ทดลองอ่าน คดีลับใต้หมู่ดาว เล่ม 2 บทที่ 61-62 #นิยายวาย – หน้า 2 – Jamsai
Connect with us

Jamsai

everY

ทดลองอ่าน คดีลับใต้หมู่ดาว เล่ม 2 บทที่ 61-62 #นิยายวาย

2 of 2หน้าถัดไป

 

บทที่ 62

เสิ่นสือชีตายแล้ว

สาเหตุการตายของเขาค่อนข้างประหลาด

ช่วงค่ำเมื่อวานซืนมีคนเหมาโรงเต้นรำเซียนเล่ออู๋กง เสิ่นสือชีไปที่นั่นด้วยความเบิกบาน เขาโอบสาวเต้นรำแสนสวยสองสามคนเต้นรำอยู่ที่นั่นทั้งคืน จากปากคำของพวกลูกคนรวยซึ่งไปด้วยกันกับเขา เสิ่นสือชีอารมณ์ดีมาก เที่ยวเล่นอย่างสนุกสนาน สุดท้ายยัง ‘ซื้อเวลาออกไปข้างนอก’ ของสาวเต้นรำหนึ่งในนั้นแล้วพาเธอไปยังโรงแรมหย่วนตงซึ่งเป็นโรงแรมมีชื่อเสียงของเซี่ยงไฮ้

ครั้งสุดท้ายที่พนักงานโรงแรมเห็นเขาก็คือประมาณตีหนึ่ง เสิ่นสือชีโอบหญิงสาวรูปร่างอ้อนแอ้นอรชรมาเอาคีย์การ์ดเปิดห้อง จากนั้นก็ไม่ออกมาอีก

วันต่อมาช่วงเที่ยง พนักงานจะเข้าไปทำความสะอาด หลังจากกดกริ่งที่ประตูอยู่นานแล้วไม่มีใครมาเปิด พนักงานจึงได้แต่ใช้กุญแจสำรองเปิดเข้าไป ก่อนจะตกใจแทบสิ้นสติ…

เสิ่นสือชีร่างเปลือยเปล่านอนอยู่บนเตียง สองตาเบิกโพลง เลือดออกทุกทวาร สิ้นลมหายใจไปนานแล้ว

ส่วนสาวเต้นรำกึ่งเปลือยนอนคว่ำอยู่ข้างเตียง เธอยังมีลมหายใจอยู่ เพียงแค่สลบไปเท่านั้น

พนักงานจิตใจไม่อยู่กับเนื้อกับตัว รีบไปหาผู้จัดการโรงแรม ซึ่งเรื่องนี้ก็เพิ่งจะแพร่ไปทั่ว

“เลือดออกทุกทวาร มันคือการตายแบบไหนกัน” เยวี่ยติ้งถังถาม

“ไม่รู้สิ ฉันก็เห็นแค่ข่าวในหนังสือพิมพ์น่ะ ยังไม่ทันได้ไปถาม ศพน่าจะถูกนำไปที่กรมตำรวจประจำนครแล้ว ต้องให้หัวหน้าเยวี่ยออกโรงแล้วล่ะครับ!” หลิงซูเปิดถุงกระดาษ เขาหยิบปาท่องโก๋ออกมาตัวหนึ่งแล้วก็อ้าปากกัดคำโต ทำเอาเยวี่ยติ้งถังต้องมองแล้วขมวดคิ้ว

“หมอบอกว่ากระเพาะของนายไม่ดี ยังจะกินของมันๆ อีกหรือไง”

หลิงซูไม่สนใจ “ก็กินกับน้ำเต้าหู้เพื่อแก้ฤทธิ์กันแล้วไง อีกอย่าง แบบนี้น่ะเรียกว่าหนามยอกเอาหนามบ่ง”

ถึงจะบอกว่าเป็นชีวิตคนคนหนึ่ง แต่ตอนยังมีชีวิตอยู่ ความประพฤติของเสิ่นสือชีก็ทำให้คนอื่นเสียใจในการตายของเขาไม่ลง แม้แต่จะเสแสร้งแกล้งทำเป็นเสียใจก็ยังยาก ดีไม่ดีหลายๆ คนได้ยินข่าวนี้แล้วอาจจะแอบจุดพลุฉลองด้วยซ้ำ เห็นได้ชัดว่ามนุษยสัมพันธ์ของเสิ่นสือชีกับผู้อื่นนั้นแย่ขนาดไหน

