ทดลองอ่าน คดีลับใต้หมู่ดาว เล่ม 1 บทที่ 9 #นิยายวาย – Jamsai
Connect with us

Jamsai

everY

ทดลองอ่าน คดีลับใต้หมู่ดาว เล่ม 1 บทที่ 9 #นิยายวาย

Trigger Warning

เนื้อหามีประเด็นอ่อนไหวเกี่ยวกับความรุนแรง

และการฆาตกรรม ซึ่งอาจส่งผลกระทบทางจิตใจ

สำหรับผู้อ่านที่มีอายุ 18 ปีขึ้นไป โปรดใช้วิจารณญาณในการอ่าน

 

นิยายเรื่องนี้เป็นเรื่องที่แต่งขึ้นจากจินตนาการของผู้เขียน

ไม่มีความเกี่ยวข้องกับบุคคล สถานที่ หรือเหตุการณ์จริงใดๆ

 

** หมายเหตุยังไม่ใช่ต้นฉบับที่เสร็จสมบูรณ์ **

– – – – – – – – – – – – – – – – –

 

บทที่ 9

“คุณเห็นอะไร”

อาหลันตอบไม่ได้ เธอได้แต่พยายามส่งเสียงอือๆ อู้อี้ไม่ชัดเจนอย่างไร้ซึ่งประโยชน์ แต่สีหน้าของเธอมีความตื่นตระหนกหวาดผวาอย่างที่สุดปรากฏอย่างชัดเจน สิ่งที่ไม่อาจใช้คำพูดถ่ายทอดออกมาได้ทั้งหมดล้วนเขียนอยู่บนหน้าของเธอแล้ว ร่างของเธอก็สั่นไม่หยุดราวกับตะแกรงร่อนแป้ง

เธอกำชายเสื้อเอาไว้แน่น พยายามล้วงเปะปะเอาผ้าเช็ดหน้าออกมาเช็ดเหงื่อ แต่เพราะประหม่าจนเกินไปจึงหยิบเอากุญแจและของยิบย่อยติดออกมาด้วย ทุกอย่างร่วงกราวลงมาจากบนบันได กระจายเต็มพื้น

เธอทำภาษามือวุ่นวายเหมือนพยายามจะอธิบายให้ทุกคนเข้าใจ แต่มีเพียงพ่อบ้านอาวุโสเท่านั้นที่ดูรู้เรื่อง

“เธอพูดเหลวไหลอะไร!” พ่อบ้านอาวุโสสีหน้าเปลี่ยน

“เกิดอะไรขึ้น” เยวี่ยติ้งถังถาม

พ่อบ้านอ้ำๆ อึ้งๆ “เธอ…เธอเสียสติไปแล้ว คุณไม่ต้องสนใจหรอกครับ…”

เยวี่ยติ้งถังหน้าเครียด “พูดมา!”

พ่อบ้านจนใจ “เธอบอกว่าเมื่อกี้เธอเห็นคุณนาย แต่จะเป็นไปได้ยังไง! คุณนายเสียไปแล้ว แล้วนี่ก็กลางวันแสกๆ!”

ถึงปากจะบอกอย่างนั้น แต่เขาก็ยังอดเผยสีหน้าหวาดกลัวไม่ได้

ตำรวจเขตเช่าลังเลเล็กน้อย ส่วนหลิงซูก้าวยาวๆ ขึ้นบันไดกลับไปที่ห้องนั้น

แน่นอนว่าในห้องไม่มีใครอยู่แม้แต่คนเดียว

เมื่อครู่พวกเขาไม่ได้ปิดหน้าต่างให้ดีจึงถูกลมแรงพัดจนเปิดออกมาอีกครั้ง ม่านที่เตียงขยับไหวน้อยๆ ลอยพลิ้วงดงามอ่อนหวาน นี่อาจจะเป็นสาเหตุที่ทำให้เมื่อกี้คนรับใช้สาวตาฝาด

“ไม่มีอะไรทั้งนั้นแหละ คุณดูผิดไปน่ะ” หลิงซูว่า

ทว่าอาหลันก็ยังหลบอยู่ด้านหลังพ่อบ้าน ให้ตายอย่างไรก็ไม่กล้าเข้าไปในห้องนั้นอีกครั้ง

