everY
ทดลองอ่าน คุณชายแซ่กู้กับเจ้าสุนัขลู่จอมดุ เล่ม 1 บทที่ 1-2 #นิยายวาย
ทดลองอ่านเรื่อง คุณชายแซ่กู้กับเจ้าสุนัขลู่จอมดุ เล่ม 1
ผู้เขียน : เจี้ยงจื่อเป้ย
แปลโดย : ปราณหยก
ผลงานเรื่องคุณชายแซ่กู้กับเจ้าสุนัขลู่จอมดุ
ถือเป็นลิขสิทธิ์ของสำนักพิมพ์เอเวอร์วายในการเผยแพร่ผลงาน
จัดพิมพ์และจัดจำหน่ายในประเทศไทยแต่เพียงผู้เดียว
หากผู้ใดละเมิดลิขสิทธิ์จะถูกดำเนินคดีตามกฎหมาย
** หมายเหตุ: ยังไม่ใช่ต้นฉบับที่เสร็จสมบูรณ์ **
– – – – – – – – – – – – – – – – –
บทที่ 1
ลู่เยี่ยนที่สวมหน้ากากอนามัยเดินฝ่าบรรดาชายหนุ่มหญิงสาวในผับ
ดีเจกำลังเปิดเพลงแดนซ์แสบแก้วหูอย่างเต็มที่ แสงไฟสลัวราง หากอยากได้ยินคำพูดของคู่สนทนาชัดๆ ก็ต้องเอาหูไปติดกับริมฝีปากของอีกฝ่าย
ลู่เยี่ยนรู้สึกมาตลอดว่าเสียงเพลงดังสนั่นจนปวดหูในผับมีไว้เพื่อเป็นข้ออ้างให้คนได้ถึงเนื้อถึงตัวกันง่ายขึ้น และบรรยากาศคลุมเครือในที่แห่งนี้จะได้พุ่งทะยานขึ้นไปสู่จุดสูงสุด
ในดวงตาของเขาซึ่งมีเส้นเลือดฝอยจางๆ เวลานี้ไร้ความรู้สึกใดๆ ลู่เยี่ยนเดินฝ่าฝูงชนอย่างไม่รีบร้อนตรงไปยังโซนห้องส่วนตัวของผับ
คนที่ลู่เยี่ยนเดินผ่านต่างมองเขาด้วยสายตาแปลกๆ เพราะยุคนี้แม้แต่ดาราดังที่เข้าผับตอนกลางคืนก็ไม่สวมหน้ากากอนามัยกันแล้ว การสวมหน้ากากอนามัยในสถานที่ที่ทุกคนต่างนุ่งน้อยห่มน้อยแบบนี้มีแต่จะยิ่งดึงดูดความสนใจจากผู้คนมากขึ้น
ช่วงนี้ลู่เยี่ยนงานยุ่งมากจนวิงเวียนศีรษะ ตอนนี้หากได้หลับตาอยู่นิ่งๆ เกินห้าวินาทีก็สามารถหลับได้ เมื่อยี่สิบนาทีก่อนเขาเพิ่งถ่ายงานของวันนี้เสร็จสิ้นและงีบเอาแรงบนรถตู้เล็กน้อย ตอนลงจากรถชายหนุ่มรีบมากเลยไม่ได้ถอดหน้ากากอนามัย
เมื่อเขาเดินมาถึงโซนห้องส่วนตัวก็เปิดมือถือดูหมายเลขห้องที่มีเบอร์แปลกส่งมาให้เมื่อครู่
002
ใต้ตัวเลขมีรูปภาพอีกหนึ่งรูป เป็นรูปมือใหญ่สองคู่สอดประสานกัน บนนิ้วนางของมือข้างหนึ่งสวมแหวนเงินแบบผู้ชาย มันเปล่งประกายสีเงินอยู่ในความมืดสลัว