แต่อย่างไรเสียเสิ่นสือชีก็ยังมีอำนาจอยู่บ้าง โดยเฉพาะอย่างยิ่งลุงของเสิ่นสือชี เมื่อเรื่องนี้แพร่ออกไปเขาต้องไม่ปล่อยไปแน่นอน ดีไม่ดีอาจจะกดดันกรมตำรวจประจำนครให้เจ้าหน้าที่ไขคดีนี้ให้ได้ในระยะเวลาจำกัด

“คนเกลียดเสิ่นสือชีมีเยอะแยะ ฉันเองก็เป็นหนึ่งในนั้น คนที่อยากฆ่าเขาให้ตายน่ะมีมากยิ่งกว่า ครั้งนี้คนร้ายหาตัวไม่ง่ายจริงๆ” หลิงซูกัดปาท่องโก๋ เขาพูดเสียงอู้อี้ฟังไม่ค่อยชัด “ว่าแต่ นายคิดว่าเรื่องนี้จะเป็นฝีมือของคุณเฉิงนั่นหรือเปล่า”

เยวี่ยติ้งถังถาม “แรงจูงใจในการฆ่าล่ะ”

“เรื่องนี้มันซับซ้อน คุณเฉิงไปแย่งคนของเสิ่นสือชีมา ในใจเสิ่นสือชีก็ต้องเจ็บแค้นอยู่แล้วแต่ก็ไม่กล้าโต้กลับ คุณเฉิงเห็นก็รำคาญใจ เพื่อไม่ให้เสิ่นสือชีมาแก้แค้นภายหลังจึงชิงลงมือกำจัดเขาไปก่อน”

“เหอโย่วอันน่ะเสิ่นสือชีเป็นฝ่ายถวายให้คุณเฉิงเอง ฉันสงสัยด้วยซ้ำว่าเหอโย่วอันพยายามทำให้คุณเฉิงเห็นเธอ”

“นายหมายความว่าไง”

“นายจำได้หรือเปล่า ตอนที่พวกเราเจอคุณเฉิงคนนั้นครั้งแรกน่ะเป็นยังไง”

หลิงซูต้องจำได้อยู่แล้ว

วันนั้นเหอโย่วอันอาศัยเรื่องจดหมายข่มขู่นัดพวกเขาออกมาพบ เลี้ยงอาหารพวกเขาที่ภัตตาคารเก่าแก่ ซึ่งห้องรับประทานอาหารข้างๆ คือเสิ่นสือชีกับเฉิงกงพอดิบพอดี

“นายหมายความว่าเหอโย่วอันรู้นานแล้วว่าพวกเสิ่นสือชีจะไปกินข้าวที่นั่น ก็เลยจงใจจองห้องข้างๆ อย่างนั้นเหรอ”

เยวี่ยติ้งถังว่า “ไม่ใช่แค่นั้นนะ ตอนนั้นพวกเราออกมาก่อน เหอโย่วอันยังอยู่ข้างใน จริงๆ จะเลี่ยงไม่พบกันก็ได้ แต่เธอกลับโผล่หน้าออกมา”

“บางทีเธออาจจะกลัวว่าถ้าเสิ่นสือชีมาเจอเองแล้วจะยิ่งอธิบายยากก็ได้ ก็เลยเป็นฝ่ายออกมาเองเสียเลย”

เยวี่ยติ้งถังเหลือบมองหลิงซู เขาเอ่ยเสียงเรียบ “นายหาข้อแก้ตัวให้เธอจนได้นะ”

“ก็คนสวยน่ะ มักจะต้องมีความกังวลบ้างอยู่แล้ว” หลิงซูลูบจมูก “อีกอย่างฉันก็ไม่ได้หลงใหลในความงามหรอกนะ ฉันกำลังวิเคราะห์อย่างใจเย็นและมีเหตุผลกับนายนะเนี่ย ภัตตาคารมากมายทั่วเซี่ยงไฮ้ขนาดนั้น แต่สถานที่ที่เหอโย่วอันจองก็ดันบังเอิญเป็นที่เดียวกับเสิ่นสือชีเสียนี่ แล้วยังบังเอิญเป็นห้องข้างๆ เสิ่นสือชีอีก เป็นความบังเอิญที่ชวนให้คนไม่เชื่อจริงๆ ว่าบังเอิญ ถ้าทุกอย่างนี้เป็นการจัดการอย่างจงใจ งั้นจุดประสงค์ของเธอคืออะไร เพื่อสลัดเสิ่นสือชีทิ้งแล้วเปลี่ยนมาเป็นคุณเฉิงที่เป็นเรือใหญ่กว่ามั่นคงกว่าลำนี้น่ะเหรอ”

