อน ทำเพียงจ้องมองเขานิ่ง ในเมื่อไปก็เสียใจ ไม่ไปก็เสียใจ เธอจึงเลือกอย่างหลัง ทว่าสุดท้ายเท้าสองข้างดันพาเธอมาอยู่ตรงนี้ ซงอาสัมผัสได้ถึงลางร้ายอันน่าสะพรึงกลัว เธอใช่แมลงเม่าที่พร้อมกระโจนเข้ากองไฟเสียที่ไหน แล้วทำไมเท้าเจ้ากรรมถึงไม่คิดแม้แต่จะวิ่งหนี
“คาดเข็มขัดนิรภัยด้วยครับ”
ซงอานั่งลงข้างฮยอนซึง จัดการคาดเข็มขัดนิรภัยตามที่เขาสั่งอย่างใจเย็น
“ขู่ฉันแบบนี้ ถ้าเรื่องมันไม่เป็นเรื่องล่ะก็ ฉันไม่ปล่อยนายไว้แน่ คอยดูเถอะ”
เธอเหลือบมองชายหนุ่ม หวังลึกๆ ให้เป็นแบบนั้นเสียยังดีกว่า แต่เขายังคงนิ่งเฉยแม้จะถูกเธอมองด้วยสายตาพิฆาตเต็มที่
“อยู่คังนัมเหมือนกัน ถ้ารถไม่ติดก็สิบนาที ถ้ารถติดก็ประมาณสามสิบนาทีถึงครับ”
“จะไปไหน”
“ไปถึงเดี๋ยวก็รู้ครับ ระหว่างทางคิดถึงเรื่องมีความสุขเอาไว้ก็ดีนะครับ เพราะช่วงเวลาแบบนั้นอาจจะหายไปเลยสักพักใหญ่ๆ”
คำพูดแฝงความหมายบางอย่างหลุดออกมาอีกครั้ง คิ้วของซงอาขมวดเข้าหากันเบาๆ ฮยอนซึงมองอย่างเฉยเมยก่อนกลับไปจ้องถนนข้างหน้า แล้วออกรถตามสัญญาณไฟที่เปลี่ยนสี เขาเองก็คิดไม่ตกว่าควรทำอย่างไร ครั้นเห็นซงอาหลงแจชินหัวปักหัวปำ เขาก็ตัดสินใจได้ว่าตัวเองทนดูเธอต้มซุปแก้เมาค้างโดยไม่สำเหนียกถึงธาตุแท้ของผู้ชายที่ทำเป็นยุ่งทุกสุดสัปดาห์ไม่ไหวอีกต่อไป
ต่อให้ไม่รู้เรื่องอะไรเลยก็เหอะ แต่ไม่เอะใจขนาดนี้มันออกจะเกินไปแล้ว
แถมแจชินยังบอกด้วยว่าอีกไม่นานจะพาเธอไปพบเพื่อนๆ แสดงว่าตั้งใจจะหลอกซงอาไปจนถึงที่สุด เขาคงปล่อยไว้เฉยๆ ไม่ได้ พฤติกรรมแจชินชี้ชัดว่ากำลังเล่นกับหัวใจซงอาอย่างไร้คุณธรรม ไม่รู้สึกผิดเลยสักนิดจนน่าขยะแขยง
สกปรก แบบนี้ยังนับเป็นคนเหรอ…
อาจเพราะเป็นเดือนธันวาคม หนำซ้ำยังเป็นวันศุกร์ ถนนจึงแทบจะกลายเป็นลานจอดรถ ในเมื่อรถขยับไปไหนไม่ได้ ฮยอนซึงจึงเป็นฝ่ายเปิดประเด็น
“คบกับหัวหน้าอีแจชินมานานเท่าไหร่แล้วครับ”
แทนที่จะคิดเรื่องดีๆ ซงอากลับหน้านิ่วคิ้วขมวดหันมาทางเขา
“บอกแล้วไงว่าไม่ใช่”
“ผมก็อยากให้เป็นแบบนั้นครับ รุ่นพี่อาจจะอยากให้เป็นแบบนั้นยิ่งกว่าผมอีก”
ฮยอนซึงมองตอบเธอ
“พูดมาตรงๆ ซิ ไม่พอใจอะไรฉันใช่มั้ย ทนไม่ไหวจนต้องแก้แค้นตอนนี้เลยหรือไง”
เธอยิงคำถามใส่เขาโดยไม่คิดปิดบังความขุ่นเคือง
“เปล่าครับ ไม่เกี่ยวเลย”
“แล้วทำแบบนี้ทำไม”
“เพราะชอบครับ” ฮยอนซึงตอบโดยไม่ลังเลสักนิด
“หา?”
ดูเธอเหมือนไม่เข้าใจ เขาจึงพูดอย่างชัดถ้อยชัดคำอีกครั้ง
“เพราะผมชอบรุ่นพี่”
ประหนึ่งเพิ่งได้ยินสิ่งที่ไม่อยากได้ยิน ซงอาตัวแข็ง อ้าปากค้างไปแล้ว
“ฮะ…”
ครู่ใหญ่ให้หลังซงอาถึงได้หลุดหัวเราะแห้งๆ ออกมา ฮยอนซึงมองอีกฝ่ายอย่างนิ่งเฉยก่อนจะหันกลับไปมองถนนตรงหน้าอีกครั้ง รถค่อยๆ ขยับทีละนิด
“นี่คือการสารภาพรักใช่มั้ย”
“พูดขนาดนี้ ยังไม่เข้าใจก็ซื่อบื้อแล้วครับ”
“เอ๊ะ!”