everY
ทดลองอ่าน They Both Die at the End บทที่ 5 – บทที่ 6 #นิยายวาย
รูฟัส
1:59 น.
พ่อแม่บุญธรรมของผมรออยู่ชั้นล่าง ตอนแรกพวกเขาพยายามถลันเข้ามาในนี้ทันทีที่พวกเขารู้ข่าว แต่มัลคอล์มขวางไว้เพราะเขารู้ว่าผมยังต้องการเวลาอีกหน่อย ผมเปลี่ยนไปใส่ชุดปั่นจักรยาน…กางเกงรัดรูปทับด้วยกางเกงบาสเกตบอลขาสั้นสีฟ้า ของรักของผมจะได้ไม่ป่องออกมาเหมือนของสไปเดอร์แมน ตามด้วยเสื้อฟลีซสีเทาตัวเก่งของผม…เพราะผมนึกภาพตัวเองเดินทางไปทั่วเมืองในวันสุดท้ายด้วยวิธีอื่นไม่ออกนอกจากใช้จักรยาน ผมหยิบหมวกกันน็อกมาด้วยเพราะต้องปลอดภัยไว้ก่อน ก่อนจะมองห้องนี้เป็นครั้งสุดท้าย ผมจะไม่ระเบิดร้องไห้หรืออะไรอย่างนั้นหรอก จริงๆ นะ ถึงตอนนี้ผมจะกำลังนึกถึงตอนเล่นปาบอลกับเพื่อนรักของผมก็เถอะ ผมเปิดไฟกับประตูทิ้งไว้ มัลคอล์มกับทาโกจะได้ไม่รู้สึกแปลกๆ ที่จะกลับเข้าไปข้างใน
มัลคอล์มยิ้มน้อยๆ ให้ผม เขาแสร้งทำเป็นไม่รู้สึกอะไรไม่เก่งเพราะผมรู้ว่าเขากำลังขวัญเสีย พวกเขาทั้งหมดนั่นแหละ ผมคงขวัญเสียเหมือนกันถ้าคนที่ตายเป็นพวกเขา
“นายปลุกฟรานซิสได้จริงๆ เหรอ” ผมถาม
“ใช่”
มันเป็นไปได้นะที่ผมจะตายด้วยน้ำมือของพ่อบุญธรรมของผมเอง ถ้าคุณไม่ใช่นาฬิกาปลุกของเขา คุณก็ไม่ควรไปปลุกให้เขาตื่น
ผมตามมัลคอล์มลงไปข้างล่าง ทาโก เจนน์ ลอรี่ และฟรานซิสอยู่ที่นั่น แต่พวกเขาไม่พูดอะไร สิ่งแรกที่ผมอยากถามคือมีใครได้ยินอะไรจากเอมี่บ้างไหม ป้าเธอทำเธอเสียเวลารึเปล่า แต่ทำแบบนั้นมันไม่ถูก
ผมหวังจริงๆ ว่าเธอจะไม่เปลี่ยนใจเรื่องที่อยากมาเจอผม
ทุกอย่างจะไม่เป็นไร ผมต้องโฟกัสกับคนที่อยู่ที่นี่ก่อน
ฟรานซิสตาสว่างแล้ว เขาสวมผ้าคลุมอาบน้ำตัวโปรดตัวเดียวของเขาเหมือนเขาคือคนสำคัญที่สุดในกิจการที่สร้างเงินให้เขาเป็นกอบเป็นกำ ไม่ใช่ช่างซ่อมที่เอาเงินที่หามาได้เล็กน้อยมาลงที่พวกเรา เขาเป็นคนดีนะ แต่เขาดูบ้ามากเพราะผมของเขาตอนนี้เป็นหย่อมๆ เขาตัดเองเพื่อประหยัดเงินไม่กี่ดอลล์ ซึ่งเป็นอะไรที่โง่มากเพราะทาโกเป็นนักออกแบบทรงผม ผมไม่ได้พูดเล่นนะ ทาโกคือมือหนึ่งในเมืองนี้เรื่องผมทรงไถข้างและไอ้งั่งนี่ควรเปิดร้านทำผมของตัวเองสักวันแล้วทิ้งความฝันที่อยากเป็นนักเขียนบทภาพยนตร์ไปซะ แต่ฟรานซิสผิวขาวเกินกว่าจะตัดไถข้างแล้วออกมาสวยอยู่ดี
