ทดลองอ่าน คดีลับใต้หมู่ดาว เล่ม 2 บทที่ 63-64 #นิยายวาย – Jamsai
Connect with us

Jamsai

everY

ทดลองอ่าน คดีลับใต้หมู่ดาว เล่ม 2 บทที่ 63-64 #นิยายวาย

หน้าที่แล้ว1 of 2

Trigger Warning

เนื้อหามีประเด็นอ่อนไหวเกี่ยวกับความรุนแรง

และการฆาตกรรม ซึ่งอาจส่งผลกระทบทางจิตใจ

สำหรับผู้อ่านที่มีอายุ 18 ปีขึ้นไป โปรดใช้วิจารณญาณในการอ่าน

 

นิยายเรื่องนี้เป็นเรื่องที่แต่งขึ้นจากจินตนาการของผู้เขียน

ไม่มีความเกี่ยวข้องกับบุคคล สถานที่ หรือเหตุการณ์จริงใดๆ

 

** หมายเหตุยังไม่ใช่ต้นฉบับที่เสร็จสมบูรณ์ **

– – – – – – – – – – – – – – – – –

 

บทที่ 63

ชั่วพริบตานั้นเยวี่ยติ้งถังนึกถึงคนคนหนึ่ง

เฉินโหย่วหวา

ในรายชื่อมรณะที่เสิ่นสือชีส่งให้เจียงเหอนั้นมีชื่อของเขาอยู่

เขาหลุดรอดจากการตามไล่ฆ่าของเจียงเหอมาได้ แต่สุดท้ายกลับไม่อาจรอดพ้นมีดเดียวที่แทงอย่างกะทันหันในตรอกมืดๆ นั้นได้

แต่ชื่อนี้กลับไม่เคยหายไปจากสายตาของพวกเขาเลยตั้งแต่ต้นจนจบ

เมื่อวาน หลิงซูไปที่ร้านหนังสือหมิงเต๋อ เขาได้พบกับเฉินโหย่วหวา จากนั้นเฉินโหย่วหวาก็โดนฆ่า

ก่อนหน้านั้น เสิ่นสือชีถูกวางยาที่โรงแรมหย่วนตง คนร้ายหลบซ่อนตัวอย่างไร้ร่องรอย

มันเป็นเวลาที่ต่อเนื่องกันพอดี เพราะเมื่อผ่านไปครึ่งค่อนคืนฝนก็เริ่มตก จากฝนเม็ดเล็กละเอียดไปจนถึงพายุฝนสาดซัด จากเซี่ยงไฮ้ไปถึงหางโจว ครึ่งค่อนวันก็ยังไม่หยุด ดังนั้นหลิงซูจึงเปียกปอนจนป่วยไข้

เมื่อเยวี่ยติ้งถังได้ยินตำรวจที่ทำคดีนี้บ่นเรื่องฝนตกทำให้หาหลักฐานยาก เขาจึงเชื่อมโยงสองเรื่องนี้เข้าด้วยกันทันที

ทว่าแม้เวลาจะประจวบเหมาะกัน แต่ก็ไม่เพียงพอจะพิสูจน์ได้ว่าเฉินโหย่วหวาคือฆาตกร

เยวี่ยติ้งถังต้องหาหลักฐานมากกว่านี้

“คุณเยวี่ยจะให้ผมหาใครครับ”

อีกฝ่ายมองเขาอย่างประหลาดใจ และยังคงรอคำตอบจากเขา

เยวี่ยติ้งถังเพิ่งตระหนักได้ว่าตนจะให้ตำรวจไปหาคนไม่ได้

เพราะชื่อเฉินโหย่วหวาก็ใช่ว่าจะเป็นชื่อจริง สถานะพนักงานบริษัทหนังสือพิมพ์ที่ว่าก็อาจจะเป็นสิ่งที่ใช้ปกปิดตัวตน คนธรรมดาๆ คนหนึ่งจะมีค่าพอให้เสิ่นสือชีไปไหว้วานคนอื่นมาลอบฆ่าได้อย่างไรกัน

หากเทียบกันเรื่องพลังอำนาจในแวดวงบนดินแล้ว บางทีไปตามหาเจียงเหออาจจะมีประโยชน์กว่า