เยวี่ยติ้งถังเอ่ย “ไม่ว่าเป้าหมายของเธอจะเป็นอะไร เจียงเหอก็พูดถูกอยู่นิดหน่อย เหอโย่วอันไม่ได้เป็นคนเรียบง่ายอย่างที่แสดงออกจริงๆ ที่เธอปฏิบัติต่อนายก็ไม่ได้เจตนาดีโดยบริสุทธิ์ใจ จนถึงตอนนี้ฉันก็ยังไม่รู้ว่าเธอรับบทบาทอะไรในเรื่องราวทั้งหมดนี้ เป้าหมายของเธอคืออะไร ถ้าแค่เข้าใกล้เฉิงกง เปลี่ยนแหล่งเงินที่จะใช้อุปถัมภ์ตัวเองเสียใหม่ ก็ไม่จำเป็นต้องทำอะไรใหญ่โตเพื่อจุดประสงค์เล็กน้อยอย่างนี้”

“นายเอาหนังสือพิมพ์ที่อยู่กับเฉินโหย่วหวาให้เธอดูหรือยัง”

“ให้ดูแล้ว แต่เธอก็ไม่มีปฏิกิริยาอะไร ไม่ได้มองนานๆ ด้วยซ้ำ”

หลิงซูพูดอย่างเกียจคร้าน “นายน่ะเรื่องคุยกับผู้หญิงนี่ไม่ไหวเลย ต้องให้ฉันออกโรง”

“ออกโรงแบบใส่ชุดคนไข้กับรองเท้าแตะน่ะนะ”

หลิงซูลูบผม “อาศัยแค่เสน่ห์กับมาดของฉัน ใส่อะไรมันจะต่างกันตรงไหนล่ะ”

เยวี่ยติ้งถังแทบอดใจไม่ไหว อยากบอกว่าอีกฝ่ายนอนซุกอยู่อย่างนั้นคืนหนึ่ง ผมเผ้าก็ถูหมอนไปมาจนยุ่งเหยิงเละเทะ ออกไปซื้ออาหารเช้ากลับมาผมก็โดนลมหนาวพัดปลิวอีก ยิ่งทำให้ดูชี้ตั้ง เห็นแล้วอดหัวเราะไม่ได้

หน้าซีดปากขาว สายตาดูเลื่อนลอย สภาพแบบนี้ถ้าเอาไปพบเหอโย่วอันล่ะก็ แปดสิบเก้าสิบเปอร์เซ็นต์จะต้องเป็นว่ายังไม่ทันได้พบก็โดนกันเอาไว้นอกห้องแล้วแน่ๆ

“นอนลงไปดีๆ เลย หมอบอกแล้วว่าวันนี้ถ้าไม่มีอะไรร้ายแรงตอนค่ำก็ออกจากโรงพยาบาลได้”

เยวี่ยติ้งถังลุกขึ้นหยิบผ้าพันคอกับหมวก เขาสวมทีละอย่างแล้วก็หันมายื่นมือไปทางหลิงซู

หลิงซูถามว่า “จะทำอะไร”

“เสื้อโค้ตฉัน”

หลิงซูถอดเสื้อโค้ตส่งให้ก่อนบ่นว่าหนาวหนึ่งคำ เพียงครู่เดียวก็กลับเข้าไปซุกในผ้าห่มแล้วม้วนตัวเป็นก้อนอยู่ในนั้น เขาใช้ผ้าห่มพันตัวแล้วพลิกตัวขึ้นมากัดปาท่องโก๋ มองอย่างไรก็ดูเหมือนฟั่นถวน ไม่มีผิด

ท่าทางแบบนี้ อย่างไรก็ดูไม่เหมือนหลิงซูที่แพรวพราวเมื่ออยู่ต่อหน้าผู้หญิงเอาเสียเลย

เยวี่ยติ้งถังทนดูต่อไปไม่ได้ เขาหันหลังจากไป ไม่อยากจะอยู่ต่อแม้แต่เสี้ยววินาที

หรือจะพูดก็ได้ว่าเขารีบไปสืบให้รู้ความจริงเกี่ยวกับการตายของเสิ่นสือชีให้มากกว่านี้

