ทดลองอ่าน คุณชายแซ่กู้กับเจ้าสุนัขลู่จอมดุ เล่ม 1 บทที่ 7-8 #นิยายวาย – Jamsai
Connect with us

Jamsai

everY

ทดลองอ่าน คุณชายแซ่กู้กับเจ้าสุนัขลู่จอมดุ เล่ม 1 บทที่ 7-8 #นิยายวาย

หน้าที่แล้ว1 of 2

ทดลองอ่านเรื่อง คุณชายแซ่กู้กับเจ้าสุนัขลู่จอมดุ เล่ม 1

ผู้เขียน : เจี้ยงจื่อเป้ย

แปลโดย : ปราณหยก

  

ผลงานเรื่องคุณชายแซ่กู้กับเจ้าสุนัขลู่จอมดุ 

ถือเป็นลิขสิทธิ์ของสำนักพิมพ์เอเวอร์วายในการเผยแพร่ผลงาน

จัดพิมพ์และจัดจำหน่ายในประเทศไทยแต่เพียงผู้เดียว

หากผู้ใดละเมิดลิขสิทธิ์จะถูกดำเนินคดีตามกฎหมาย

 

  

** หมายเหตุยังไม่ใช่ต้นฉบับที่เสร็จสมบูรณ์ **

– – – – – – – – – – – – – – – – –

บทที่ 7

 

ตรงที่นั่งในมุมลับตาของผับ

เฉินอีหมิงรินเหล้าให้กู้ซวียิ้มๆ “ในที่สุดก็มีเวลาว่างแล้วเหรอ ไอ้คนงานยุ่ง”

กู้ซวีผลักเหล้าออก “ฉันขับรถ ไม่ดื่ม”

“ไม่เอาน่า มาผับแล้วไม่ดื่มเหล้าจะมาทำไม ดูวิวเหรอ”

“ก็นายให้ฉันมาไม่ใช่เหรอ”

“เพราะฉันอยากคุยเรื่องโต้วเมา TV กับนาย” เฉินอีหมิงดื่มเหล้าหนึ่งอึกแล้วถามเขาว่า “นายบอกว่าธุรกิจการเงินกับอสังหาริมทรัพย์ของนายไปได้ดี แล้วมายุ่งกับวงการนี้ทำไม เดี๋ยวก็เปิดบริษัทโมเดลลิ่งเอเจนซี่ เดี๋ยวก็ซื้อแพลตฟอร์มไลฟ์สด มันทำไมนัก ยังหาเงินได้ไม่เยอะพอหรือไง”

กู้ซวีเอนตัวพิงโซฟา “แล้วนายหาเงินได้เยอะพอแล้ว?”

“ไม่อยู่แล้ว” เฉินอีหมิงยิ้ม “เลิกพูดเถอะ ฉันเป็นใคร พี่น้องที่เล่นกับกู้ซวีมาตั้งแต่เล็กจนโตเชียวนะ ระหว่างเรายังไม่รู้ไส้รู้พุงกันอีกเหรอ พูดกันจริงๆ ก็เพื่อหลินชิงล่ะสิ”

กู้ซวีไม่ตอบ เหมือนยอมรับโดยนัย

“นายเลี้ยงหลินชิงอย่างกับลูก” เฉินอีหมิงพูดจบก็หัวเราะอีกครั้ง “ไม่สิ คนอื่นเขายังไม่ดูแลลูกดีเหมือนอย่างที่นายดูแลเขาเลย”

กู้ซวีกวาดตามองเขาแวบหนึ่ง “ไปเอาคำพูดเพ้อเจ้อเยอะแยะพวกนี้มาจากไหน”

เฉินอีหมิงโอบไหล่อีกฝ่าย “โอเคๆ ไม่พูดถึงเขา พูดแล้วนายกับฉันจะหมดอารมณ์กันเปล่าๆ จริงสิ ได้ยินว่าลู่เยี่ยนเซ็นสัญญาเข้าบริษัทนายเหรอ”

กู้ซวีเลิกคิ้ว “นายรู้ได้ไง”

“ทำไมฉันจะไม่รู้ บริษัทฉันก็ติดต่อเขาไปเหมือนกัน ทำได้ดีนี่นาย พอเปิดฉากมาก็ขุดฐานกำแพง* ฉันเลย”

กู้ซวียิ้มเยาะ “ไสหัวไปเลย ฉันจำเป็นต้องขุดฐานกำแพงนายด้วยเหรอ”