รูปแบบของแหวนเป็นสไตล์ที่ลู่เยี่ยนชอบ…เพ้อเจ้อ แหวนวงนี้เขาเป็นคนเลือกด้วยตัวเอง ถึงขั้นจำราคาของมันได้ด้วยซ้ำ
เมื่อชายหนุ่มเดินมาถึงหน้าห้อง 002 ก็สูดลมหายใจเข้าลึกหนึ่งครั้งก่อนเปิดประตู
ผู้ชายสองคนที่อยู่ข้างในกำลังกอดรัดฟัดเหวี่ยงกัน คนหนึ่งกดอีกคนติดผนัง พวกเขากำลังจูบกันอย่างเร่าร้อน
เป็นภาพที่สุดยอดมาก ลู่เยี่ยนคิด ถ้าหนึ่งในนั้นไม่ใช่แฟนของเขา
คนสองคนที่กำลังจูบกันอย่างร้อนแรงได้สติ เมื่อเห็นว่ามีคนมาชายที่ถูกกดติดผนังก็ทำตาโต ก่อนจะรีบลุกขึ้นยืนตรง เขามองลู่เยี่ยนด้วยสีหน้าท่าทางทำอะไรไม่ถูก
“…ลู่เยี่ยน? คะ…คุณไม่ได้อยู่ที่สตูดิโอเหรอ”
ลู่เยี่ยนยกมือขึ้นเปิดไฟทุกดวงในห้องส่วนตัวแล้ว เมื่อเขาเห็นความโป่งพองน้อยๆ ตรงร่างกายช่วงล่างของสวี่เจ๋อก็หัวเราะเสียงเย็น
เขารู้จักชายที่ถูกสวี่เจ๋อกดติดผนัง เนื่องจากอีกฝ่ายเป็นนักแสดงชายที่ลู่เยี่ยนเคยร่วมงานด้วยในซีรี่ส์เรื่องก่อน หลิวซิงอัน…กำลังพิงผนังพลางมองตรงมาที่ลู่เยี่ยน
บนโต๊ะเหล้าในห้องส่วนตัวมีเหล้าอยู่หนึ่งโหล ลู่เยี่ยนก้มตัวลงไปหยิบขวดเหล้าเปล่าขวดหนึ่งมาเดาะในมือ
สวี่เจ๋อมีสีหน้าตื่นตระหนกทันที “ลู่เยี่ยน คุณฟังผมอธิบายก่อน อย่าหุนหันพลันแล่น”
ลู่เยี่ยนไม่ยอมฟัง เขายืนตรงแล้วฟาดขวดเหล้าเปล่าในมือใส่ทั้งคู่อย่างรุนแรง!
เพล้ง…
ลู่เยี่ยนเคลื่อนไหวเร็วมากจนทั้งสองคนตั้งตัวไม่ทัน ขวดเหล้าเฉียดหน้าสวี่เจ๋อไปแตกกระจายอยู่ที่ข้างหูของชายหนุ่ม
สีหน้าของหลิวซิงอันที่อยู่ข้างๆ เปลี่ยนจากภาคภูมิใจเป็นตื่นกลัว เขาจับแขนเสื้อของสวี่เจ๋อแน่นแล้วซุกอยู่ตรงซอกคอของอีกฝ่ายเหมือนสัตว์ตัวน้อยที่กำลังเสียขวัญ
พอฟาดขวดเหล้าเสร็จลู่เยี่ยนก็เดินออกจากห้องส่วนตัวแห่งนี้โดยไม่หันกลับไปมองอีก และตั้งแต่เดินเข้ามาจนเดินออกไปชายหนุ่มก็ไม่ได้เอ่ยปากพูดเลยแม้แต่คำเดียว
