“คุยโทรศัพท์ส่วนตัวในที่ทำงานเรอะ” เขาสงสัยพลางส่ายหน้า
แม่ของฉันที่ยังคงอยู่ในสายถามขึ้นเป็นภาษาสเปน “นั่นเขาเรอะ เสียงที่แม่ได้ยินน่ะ แอรอนคนนี้ที่ลูกคบอยู่ใช่ไหม”
ฉันแข็งทื่อไปทั้งตัว ดวงตาเบิกกว้างและปากอ้าค้าง ฉันจ้องมองเขาขณะที่คำพูดของแม่สะท้อนก้องอยู่ในกะโหลกที่เห็นได้ชัดว่าว่างเปล่าของฉัน นี่ฉันทำบ้าอะไรลงไปเนี่ย
“ลิน่า” แม่เค้น
คิ้วของแอรอนขมวดหนักขึ้น แล้วเขาก็ถอนหายใจด้วยความจำนนขณะยืนอยู่ตรงนั้นไม่ยอมไปไหน
ทำไมเขายังไม่ไปอีกล่ะ
“ใช่ค่ะ” ฉันตอบ ไม่ทันรู้ตัวเลยว่าแม่จะถือว่าคำนั้นเป็นการยืนยัน แต่แม่ก็ทำ ฉันรู้ว่าแม่จะทำแบบนั้นอยู่แล้วไม่ใช่หรือไง “ไม่ใช่ค่ะ” ฉันเสริม พยายามถอยกลับ
แต่แล้วแอรอนก็จิ๊ปากและส่ายหน้าอีกครั้ง แล้วอะไรก็ตามที่กำลังจะออกจากปากของฉันก็กระจัดกระจายหายหมด
“หนู…” โอ้พระเจ้า ทำไมห้องทำงานฉันมันร้อนอย่างนี้ “ไม่รู้สิคะ มาม่า”
แอรอนทำปากเป็นคำว่า ‘แม่คุณเรอะ’
“ที่ว่าไม่รู้นี่หมายความว่ายังไง” แม่ถามขึ้นในจังหวะเดียวกัน
“หนู…หนู…” เสียงของฉันค่อยๆ หายไป ฉันเริ่มจะไม่แน่ใจแล้วว่าตอนนี้กำลังคุยกับใครอยู่ ผู้ชายหน้านิ่วคิ้วขมวดคนนี้หรือแม่ของฉัน ฉันรู้สึกเหมือนกำลังบินด้วยระบบออโตไพลอตระหว่างที่เครื่องบินของฉันพุ่งลงพื้นด้วยความเร็วสูง และฉันก็ไม่อาจทำอะไรที่จะหยุดมันไม่ให้ตกได้ แผงควบคุมของฉันไม่ตอบสนองเลยสักอย่างเดียว
“โอ๊ย ลูก” แม่พูดพร้อมหัวเราะ “ยังไงซิ ใช่หรือไม่ใช่ นั่นแอรอนหรือเปล่า”
ฉันอยากจะกรีดร้อง
ทันใดนั้นจู่ๆ ฉันก็มีอารมณ์อันแรงกล้าที่อยากจะแหกปากหรือเปิดหน้าต่างแล้วเขวี้ยงโทรศัพท์ออกไปสู่การจราจรอันไร้ความปรานีของนิวยอร์กเสียเหลือเกิน ฉันอยากทุบอะไรสักอย่างด้วย ทุบด้วยมือเปล่าของฉันนี่แหละ ในขณะที่ฉันกระทืบเท้าด้วยความคับข้องใจ ฉันจะทำทุกอย่างนั้นพร้อมๆ กัน ฉันอยากทำทุกอย่างที่ว่ามาเลย
ความใคร่รู้ฉายชัดอยู่ในดวงตาสีฟ้าของแอรอน เขาเอียงคอพลางจ้องมองฉันระหว่างที่ฉันกระเสือกกระสนแม้แต่จะหายใจให้เต็มปอด
ฉันใช้มืออีกข้างปิดโทรศัพท์ไว้แล้วและหันไปพูดกับผู้ชายตรงหน้าด้วยน้ำเสียงของคนที่พ่ายแพ้ติดขัด
“คุณจะเอาอะไร”
เขาโบกมือข้างหนึ่งด้วยท่าทีสบายๆ “ไม่เป็นไร เชิญเลย อย่าให้ผมหรืองานมาขัดจังหวะคุณกับสายส่วนตัวของคุณเลย” เขากอดแผงอกกว้างงี่เง่านั่นและยกกำปั้นข้างหนึ่งขึ้นมารองใต้คาง “ผมจะแค่รออยู่ตรงนี้จนกว่าคุณจะคุยเสร็จ”
ถ้าควันออกหูฉันได้จริง ป่านนี้กลุ่มก้อนเมฆดำคงล่องลอยขึ้นไปวนเป็นวงกลมอยู่บนหัวฉันแล้ว
แม่ของฉันที่ยังคงอยู่ในสายพูดขึ้น “ลูกฟังดูยุ่งนะ งั้นแม่ไม่รบกวนแล้ว”