แต่เยวี่ยติ้งถังไม่ได้รู้จักสนิทสนมอะไรกับเจียงเหอ คนที่รู้จักสนิทสนมคือหลิงซู

คิดมาถึงตรงนี้ เยวี่ยติ้งถังก็อดถอนหายใจไม่ได้

เดิมเขาไม่อยากให้หลิงซูไปติดต่อใกล้ชิดอะไรกับเจียงเหอมากนัก แต่ไม่คิดว่าวนไปวนมาก็กลับต้องมาตามหาคนอื่นโดยผ่านทางหลิงซูจนได้

“ไม่ต้องแล้วล่ะ”

เขาพูดกับอีกฝ่ายเพียงเท่านั้นแล้วก็ก้าวเร็วๆ จากไป

 

ตอนแรกหลิงซูว่าจะไปหาเหอโย่วอันสักหน่อย

แต่เขาก็ไปไม่ทันเพราะคนมาเยี่ยมไข้เขาอย่างต่อเนื่องไม่ขาดสาย

ก่อนอื่นคือเฉิงซือ

เฉิงซือเป็นคนคุ้นเคย ไล่ไปง่าย หลิงซูแค่ทักทายถามไถ่เฉิงซือไม่กี่คำก็ไล่เขากลับไปได้

จากนั้นก็เป็นสาวเต้นรำ หย่าฉี

เธอคนนี้เรียกได้ว่าค่อนข้างทุ่มเทความรู้สึกให้เขาอย่างลึกซึ้ง ตั้งแต่เขาเข้าไปที่กรมตำรวจประจำนครก็เกิดคดีขึ้นต่อเนื่องสองคดี หันเหความสนใจและความใส่ใจของหลิงซูไป เขาจึงไม่ได้ไปที่ฟลอเรนซ์นานแล้ว แต่ก็ไม่รู้ว่าหย่าฉีได้ยินเรื่องที่เขาป่วยเข้าโรงพยาบาลมาจากไหน เธอหอบอาหารว่างมาเต็มสองมือเพื่อมาเยี่ยมเขาอีกแล้ว

บุญคุณคนงามยากต้านทาน หลิงซูหักใจไล่เธอไปไม่ลง ถึงอย่างนั้นก็ไม่สามารถให้สิ่งที่เธอต้องการได้ เขาได้แต่ปล่อยให้เธอน้ำตาคลอเบ้ารำพึงรำพัน สุดท้ายค่อยจากไปอย่างแสนอาลัยอาวรณ์

แต่นี่ก็ยังไม่ใช่คนเยี่ยมไข้คนสุดท้าย

หย่าฉีเพิ่งจากไปไม่นาน กลิ่นหอมชวนให้หวั่นไหวก็ลอยตามมาติดๆ มีคนงามผลักประตูเข้ามาอีกแล้ว

เมื่อเห็นคนงามคนนี้ หลิงซูยอมคุยกับหย่าฉีต่ออีกสักสองสามนาทียังจะดีเสียกว่า

“ดูท่าทางคุณจะไม่อยากพบฉันนะคะ”

เพียงคนงามกะพริบตา เธอก็ให้บรรยากาศที่แตกต่างไปจากคนทั่วไป

เธอหิ้วกระเป๋าชาแนลใบเล็ก สวมชุดตะวันตกเดินเข้ามา ท่วงท่าและย่างก้าวนั้นให้ความรู้สึกที่แตกต่างจากหย่าฉีโดยสิ้นเชิง เป็นกลิ่นอายที่คนสมัยนี้เรียกว่ากลิ่นอายแบบตะวันตก

หลิงซูสอดตัวอยู่ในผ้าห่ม โผล่มาแค่ศีรษะ

“จะเป็นอย่างนั้นได้ยังไงกันครับ แค่เห็นคุณหนูเจินให้เกียรติมาเยี่ยม ผมก็คิดว่าทั้งห้องนี้เหมือนมีแสงทองส่องออกมาแล้ว เพียงแต่ผมป่วยก็เลยไม่มีแรง ลุกขึ้นนั่งทักทายไม่ได้เท่านั้นเอง ตามสบายนะครับ บนโต๊ะมีแอปเปิ้ล ล้างสะอาดแล้ว”