“ของคุณใช่ไหม” เยวี่ยติ้งถังเดินมาหา เขาส่งของในมือให้เธอ

กุญแจ ผ้าเช็ดหน้า ลิปสติก

อาหลันรีบรับมา แต่เธอจับไม่แน่นลิปสติกจึงตกลงบนพื้นอีกครั้ง มันกลิ้งหลุนๆ เข้าไปใต้เตียง

หลิงซูก้มลงช่วยเก็บให้เธอ

ตอนที่ยืนขึ้นอีกครั้ง ในมือของเขานอกจากลิปสติกแท่งนั้นแล้วยังมีเศษอะไรบางอย่างสีดำๆ อยู่ด้วย

มันไม่ใช่สีดำสนิท แต่ในนั้นมีเศษสีเทาออกเหลืองแทรกอยู่ ดูเหมือนขี้เถ้า แต่ก็ไม่ใช่

เยวี่ยติ้งถังเอ่ย “กงปันถู่ หรือ”

หลิงซูมองพ่อบ้านกับอาหลัน “คุณนายของพวกคุณตอนมีชีวิตอยู่เธอสูบฝิ่นด้วยเหรอ”

พ่อบ้านถูกถามกะทันหันจึงนิ่งงันไป อาหลันกลับดูลนลานเล็กน้อย เธอรีบทำมือทำไม้บอก

“อาหลันบอกว่าเมื่อก่อนคุณนายเกลียดมากที่นายท่านสูบฝิ่น แต่ก่อนหน้านี้ไม่นาน วันหนึ่งจู่ๆ คุณนายก็บอกให้เธอไปซื้อยาสูบมาให้คุณนายลองหน่อย อาหลันขัดคุณนายไม่ได้จึงได้แต่ไปซื้อมา เธอเห็นว่าคุณนายไม่ได้สูบบ่อยนัก สูบแค่นิดหน่อยเวลาอารมณ์ไม่ดีเท่านั้น เธอก็เลยไม่กล้าบอกใคร”

ฝิ่นก็แบ่งเป็นประเภทที่ดีและเลว ซึ่งกงปันถู่เป็นยาสูบเกรดดี

สมัยนี้คนทั่วไปล้วนมีความรู้ ทุกคนแค่ได้ยินว่าเป็นฝิ่นก็รู้สึกขยะแขยงแล้ว แต่สภาพสังคมนั้นสับสนยุ่งเหยิง กฎหมายข้อห้ามต่างๆ ก็ไม่มีผล กลายเป็นกระดาษเปล่าไร้ค่า

พวกกระเป๋าสตางค์บางกลายเป็นคนติดยา เลิกงานก็หมกตัวอยู่กับยาสูบ ส่วนพวกคนมีเงินก็อมเมฆพ่นหมอกกันอยู่ที่บ้าน

หลิงซูถามต่อ “ก่อนหน้านี้ไม่นานคือเมื่อไหร่”

พ่อบ้านตอบว่า “อาหลันบอกว่าประมาณหนึ่งเดือนก่อนครับ”

หนึ่งเดือน ยังถือว่าไม่ติด ก็คงไม่ได้สูบบ่อยๆ จริง แต่ก็ถือว่าเธอได้ก้าวลงไปในสระลึกแห่งยาเสพติดนี้แล้ว

แค่ดูจากพฤติกรรมของหยวนปิงตอนนี้ก็รู้แล้วว่ายาสูบทำให้คนคนหนึ่งกลายเป็นสัตว์ป่าไปได้อย่างไร

ใครจะคิดว่าคนที่ร้องเพลงเก่งเต้นเก่งเป็นที่อิจฉาชื่นชอบของนักเรียนหลายคนในโรงเรียนอย่างตู้อวิ้นหนิงจะตกต่ำจนมีจุดจบเช่นนี้

เสียงพูดคุยหัวเราะสนุกสนานของวัยรุ่นเหล่านั้นราวกับเป็นเรื่องเมื่อชาติก่อนไปแล้ว

หลิงซูเอ่ยถาม “ลิปสติกนี้ของคุณหรือ”

อาหลันทำภาษามือ

พ่อบ้านว่า “เธอบอกว่าเป็นลิปสติกที่คุณนายไม่ใช้แล้ว จึงยกให้เธอตอนที่คุณนายยังมีชีวิตอยู่ครับ”

