everY
ทดลองอ่าน คน • สื่อ • วิญญาณ เล่ม 3 บทที่ 2-3 #นิยายวาย
บทที่ 2
ไอโม่ซินกินอาหารเช้าที่บ้านสกุลเกา ดื่มกาแฟที่คุณป้าชง รออยู่ครึ่งชั่วโมงช่างก็มา
ช่างทั้งสองคนดูเหมือนอาจารย์กับลูกศิษย์ คนหนึ่งอายุประมาณห้าสิบปี อีกคนเป็นหนุ่มอายุยี่สิบกว่าปี ทั้งสองดูกังวลมาก คนที่ตามมาด้านข้างก็คือชายหนุ่มร่างสูงใหญ่แข็งแรงกำยำสองคน และคนที่เข้าประตูมาเป็นคนสุดท้ายก็คือผู้ชายที่มีผมขาวเล็กน้อยราวกับอายุหกสิบต้นๆ คนหนึ่ง
“ลุงหลิน? ต้องให้ลุงมาด้วยตัวเอง รบกวนลุงแล้วครับ” เกาเฉิงย่วนมองเห็นหลินเฟิงเหอก็แปลกใจเล็กน้อยและรีบเข้ามาทักทาย
“อย่าพูดแบบนั้นเลย ได้ยินว่านายจะทุบผนัง มีจุดน่าสงสัยที่พวกเราไม่ทันสังเกตหรือเปล่า” หลินเฟิงเหอโบกไม้โบกมือเลี่ยงการทักทายแล้วเข้าไปถามตรงๆ
ชั่วขณะนั้นเกาเฉิงย่วนไม่รู้ว่าจะอธิบายอย่างไร หลินเฟิงเหอมีสายตาแหลมคม หันไปก็เห็นไอโม่ซินนั่งดื่มกาแฟอยู่บนโต๊ะอาหารในห้องครัว “คนนั้นใครน่ะ”
“นี่…เพื่อนผมครับ” เกาเฉิงย่วนไม่แน่ใจว่าต้องแนะนำไอโม่ซินอย่างไรถึงจะดี
ไอโม่ซินวางแก้วกาแฟลงแล้วเดินเข้ามาพูดกับเกาเฉิงย่วน “ให้คนทุบผนังก่อนเถอะครับ ทุบไปตามเส้นที่ผมวาดเอาไว้ แล้วก็ระวังหน่อยนะครับ”
“ได้ครับ” เกาเฉิงย่วนไม่สนใจจะไต่ถามสารทุกข์สุกดิบหลินเฟิงเหอและรีบนำตัวคนงานทั้งสองคนเข้าไปทำงานในห้องน้ำ
“คุณหลิน ผมแซ่ไอ ทำงานอยู่ที่กองงานบุคคล กรมตำรวจนครบาล ผมเคยได้ยินหัวหน้าพูดถึงคุณมาก่อน” ไอโม่ซินเป็นฝ่ายแนะนำตัวเองกับหลินเฟิงเหอ
หลินเฟิงเหอได้ยินการแนะนำตัวของเขาก็ตกตะลึงไปอย่างเห็นได้ชัด ก่อนจะเป็นฝ่ายยื่นนามบัตรให้ไอโม่ซินด้วยตัวเอง “ที่แท้ก็เป็นคุณไอ ผมเคยได้ยินท่านสือพูดถึงคุณ ถ้าผมรู้ว่าเฉิงย่วนรู้จักคุณก็คงไม่แนะนำคนอื่นให้เขาหรอกครับ”
ไอโม่ซินรับนามบัตรเอาไว้และตอบกลับอย่างสุภาพ “เพื่อนแนะนำมาน่ะครับ”
“งั้นขอถามได้มั้ยครับว่ามีเรื่องอะไรที่พวกเราช่วยได้บ้าง” หลินเฟิงเหอรู้ดีว่าในเมื่อไอโม่ซินมาแล้วก็เห็นได้ชัดว่าเรื่องนี้ไม่ใช่ว่าพวกเขาตรวจสอบไม่รอบคอบ และการหายตัวไปในครั้งนี้ก็คงไม่ใช่เรื่องที่พวกเขาจะสามารถจัดการได้