เดิมเขาก็แค่พูดเป็นมารยาท ใครจะคิดว่าเจินฉงอวิ๋นจะยื่นมือออกไปหยิบแอปเปิ้ลมาจริงๆ เขาจึงรีบเอ่ยเสริมอีกประโยค

“คุณอย่าลืมเหลือไว้ให้ผมสักสองลูกนะครับ หมอบอกว่าผมต้องกินแอปเปิ้ลวันละสองลูกขึ้นไปถึงจะดี”

เจินฉงอวิ๋นเหลือบมอง

ในตะกร้ามีแอปเปิ้ลทั้งหมดสามลูก หนึ่งในนั้นลูกค่อนข้างเล็ก เหมือนเป็นลูกชายของอีกสองลูกที่เหลืออย่างไรอย่างนั้น

“กินแอปเปิ้ลวันละสองลูก นี่มันตำราหมอมองโกเลียที่ไหนกันคะ ไหนลองบอกให้ฉันฟังซิ”

หลิงซูหัวเราะฮาๆ “ก็หมอที่นี่น่ะสืบทอดวิชามาไม่เหมือนกัน ก็ต้องมีข้อควรปฏิบัติต่างๆ ที่แตกต่างกันไปตามบุคคลน่ะครับ”

เจินฉงอวิ๋นคล้ายจะยิ้มแต่ก็ไม่เชิง “คราวก่อนฉันเชิญคุณเต้นรำเปิดฟลอร์ ทำให้คุณกลายเป็นที่พูดถึงไปทั่วทีเดียว คุณยังโกรธแค้นฉันอยู่หรือเปล่าคะเนี่ย”

คำว่าเนี่ยของเธอลากเสียงออกไป ฟังดูนุ่มนวลอ่อนโยนคล้ายพวกขนมนั่วหมี่ฉือ* ในฤดูร้อน เมื่อเข้าปากก็ละลายกลายเป็นน้ำตาล

น่าเสียดายที่ตอนนี้เป็นฤดูหนาว

หลิงซูพูด “โกรธแค้นที่ไหนกันล่ะครับ คุณหนูเจินให้เกียรติขนาดนั้นก็ถือเป็นเกียรติของผมต่างหาก”

“ถ้าอย่างนั้นหลังจากนั้นทำไมคุณถึงกลับก่อนล่ะคะ ฉันยังอยากจะพาคุณไปแนะนำกับพวกคนดังอย่างพวกผู้อำนวยการวังอยู่เลยแน่ะ!”

“พอดีเจอคนคุ้นเคยกันน่ะครับ อยากจะพูดคุยกับเขาให้มากหน่อยก็เลยกลับไปก่อน ลืมไปลาคุณเลย คราวนี้ผมต้องชดใช้ให้คุณแล้วล่ะ ขอโทษด้วยนะครับ!”

เจินฉงอวิ๋นเอ่ยว่า “คนคุ้นเคยอะไรกันคะ แม้แต่ฉันคุณก็ยังลืมไปได้ ดูท่าฉันคงจะไม่สวยพอ ไม่อย่างนั้นคุณจะว่างไปคิดเรื่องอื่นได้ยังไงกันล่ะ”

ถ้อยคำเย้าแหย่ถูกเอ่ยออกมาประโยคแล้วประโยคเล่า เจินฉงอวิ๋นใจกล้าเปิดเผยมากกว่าหย่าฉีเสียอีก

ถ้าเป็นหย่าฉี หลิงซูยังพอจะมีรุกมีรับได้บ้าง ไม่เปิดช่องให้อีกฝ่ายเหนือกว่า

แต่เมื่อเผชิญหน้ากับเจินฉงอวิ๋น เขากลับไม่กล้าคลายความระแวดระวังเลย อย่างไรเสียบทเรียนจากเรื่องก่อนหน้านี้ก็ปรากฏให้เห็นเด่นชัดอยู่แล้ว คุณหนูสกุลเจินคนนี้ไม่ได้เป็นคนที่จะหลอกได้ง่ายๆ เหมือนกับคุณหนูผู้ร่ำรวยทั่วไป เธอกลับทำให้รู้สึกว่าหากไม่ระวังสักนิดก็อาจจะตกลงไปในหลุมที่เธอขุดเอาไว้ได้