อาหลันพยักหน้า เธอชี้ลิ้นชักโต๊ะเครื่องแป้ง

หลิงซูเดินไปดึงลิ้นชักออก ข้างในมีลิปสติกแบบต่างๆ วางเรียงอยู่ครึ่งค่อนกล่อง มีทั้งยี่ห้อต่างประเทศที่นำเข้ามา และยังมีรุ่นใหม่ซึ่งเป็นของที่ผลิตในประเทศด้วย

พวกคุณนายรวยๆ ยุคนี้ชอบตามแฟชั่นแบรนด์เนม หลังจากตลาดจีนเปิดกว้างให้สินค้าจากตะวันตกเข้ามา แบรนด์เนมเสื้อผ้าและเครื่องสำอางอย่างชาแนลหรือหลุยส์ วิตตองก็มีให้เห็นจนชินตา พวกคุณนายด้วยกันเองยังมีการเปรียบเทียบกันด้วย ที่จริงลิปสติกครึ่งกล่องของตู้อวิ้นหนิงก็ไม่นับว่าฟุ่มเฟือยนัก แต่หากเทียบกับสถานการณ์ขาลงของสกุลหยวนตอนนี้ก็ต้องเรียกว่าดูประชดประชันอยู่บ้าง

พ่อบ้านเอ่ย “คุณนายใช้เงินมือเติบ บางครั้งออกไปข้างนอกกลับมาก็จะเอาขนมมาฝากพวกเราด้วย มีครั้งหนึ่ง อาเฟิ่งที่เป็นคนรับใช้เก่าแก่ในสกุลหยวนมาหลายสิบปีจะลากลับบ้านเกิด นอกจากคุณนายจะให้เงินเท่ากับค่าแรงหลายเดือนแล้ว ยังซื้อชุดใหม่ให้อาเฟิ่งอีกหลายชุดด้วย”

จากนั้นเขากับเยวี่ยติ้งถังก็ไปตึกเล็กด้านหลังอีกครั้งแล้วสอบถามคนที่บ้านสกุลหยวนทีละคน แต่น่าเสียดายที่ไม่ได้ข้อมูลที่เป็นประโยชน์เลยสักนิด

หลังจากสกุลหยวนตกต่ำลง บางครั้งค่าแรงที่หยวนปิงให้พวกเขานั้นก็ได้ช้า นอกจากคนแก่ๆ อย่างพ่อบ้านแล้ว คนอื่นๆ ก็ต้องรู้สึกไม่มั่นคงเป็นธรรมดา แต่ละคนก็แอบไปรับงานข้างนอกกันบ้าง รอเพียงขอนไม้ท่อนสุดท้ายจมลงเท่านั้นพวกเขาก็คงจะแยกย้ายกันไป

หากพูดถึงเรื่องปันใจไปหาคนอื่น การจะติดต่อคนนอกเพื่อมาฆ่าเถ้าแก่เนี้ยของบ้านนั้นคงเป็นสิ่งที่พวกเขาไม่มีความกล้าหาญพอที่จะทำ

หลายวันมานี้พวกเขาหวาดระแวงไปหมดทุกสิ่ง คนสกุลหยวนถูกห้ามออกไปข้างนอก ทุกคนล้วนแต่ตื่นตระหนกตกใจกันมาก คนของตำรวจเขตเช่าก็มาถามพวกเขาซ้ำๆ สิ่งที่ควรจะถามก็ถามออกมาแทบหมดสิ้นแล้ว

หลิงซูพูดขึ้นว่า “ทางหยวนปิงว่ายังไงบ้าง”

เยวี่ยติ้งถังรู้ว่าเขาจะถามอะไรจึงส่ายหน้า “สิ่งที่ควรถามพวกเราก็ถามไปหมดแล้ว เขาแยกห้องกับตู้อวิ้นหนิงนานแล้ว ปกติถึงสองคนนี้จะอยู่ใต้ชายคาเดียวกันแต่ตลอดทั้งวันเจอหน้ากันไม่กี่ครั้งหรอก วันที่เกิดเรื่องหยวนปิงไปหาโสเภณีที่จินเฝิ่นโหลว ตกดึกเขาก็ค้างคืนที่นั่น ไม่ได้กลับมาบ้านเลย มีพยานยืนยันชัดเจน แล้วตอนที่เราสอบสวนเขา อาการติดยาก็กำเริบ ถามไม่ได้ใจความอะไรสักเท่าไหร่”

