The Spanish Love Deception แผนลวงสู่ห้วงรักแบบฉบับสเปน
ทดลองอ่าน The Spanish Love Deception แผนลวงสู่ห้วงรักแบบฉบับสเปน บทที่ 4
บางทีฉันน่าจะวางสาย หรือแสร้งทำเป็นยุ่งมากและตัดบทสนทนา แต่ฉันคงรู้สึกเสียใจถ้าทำแบบนั้น และพูดตามตรงฉันไม่คิดว่าฉันจะสามารถทนกับเรื่องนี้ต่อไปได้อีก อีกอย่างแม่ของฉันก็ไม่ได้โง่
แม่จะต้องรู้ว่ามีบางอย่างไม่ชอบมาพากล
ฉันคลอดออกมาจากมดลูกของผู้หญิงคนนี้นะ
หลายวินาทีผ่านไปที่ไม่มีอะไรหลุดจากปากของฉัน และฉันก็ไม่อยากเชื่อด้วยว่าแม่เฒ่าแห่งตระกูลมาร์ตินจะรอคอยคำตอบของฉันอยู่เงียบๆ เป็นครั้งแรกในรอบอาจจะชั่วกาลปาวสานเลยก็ได้
ซวยแล้ว
ผ่านไปอีกสองสามวินาที
ซวย ซวย ซวย
สารภาพไปซะ เสียงเล็กๆ ในหัวฉันพูด แต่ฉันส่ายหน้า เพ่งสมาธิไปที่เหงื่อเม็ดจิ๋วเม็ดหนึ่งที่กำลังไหลลงมาตามแผ่นหลังชื้นของฉัน
“ลิน่า” ในที่สุดแม่ก็เอ่ยขึ้น น้ำเสียงดูไม่แน่ใจแฝงไปด้วยความกังวล “เกิดอะไรขึ้นหรือเปล่า”
ฉันเป็นมนุษย์เลวขี้โกหกที่ยัดเยียดความกังวลนั้นลงไปในเสียงของแม่อย่างไม่ต้องสงสัย และฉันก็ได้ยินมันอย่างชัดเจน
“ไม่มีอะไรค่ะ…” ฉันกระแอม ไม่ใส่ใจความหนักอึ้งที่กำลังก่อตัวขึ้นในท้องซึ่งให้อารมณ์เหมือนความรู้สึกผิดเอามากๆ “หนูโอเคค่ะ”
ฉันได้ยินเสียงแม่ถอนหายใจ เป็นเสียงทอดถอนใจแบบที่ฟาดเข้าใส่เราได้แบบจังๆ อีกทั้งยังทำให้ฉันรู้สึกแย่กับตัวเอง ราวกับฉันมองเห็นแม่มองมาที่ฉันด้วยสายตาที่เต็มไปด้วยความจำนนและเศร้าโศกหน่อยๆ พลางส่ายหน้าได้เลย ฉันเกลียดชะมัด
“ลิน่า ลูกก็รู้ว่าถ้ามีอะไรเกิดขึ้น ลูกบอกแม่ได้”
ความรู้สึกผิดของฉันยิ่งฝังลึกลงไปอีกจนฉันปวดมวนท้อง ฉันรู้สึกแย่ รู้สึกโง่เง่าด้วย แต่ฉันจะทำอะไรได้อีกเล่า นอกเหนือจากโกหกต่อไปหรือไม่ก็สารภาพออกไปให้หมด
“พวกลูกเลิกกันหรือเปล่า แบบว่ามันก็สมเหตุสมผลดีเพราะลูกไม่เคยพูดถึงเขาเลยก่อนหน้านี้ อย่างน้อยก็ไม่ได้พูดจนเมื่อวันก่อนนั่นแหละ” แม่เงียบไปครู่หนึ่งจนฉันได้ยินเสียงหัวใจเต้นกระหน่ำอยู่ในหู “ชาโร ลูกพี่ลูกน้องของลูกพูดอะไรบางอย่างเมื่อวานนี้แน่ะ”