เมื่อเห็นปฏิกิริยาตอบรับของเขาดูเรียบนิ่ง เจินฉงอวิ๋นก็หัวเราะเล็กน้อย คล้ายเดาความคิดของเขาได้

“คุณโดนฉันขุดหลุมดักจนกลัวไปแล้วเหรอคะ วางใจเถอะค่ะ วันนี้ฉันได้ยินว่าคุณไม่สบาย ก็เลยมาเยี่ยมคุณเท่านั้นเอง”

เจินฉงอวิ๋นหยิบกล่องเครื่องประดับหนังกลับใบหนึ่งออกมาจากกระเป๋าเสื้อ เธอวางเอาไว้บนตู้ข้างเตียง

“น้ำใจเล็กๆ น้อยๆ ค่ะ อย่ารังเกียจเลยนะคะ”

เขาเคยเห็นแต่คนเอาดอกไม้เอาของกินมาเยี่ยมไข้ ไม่เคยเห็นคนเอาเครื่องประดับมาเยี่ยมไข้มาก่อน

หลิงซูว่า “ของขวัญที่คุณหนูเจินให้คงล้ำค่ามากแน่นอน ผมไม่กล้ารับหรอกครับ คุณเอากลับไปเถอะ วันนี้แค่คุณมาผมก็ดีใจมากแล้ว”

เจินฉงอวิ๋นหน้าง้ำทันที คล้ายอากาศเดือนหกที่จะเปลี่ยนก็เปลี่ยนกะทันหัน

“ของขวัญที่ฉันให้ไปแล้วไม่เคยรับคืนค่ะ ถ้าคุณไม่ชอบ เอาไว้ฉันไปแล้วค่อยทิ้งก็ได้ ไม่ต้องบอกฉันหรอก แล้วก็ที่ฉันทำความรู้จักกับคุณก่อนหน้านี้เพราะรู้สึกว่าคุณน่าสนใจมาก คุณไม่เหมือนคนอื่นที่พอเห็นสถานะของฉันก็มีท่าทีกล้าๆ กลัวๆ แต่วันนี้ทำไมพอคุณป่วยแล้วถึงได้กลายเป็นคนทำตัวสงวนท่าทีไม่สนุกสนานแล้วล่ะคะ”

ตอนที่มุมปากของเธอโค้งลง ให้ความรู้สึกเย็นชาไม่เหมือนเวลาปกติ

หลิงซูเคยพบพ่อของเจินฉงอวิ๋นมาก่อน เขาเคยเห็นแค่เพียงไกลๆ เดิมเขาคิดว่าเจินฉงอวิ๋นเหมือนแม่ แต่ตอนนี้พอดูแล้วกลับคล้ายคลึงผู้เป็นพ่อมากทีเดียว

แต่เขาก็ไม่ได้ใส่ใจ ยังคงยิ้มแย้มเหมือนปกติ

“คุณก็รู้ว่าผมป่วย เวลาป่วยจะมีแก่ใจมาเล่นอยู่ได้ยังไงล่ะครับ เอาไว้ผมหายป่วยแล้วค่อยไปเที่ยวเล่นกับคุณดีไหมครับ”

เจินฉงอวิ๋นพลันยกมุมปากขึ้นอีกครั้ง มุมปากนั้นโค้งขึ้นเหมือนพระจันทร์เสี้ยว ดูสว่างสดใส

“ก็ดีอยู่หรอกค่ะ แต่วันนี้ฉันมาเยี่ยมคุณก็เพื่อมาบอกเรื่องหนึ่งกับคุณโดยเฉพาะ ฉันเห็นคุณเป็นเพื่อนที่ดีกับฉัน เพราะฉะนั้นฉันจึงจะบอกข่าวนี้แก่คุณเป็นคนแรกนะคะ”

หลิงซูใจเต้นโครมคราม เขารีบพูด “อย่าครับ! พ่อแม่คือคนใกล้ชิดที่สุด คุณเอาเรื่องนี้ไปบอกพวกท่านก่อนดีกว่าครับ!”