คนติดยาเสพติดจะไม่รู้จักใคร น้ำมูกน้ำลายไหล แยกไม่ออกว่าใครเป็นมิตรใครเป็นศัตรู แค่จะสื่อสารกับใครให้รู้เรื่องยังยากเลย

หลิงซูว่า “หยวนปิงเคยได้ยินบ้างไหมว่าปกติตู้อวิ้นหนิงสนิทสนมกับใครเป็นพิเศษหรือเปล่า”

“เคย”

“ใคร”

“นาย”

หลิงซู “…”

เยวี่ยติ้งถังเอ่ยต่อ “สะใภ้ขุนศึกใหญ่ตายปริศนา ลูกชายสงสัยว่าชู้ของภรรยาจะเป็นฆาตกร ไม่ต้องคิดฉันก็รู้ว่าหนังสือพิมพ์พวกนั้นจะเขียนอะไร เรื่องนี้ต้องเป็นข่าวที่ดังระเบิดแน่ หรือแม้กระทั่งว่าหนังสือพิมพ์หลายๆ ฉบับอาจจะดึงดูดความสนใจด้วยการไม่ต้องใส่คำว่า ‘สงสัย’ ลงไปด้วยซ้ำ”

หลิงซูพูดงึมงำ “เพื่อชีวิตน้อยๆ อันมีค่าของฉัน ฉันอยากไขคดีนี้ให้ได้โดยเร็วยิ่งกว่าใครทั้งนั้น”

เยวี่ยติ้งถังตบบ่าหลิงซู “ภาระหนักหนา หนทางยาวไกล”

“แล้วญาติของหยวนปิงล่ะ ฉันจำได้ว่าสกุลหยวนเป็นสกุลใหญ่ หลังจากหยวนปิ่งเต้าตายไป ถึงจะทิ้งทรัพย์สมบัติไว้ให้หยวนปิง แต่หยวนปิงก็ยังมีอาอีกหลายคนนี่ ตอนนั้นยังฟ้องร้องกันยกใหญ่เลย คนพวกนี้ก็น่าจะมีแรงบันดาลใจในการฆ่าคนเหมือนกันนะ”

“หยวนปิ่งเต้ามีน้องสาวสามคน น้องสาวคนโตแต่งงานไปอยู่ที่อเมริกา น้องสาวคนรองอยู่ฮ่องกง ส่วนคนสุดท้องที่ฟ้องร้องกับหยวนปิงตอนนั้นป่วยตายไปเมื่อปีที่แล้ว เธอไม่มีลูกสาวหรือลูกชาย ไม่น่าสงสัยอะไร”

ระหว่างพูดคุยกันทั้งคู่ก็เดินลงมาข้างล่าง ออกไปนอกอาคารและเตรียมจะขึ้นรถ

เยวี่ยติ้งถังเงยหน้า เขาหันกลับไปมองระเบียงชั้นสอง

นั่นคือห้องของตู้อวิ้นหนิงที่พวกเขาเพิ่งไปเยือน

หน้าประตูมีคนและรถหนาแน่น ผู้คนต่างเดินไปเดินมา กี่วันกี่คืนกันที่ตู้อวิ้นหนิงมองโลกอันสับสนวุ่นวายจากตรงนี้

ดวงวิญญาณของเธอถูกกักขังอยู่ในกรงอันงดงามหรูหราแห่งนี้ตั้งนานแล้ว

เธอกระหายที่จะออกไปสู่โลกภายนอก แต่ก็ไม่มีความกล้าที่จะหนี เธออิจฉาและปรารถนาในปีกแห่งอิสระ แต่ก็อาวรณ์ไม่อยากจากความสุขที่ได้อยู่ท่ามกลางความหรูหราฟุ้งเฟ้อจนเคยชิน จุดจบของเธอคงจะถูกกำหนดเอาไว้ตั้งแต่วันที่เธอยอมแต่งงานเข้าสกุลหยวนตามคำสั่งพ่อแม่แล้ว

ทว่าชั่วขณะที่เงยหน้าขึ้น เพียงชั่วพริบตานั้น สีหน้าของเยวี่ยติ้งถังก็เปลี่ยนไป!