เฉินอีหมิงทำท่ากลัว “ไม่จำเป็นครับไม่จำเป็น ว่าแต่ว่าทำไมลู่เยี่ยนถึงเลือกบริษัทนายกันแน่ ถึงนายจะรวยแต่ก็เพิ่งเข้ามาในวงการ มีทรัพยากรเยอะเท่าฉันเสียที่ไหน”

“ไอ้ทรัพยากรสับปะรังเคของนายนั่นน่ะเหรอ” กู้ซวีมองชายหญิงที่ส่ายตัวไปมาอยู่ในฟลอร์เต้นรำด้วยแววตาที่อ่านความหมายไม่ออก “แม่ฉันรู้จักแม่เขา”

เฉินอีหมิงได้ยินแล้วก็ชะงักไปครู่หนึ่ง ก่อนจะหัวเราะออกมาทันที “ฮ่าๆ ฉันว่าแล้ว ที่แท้ก็เกี่ยวกับสายสัมพันธ์ในครอบครัว”

เฉินอีหมิงลากเสียงคำว่า ‘สายสัมพันธ์ในครอบครัว’ ยาวมาก กู้ซวีฟังแล้วไม่สบอารมณ์อย่างแรง

“อ้อ เรื่องเงินที่นายยืมฉันไปเมื่อตอนก่อนหน้านี้…”

“ฉันหมายถึงลู่เยี่ยนเป็นคนใช้สายสัมพันธ์ในครอบครัวน่ะ” เฉินอีหมิงรีบแก้คำอย่างหัวไว

ระหว่างที่ทั้งสองคนกำลังคุยกันก็มีเด็กหนุ่มคนหนึ่งเดินมา เขาแต่งกายยั่วยวนแต่ยากจะปกปิดความอ่อนเยาว์

เด็กหนุ่มเดินมาพร้อมรอยยิ้มแฝงนัย เขาไปยืนข้างกู้ซวีก่อนจะเอ่ยถาม “เลี้ยงเหล้าผมสักแก้วได้หรือเปล่าครับ”

เด็กหนุ่มสวมกางเกงรัดรูปขับเน้นสะโพกกลมกลึง ทั้งยังจงใจเอนตัวเข้าหากู้ซวี

ใครจะรู้ว่ากู้ซวีไม่มีปฏิกิริยาตอบสนองเลยสักนิด ไม่แม้แต่จะเหลือบมองสักแวบหนึ่ง เด็กหนุ่มเลยต้องวางแก้วเปล่าที่ถืออยู่ลงบนโต๊ะอย่างเก้อๆ

เฉินอีหมิงคุ้นชินกับเรื่องแบบนี้นานแล้ว คนในผับส่วนใหญ่ล้วนเป็นคนที่มาหาความสัมพันธ์ชั่วข้ามคืน เมื่อไหร่ที่เขาออกมาดื่มกับกู้ซวีเป็นต้องเจอคนเข้ามาชวนคุย มีทั้งผู้ชายและผู้หญิง แต่เป้าหมายในการชวนคุยนั้นคือกู้ซวีตลอดกาล

ดีที่เฉินอีหมิงเที่ยวกับกู้ซวีมานานหลายปีจนชินแล้ว

เด็กหนุ่มทำหน้ากระอักกระอ่วน เฉินอีหมิงเลยช่วยพูดแก้สถานการณ์ให้ว่า “เพื่อนผมกลัวคนแปลกหน้าน่ะ”

พอเด็กหนุ่มมีทางลงก็พูดอย่างเก้อเขิน “อย่างนี้เองเหรอครับ งั้นผมไม่รบกวนแล้ว” พูดจบก็รีบเผ่นหนีไป

เฉินอีหมิงจุปาก “ทำไม จะเป็นภิกษุแล้วเหรอ”

“ไม่มีอารมณ์”

เฉินอีหมิงหัวเราะเยาะ “ได้ยินว่าช่วงก่อนหน้านี้มีนายแบบมาเกาะติดนายแล้วถูกหลินชิงลากไปคุยด้วยเหรอ”

พูดจบก็เห็นกู้ซวีทำหน้าเหม็น เขาเลยเลิกคุยเรื่องนี้อย่างคนฉลาด เฉินอีหมิงตบไหล่กู้ซวีก่อนเดินเข้าไปในฟลอร์เต้นรำโดยทิ้งประโยคหนึ่งไว้ว่า

“คนเราน่ะนะ พอนายทำดีต่อเขา เขาก็ยิ่งอยากได้มากกว่าเก่า และพอนายตามใจเขามากๆ บางครั้งเขาก็หลงลืมแม้แต่สถานะของตัวเอง ถ้านายรู้สึกว่าติดค้างเขาก็ให้เงินเยอะสักหน่อยแล้วเลี้ยงแบบปล่อยดีกว่า ไม่อย่างนั้นหรือนายตั้งใจจะใช้ตัวเองตอบแทนคุณ?”