ตั้งแต่เหอโย่วอันมาหาพวกเขา หลังจากนั้นก็เกิดเรื่องขึ้นอย่างไม่หยุดหย่อน ไม่เพียงแต่หลิงซูเท่านั้นที่มีใจอยากจะสืบสาวราวเรื่อง แต่เยวี่ยติ้งถังเองก็สนใจมากเช่นกัน ไม่อย่างนั้นเขาก็คงไม่รับปากเหอโย่วอันว่าจะช่วยเธอสืบหาความจริงหรอก

เพียงแต่ยิ่งขุดลึกลงไป ก็ยิ่งรู้สึกว่าความจริงข้างล่างนั้นเหนือความคาดหมายยิ่งขึ้นไปอีก

คนที่เดิมคิดว่าเป็นคนร้ายก็มักจะมีเหตุเปลี่ยนแปลงกะทันหันให้พวกเขาเปลี่ยนทิศทางของความสงสัยไปเสียทุกครั้ง

ถ้าเรื่องทั้งหมดเป็นอย่างที่เหอโย่วอันว่า ทุกอย่างล้วนเป็นแผนการของเฉินเหวินต้ง เช่นนั้นแล้วการตายของเสิ่นสือชีจะเกี่ยวข้องกับเฉินเหวินต้งด้วยหรือเปล่า แล้วทำไมเฉินเหวินต้งต้องฆ่าเสิ่นสือชีด้วย

ก้อนหิมะที่เหมือนกับปริศนานั้นยิ่งกลิ้งไปก็ยิ่งเพิ่มขนาดใหญ่ขึ้น มันไล่ตามหลังพวกเขาอย่างไม่ลดละ ทำให้พวกเขาอยากจะเปลี่ยนเส้นทาง ทว่าจะถอนตัวออกจากเกมนี้ก็ไม่ทันเสียแล้ว ตั้งแต่พวกเขาเริ่มรับคำไหว้วานจากเหอโย่วอันมาก็ลงไปอยู่ในเกมนี้ทั้งตัวแล้ว

เมื่อเขารุดมาถึงกรมตำรวจประจำนคร ก็ได้รับข้อมูลว่าศพของเสิ่นสือชีถูกนำมาที่นี่จริงๆ

ยิ่งไปกว่านั้น หากดูจากปฏิกิริยาหน้านิ่วคิ้วขมวดของอธิบดีหวงแล้ว โทรศัพท์จากคุณลุงเสิ่นเมื่อสักครู่นี้คงจะทำให้เขาไม่รู้สึกยินดีนัก

“คุณเยวี่ย คดีนี้ค่อนข้างจะแปลกประหลาด เกรงว่าจะต้องให้คุณช่วยหน่อย”

อธิบดีกรมตำรวจประจำนครพบหน้าเขาก็ทอดถอนใจคล้ายหมดคำจะพูด

เยวี่ยติ้งถังจึงถามว่า “ทำไมเหรอครับ ไม่มีเบาะแสเลยเหรอ”

“ก็ไม่ใช่ว่าไม่มีหรอก เรื่องเบาะแส…ก็มีอยู่บ้าง เพียงแต่ทางลุงของเสิ่นสือชีโทรศัพท์มา พูดอย่างไม่เกรงใจเอาเสียเลย เกรงว่าถ้าไขคดีนี้ไม่ได้ผมจะตกงานน่ะสิ คุณเยวี่ย เราก็นับว่ารู้จักกันมานาน คุณคงจะทนดูผมโดนปลดไม่ได้หรอกใช่ไหม ถึงเวลานั้นก็อาจจะต้องขอให้คุณช่วยอีก…”

อธิบดีหวงเป็นพวกคลั่งตำแหน่ง เยวี่ยติ้งถังมองออกนานแล้ว

ที่อีกฝ่ายเชิญเขามารับตำแหน่งที่ปรึกษาของกรมตำรวจประจำนคร ก็คงไม่ใช่แค่เรื่องที่เขาไขคดีคฤหาสน์สกุลหยวนได้หรอก แต่เพราะสกุลเยวี่ยที่อยู่เบื้องหลังเขาต่างหาก