หลิงซูกำลังจะบอกเยวี่ยติ้งถังว่าเขาอยากกลับไปนอน แต่จู่ๆ ก็มีแรงมหาศาลจากเยวี่ยติ้งถังพุ่งเข้ามาโดยที่เขาไม่ทันตั้งตัว เขาถูกอีกฝ่ายโถมตัวเข้าใส่จนล้มลงกับพื้นอย่างจัง

เขาไม่มีเวลาแม้แต่จะตอบโต้อะไรกลับไป สองบ่ากระแทกพื้น ทั้งร่างล้มลงจนมึนงง

“ไอ้เวร-”

พูดยังไม่ทันขาดคำก็มีเสียงดังโครมใหญ่!

ที่ที่พวกเขายืนอยู่เมื่อครู่กลับมีกระถางดอกไม้เพิ่มขึ้นมากระถางหนึ่ง กระถางใบนั้นแตกเป็นเสี่ยงๆ ดินกับกิ่งก้านกระจายเต็มพื้น ต้นไม้นั้นทนแรงกระแทกไม่ไหวจึงหักออกเป็นชิ้นๆ

ดอกกุหลาบงดงามเมื่อไม่มีดินคอยปกป้องก็ต้องตายคาที่ ไม่ได้ตายอย่างสงบ

“คุณเยวี่ย! พวกคุณไม่เป็นอะไรใช่ไหมครับ!”

ตำรวจเขตเช่าหน้าตาตื่นตระหนกตกใจ

หากเมื่อกี้เยวี่ยติ้งถังไม่ได้เกิดความคิดแปลกๆ เงยหน้าหันกลับไปมอง หากเขามีปฏิกิริยาตอบสนองช้าไปครึ่งวินาที ตอนที่กระถางดอกไม้นั้นหล่นลงมาแตกก็คงไม่ต้องจินตนาการผลที่ตามมา

“ไม่เป็นไร”

เยวี่ยติ้งถังปัดฝุ่นบนเสื้อโค้ต เขายืนขึ้นอย่างสง่างาม

หลิงซูจับบ่าตัวเองพร้อมทำหน้าเบ้ เขาพยายามกดคำด่าที่มีอยู่เต็มไปหมดกลับลงไป คงไม่ต้องบอกว่ารู้สึกแย่แค่ไหน

มีมือหนึ่งยื่นมา เยวี่ยติ้งถังเลิกคิ้วให้เขา

หลิงซูดึงมือนั้นแรงๆ โดยไม่เกรงใจ เขาอาศัยแรงนั้นลุกขึ้นยืน

“บุญคุณที่ช่วยชีวิต ต้องตอบแทนเป็นทวีคูณ” เยวี่ยติ้งถังตบบ่าเขา เกือบทำให้หลิงซูล้มหน้าคว่ำลงไปแล้ว

“ผมจะขึ้นไปดูหน่อย!”

ไม่ต้องรอให้เยวี่ยติ้งถังสั่ง ตำรวจเขตเช่าก็วิ่งกลับไปที่บ้านสกุลหยวน

เยวี่ยติ้งถังพูดขึ้น “เมื่อกี้ไม่มีลม”

หลิงซูเอ่ยต่อ “ในห้องก็ไม่มีคน”

ก่อนหน้านี้พวกเขาเพิ่งไปดูมาทั่วทั้งข้างนอกข้างในห้อง เมื่อรวมพ่อบ้าน อาหลัน และตำรวจเขตเช่าแล้วก็เป็นห้าคนสิบตา พวกเขาไม่มีทางที่จะไม่เห็น เว้นเสียแต่ว่าคนตัวเป็นๆ จะหายตัวได้เท่านั้น

เห็นผีเสียงั้นเหรอ

ไม่นานตำรวจเขตเช่าก็วิ่งกระหืดกระหอบกลับมา

“ในห้องไม่มีคน! ตึกใหญ่ไม่มีใครอยู่เลยสักคนเดียว!”