เจนน์ ลอรี่เช็ดน้ำตาด้วยคอเสื้อของเสื้อยืดมหา’ลัยที่เก่าแล้วของเธอก่อนใส่แว่นตาอีกรอบ เธอนั่งหมิ่นๆ อยู่บนขอบเก้าอี้เหมือนตอนที่เราดูหนังสยองขวัญเรื่องโปรดของทาโก แล้วเธอก็ลุกขึ้นเหมือนตอนนั้น แต่ไม่ได้เป็นเพราะปรากฏการณ์ไฟลุกน่าเกลียดน่ากลัว เธอกอดผมและร้องไห้กับไหล่ของผม นี่เป็นครั้งแรกที่มีคนกอดผมตั้งแต่ได้รับการแจ้งเตือนและผมไม่อยากให้เธอปล่อย แต่ผมต้องเดินหน้าต่อ เจนน์ยืนอยู่ข้างผมในขณะที่ผมจ้องพื้น
“ไม่ต้องเลี้ยงปากเลี้ยงท้องไปคนหนึ่งเลย จริงไหม” ไม่มีใครหัวเราะ ผมยักไหล่ ไม่รู้ว่าต้องทำยังไง ไม่มีใครเคยสอนวิธีเตรียมทุกคนให้พร้อมสำหรับการตายของคุณนี่ โดยเฉพาะเมื่อคุณอายุสิบเจ็ดและสุขภาพแข็งแรงดี พวกเราผ่านเรื่องซีเรียสมามากพอแล้วและผมอยากทำให้พวกเขาหัวเราะ “เป่ายิงฉุบกันไหม”
ผมชนหมัดกับฝ่ามือตัวเองแล้วออกกรรไกรอยู่คนเดียว ผมลองอีกครั้ง คราวนี้ผมออกค้อน แต่ก็ยังไม่มีใครเล่นกับผม “ไม่เอาน่า ทุกคน” ผมเล่นอีกรอบ แล้วมัลคอล์มก็ออกกระดาษใส่กรรไกรของผม ต้องใช้เวลาอีกนาทีหนึ่ง แต่เราก็เล่นได้หลายตา ชนะฟรานซิสกับเจนน์ ลอรี่น่ะไม่ยากอยู่แล้ว ผมเล่นกับทาโกแล้วค้อนก็ชนะกรรไกร
“เอาใหม่” มัลคอล์มบอก “ทาโกเปลี่ยนจากกระดาษเป็นค้อนตอนสุดท้าย”
“พวก ในบรรดาวันทั้งหมดที่จะโกงรูฟ ทำไมฉันถึงจะเลือกวันนี้วะ” ทาโกส่ายหน้า
ผมผลักทาโกหยอกๆ “เพราะนายมันเฮงซวยไง”
เสียงกริ่งประตูดังขึ้น
ผมพุ่งไปที่ประตู ใจเต้นรัวจนจะบ้า ผมเปิดประตูออก หน้าเอมี่แดงก่ำจนผมแทบแยกปานดวงใหญ่บนแก้มเธอไม่ออก
“ล้อกันเล่นรึไง” เอมี่ถาม
ผมส่ายหน้า “ฉันเปิดตราประทับวันและเวลาในมือถือให้เธอดูได้นะ”
“ฉันไม่ได้พูดถึงวันสุดท้ายของนาย” เอมี่พูด “นี่ต่างหาก” เธอก้าวไปด้านข้างแล้วชี้ไปที่ปลายบันได…ไปที่เพ็คและใบหน้าเสียโฉมของเขา คนที่ผมเคยบอกแล้วว่าไม่อยากเจออีกตราบเท่าที่ยังมีชีวิตอยู่
มาเทโอ
2:02 น.