ภายในห้องส่วนตัวเงียบกริบอยู่พักหนึ่ง ลู่เยี่ยนเป็นเหมือนสายลมที่พัดมาไวแล้วจากไปเร็ว สวี่เจ๋อมองเศษแก้วบนพื้นพลางกลืนน้ำลาย นี่มันพายุทอร์นาโดชัดๆ
ในที่สุดสวี่เจ๋อก็ถอนตัวจากความรู้สึกต้องการและควานหาสติกลับมาได้ ชายหนุ่มขมวดคิ้วขณะเอ่ยถามหลิวซิงอันที่อยู่ข้างกาย “ฝีมือคุณเหรอ”
สวี่เจ๋อเป็นบอสใหญ่ของบริษัทซิงอวี๋ อยู่ในแวดวงความรักมานานหลายปีจนช่ำชองในด้านนี้ ขนาดมีแฟนแล้วก็ยังแอบไปมีเล็กมีน้อยแต่ไม่เคยถูกจับได้
คนอย่างสวี่เจ๋อได้ชื่อว่าเจ้าชู้ไร้หัวใจ เขาเคยมีแฟนมาหลายคนแต่ไม่เคยจริงจังกับใคร เวลาเลิกกันแต่ละครั้งก็เลิกกันแบบไร้เยื่อใย อีกทั้งพอทิ้งใครแล้วเขาก็ไม่เคยกลับไปคบซ้ำ การที่ช่วงนี้หลิวซิงอันขึ้นหม้อทำให้มองออกนานแล้วว่าสวี่เจ๋อกำลังไม่พอใจลู่เยี่ยน
ไม่อย่างนั้นทำไมเวลาสวี่เจ๋อมาหาหลิวซิงอันแต่ละครั้งถึงมีท่าทางหิวโซเสมอล่ะ
หลิวซิงอันไม่สนใจว่าสวี่เจ๋อจะเจ้าชู้แค่ไหน ขอเพียงได้ขยับไปนั่งอยู่ในตำแหน่งตัวจริงและได้รับโอกาสมากหน่อยก็พอ ดังนั้นเรื่องสำคัญเร่งด่วนในตอนนี้จึงเป็นการกำจัดตัวจริงทิ้งไปเสีย
หลิวซิงอันทำหน้าสลด “ขอโทษครับ ผม…ผมชอบคุณมากจริงๆ”
ตอนแรกสวี่เจ๋อคิดจะตามลู่เยี่ยนไป แต่พอเห็นเศษแก้วที่อยู่เต็มพื้นเขาก็ถอยกลับ ก่อนจะถอนหายใจแล้วทำได้เพียงปลอบขวัญคนในอ้อมแขน
ลู่เยี่ยนเดินออกจากผับไปขึ้นรถตู้ที่จอดรออยู่หน้าประตูอย่างว่องไว
เสี่ยวหลิวที่เป็นผู้ช่วยส่งขวดน้ำมาให้ทันที เขารู้กาลเทศะจึงไม่ได้ถามอะไรมาก “พี่เยี่ยน จะให้ผมส่งกลับบ้านเลยหรือเปล่าครับ”
ลู่เยี่ยนหลับตาลงอีกครั้ง ก่อนจะทำเสียงอืมเบาๆ แล้วถามว่า “คราวก่อนหลินอันบอกว่าสัญญาระหว่างฉันกับซิงอวี๋เหลืออีกนานแค่ไหนนะ”
เสี่ยวหลิวรีบตอบว่า “อีกสี่วันครับ เรานัดคุยเรื่องต่อสัญญากับทางซิงอวี๋มะรืนนี้”
ต่อจากนั้นลู่เยี่ยนก็ไม่ได้พูดอะไรอีก
พอกลับถึงคอนโดฯ ลู่เยี่ยนก็โยนมือถือไว้บนเตียงก่อนจะไปอาบน้ำ