แต่ไม่ว่าเขาพูดอะไร เจินฉงอวิ๋นก็จะพูดของเธอต่อไป

“ฉันไปหลงรักผู้ชายที่มีภรรยาแล้วคนหนึ่ง อยากจะหนีไปด้วยกันกับเขาค่ะ แต่ตอนนี้ยังไม่มีหนทางจะทำอย่างนั้น ที่บ้านก็เร่งให้ฉันแต่งงาน ฉันได้แต่คิดหาวิธียืดเวลาออกไปให้มากที่สุด ตั้งแต่วันนี้ไปเกรงว่าฉันจะยุ่งมาก คงไม่มีเวลาว่างมาพบคุณแล้วล่ะค่ะ!”

“ผมเหนื่อยแล้ว ผมไม่ได้ยินอะไรทั้งนั้น”

หลิงซูหลับตานอนลง เขาห่มผ้า ทำท่าเหมือนหลับไปอย่างสงบสุข

เจินฉงอวิ๋นก็ไม่ได้ใส่ใจ เธอโบกมือทำท่าบ๊ายบายแล้วก็หิ้วกระเป๋าจากไป

“ถ้าอย่างนั้นคุณก็พักผ่อนมากๆ นะคะ!”

ทันทีที่เปิดประตู แสงแฟลชจากข้างนอกก็สว่างวาบขึ้นทันที

มีนักข่าวหลายคนรออยู่ข้างนอก พวกเขาชะเง้อชะแง้แล้วยังอยากจะยื่นกล้องเข้ามาด้วย

“คุณหนูเจิน! พูดอะไรสักหน่อยครับ ทำไมจู่ๆ วันนี้ก็มาเยี่ยมไข้ที่โรงพยาบาลนี้ล่ะครับ!”

“นั่นสิครับคุณหนูเจิน งานแต่งงานของคุณใกล้เข้ามาแล้ว เตรียมงานแต่งไปถึงไหนแล้วครับ”

“คุณหนูเจิน ให้สัมภาษณ์หน่อยได้ไหมครับ…”

หลิงซูได้ยินเจินฉงอวิ๋นยืนตอบนักข่าวเหล่านั้นอยู่หน้าประตู

“ฉันไม่ได้พอใจกับการแต่งงานครั้งนี้เสียหน่อย มันเป็นสิ่งที่พ่อแม่กำหนดมาให้ทั้งนั้นล่ะค่ะ ยุคนี้แล้วสิ่งที่พ่อแม่จัดการให้ยังเป็นที่นิยมที่ไหนกันล่ะคะ คนที่ฉันชอบมานอนโรงพยาบาลฉันก็ต้องมาเยี่ยมเขาสิ!”

หลิงซู “…”

แน่นอนว่าตอนนี้เขาพุ่งออกไปไม่ได้ ไม่อย่างนั้นเจินฉงอวิ๋นก็คงจะทำให้คำโกหกนี้กลายเป็นเรื่องรักๆ ใคร่ๆ ที่ใครต่อใครรู้กันไปทั่วได้อย่างแน่นอน

แล้วเขาก็ยิ่งไปบอกนักข่าวตรงๆ ไม่ได้เข้าไปใหญ่ว่าเจินฉงอวิ๋นชอบคนอื่นอยู่ เพราะแม้แต่ชื่อของคนคนนั้นเขาก็ยังไม่รู้ เรื่องพวกนี้ต่อให้พูดไปก็ไม่มีความหมายอะไร

หลิงซูแค่ไม่คิดแม้แต่น้อยว่าผู้หญิงคนนี้จะบ้าระห่ำได้ถึงขนาดนี้ เธอนัดนักข่าวให้มาสุมหัวอยู่ข้างนอกเอาไว้ก่อนแล้ว เมื่อวินาทีก่อนยังพูดกับเขาอยู่เลยว่าเธอไปชอบผู้ชายที่มีภรรยาแล้ว แต่วินาทีต่อมากลับพูดจาเหลวไหลกับนักข่าวเสียนี่

พวกนักข่าวฮือฮาขึ้นมาดังคาด พวกเขาผลัดกันถามถึงสถานะของหลิงซู

ที่จริงไม่ต้องมาไล่ถามอยู่ตรงนี้หรอก เพียงแค่ไปถามเอาจากทางพยาบาล ชื่อของหลิงซูก็คงจะลอยขึ้นมาเหนือผิวน้ำแล้ว