ชาโรต้องรู้แน่นอน แม่รู้อะไร ทั้งครอบครัวก็จะรู้ด้วย
“คือ…เธอบอกว่า…” แม่ว่าต่อเมื่อฉันไม่พูดอะไร “ลูกไม่มีรูปเขาในเฟซบุ๊กเลย”
ฉันหลับตาลง
“เดี๋ยวนี้ไม่มีใครโพสต์อะไรในเฟซบุ๊กกันแล้วค่ะ มาม่า” ฉันบอกแม่ด้วยเสียงอ่อนแรงระหว่างที่กำลังต่อสู้ห้ำหั่นกับตัวเอง
“แล้วก็พรินสตานัมนั่นน่ะ หรืออะไรก็ตามที่พวกหนุ่มสาวอย่างลูกใช้กันอยู่ตอนนี้น่ะ ไม่มีรูปในนั้นเหมือนกัน”
ฉันนึกภาพชาโรเข้าไปส่องโพรไฟล์ฉันในโซเชียลมีเดียทุกอัน ค้นหาชายในจินตนาการคนนี้และถูมือเมื่อไม่เจอสักภาพออกเลย
“ชาโรบอกว่าถ้ามันไม่ออฟฟิเชียลในพรินสตานัม งั้นมันก็ไม่ได้จริงจังอะไร”
เสียงหัวใจเต้นของฉันดังอยู่ในอก “มันเรียกว่าอินสตาแกรมค่ะ”
“ก็ได้” แม่ถอนหายใจอีกครั้ง “แต่ถ้าลูกเลิกกับเขา หรือเขาบอกเลิก แม่ไม่สนหรอกว่าใครทำอะไร ลูกก็คุยกับเราได้นะ คุยกับปาป่ากับแม่ แม่รู้ว่าลูกมีปัญหาเรื่องเดตเดิดอะไรนี่มาตั้งแต่…ลูกก็รู้ ตั้งแต่แดเนียล”
ท่อนสุดท้ายที่แม่พูดออกมานั้นประหนึ่งมีดปักอก เปลี่ยนความรู้สึกหนักอึ้งนั้นให้กลายเป็นบางอย่างที่อัปลักษณ์และปวดร้าว บางอย่างที่ทำให้ฉันคิดถึงเหตุผลที่ฉันโกหกออกไป เหตุผลที่ฉันมีปัญหาอย่างที่แม่ฉันบอก และเหตุผลที่ฉันต้องอยู่ในสภาวะกลืนไม่เข้าคายไม่ออกนี้ตั้งแต่ต้น
“ลูกไม่เคยพาใครกลับบ้านเลยตลอดหลายปีมานี้ที่ลูกไปอยู่ที่อื่น ไม่เคยพูดถึงผู้ชายที่ลูกคบหาดูใจเลย แล้วก็ไม่เคยพูดถึงคนคนนี้ก่อนลูกจะบอกเราว่าคบกับเขาอยู่และจะพาเขามางานแต่งด้วย ฉะนั้นถ้าลูกโสดอีกครั้ง…”
ความเจ็บปวดเสียดแทงที่แสนคุ้นเคยกรีดลงมาบนอกฉันพร้อมกับคำพูดของแม่
“ก็ไม่เป็นไรหรอกนะ”
จริงเหรอ
ถ้ามันไม่เป็นไรจริงๆ ฉันก็บอกแม่ได้ ฉันมีโอกาสยุติเรื่องโกหกบ้าบอนี้แล้ว มีโอกาสฝังความรู้สึกสำนึกเสียใจทั้งหมดนั่นลงไปที่ไหนสักแห่งที่ลึกและมืดมิดแล้วหายใจได้เสียที ฉันบอกแม่ได้ ใช่ ฉันไม่ได้คบกับใครอีกแล้ว และด้วยเหตุนี้ฉันก็จะไม่พาแฟนหนุ่มที่ไม่มีตัวตนจริงๆ กลับบ้าน บอกว่าฉันจะไปงานแต่งคนเดียว และนั่นก็โอเค