ผมไม่รู้ว่ามีแอ็กเคาต์เพื่อนคนสุดท้ายที่กำลังใช้งานอยู่กี่แอ็กเคาต์ในโลก แต่แค่นิวยอร์กที่เดียวก็สี่สิบสองแอ็กเคาต์แล้วตอนนี้ และการดูผู้ใช้งานพวกนี้ให้ความรู้สึกเหมือนผมอยู่ในหอประชุมตอน ม.ปลาย ในวันแรกของการเรียน มีแรงกดดันเหมือนกันและผมไม่รู้จะเริ่มยังไง…จนผมได้รับข้อความ
มีจดหมายสีฟ้าสว่างในกล่องขาเข้าของผม มันสว่างเป็นจังหวะ รอให้ผมเปิดอ่าน ข้อความไม่มีหัวข้อ มีแค่ข้อมูลพื้นฐาน เวนดี้ แม กรีน อายุ 19 ปี เพศหญิง แมนฮัตตัน นิวยอร์ก (ห่างไป 2 ไมล์) ผมคลิกดูโพรไฟล์ของเธอ เธอไม่ใช่เดกเกอร์ แค่ผู้หญิงคนหนึ่งที่อยู่ดึกเพื่อปลอบโยนเดกเกอร์สักคน เธออธิบายตัวเองในประวัติว่าเธอเป็น ‘หนอนหนังสือที่คลั่งทุกอย่างเกี่ยวกับสกอร์เปียสฮอว์ธอร์น’ เธอน่าจะทักมาหาผมเพราะความสนใจของเราเหมือนกัน เธอชอบเดินเล่นเหมือนกันด้วย ‘โดยเฉพาะตอนที่อากาศดีมากช่วงปลายพฤษภา’ ผมอยู่ไม่ถึงช่วงปลายพฤษภาแน่นอน เวนดี้ แม ผมสงสัยจังว่าเธอใช้ประวัตินี้มานานแค่ไหนแล้วและเคยมีใครบอกเธอไหมว่าการพูดถึงอนาคตแบบนั้นอาจทำให้เดกเกอร์บางคนโกรธ เธออาจถูกเข้าใจผิดว่ากำลังอวดว่าเธอยังมีชีวิตเหลือให้ใช้อยู่ ผมเลื่อนผ่านมันไปแล้วกดดูรูปเธอ เธอดูนิสัยดีนะ…ผิวสีอ่อน ผมสีน้ำตาล เจาะจมูก ยิ้มกว้าง ผมเปิดดูข้อความ
เวนดี้ แม ก. (2:02 น.) : ไง มาเทโอ รสนิยมในการอ่านหนังสือของนายดีนะเนี่ย นายต้องอยากมีคาถาหยุดความตายแน่เลย ใช่มะ??
ผมมั่นใจว่าเธอพูดด้วยความหวังดี แต่ทั้งในประวัติของเธอและข้อความนี้ มันเหมือนเธอกำลังพูดแทงใจดำแทนที่จะตบหลังปลอบผมอย่างที่ผมหวังไว้ แต่ผมจะไม่ทำตัวหยาบคายใส่เธอหรอก
มาเทโอ ท. (2:03 น.) : เฮ้ เวนดี้ แม ขอบใจนะ รสนิยมในการอ่านหนังสือของเธอก็ดีเหมือนกัน
เวนดี้ แม ก. (2:03 น.) : สกอร์เปียสฮอว์ธอร์นตลอดไป…นายเป็นไงมั่ง
มาเทโอ ท. (2:03 น.) : ไม่ดีเท่าไหร่ ฉันไม่อยากออกไปจากห้องตัวเอง แต่ก็รู้ว่าต้องออกไปอยู่ดี
เวนดี้ แม ก. (2:03 น.) : โทรแจ้งเตือนเป็นไงมั่งอะ กลัวปะ
มาเทโอ ท. (2:04 น.) : สติแตกนิดหน่อย ความจริงก็ไม่หน่อยหรอก
เวนดี้ แม ก. (2:04 น.) : 5555 นายตลกอะ น่ารักด้วยนะเนี่ย พ่อแม่นายคงสติแตกเหมือนกันใช่ปะ
มาเทโอ ท. (2:05 น.) : ฉันไม่ได้อยากทำตัวหยาบคายนะ แต่ฉันต้องไปแล้ว ขอให้มีคืนที่ดีนะ เวนดี้ แม
เวนดี้ แม ก. (2:05 น.) : อะไรนะ ทำไมคนใกล้ตายอย่างพวกนายถึงหยุดคุยกับฉันตลอดเลยอะ