ถึงเวลานั้นทุกคนก็จะรู้ว่าคนรู้ใจที่คุณหนูเจินบอกว่ามาเยี่ยมด้วยตัวเองที่โรงพยาบาลนั้นก็คือเจ้าหน้าขาวที่เธอเชื้อเชิญอย่างมุ่งมั่นให้ไปเต้นรำเปิดฟลอร์ด้วยเมื่อคราวก่อนนั่นเอง

หลังจากงานเลี้ยงเต้นรำฉลองวันเกิดของเธอ เจินฉงอวิ๋นกับหลิงซูก็ไม่ได้ติดต่อกันอีก คนนอกจึงค่อยๆ ลดความสนใจลงไป ตอนนี้เจินฉงอวิ๋นสร้างเรื่องอย่างนี้ขึ้นมาอีกครั้ง ก็มีแต่จะดึงดูดความสนใจของคนอื่นๆ กลับมาอีกเท่านั้น

เมื่อเรื่องนี้ลงหนังสือพิมพ์ ไม่ว่าใครก็คงไม่เชื่อว่าจริงๆ แล้วระหว่างหลิงซูกับเจินฉงอวิ๋นนั้นเรียกว่าคนคุ้นเคยกันไม่ได้ด้วยซ้ำ

เจินฉงอวิ๋นทิ้งเพียงสองประโยคที่ฟังดูคล้ายจะจริงแต่ก็คล้ายไม่จริงนั้นเอาไว้แล้วก็จากไปอย่างสบายๆ

ทิ้งไว้เพียงนักข่าวกระเหี้ยนกระหือรือหลายคนที่อยากจะพุ่งเข้ามาหาหลิงซูเสียเหลือเกิน โชคดีที่พยาบาลรุดมาทันเวลาแล้วก็ไล่พวกเขาออกไป

ทำเอาหลิงซูเหงื่อตกเปียกชุ่มไปทั้งตัวทีเดียว

เจินฉงอวิ๋นคิดจะทำอะไรกันแน่ จู่ๆ ก็มาเยี่ยมเขาอย่างไม่ชอบมาพากล แล้วยังพูดอะไรไม่ชอบมาพากลแบบนั้นอีก

ถ้าเธอเพียงแค่อยากจะใช้หลิงซูเป็นระเบิดควันหลอกล่อ ตอนนี้ก็คงสำเร็จอย่างไม่ต้องสงสัย

พรุ่งนี้หนังสือพิมพ์น้อยใหญ่ก็คงจะลงข่าวว่าคุณหนูเจินไม่พอใจการแต่งงานที่ทางบ้านกำหนดให้ คนรู้ใจของเธอคืออีกคนหนึ่ง ผู้คนทั่วทั้งถนนใหญ่หรือตรอกซอกซอยเล็กๆ ก็คงจะสงสัยใคร่รู้ว่าหลิงซูที่คุณหนูเจินชอบนั้นวิเศษวิโสมาจากไหนกันแน่

ตอนนี้หลิงซูชักจะเสียใจอยู่หน่อยๆ แล้ว

ถ้ารู้แต่แรกว่าผู้หญิงคนนี้จะวุ่นวายขนาดนี้ เริ่มแรกที่เยวี่ยติ้งถังให้เขาไปเอาใจคุณหนูเจินให้พอเป็นพิธีนั้น เขาก็ควรจะหาข้ออ้างปฏิเสธไปเสีย

ถ้าไม่ได้ติดต่อพูดคุย เรื่องก็จะไม่เกิด แล้วก็จะไม่มีเรื่องราวในภายหลังตามมาเป็นพรวนเช่นนี้

มิน่าเล่าเยวี่ยติ้งถังจึงไม่สนใจการแต่งงานผูกสัมพันธ์กับคุณหนูเจินแม้แต่น้อย จะมีใครคบหากับผู้หญิงคนนี้แล้วยังใช้ชีวิตอย่างมีความสุขได้อีกหรือไง