ฉันจ้องแอรอนไม่วางตา และก่อนที่ฉันจะทันได้เข้าใจถ้อยคำของแม่ แม่ก็เสริมว่า “รอจนกว่าคุณยายจะได้ยินว่าลูกคบกับคนที่ทำงานก่อนเถอะ ลูกรู้ไหมว่าท่านจะว่ายังไง”
สมองนิ่มๆ ของฉันยังคงบินด้วยระบบออโตไพลอตอยู่แน่ๆ เพราะมันไม่พลาดเลยแม้แต่จังหวะเดียว
“อย่าคบคนในที่ทำงาน”
แอรอนห่อริมฝีปากเล็กน้อย
“ถูกต้อง” ฉันได้ยินเสียงแม่หัวเราะเบาๆ “แม่จะปล่อยให้ลูกไปทำงานล่ะ ลูกจะต้องเล่าเรื่องผู้ชายคนนี้ที่ลูกกำลังคบอยู่ให้เราฟังตอนลูกสองคนมางานแต่งนะ โอเคไหม”
ไม่ ฉันอยากบอกแม่ หนูจะตาย สำลักคำโกหกยาวเหยียดของตัวเองตายค่ะ
“แน่นอนค่ะ มาม่า” ฉันตอบออกไปแทน “หนูรักแม่ค่ะ ฝากบอกปาป่าด้วยว่าหนูรักปาป่าเหมือนกัน”
“รักลูกเช่นกันจ้ะที่รัก” แม่พูดก่อนวางสาย ฉันสูดอากาศเข้าเต็มปอดที่แทบไม่เหลือลมหายใจแล้ว และถลึงตาใส่ชายที่เพิ่งทำให้ชีวิตฉันยุ่งเหยิงขึ้นอีกสิบเท่าแล้วทิ้งโทรศัพท์ลงบนโต๊ะราวกับมันกำลังลวกฝ่ามือฉัน
“แม่ของคุณสินะ”
ฉันพยักหน้า ไม่อาจเอื้อนเอ่ยอะไรได้ เป็นแบบนี้จะดีกว่า มีแต่พระเจ้าเท่านั้นที่รู้ว่าอะไรจะหลุดออกจากปากทรยศของฉันบ้าง
“ทุกอย่างที่บ้านเรียบร้อยดีไหม”
ฉันถอนหายใจพลางพยักหน้าอีกครั้ง
“หมายความว่ายังไง” เขาถามด้วยสิ่งที่อาจเป็นความสงสัยอย่างแท้จริง “ที่คุณพูดเป็นภาษาสเปนตอนท้ายน่ะ”
สมองของฉันยังคงหมุนติ้วกับสายแห่งหายนะสยดสยองนั้นอยู่ กับสิ่งที่ฉันทำลงไปและทำเละเทะมากขนาดไหน ฉันไม่มีเวลามาเล่นกูเกิลทรานสเลตกับแอรอน ผู้ซึ่งนอกเหนือจากทุกอย่างแล้ว เขานับเป็นคนสุดท้ายที่ฉันอยากคุยด้วยในขณะนี้
ให้ตาย เขาทำแบบนั้นได้ยังไง เขาโผล่มา แล้วภายในไม่กี่นาที…
ฉันส่ายหน้า
“คุณจะสนทำไมล่ะ!” ฉันตะคอก
ฉันเห็นเขาสะดุ้ง แค่เพียงเล็กน้อยแต่ฉันก็เกือบมั่นใจว่าเขาสะดุ้ง
ฉันรู้สึกเป็นคนทุเรศขึ้นมาทันทีและยกมือขึ้นปิดหน้าขณะพยายามสงบสติอารมณ์
“โทษที” ฉันกระซิบ “ฉัน…เครียดนิดหน่อยน่ะ คุณจะเอาอะไรคะ แอรอน”
ฉันถามเขาด้วยน้ำเสียงที่ลดให้นุ่มลงและจ้องโต๊ะ มองที่ไหนก็ได้ที่ไม่ใช่เขา ฉันไม่อยากเผชิญหน้ากับเขาและทำให้เขามีโอกาสได้เห็นฉัน…ว้าวุ่นขนาดนี้ ฉันเกลียดความคิดที่ว่าเขาจะเห็นฉันตอนกำลังย่ำแย่ที่สุด ถ้ามันจะดูไม่เหมาะสมอย่างที่สุดล่ะก็ ฉันคงทิ้งตัวลงพื้น คลานไปใต้โต๊ะ แล้วซ่อนตัวจากเขาไปแล้ว
เพราะไม่ยอมมองหน้าเขา ฉันจึงสังเกตได้เพียงน้ำเสียงที่เปลี่ยนไปเมื่อเขาพูดขึ้น “ผมพริ้นต์เอกสารมาให้คุณเพิ่มเติม เป็นสิ่งที่คุณใช้กับหนึ่งในเวิร์กช็อปที่เราวางโครงกันไว้ได้” เสียงของเขาแทบฟังดูอ่อนโยน สำหรับคนอย่างแอรอนน่ะนะ “ผมวางไว้บนโต๊ะของคุณ”
โอ