“ผมอยากถามว่าคุณเคยตรวจสอบพ่อของคุณเกาหรือเปล่าครับ” ไอโม่ซินก็ไม่ได้เกรงใจและถามออกไปตรงๆ
“เคยครับ เฉิงย่วนเคยสงสัยพ่อของเขาจริงๆ ในใจเขาน่าจะคิดว่าพ่อของตัวเองทำเรื่องแบบนี้ไม่ได้หรอก เขาเลยให้ผมตรวจสอบเผื่อเอาไว้ แต่ก็สืบไม่เจอว่าประธานเกามีเหตุผลอะไรที่จะทำร้ายลูกชายคนเล็กคนนี้ อย่างมากเขาก็แค่ไม่สนใจเด็กคนนี้เท่านั้นเอง ผมเคยไปเยี่ยมทนายของประธานเกาเป็นการส่วนตัว ฝ่ายนั้นบอกผมว่าหลังจากที่ลูกชายคนเล็กคนนี้ปรากฏตัวขึ้นมา ประธานเกาก็ทำพินัยกรรมขึ้นมาล่วงหน้า ต่อให้ในอนาคตลูกชายคนเล็กคนนี้อยากแย่งก็แย่งไปไม่ได้ อีกอย่างเรื่องนี้ก็ไม่ใช่ความลับ ความตั้งใจเดิมของประธานเกาก็คือหวังให้มีคนรู้ว่าลูกชายคนเล็กคนนี้ไม่ได้สำคัญสำหรับเขาและสกุลเกาเลย อย่างน้อยก็ไม่มีเหตุผลจะทำร้ายเขาเพราะคงไม่ได้ประโยชน์อะไร”
“คุณมั่นใจใช่มั้ยครับว่านี่ไม่ใช่วิธีปกป้องอีกอย่างหนึ่ง” ไอโม่ซินเอ่ยถามอย่างระมัดระวัง
หลินเฟิงเหอเข้าใจความหมายของเขาได้ในทันที “ผมก็เคยสงสัย แต่ไม่มีความจำเป็นแบบนั้นจริงๆ ครับ ตอนประธานเกายังหนุ่มเขาเคยล่วงเกินคนมามาก แต่เขาก็ไม่ใช่คนร้ายที่จะลักพาตัวฆ่าคนแบบนั้นได้ ยิ่งไม่ต้องพูดถึงว่าประธานเกาเองก็ค่อนข้างมีอิทธิพลในวงการมืดมากทีเดียว ถ้าเขาอยากจะปกป้องลูกชายคนเล็กคนนี้จริงๆ การรับกลับไปคงจะปลอดภัยมากที่สุด แต่ดูเหมือนเขาจะสนใจแต่เรื่องจะมีคนมาแย่งสมบัติลูกชายของเขาหรือเปล่า แม้แต่พินัยกรรมเขาก็ยังเขียนเอาไว้เสร็จสรรพ แถมยังเห็นชัดว่าไม่อยากได้ลูกคนนี้ ดังนั้นไม่ว่าใครจะทำร้ายเด็กคนนี้ก็ถือว่าลงมือโดยไม่จำเป็นทั้งนั้น”
ไอโม่ซินขมวดคิ้ว ได้ยินเสียงท่านลุงเล็กพูดข้างหู เขาพยักหน้าให้หลินเฟิงเหอ เมื่อหันหน้าเดินไปทางห้องน้ำก็ได้ยินเสียงเกาเฉิงย่วนตะโกนเรียกเขา “คุณไอ ทุบผนังได้แล้วครับ”
หลินเฟิงเหอตามหลังไอโม่ซินไปด้วยความสงสัยและมองไปที่ผนังด้านนั้นของห้องน้ำ