 

เฉินอีหมิงสนุกอยู่นานกว่าจะกลับมาที่โต๊ะ เขาถือมือถือไว้ในมือด้วยสีหน้ากระวนกระวาย และเนื่องจากรอบด้านเสียงดังมาก ชายหนุ่มเลยต้องตะโกนถามคนในสาย “อะไรนะ”

“รู้แล้ว ฉันจะไปเดี๋ยวนี้”

เขาเดินไปหากู้ซวี “ฉันไปลานจอดรถแป๊บหนึ่งนะ เดี๋ยวมา”

“ลานจอดรถ?”

“อืม วันนี้คนเยอะมาก ตอนมาไม่มีที่จอดเลยจอดขวางทางรถคนอื่น ตอนนี้ต้องไปย้ายรถ” เฉินอีหมิงบ่นพึมพำ “ผับตัวเองแท้ๆ แต่กลับไม่มีแม้แต่ที่จอดรถ คราวหน้าฉันจะให้คนกันที่ไว้ให้โดยเฉพาะ!”

เฉินอีหมิงพูดจบก็เตรียมจะเดินไป แต่กู้ซวียื่นมือมาดึงแขนเขาไว้

“ฉันไปเอง เอากุญแจรถมา”

เฉินอีหมิงถลึงตาใส่ “ไม่ๆ ฉันไปเองได้” เขาไม่กล้าให้คุณพี่ท่านนี้ช่วยย้ายรถให้หรอก

กู้ซวีกลอกตาใส่อีกฝ่าย “ดื่มแล้วห้ามยุ่งกับรถ”

ปกติเฉินอีหมิงจะขับรถมาแล้วค่อยเรียกใช้บริการขับรถแทนเพื่อส่งเขากลับบ้าน พอถูกเตือนเฉินอีหมิงก็ได้สติทันที “เออ ฉันลืมไป งั้นฉันจะให้คนอื่นไปช่วยย้ายแทน”

อากาศในผับไม่ดี กู้ซวีกำลังอยากออกไปรับลม เลยใช้นิ้วเกี่ยวกุญแจรถที่เฉินอีหมิงห้อยไว้ตรงเอวแล้วเดินออกจากผับ

พอกู้ซวีเดินไปถึงลานจอดรถก็เห็นเฟอร์รารี่ที่จอดแบบแปลกๆ คันนั้นทันทีเพราะมันจอดขวางอยู่หน้าซองจอดรถอย่างอหังการ ปิดทางรถที่อยู่ด้านในอย่างสิ้นเชิง

เฉินอีหมิงวางเบอร์โทรศัพท์ไว้ที่หน้ารถ เมื่อรวมเข้ากับรถที่ดูอวดโอ่แล้วก็ไม่รู้ว่าจะถูกโทรรบกวนมากแค่ไหน กู้ซวีหัวเราะเสียงเย็น ก่อนเดินไปที่ประตูรถแล้วเตรียมขึ้นไปนั่ง

รถที่ถูกขวางเป็นรถจากัวร์สีกรมท่า มีผู้ชายคนหนึ่งนั่งอยู่ในรถ เขาใช้มือแตะริมฝีปากอย่างเหม่อลอย ขนาดกู้ซวีมายืนอยู่ตรงหน้ารถแล้วก็ยังไม่มีการตอบสนอง

กู้ซวีมองปราดเดียวก็จำได้ว่าอีกฝ่ายคือลู่เยี่ยน

ช่วงสองสามปีมานี้หายากมากที่ลู่เยี่ยนจะดื่มสักครั้ง พอกลับมาถึงรถเขาก็นึกได้ว่าตัวเองขับรถไม่ได้เลยโทรหาหลินอัน แต่ใครจะรู้ว่าหลินอันเดินทางไปต่างเมืองกับอวิ๋นอันชิงแล้ว อีกทั้งวันนี้ยังเป็นวันเกิดของแฟนเสี่ยวหลิว ลู่เยี่ยนจึงรู้สึกไม่ดีถ้าจะให้อีกฝ่ายมา ดังนั้นหลินอันเลยบอกว่าจะติดต่อคนปากหนักสักคนมาช่วยลู่เยี่ยนขับรถกลับบ้าน