ก็ต้องไม่มีอยู่แล้ว ตอนที่พวกเขาออกมายังล็อกประตูแล้วด้วยซ้ำ กุญแจก็อยู่ในมือของตำรวจเขตเช่า จะมีคนได้อย่างไร

แต่กลางวันแสกๆ ไม่มีลมไม่มีฝน กระถางต้นไม้ที่วางอยู่บนระเบียงดีๆ จู่ๆ จะหล่นลงมาแตกได้ยังไงกัน

ตำรวจเองก็รู้สึกถึงความผิดปกตินี้ เขาเก็บซ่อนความหวาดกลัวบนสีหน้านั้นเอาไว้ไม่อยู่ ยิ่งก่อนหน้านี้อาหลันเพิ่งจะบอกว่าเห็นเงาของคุณนาย ก็คงอดที่จะเชื่อมโยงอย่างฟุ้งซ่านไม่ได้

“เอากุญแจมาให้ผมแล้วกัน เดี๋ยวกลับไปแล้วผมจะไปพูดกับหัวหน้าของพวกคุณเอง” เยวี่ยติ้งถังยื่นมือออกมา

ตำรวจเขตเช่าส่งกุญแจให้เขาอย่างไม่ลังเล พอคิดว่าคืนนี้ตนเองยังต้องเฝ้าอยู่ที่นี่อีกก็รู้สึกหวาดหวั่นขึ้นมานิดๆ

เกือบตลอดทั้งบ่ายพวกเขาอยู่ที่บ้านสกุลหยวนอย่างไม่รู้ตัว

แสงสนธยาสาดสีแดง วาดภาพอันงดงามที่ขอบฟ้าดั่งกวีสำนักซินเยวี่ยกล่าวขานกันว่าเป็นทิวทัศน์กวางหลิงหยางแขวนเขา

แต่เยวี่ยติ้งถังกับหลิงซูกลับรู้สึกว่าตนเหมือนเป็นแมลงวันที่ถูกต้อนเข้าตาข่าย ได้แต่พุ่งชนไปมั่วๆ ไร้ทิศทาง ส่วนคนที่ถือตาข่ายนี้อยู่กลับเป็นคนที่พวกเขามองไม่เห็น

และอีกฝ่ายอาจจะเป็นฆาตกรที่ฆ่าตู้อวิ้นหนิงก็ได้

เรื่องที่ร้านบะหมี่ตำรับสกุลเซียวเกิดไฟไหม้ก็อาจจะไม่ใช่เหตุบังเอิญ

เมื่อเรื่องเป็นอย่างนี้แล้ว หลิงซูก็จะกลายเป็นคนที่ถูกตราหน้าจากคนมากมาย

และเมื่อความเห็นของสาธารณชนถูกบ่มเพาะไปในทิศทางเดียวกัน…

“ฉบับพิเศษ! ฉบับพิเศษ! สาวสวยคนดังของเซี่ยงไฮ้ตู้อวิ้นหนิงตายอย่างมีเงื่อนงำ!”

“ฉบับพิเศษ ฉบับพิเศษ! สาวคนดังตู้อวิ้นหนิงถูกฆ่า ฆาตกรตัวจริงเป็นใครกันแน่!”

“ขายหนังสือพิมพ์ ขายหนังสือพิมพ์! พิมพ์เพิ่มเป็นพิเศษสดๆ ร้อนๆ เมื่อสองชั่วโมงก่อน เนื้อหาสะท้านสะเทือน มีจำนวนจำกัด มาก่อนได้ก่อน!”

เด็กขายหนังสือพิมพ์ตะโกนขายของตลอดทางพลางวิ่งผ่านข้างกายพวกเขาไป

เยวี่ยติ้งถังมือไวตาไว เขาดึงเด็กขายหนังสือพิมพ์เอาไว้คนหนึ่ง

“เท่าไหร่ ฉันเอาสองฉบับ!”

“ได้ครับ!”

เด็กขายหนังสือพิมพ์ยิ้มแย้มแจ่มใส เขาดึงหนังสือพิมพ์สองฉบับออกมาจากปึกที่เหลืออยู่ไม่มากตรงข้อพับแล้วก็ยัดใส่มือเยวี่ยติ้งถัง

“หนังสือพิมพ์ฉบับนี้ขายดีไหม” เยวี่ยติ้งถังยื่นเงินให้พร้อมถามไปด้วย

“ขายดีมากเลยครับ ดูสิ แป๊บเดียวเหลือแค่นี้แล้ว ถ้าคุณสองคนมาช้ากว่านี้หน่อยก็หมดแล้วครับ!”