ไอโม่ซินเดินเข้าไปในห้องน้ำ มองเห็นผนังด้านนั้นถูกทุบไปสองในสาม เกาเฉิงย่วนตรวจสอบด้านในแล้ว เนื่องจากกังวลมากเกินไปเขาจึงพูดขึ้นพร้อมเหงื่อไคลเต็มศีรษะ “ไม่มีครับ! เฉิงเหลียงไม่ได้อยู่ด้านใน ด้านในไม่มีอะไรเลย”
คนงานสองคนทำหน้าประหลาดใจ พวกเขามองหน้ากันแวบหนึ่งโดยไม่กล้าพูด
ไอโม่ซินจับผนังชะโงกหัวเข้าไป ด้านในมีความชื้นอยู่จริงๆ ช่องว่างมีขนาดใหญ่จนสามารถยัดคนเข้าไปได้ทั้งคน แต่ในนั้นไม่มีอะไรเลย ท่านตายืนอยู่ในนั้นและจ้องมองไปทางด้านขวาที่ยังไม่ได้ทุบออกพร้อมพูดด้วยน้ำเสียงระมัดระวัง “ในนั้นอาจจะมีบางอย่างจริงๆ”
ไอโม่ซินจับผนังที่มีความเปียกชื้นอยู่ด้านในและก้าวเข้าไปดูทั้งตัว เขาเองก็สัมผัสได้ว่าตรงนั้นผิดปกติ ตรงนั้นเหมือนจะมีหมอกควันบางๆ ปิดกั้นสายตาของเขาอยู่ เขาอยากจะเดินเข้าไปใกล้แต่กลับถูกท่านตาห้ามเอาไว้
“อย่าเข้าไป ยืนมองอยู่ตรงนี้ก็พอ”
“มีไฟมั้ยครับ” ไอโม่ซินทำได้เพียงยืนถามอยู่ที่เดิม เกาเฉิงย่วนรีบไปหาไฟฉายกระบอกหนึ่งมาให้เขา
ไอโม่ซินเปิดไฟฉายส่องไปตรงนั้น แสงไฟกะพริบวูบวาบคล้ายมีเงารำไรของใครบางคน
หลินเฟิงเหอขยับเข้ามามองดูแวบหนึ่งด้วยความอยากรู้อยากเห็น แต่ก็มองไม่ออกว่าตรงนั้นมีอะไร สายตากวาดมองไปรอบหนึ่งก็มองไปทางคนงานสองคนนั้นด้วยความสงสัย “พวกนายทำงานนี้ไม่ดีนี่นา ด้านในมีความชื้นตั้งเยอะขนาดนั้น”
“ก่อนหน้านี้ซ่อมดีแล้วจริงๆ นะครับ ท่อก็เปลี่ยนใหม่หมดเลย ไม่มีทางกลายเป็นแบบนี้ได้แน่นอน” คนที่อายุมากกว่ารีบอธิบาย
“งั้นทำไมถึงเหลือที่ว่างไว้เยอะขนาดนี้ล่ะ ฉันไม่เคยเห็นท่อน้ำในผนังเหลือช่องว่างด้านในไว้ตั้งสองชั้นเลย วางแผนจะทำอะไรกันแน่” หลินเฟิงเหอถามด้วยน้ำเสียงเฉียบขาด
“ไม่มีนะครับ! พวกเราทำตามแบบของนักออกแบบทั้งหมดเลย ซ่อมท่อน้ำเสร็จ เขาก็เคยตรวจสอบแล้วว่าไม่มีปัญหา ถึงได้ให้พวกเราฉาบผนังติดตั้งอ่างอาบน้ำ ตำแหน่งเขาก็เป็นคนกำหนด ผมยังถามอาจารย์เลยว่าเหลือช่องว่างเอาไว้ตั้งเยอะขนาดนี้จะเอาไว้ฝังศพหรือไง อาจารย์ยังด่าว่าผมปากมากแล้วไม่ให้ผมพูดเรื่องนี้ด้วย” นายช่างหนุ่มพูดด้วยน้ำเสียงไม่ยินยอม