“ท่านอธิบดีหวงก็พูดเกินไปแล้วครับ ผมก็เป็นแค่คนสอนหนังสือธรรมดาๆ เท่านั้น ยังไงก็จะช่วยเท่าที่ช่วยได้ครับ ตอนนี้เรื่องที่สำคัญที่สุดคือต้องไขคดีให้ได้ก่อน เท่านี้สกุลเสิ่นก็คงจะพูดอะไรไม่ได้แล้ว ไม่อย่างนั้นต่อให้พวกเขาใช้เส้นสายถอดคุณออกไป คนที่มารับตำแหน่งต่อจะรับรองได้หรือไม่ว่าเขาจะไขคดีได้”

เมื่อไม่ได้รับการตกปากรับคำจากเขา อธิบดีหวงก็ดูจะผิดหวังเล็กน้อย แต่ก็พูดอะไรไม่ได้

“ศพถูกนำกลับมาแล้ว จากการชันสูตรของแพทย์น่าจะเสียชีวิตเพราะสารพิษ เขาเรียกว่าอะไรนะ…สารพิษอะไรไซยาไนด์สักอย่าง ร้ายแรงยิ่งกว่าสารหนูเสียอีก”

“โพแทสเซียมไซยาไนด์ใช่ไหมครับ”

“ใช่ๆ ชื่อนี้แหละ คนเรียนเมืองนอกอย่างพวกคุณนี่เก่งจริงๆ! เอาอย่างนี้ คุณไปที่ชั้นสองก่อน คนที่รับผิดชอบเรื่องสอบปากคำทั้งหมดอยู่นั่น เขาบอกที่มาที่ไปคุณได้อย่างละเอียด ทางนี้เดี๋ยวผมต้องรับแขกสำคัญอีก ต้องทักทายแขกสักหน่อย ผมไม่รั้งคุณไว้แล้วล่ะนะ!”

เยวี่ยติ้งถังคาดว่าคราวนี้อธิบดีหวงคงจะโดนสกุลเสิ่นข่มขู่จนขวัญเสียไปแล้วจึงรีบหาที่พึ่ง เขาเองก็ไม่อยู่ต่อนาน หลังจากลาอีกฝ่ายแล้วก็ตรงไปยังชั้นสอง

โพแทสเซียมไซยาไนด์เป็นสารพิษชนิดหนึ่ง ถูกใช้ในการผลิตสารเคมีเชิงอุตสาหกรรมตั้งแต่เมื่อสี่สิบกว่าปีก่อน แต่คนทั่วไปหามันมาได้ยากมาก แม้แต่ชื่อของมันคนทั่วไปก็คงไม่เคยได้ยิน แสดงว่าจะต้องเป็นการเตรียมการอย่างดีมานานก่อนจะเอามาใช้กับเสิ่นสือชีโดยเฉพาะ

จากบันทึกคำให้การ คืนวานซืนประมาณตีสอง มีคนเห็นพนักงานของโรงแรมคนหนึ่งถือถาดอาหารขึ้นไปยังชั้นสี่ของโรงแรมที่เสิ่นสือชีอยู่ สุดท้ายก็เดินไปทางห้องสวีตหมายเลข 407 ซึ่งก็คือห้องที่เสิ่นสือชีเข้าพักนั่นเอง

แต่หลังจากเกิดเรื่องทางโรงแรมให้การรับรองว่าคืนนั้นเสิ่นสือชีไม่ได้เรียกรูมเซอร์วิสไปส่งอาหารเลย แม้แต่โทรศัพท์ก็ยังไม่เคยโทรลงมาสักครั้ง เมื่อเข้าห้องไปแล้วก็ตัดการติดต่อ ส่วนบอดี้การ์ดที่เขาพามาด้วยนั้น สาวเต้นรำที่มากับเขาบอกว่าไม่อยากให้มีคนเฝ้าอยู่นอกห้องเพราะรู้สึกไม่สะดวกใจ เสิ่นสือชีจึงไล่พวกบอดี้การ์ดออกไปกินมื้อดึก ตอนที่เกิดเรื่องจึงไม่ได้ประจำอยู่ที่หน้าห้อง

ส่วนเรื่องสาเหตุการตายของเสิ่นสือชีนั้น จากการสันนิษฐานเบื้องต้นเกิดจากการสูบบุหรี่ที่พนักงานปลอมคนนั้นเอาไปให้ เขาสูดเอาสารพิษที่แอบซ่อนไว้ในบุหรี่เข้าไป ส่วนสาวเต้นรำเพียงแค่กินอาหารในถาดเท่านั้น ดังนั้นจึงเพียงแค่สลบ ไม่ได้มีอันตรายร้ายแรง