ตอนเดินออกมาไอน้ำบนตัวยังไม่หายไปทั้งหมด จากนั้นลู่เยี่ยนก็เปิดมือถือ ช่วงสิบนาทีที่เขาอาบน้ำมีสายที่ไม่ได้รับสิบเอ็ดสายซึ่งเป็นเบอร์แปลกทั้งหมด
ต่อให้ใช้หัวแม่เท้าคิดก็รู้ว่าใครเป็นคนโทรมา
ลู่เยี่ยนดื่มน้ำพลางบันทึกเบอร์แปลกพวกนี้เข้าแบล็กลิสต์ของรายชื่อในมือถือ ให้พวกมันไปอยู่เป็นเพื่อนเบอร์ของสวี่เจ๋อ
ลู่เยี่ยนเป็นศิลปินในสังกัดบริษัทของสวี่เจ๋อ แต่ชื่อเสียงอันโด่งดังของเขาในปัจจุบันไม่ได้เกี่ยวกับสวี่เจ๋อแม้แต่น้อย ทั้งหมดเป็นสิ่งที่ตัวเขากับหลินอันที่เป็นผู้จัดการร่วมกันต่อสู้ฝ่าฟันจนได้มา ตอนที่สวี่เจ๋อเริ่มตามจีบลู่เยี่ยนในงานเลี้ยงครบรอบของบริษัทซิงอวี๋เมื่อปีก่อน ลู่เยี่ยนก็เป็นนักแสดงชายระดับแถวหน้าแล้ว
สวี่เจ๋อจีบลู่เยี่ยนอยู่สิบเดือนกว่าลู่เยี่ยนจะยอมตกปากรับคำให้ลองคบหากันดู คิดไม่ถึงว่ายังไม่ถึงสองเดือนอีกฝ่ายก็แอบนอกใจเขาเสียแล้ว
ตอนนี้พอมาคิดดูดีๆ อีกทีช่วงที่สวี่เจ๋อตามจีบเขาอยู่นั้นก็อาจเปลี่ยนคู่นอนไปหลายคนเหมือนกัน เมื่อคิดมาถึงตรงนี้ลู่เยี่ยนก็ยิ่งรู้สึกขยะแขยงมากกว่าเก่า
ช่วงเกือบสองเดือนมานี้สวี่เจ๋อวอนขอมีความสัมพันธ์กับลู่เยี่ยนหลายครั้ง แต่ลู่เยี่ยนบอกเขาอย่างชัดเจนว่าตนต้องการเป็นรุก ทว่าสวี่เจ๋อไม่เคยเป็นรับและลู่เยี่ยนเองก็ไม่เคยเป็นแฟนกับผู้ชาย ทำให้จนถึงตอนนี้พวกเขาก็ยังจัดการเรื่องนี้กันไม่ได้ ตอนนี้ลู่เยี่ยนจึงรู้สึกดีใจมากที่ตอนนั้นตนยืนยันว่าจะเป็นรุก ไม่งั้น…แค่คิดก็จะอาเจียนแล้ว
หนึ่งสัปดาห์หลังจากนั้นข่าวเรื่องลู่เยี่ยนไม่ต่อสัญญากับบริษัทซิงอวี๋ก็กลายเป็นประเด็นร้อนบนเวยป๋อ*
หลินอันถือโทรศัพท์คุยด้วยรอยยิ้ม “โอ้ บริษัทอี้ไฉเหรอครับ สวัสดีครับๆ…อ๋อ ใช่ครับ เสี่ยวเยี่ยนของเรากำลังจะหมดสัญญาแต่ยังไม่แน่ใจว่าจะต่อสัญญาหรือเปล่า ใช่ครับๆ เรารับรู้ถึงความจริงใจของบริษัทคุณดี เพียงแต่ตอนนี้ยังตัดสินใจไม่ได้…อ๋อ ได้เลยครับ สวัสดีครับ”