คนที่อายุมากกว่าทำหน้ากลืนไม่เข้าคายไม่ออก “พวกเราก็แค่ทำการซ่อมแซม นักออกแบบว่ายังไงพวกเราก็ทำอย่างนั้น เรื่องแบบนี้ไม่ใช่เรื่องที่พวกเราจะคุยกับเจ้าของบ้านได้ แต่ผมมั่นใจว่าตอนที่ฉาบผนังด้านในไม่มีอะไรจริงๆ”
ไอโม่ซินยิ่งมองก็ยิ่งรู้สึกผิดปกติ เขาส่องไฟฉายขึ้นไปด้านบน บริเวณที่แสงไฟวาบผ่านเหมือนจะมองเห็นเส้นสีดำสายหนึ่ง เขาค่อยๆ ส่องไฟตามไป มองอย่างพินิจพิเคราะห์อยู่นานจึงพบว่าผนังตรงนั้นมีรูปวาดของดวงตาหนึ่งดวง และมีเส้นทแยงมุมพาดผ่านไปอีกหนึ่งเส้น ดูแล้วเหมือนรูปภาพที่ใช้เวลาส่งรหัสลับ
เมื่อไอโม่ซินมองเห็นรูปนั้น ใบหน้าก็เต็มไปด้วยความประหลาดใจ เกาเฉิงย่วนจับตาดูเขาอยู่ตลอด จึงสังเกตเห็นสีหน้าผิดปกติของเขาได้ในทันที “คุณไอ ตรงนั้นมีอะไรผิดปกติเหรอครับ”
ไอโม่ซินยกมือขึ้นโบกไปมาเป็นสัญญาณให้เขารอก่อน จากนั้นก็ก้าวไปด้านหน้าอีกก้าวเล็กๆ ก่อนถามเสียงเบา “นั่นมัน…ใช่สิ่งที่ผมคิดมั้ยครับ”
จนถึงตอนนี้ไอเฉินถึงได้สังเกตเห็นสัญลักษณ์นั่น เขามองดูอย่างละเอียดด้วยสีหน้าอึมครึมอยู่สักพักถึงค่อยพยักหน้า
“ใช่ มันคือผีบังตา”
คราวนี้ไอโม่ซินคิดว่าเรื่องนี้คงจัดการไม่ง่ายแล้ว เขามองไปที่เกาเฉิงย่วนแวบหนึ่ง ถ้าหากเป็นปัญหาส่วนตัวของเกาเฉิงย่วน สือหมิงคงไม่ให้เขามาช่วยอีกฝ่ายแน่ เกาเฉิงเหลียงก็อายุแค่สิบห้าปี หรือว่าปัญหาจะอยู่ที่พ่อของพวกเขา?
ไอโม่ซินเงียบไปสักพัก คำสั่งสอนของบรรพบุรุษกล่าวไว้ว่าพบแล้วก็ต้องจัดการ คนอื่นล้วนยืนอยู่ตรงนี้ ในเมื่อพบแล้วก็ต้องจัดการ
ไอโม่ซินถอนหายใจเบาๆ และพูดกับเกาเฉิงย่วนด้วยใบหน้าที่เต็มไปด้วยความจนปัญญา “คุณเกาครับ เรียกรถพยาบาลมาเถอะครับ”
“ฮะ? ตอนนี้เหรอครับ” เกาเฉิงย่วนงุนงงเล็กน้อย แต่หลินเฟิงเหอกลับตอบสนองอย่างรวดเร็ว หยิบโทรศัพท์ขึ้นมาเรียกรถพยาบาล
พอรู้ว่ามันคืออะไรก็จัดการได้ไม่ยากแล้ว ไอโม่ซินหยิบสมุดออกมาเขียนอักษรจำนวนหนึ่งลงบนกระดาษ ก่อนฉีกมันแล้วพลิกมือโยนออกไป แสงสีทองสาดส่องออกมา เขามองภาพที่อยู่เบื้องหน้าแล้วขมวดคิ้วมุ่นก่อนจะรีบก้าวออกไป มองดูนักสืบแข็งแรงกำยำสองคนที่อยู่ด้านหลังหลินเฟิงเหอไปทางซ้ายทีขวาที ก่อนจะเลือกคนที่อยู่ด้านขวา “รบกวนคุณมาช่วยผมพาคนออกมาได้มั้ยครับ”