มาเทโอ ท. (2:05 น.) : ที่จริงก็ไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไรหรอก ยากหน่อยที่พ่อแม่ฉันจะสติแตกเพราะแม่ฉันไม่อยู่แล้ว ส่วนพ่อฉันอยู่ในอาการโคม่า
เวนดี้ แม ก. (2:05 น.) : แล้วฉันจะไปรู้ได้ไง
มาเทโอ ท. (2:05 น.) : ฉันเขียนไว้ในโพรไฟล์
เวนดี้ แม ก. (2:05 น.) : โอเค ช่างเหอะ บ้านนายต้อนรับแขกไหมล่ะ ฉันจะเสียซิงให้แฟนฉันแต่อยากฝึกก่อนอะ นายอาจช่วยฉันได้ก็ได้นะ
ผมกดออกตอนเธอกำลังพิมพ์อีกข้อความแล้วบล็อกเธอไปเลย ผมว่าผมเข้าใจความรู้สึกขาดความมั่นใจของเธอนะ และผมก็รู้สึกแย่กับเธอแล้วก็แฟนของเธอด้วยถ้าเธอหาทางนอกใจเขาจนได้น่ะ แต่ผมไม่ใช่นักสร้างปาฏิหาริย์ ผมได้รับข้อความเพิ่มอีก มีหัวข้อตามนี้
หัวข้อ : กัญชาไหม
เควินกับเคลลี่ อายุ 21 ปี เพศชาย
บรองซ์ นิวยอร์ก (ห่างไป 4 ไมล์)
เป็นเดกเกอร์ไหม ไม่
หัวข้อ : เสียใจด้วยนะครับ มาเทโอ (เป็นชื่อที่ดีมากเลย)
ฟิลลี่ ไบเซอร์ อายุ 24 ปี เพศชาย
แมนฮัตตัน นิวยอร์ก (ห่างไป 3 ไมล์)
เป็นเดกเกอร์ไหม ไม่
หัวข้อ : ขายโซฟาไหม สภาพยังดีรึเปล่า
จ. มาร์ค อายุ 26 ปี เพศชาย
แมนฮัตตัน นิวยอร์ก (ห่างไป 1 ไมล์)
เป็นเดกเกอร์ไหม ไม่
หัวข้อ : การตายแม่งห่วยเนอะ
แอล ร. อายุ 20 ปี เพศหญิง
แมนฮัตตัน นิวยอร์ก (ห่างไป 3 ไมล์)
เป็นเดกเกอร์ไหม ใช่
ผมข้ามข้อความของเควินกับเคลลี่ไปเลยเพราะไม่ได้อยากสูบกัญชา ต่อด้วยลบข้อความของ จ. มาร์คทิ้งเพราะผมไม่ขายโซฟาที่พ่อยังต้องใช้งีบช่วงสุดสัปดาห์หรอก ผมจะตอบข้อความของฟิลลี่เพราะมันขึ้นมาก่อน
ฟิลลี่ บ. (2:06 น.) : เฮ้ มาเทโอ เป็นไงบ้าง
มาเทโอ ท. (2:08 น.) : เฮ้ ฟิลลี่ มันจะฟังดูน่าเบื่อไหมถ้าจะบอกว่าผมยังสู้อยู่
ฟิลลี่ บ. (2:08 น.) : ไม่หรอก ผมแน่ใจว่ามันต้องยากสำหรับคุณมากแน่ๆ ไม่อยากนึกถึงวันที่เดธแคสต์จะโทรมาหาผมเลย คุณป่วยรึเปล่า คุณยังเด็กเกินกว่าจะตายนะ
มาเทโอ ท. (2:09 น.) : ผมแข็งแรงดี ผมกลัวตอนที่มันจะเกิดขึ้นมากเลย แต่ผมกังวลว่าจะทำให้ตัวเองผิดหวังถ้าผมไม่ออกไปข้างนอก ผมไม่อยากตายในนี้แล้วทำอพาร์ตเมนต์เหม็นแน่นอนล่ะ
ฟิลลี่ บ. (2:09 น.) : เรื่องนั้นผมช่วยคุณได้นะ มาเทโอ
มาเทโอ ท. (2:09 น.) : ช่วยเรื่องอะไร
ฟิลลี่ บ. (2:09 น.) : ช่วยให้คุณไม่ตาย
มาเทโอ ท. (2:09 น.) : ไม่มีใครทำแบบนั้นได้หรอก
ฟิลลี่ บ. (2:10 น.) : ผมไง คุณดูเป็นคนที่เจ๋งดีและยังไม่สมควรตาย เพราะงั้นคุณควรมาที่อพาร์ตเมนต์ผม แต่รู้แล้วเหยียบไว้เลยนะ ผมน่ะมียาขจัดความตายอยู่ในกางเกงของผมล่ะ
ผมบล็อกฟิลลี่แล้วเปิดข้อความของแอล ครั้งที่สามนี่น่าจะโอเคแล้วนะ