หลินอันวางสายแล้วหน้าเปลี่ยนสีทันที เขาเอ่ยถามคนข้างตัวด้วยสีหน้าเหนื่อยล้า “ตกลงนายอยากไปบริษัทไหน สองสามวันมานี้โทรศัพท์ฉันจะระเบิดอยู่แล้ว ถือเสียว่าสงสารฉันเถอะ รีบตัดสินใจได้แล้ว”
ลู่เยี่ยนเพิ่งถ่ายซีรี่ส์เสร็จและกำลังนั่งเล่นมือถือ เขาพูดด้วยน้ำเสียงเอ้อระเหย “ยังตัดสินใจไม่ได้ นายคิดว่าไง”
“ฉันคิดว่าไม่สำคัญ นายทำตัวชิลไปก็พอ เดี๋ยวนี้ไม่เหมือนเมื่อก่อน พวกเราไม่ขาดแคลนทรัพยากร จะไปที่ไหนก็อยู่ได้สบายทั้งนั้น” หลินอันกล่าว
หลินอันเจอลู่เยี่ยนเมื่อสี่ปีก่อน ทั้งสองคนร่วมมือกันดันลู่เยี่ยนมาสู่ความโด่งดังอย่างราบรื่น แม้ช่วงเวลาที่รู้จักกันจะไม่นานแต่ความสัมพันธ์กลับแน่นแฟ้น เมื่อลู่เยี่ยนจะยกเลิกสัญญา หลินอันย่อมตามเขาออกจากบริษัทซิงอวี๋
ลู่เยี่ยนเอ่ยถาม “มีบริษัทไหนอยากเซ็นสัญญากับฉันบ้าง”
หลินอันยิ้มอย่างภาคภูมิใจ “ไม่มีบริษัทไหนไม่อยากเซ็นสัญญากับนาย”
คำพูดนี้อาจฟังดูเป็นการคุยโว แต่นั่นกลับเป็นเรื่องจริง ลู่เยี่ยนหน้าตาดี หุ่นดี ถึงแม้จะไม่ได้เรียนจบการแสดงแต่กลับมีทักษะทางด้านการแสดงที่โดดเด่น กำลังจะเปลี่ยนสายไปวงการภาพยนตร์และเตรียมพุ่งขึ้นสู่ตำแหน่งราชาภาพยนตร์ อีกทั้งรูปแบบการดำเนินชีวิตเองก็ดีมาก ไม่ชอบวันไนต์สแตนด์ ไม่ชอบก่อปัญหา ศิลปินแบบนี้ใครเล่าไม่อยากได้
พอคิดมาถึงตรงนี้หลินอันก็เสริมประโยคหนึ่งอยู่ในใจเงียบๆ แถมยังจบจากมหาวิทยาลัยดัง ลำพังแค่ไอคิวก็ฆ่าคนในวงการได้เป็นแถบ ถ้าไม่ใช่เพราะลู่เยี่ยนอยากใช้การแสดงสร้างชื่อมากกว่าการใช้ความเป็นเนิร์ดประกาศศักดา ป่านนี้เขาคงดังมากกว่านี้ไปแล้ว!
ลู่เยี่ยนนวดขมับ “จะว่าไป…ความจริงแล้วฉันตั้งใจจะเปิดสตูดิโอเองสักแห่ง”
หลินอันตาเป็นประกาย เรื่องนี้ตรงกับไอเดียของเขาอย่างไม่ได้นัดหมาย! “งั้นยังต้องคิดอะไรอีก เราเปิดกันเลยเถอะ! ทุ่มทรัพยากรมาที่ตัวนายเองก่อน จากนั้นอีกสักปีสองปีพอตัวนายมีความมั่นคงแล้วเราค่อยเริ่มเซ็นสัญญารับคนอื่นเข้าสังกัด!”