เกาเฉิงย่วนได้ยินว่ามีคนก็รีบร้อนจะตามเข้าไปด้วย แต่ก็ถูกไอโม่ซินห้ามไว้ “อย่าเพิ่งรีบร้อนเลยครับ คุณไม่เหมาะที่จะเข้ามา”
หลินเฟิงเหอมองไปทางนักสืบคนนั้นแล้วพยักหน้าให้ อีกฝ่ายก็ทำตามโดยไม่ลังเล เขามีรูปร่างสูงมาก เวลาเข้าไปในผนังจึงต้องงอตัว ทันทีที่เขาเข้าไปก็เห็นเด็กหนุ่มผ่ายผอมคนหนึ่งกำลังขดตัวอยู่ในซอกหลืบ ในใจพลันรู้สึกตกตะลึง เมื่อครู่เขาเพิ่งมองไปแวบหนึ่งและมั่นใจว่าตรงนั้นไม่มีคนอยู่จริงๆ ทันใดนั้นเขาก็รู้สึกชาวาบไปตั้งแต่ศีรษะจนถึงปลายเท้า แต่ในเมื่อต้องเรียกรถพยาบาลก็ชัดเจนแล้วว่าต้องเป็นคนที่ยังมีชีวิตอยู่แน่นอน เขาไม่ได้ลังเลนานนักและเอื้อมมือไปอุ้มเด็กหนุ่มคนนั้นขึ้นมา
นักสืบอีกคนตามมาช่วยรับช่วงต่อ เกาเฉิงย่วนเห็นพวกเขานำตัวน้องชายออกมาจริงๆ ก็ถลันเข้าไปด้วยใบหน้าที่เต็มไปด้วยความประหลาดใจและตะโกนเสียงดัง “เฉิงเหลียง!”
“ยังมีชีวิตอยู่ ไม่ต้องกังวลครับ รีบพาไปส่งโรงพยาบาลก็โอเคแล้ว” ไอโม่ซินพูดไปก็หยิบโทรศัพท์พลางเดินออกจากห้องน้ำ แล้วออกไปโทรศัพท์ที่ห้องนั่งเล่น
“นายรู้หรือเปล่าว่าอะไรกักขังน้องชายของเขาเอาไว้” โทรศัพท์ดังสองครั้งก็มีคนรับสาย ไอโม่ซินตะโกนเสียงต่ำด้วยความโมโห “ผีบังตาเลยนะ!”
ไอโม่ซินไม่ทันได้รอให้อีกฝ่ายตอบกลับ เขาก็สัมผัสได้ถึงไอหยินเข้มข้นภายในห้อง มันเข้มข้นเสียจนอากาศไม่สามารถไหลผ่านได้ ทันใดนั้นข้างกายของเขาก็เต็มไปด้วยชนเผ่าเถี่ยนที่คอยปกป้อง
[…อีกฝ่ายเป็นยังไงมายังไงล่ะ] สือหมิงเงียบไปสองวินาทีถึงค่อยเอ่ยปากพูด
ไอโม่ซินมองไปพอดี เขาหลับตาคลึงหน้าอกเพราะรู้สึกว่าหายใจไม่ค่อยสะดวก “ชูธงโลหิต* แบบนี้ นายว่าเป็นไงมาไงล่ะ”
สือหมิงเงียบไปนานกว่าจะตอบกลับ […จัดการได้หรือเปล่า]
“สายไปแล้ว” ไอโม่ซินตัดสาย มองไปยังใบหน้าดำมืดอึมครึมของอีกฝ่ายก่อนถามด้วยความรู้สึกจนปัญญาเล็กน้อย “คุยกันหน่อยได้มั้ยครับ”