แม่พูดเอง และบางทีแม่ก็อาจพูดถูก ฉันแค่ต้องเชื่อว่าแม่โอเค
ฉันสูดหายใจเข้าลึก รู้สึกถึงความกล้าที่ทะยานขึ้นมาและตัดสินใจแล้ว
ฉันจะสารภาพ
การไปงานคนเดียวคงไม่สนุกหรอก สายตาสงสารและเสียงกระซิบกระซาบเรื่องอดีตที่ฉันไม่อยากนึกถึงคงจะห่วยบรมแน่ล่ะ และนั่นก็ถือว่ายังเบานะ แต่ฉันไม่มีทางเลือกอื่น
หน้าบึ้งตึงของแอรอนผุดขึ้นมาในหัวฉันแบบไม่บอกไม่กล่าว
และแน่นอนว่าไม่เป็นที่ต้องการ
ไม่ ฉันไล่มันออกไป
เขาไม่ได้เอ่ยถึงมันเลยด้วยซ้ำตั้งแต่วันจันทร์ ผ่านมาแล้วสี่วัน ไม่ใช่ว่าต่อให้เขาพูด มันก็จะเปลี่ยนแปลงอะไรได้หรอกนะ ฉันต้องจัดการเอง แล้วฉันก็ไม่มีเหตุผลอะไรที่จะทำให้เชื่อได้ว่าเขาพูดจริงจัง
และนั่นก็ไม่เป็นไร แม่เป็นคนพูดเอง
ฉันอ้าปากเพื่อทำตามการตัดสินใจที่จะเติบโตกับเขาเสียที และหยุดทำตัวเหมือนพวกขี้ปดเป็นนิสัยกับเรื่องที่ฉันควรเป็นผู้ใหญ่พอที่จะเผชิญหน้าตามลำพังได้แล้ว แต่แน่นอน โชคไม่ได้เข้าข้างฉัน เพราะถ้อยคำต่อไปของแม่นั้นทำลายอะไรก็ตามที่ฉันกำลังจะพูดให้มลายหายไปทันที
“ลูกก็รู้” น้ำเสียงของแม่น่าจะบอกใบ้ฉันแล้วว่ากำลังจะเกิดอะไรขึ้น “ทุกคนแตกต่างกัน เราต่างก็มีจังหวะของตัวเองในการปะติดปะต่อชีวิตกลับคืนมาหลังผ่านเหตุการณ์ทำนองนั้น บางคนก็ต้องการเวลามากกว่าคนอื่น และถ้าลูกยังไปไม่ถึงจุดนั้น ก็ไม่มีอะไรต้องอายเลย แดเนียลหมั้นแล้ว ส่วนลูกยัง แต่นั่นก็ไม่สำคัญ ลูกมางานแต่งคนเดียวได้ ลิน่า”
ท้องไส้ฉันทิ้งดิ่งลงไปกองอยู่แทบเท้ากับความคิดนั้น
“แม่ไม่ได้บอกว่าแดเนียลต้องปะติดปะต่อชีวิตของเขากลับคืนมาตั้งแต่แรก เพราะว่า เอ่อ เขาชิงสละเรือไปอย่างไร้รอยขีดข่วนเลย”
แล้วนั่นไม่ใช่ความจริงบ้าๆ หรือไง สิ่งที่จะทำให้ทุกอย่างยิ่งเลวร้ายลงไปอีกจากที่เป็นอยู่ เขาใช้ชีวิตต่อไปอย่างเริงร่าในขณะที่ฉัน…ฉัน…ติดแหง็ก และทุกคนในที่นั้นก็จะรู้ ทุกๆ คนที่มาร่วมงานแต่งก็จะรู้
แม่พูดความคิดของฉันออกมาราวกับอ่านใจฉันออก “ทุกคนรู้ ลูกรัก และทุกคนก็เข้าใจ ลูกผ่านอะไรมาเยอะ”
ทุกคนก็เข้าใจงั้นหรือ