แต่ก็ไม่แน่ เพราะมักจะมีผู้ชายประเภทหนึ่งที่ไม่สนใจว่าตัวเองจะเป็นหรือตาย ยิ่งเป็นผู้หญิงที่ควบคุมได้ยากเท่าไหร่ก็ยิ่งปรารถนาจะควบคุมเธอ

เขาคิดฟุ้งซ่านไปพลางเหลือบมองตู้ข้างเตียงไปพลางโดยไม่ได้ตั้งใจ

ตรงนั้นมีเครื่องประดับกล่องหนึ่งวางอยู่ ของขวัญที่เจินฉงอวิ๋นนำมาให้

หลิงซูค่อยๆ ยื่นมือไป เขาหยิบกล่องนั้นมาถือไว้ในมือ อยากจะเปิดแต่ก็ลังเล

เขามักจะรู้สึกอยู่เสมอว่าสิ่งที่ตนถือเอาไว้ในมือนั้นคือกล่องแพนโดร่า หากไม่ระวังก็อาจจะมีภูตผีปีศาจออกมาจากกล่องนั้นได้

อย่างไรเสียมันก็คือของที่เจินฉงอวิ๋นนำมา อย่างไรก็อดระแวดระวังไม่ได้จริงๆ

นิ้วของเขาบีบฝากล่องเอาไว้ ค่อยๆ ดึงเปิดขึ้น ทว่าเพิ่งจะแง้มกล่องออกมาเท่านั้น ประตูห้องพักผู้ป่วยก็พลันเปิดออก!

หลิงซูตกใจ เขาเกือบโยนกล่องนั้นลงพื้น

คนที่เข้ามาไม่ใช่เจินฉงอวิ๋น

และไม่ใช่เยวี่ยติ้งถัง

แต่เป็นเจียงเหอ

วันนี้เขาเห็นผีเข้าแล้วจริงๆ

แขกที่ไม่คาดคิดยิ่งเป็นคนที่คาดไม่ถึงมากขึ้นเรื่อยๆ ทีละคนๆ

หน้าที่แล้ว1 of 2

Comments

comments

No tags for this post.
Continue Reading

More in everY

บทความยอดนิยม

everY

ทดลองอ่าน เขตห้ามรักฉบับเบต้า เล่ม 1 Chapter 2.1-2.2 #นิยายวาย

ทดลองอ่าน เรื่อง เขตห้ามรักฉบับเบต้า เล่ม 1 ผู้เขียน : MINTRAN แปลโดย : ทันบี ผลงานเรื่อง : 배타적 연애 금지구역 ถือเป็นลิขสิทธิ์...

จุติรัก พลิกชะตาร้าย

ทดลองอ่าน จุติรัก พลิกชะตาร้าย บทที่ 1-2

บทที่ 1 ฮ่องเต้หญิง   “ท่านพี่นำร้อง น้องหญิงคลอรับ ท่านพี่เสียงเพิ่งลับ น้องหญิงสลับขึ้นเวที เป็นมารดาอารี มีบุตรีกตัญญ...

ทดลองอ่าน

ทดลองอ่าน ร้อยเรียงรักเคียงฤทัย บทนำ – 1.2

บทนำ ความหลังของต้าลี่ 1   ฤดูหนาวในรัชศกต้าลี่ปีที่สิบเอ็ด โม่เป่ย ตำบลค่งหม่า สถานที่แห่งนี้คือประตูด่านสำคัญสุดท้ายทา...

จุติรัก พลิกชะตาร้าย

ทดลองอ่าน จุติรัก พลิกชะตาร้าย บทที่ 7-8

บทที่ 7 ค่าเดินทาง เมื่อภูตสุนัขดำคืนร่างเป็นสุนัขธรรมดาตัวหนึ่ง ภูตบุปผาสองตนนั้นก็ไม่อาจทำการใหญ่ ต่อให้ชาวหมู่บ้านป่า...

จุติรัก พลิกชะตาร้าย

ทดลองอ่าน จุติรัก พลิกชะตาร้าย บทที่ 3-4

บทที่ 3 เกิดใหม่   เวิ้งฟ้าดำสนิทปานน้ำหมึก เพียงมีดวงดาวบางตากระจัดกระจายบนม่านฟ้า ทอรัศมีอ่อนจางประเดี๋ยวเผยประเดี๋ยวเ...

community.jamsai.com