ความแตกร้าวภายในครอบครัวทำให้ลู่เยี่ยนเคยทำตัวต่อต้านในช่วงวัยรุ่น ความสามารถในการดื่มก็ได้มาจากการฝึกฝนในตอนนั้น ถึงแม้ว่าคืนนี้ชายหนุ่มจะดื่มไปไม่น้อยแต่ยังคงมีสติแจ่มใสมาก แค่รู้สึกหนักศีรษะเล็กน้อย

พอลู่เยี่ยนเริ่มได้สติก็มีคนมาเคาะหน้าต่างรถ

เขาช้อนตาขึ้น ก่อนจะเห็นชายหนุ่มคนหนึ่งยืนอยู่นอกตัวรถ แววตาลึกล้ำกำลังมองมาที่เขา

การปรากฏตัวของกู้ซวีทำให้ลู่เยี่ยนอึ้งงัน เขาลดกระจกรถลง “ประธานกู้”

หน้าต่างรถเพิ่งเปิด กลิ่นเหล้าบนตัวของลู่เยี่ยนก็โชยออกมา กู้ซวีนิ่วหน้า “คุณดื่มเหรอ”

ลู่เยี่ยนผงกศีรษะ เขารู้สึกว่าการนั่งแหงนหน้ามองอีกฝ่ายไม่สบายเอามากๆ เลยลงจากรถไปยืนตรงหน้ากู้ซวี

ความสูงของทั้งคู่ไม่ต่างกันมาก ลู่เยี่ยนพิงประตูรถ พอเห็นกุญแจรถในมือของกู้ซวีจึงกล่าวอย่างเข้าใจ “ที่แท้รถคันนี้ก็เป็นของประธานกู้หรือครับ”

ดูไม่ออกเลย เพราะรถที่อวดโอ่ยิ่งกว่าอวดโอ่คันนี้ดูไม่เข้ากับบุคลิกสวมสูทเรียบกริบของกู้ซวีเลยสักนิด

“ของเพื่อนน่ะ” พอลู่เยี่ยนก้าวลงจากรถ กลิ่นเหล้าบนตัวก็แรงขึ้น “ดื่มแล้วยังจะขับรถอีกเหรอ”

ลู่เยี่ยนยิ้ม ตรงหน้าผากของเขามีปอยผมตกลงมาสองสามเส้น คอเสื้อไม่ได้เรียบร้อยเหมือนเวลาอยู่ต่อหน้ากล้อง ซ้ำรอยยิ้มยังแฝงกลิ่นอายอันธพาลเล็กน้อย “ไม่ขับครับ ผมให้หลินอันเรียกคนมาแล้ว”

กู้ซวีเงียบไปพักหนึ่งแล้วหยิบมือถือออกมาต่อสาย

คืนนี้เฉินอีหมิงได้รับโทรศัพท์หลายสายอย่างผิดปกติ เขาจึงเอ่ยถามโดยไม่ได้มองเบอร์ที่ขึ้นโชว์บนหน้าจอว่า “ใครอีกแล้วเนี่ย”

“เรียกคนลงมาย้ายรถหน่อย ฉันมีธุระต้องไป”

เฉินอีหมิงจำเสียงกู้ซวีได้ทันที “ไป? ไปไหน อ๋อ รู้แล้ว ฉันจะให้คนลงไปเดี๋ยวนี้”

เพราะเห็นว่ากู้ซวียืนแบบไม่มีทีท่าว่าจะขยับเท้าไปไหน ลู่เยี่ยนจึงเอ่ยถามตามมารยาท “ประธานกู้จะไปแล้วหรือครับ งั้นผมไม่รบกวนแล้ว” พูดจบก็ยืดตัวขึ้นพร้อมเปิดประตูรถเตรียมเข้าไปนั่ง

แต่กู้ซวีกลับยื่นมือใหญ่มากดประตูรถที่เปิดออกครึ่งหนึ่งไว้ “ผมจะไปส่งคุณกลับบ้าน”

ลู่เยี่ยนตอบกลับไปว่า “ไม่ต้องครับ คนที่หลินอันเรียกมากำลังจะถึงแล้ว”