หาดเซี่ยงไฮ้มีหนังสือพิมพ์หัวเล็กๆ อยู่ไม่น้อย ไม่ได้มีชื่อเสียงเหมือนเซินเป้าหรือต้ากงเป้า หนังสือพิมพ์หัวเล็กๆ เหล่านี้มักจะต้องหาเส้นทางใหม่ อาศัยข่าวลือเกินจริงที่ถูกสร้างขึ้นมาตามท้องถนนกับเรื่องราวลึกลับต่างๆ ในการกอบโกยยอดขาย

อย่างหนังสือพิมพ์หวงผู่ซินเป้าที่เขาเห็นอยู่นี้ เยวี่ยติ้งถังก็ไม่เคยได้ยินชื่อมาก่อน

เขาหยิบหนังสือพิมพ์ขึ้นมา สิ่งแรกที่สะดุดตาก็คือพาดหัวข่าวตัวโต…

 

‘สาวสวยคนดังของเซี่ยงไฮ้ตู้อวิ้นหนิงตายอย่างมีเงื่อนงำ!’

 

ด้านล่างยังมีพาดหัวรองอีกสองบรรทัด…

 

‘จากสาวมากความสามารถของสาธารณรัฐสู่คุณนายตระกูลดัง เหตุใดสาวคนดังจึงเสียชีวิต

จากคนที่เติบโตมาด้วยกัน สู่ลูกชายขุนศึกใหญ่ เธอผู้เป็นที่หลงใหลของคนมากมายในแวดวงสังคม สุดท้ายคนที่เล่นกับไฟก็ต้องตายเพราะไฟหรือ

 

ทุกถ้อยคำกระตุ้นความสนใจอย่างเต็มที่ เพียงแวบเดียวก็ดึงดูดสายตาได้ทันที

 

โปรดติดตามตอนต่อไป

ติดตามบทต่อไป ได้ในวันที่ 03 .. 65

Comments

comments

No tags for this post.
Continue Reading

More in everY

บทความยอดนิยม

everY

ทดลองอ่าน เขตห้ามรักฉบับเบต้า เล่ม 1 Chapter 2.1-2.2 #นิยายวาย

ทดลองอ่าน เรื่อง เขตห้ามรักฉบับเบต้า เล่ม 1 ผู้เขียน : MINTRAN แปลโดย : ทันบี ผลงานเรื่อง : 배타적 연애 금지구역 ถือเป็นลิขสิทธิ์...

จุติรัก พลิกชะตาร้าย

ทดลองอ่าน จุติรัก พลิกชะตาร้าย บทที่ 1-2

บทที่ 1 ฮ่องเต้หญิง   “ท่านพี่นำร้อง น้องหญิงคลอรับ ท่านพี่เสียงเพิ่งลับ น้องหญิงสลับขึ้นเวที เป็นมารดาอารี มีบุตรีกตัญญ...

ทดลองอ่าน

ทดลองอ่าน ร้อยเรียงรักเคียงฤทัย บทนำ – 1.2

บทนำ ความหลังของต้าลี่ 1   ฤดูหนาวในรัชศกต้าลี่ปีที่สิบเอ็ด โม่เป่ย ตำบลค่งหม่า สถานที่แห่งนี้คือประตูด่านสำคัญสุดท้ายทา...

จุติรัก พลิกชะตาร้าย

ทดลองอ่าน จุติรัก พลิกชะตาร้าย บทที่ 7-8

บทที่ 7 ค่าเดินทาง เมื่อภูตสุนัขดำคืนร่างเป็นสุนัขธรรมดาตัวหนึ่ง ภูตบุปผาสองตนนั้นก็ไม่อาจทำการใหญ่ ต่อให้ชาวหมู่บ้านป่า...

จุติรัก พลิกชะตาร้าย

ทดลองอ่าน จุติรัก พลิกชะตาร้าย บทที่ 3-4

บทที่ 3 เกิดใหม่   เวิ้งฟ้าดำสนิทปานน้ำหมึก เพียงมีดวงดาวบางตากระจัดกระจายบนม่านฟ้า ทอรัศมีอ่อนจางประเดี๋ยวเผยประเดี๋ยวเ...

community.jamsai.com