“เรื่องนี้ค่อนข้างยุ่งยาก ขอฉันคิดดูอีกครั้งก่อนนะ”
หลินอันที่รู้ดีว่าลู่เยี่ยนกลัวความยุ่งยากมาตลอดย่อมผงกศีรษะ “ได้”
หลินอันเพิ่งเดินออกไปถามผู้กำกับเรื่องเวลาถ่ายทำ สวี่เจ๋อก็มาที่สตูดิโอ พอเจอลู่เยี่ยนอยู่ในห้องแต่งตัวก็ปิดประตูล็อกห้อง
เมื่อเห็นสวี่เจ๋อ ลู่เยี่ยนเพียงแค่ช้อนตาขึ้นมองแล้วก้มหน้าเล่นมือถือต่อด้วยท่าทางไม่สะทกสะท้านเลยสักนิด
สวี่เจ๋อทำหน้าจนใจ “เสี่ยวเยี่ยน เลิกทำตัวงอแงแบบนี้ได้ไหม”
จังหวะนั้นลู่เยี่ยนก็ทำเหมือนได้ยินเรื่องตลกอะไรสักอย่าง “ผมงอแงตรงไหน”
“คุณ…เราทะเลาะกัน การที่คุณไม่อยากเจอผมเป็นเรื่องปกติ แต่ไม่เห็นต้องงอแงจนถึงขั้นยกเลิกสัญญาเลยนี่นา”
ลู่เยี่ยนหัวเราะ “ประธานสวี่ครับ คุณเข้าใจผิดแล้ว ผมไม่ได้ทะเลาะกับคุณ แต่ผมเลิกกับคุณ อีกอย่างผมไม่ได้ยกเลิกสัญญา แต่สัญญาของเรามันครบกำหนดแล้ว”
สวี่เจ๋อสูดลมหายใจเข้าปอดลึกๆ หนึ่งครั้ง “เสี่ยวเยี่ยน ผมชอบคุณจริงๆ แต่ผมเป็นผู้ชายปกติธรรมดา ในเมื่อเกือบสองเดือนมานี้คุณไม่ยอมให้ผม…ผมย่อมทนไม่ไหว ผมขอโทษ ให้โอกาสผมอีกครั้งได้ไหม”
ลู่เยี่ยนบอกปัดทันที “ไม่ได้”
สวี่เจ๋อคิดไม่ถึงว่าอีกฝ่ายจะตอบอย่างตรงไปตรงมาเช่นนี้ จึงเริ่มโกรธเคือง “คุณจะคิดถึงผมสักนิดไม่ได้เลยเหรอ”
ลู่เยี่ยนหลุดขำ “สวี่เจ๋อ คุณตามจีบผมสิบเดือน ในช่วงสิบเดือนนั้นไม่ว่าความจริงใจของคุณจะเป็นของจริงหรือของปลอม ผมยอมรับทั้งหมดและจริงใจต่อคุณเหมือนกัน”
ชายหนุ่มพูดเยาะ “แต่คุณต่างหากที่ทำตัวเป็นสุนัขติดสัด คุณคบกับผมได้ไม่ถึงสองเดือนก็แอบมีชู้ ผมไม่กระทืบคุณให้ตายก็ดีเท่าไหร่แล้วรู้หรือเปล่า”
สวี่เจ๋อพูดในใจว่า แม่ง ทำไมลู่เยี่ยนถึงด่าเจ็บแบบนี้
สวี่เจ๋อเอ่ยถาม “ไม่มีทางเลยเหรอ”
ลู่เยี่ยนตอบกลับว่า “ไม่มี”
ผ่านไปครู่ใหญ่สวี่เจ๋อก็มีท่าทีผ่อนคลาย “ผมไม่มีทางยอมแพ้”
แต่น้ำเสียงของลู่เยี่ยนยังคงไม่เปลี่ยน “ประธานสวี่ครับ คุณชอบผมตรงไหน ผมจะแก้ไขให้เอง โอเคไหม คุณอย่าเสียเวลามาตื๊อผมเป็นสิบปีเลย ต่อให้ตัวคุณไม่เหนื่อย แต่ผมรำคาญ”
* เวยป๋อ เป็นแพลตฟอร์มโซเชียลมีเดียยอดนิยมของจีน คล้ายกับเฟซบุ๊ก