เยวี่ยติ้งถังฟังแล้วก็คิด

“นั่นก็หมายความว่าในอาหารไม่มีพิษ มีแค่ยาสลบเท่านั้น ส่วนพิษอยู่ที่บุหรี่อย่างนั้นเหรอ”

ตำรวจผู้รับหน้าที่สอบปากคำเปิดดูบันทึกแล้วก็ชี้ให้เขาดู

“ใช่ครับ สาวเต้นรำคนนั้นไม่สูบบุหรี่ แค่รับประทานอาหารเท่านั้น ส่วนผู้ตายแตะต้องไปทั้งบุหรี่และอาหารครับ”

“แล้วทำไมถึงรู้เร็วนักล่ะว่าเป็นโพแทสเซียมไซยาไนด์”

“ตอนนี้ยังไม่แน่ใจ เป็นเพียงการสันนิษฐานเบื้องต้นของแพทย์นิติเวชเท่านั้นครับ ยังต้องรอผลการตรวจขั้นต่อไปอีก แต่ในบุหรี่นั้นมีสารพิษอยู่จริง ไม่ผิดแน่นอน เพราะทดสอบกับสัตว์ไปแล้วครับ”

เยวี่ยติ้งถังกังวลใจ ความคิดมากมายผุดขึ้นมาไม่หยุด บางครั้งก็คิดอะไรได้ บางครั้งก็คว้าจับความคิดนั้นเอาไว้ไม่อยู่ จนกระทั่งได้ยินเสียงตำรวจบ่น…

“คืนวานซืนจนถึงกลางวันเมื่อวานฝนตกตลอด หลักฐานหลายอย่างก็ตามเก็บยากทำให้ลำบากขึ้นมาก”

แล้วเขาก็มีความคิดวาบขึ้นอย่างฉับพลัน คล้ายเส้นตรงสองเส้นที่ไม่เคยบรรจบจู่ๆ ก็เกิดวิ่งมาตัดกัน

“คุณช่วยไปหาคนคนหนึ่งให้ผมหน่อย!”

โปรดติดตามตอนต่อไป

ติดตามบทต่อไป ได้ในวันที่ 19 มี.. 65

2 of 2หน้าถัดไป

Comments

comments

No tags for this post.
Continue Reading

More in everY

บทความยอดนิยม

everY

ทดลองอ่าน เขตห้ามรักฉบับเบต้า เล่ม 1 Chapter 2.1-2.2 #นิยายวาย

ทดลองอ่าน เรื่อง เขตห้ามรักฉบับเบต้า เล่ม 1 ผู้เขียน : MINTRAN แปลโดย : ทันบี ผลงานเรื่อง : 배타적 연애 금지구역 ถือเป็นลิขสิทธิ์...

จุติรัก พลิกชะตาร้าย

ทดลองอ่าน จุติรัก พลิกชะตาร้าย บทที่ 1-2

บทที่ 1 ฮ่องเต้หญิง   “ท่านพี่นำร้อง น้องหญิงคลอรับ ท่านพี่เสียงเพิ่งลับ น้องหญิงสลับขึ้นเวที เป็นมารดาอารี มีบุตรีกตัญญ...

ทดลองอ่าน

ทดลองอ่าน ร้อยเรียงรักเคียงฤทัย บทนำ – 1.2

บทนำ ความหลังของต้าลี่ 1   ฤดูหนาวในรัชศกต้าลี่ปีที่สิบเอ็ด โม่เป่ย ตำบลค่งหม่า สถานที่แห่งนี้คือประตูด่านสำคัญสุดท้ายทา...

จุติรัก พลิกชะตาร้าย

ทดลองอ่าน จุติรัก พลิกชะตาร้าย บทที่ 7-8

บทที่ 7 ค่าเดินทาง เมื่อภูตสุนัขดำคืนร่างเป็นสุนัขธรรมดาตัวหนึ่ง ภูตบุปผาสองตนนั้นก็ไม่อาจทำการใหญ่ ต่อให้ชาวหมู่บ้านป่า...

จุติรัก พลิกชะตาร้าย

ทดลองอ่าน จุติรัก พลิกชะตาร้าย บทที่ 3-4

บทที่ 3 เกิดใหม่   เวิ้งฟ้าดำสนิทปานน้ำหมึก เพียงมีดวงดาวบางตากระจัดกระจายบนม่านฟ้า ทอรัศมีอ่อนจางประเดี๋ยวเผยประเดี๋ยวเ...

community.jamsai.com