“สภาพคุณตอนนี้ อย่าให้คนอื่นมาขับรถให้ดีกว่า” ระหว่างที่พูดกู้ซวีก็แทรกผ่านตัวลู่เยี่ยนไปนั่งประจำที่ตรงที่นั่งฝั่งคนขับอย่างถือวิสาสะ น้ำเสียงไม่ยอมรับความเห็นใดๆ

สภาพของเขา…ลู่เยี่ยนสำรวจตัวเองพลางคิดว่าสภาพของตัวเองตอนนี้จะมีปัญหาอะไรเหรอ

คนที่เฉินอีหมิงเรียกมาไวมาก เกือบจะวิ่งเหยาะๆ มาเลยทีเดียว ลู่เยี่ยนหันหนีโดยอัตโนมัติเพราะกลัวว่าจะถูกเห็นหน้า

กู้ซวีก้าวออกจากรถมาหย่อนกุญแจรถของเฉินอีหมิงพร้อมกุญแจรถของตัวเองใส่มืออีกฝ่าย “คุณให้เฉินอีหมิงเรียกคนมาขับรถของผมกลับด้วย” พูดจบก็กลับเข้าไปนั่งในรถอีกครั้ง

คนที่ถูกเรียกมาทำงานอย่างคล่องแคล่ว เขาจัดการเคลื่อนย้ายรถทันที ส่วนกู้ซวีพอขึ้นไปนั่งบนรถแล้วก็ทำความคุ้นเคยกับรถอยู่พักหนึ่ง

กู้ซวีมองคนที่ยังยืนหันหลังอยู่ “ขึ้นรถ”

ถึงตอนนี้ลู่เยี่ยนก็เลิกพูดมาก เขาเดินอ้อมท้ายรถไปนั่งที่เบาะข้างคนขับ

กู้ซวีปรับเบาะให้นั่งถนัด “ที่อยู่?”

ลู่เยี่ยนคาดเข็มขัดนิรภัยแล้วบอก “คอนโดฯ หมีเหอ ถนนซีเป่ยครับ”

หัวคิ้วของกู้ซวีย่นเข้าหากันเล็กน้อย เขาหันหน้าไปมองลู่เยี่ยนด้วยแววตาฉงน

ลู่เยี่ยน “มีอะไรเหรอครับ”

กู้ซวีดึงสายตากลับมาแล้วเหยียบคันเร่งด้วยท่าทางนิ่งๆ “ไม่มีอะไร”

คอนโดฯ หมีเหอก็คือคอนโดฯ ที่เขาพักอยู่ตอนนี้

เมื่อก่อนกู้ซวีเคยเจอคนที่อยากขึ้นเตียงของเขาทุ่มเทความคิดสืบหาที่อยู่ของเขาแล้วมาดักรอที่หน้าประตูบ้าน แต่ถูกสายตาเย็นชาของเขาไล่ไป เขาไม่ใช่คนบริสุทธิ์สูงส่ง ผู้ชายอายุสามสิบปีย่อมมีความต้องการทางกายเป็นเรื่องปกติ แต่กู้ซวีไม่ชอบให้คนอื่นเหยียบย่างเข้ามาในพื้นที่ส่วนตัวของเขา

แต่ไม่รู้ทำไม พอเป็นลู่เยี่ยนเขาถึงพูดจาไร้เยื่อใยไม่ออก

กู้ซวีหัวเราะเบาๆ อาจเพราะอีกฝ่ายคือลู่เยี่ยน ที่ไม่ว่าจะเป็นเรื่องหน้าตาหรือรูปร่างก็ล้วนทำให้เขาพอใจมาก

ลู่เยี่ยนไม่รู้เลยว่าเวลานี้ในใจของกู้ซวีนั้นขับรถ* ไปถึงสเปน** แล้ว ในห้องโดยสารที่ปิดทึบกลิ่นเหล้าบนตัวของลู่เยี่ยนยิ่งชัดเจน เขาเลยเปิดหน้าต่างรถเป็นช่องเล็กๆ เพื่อระบายอากาศ

ภายในรถค่อนข้างเงียบ ลู่เยี่ยนคิดว่าคนอื่นอุตส่าห์พาตัวเองกลับไปส่งบ้านแล้ว ถ้าเขาไม่พูดไม่จาอะไรเลยตลอดทางก็คงไม่เหมาะสมเกินไป เลยหาเรื่องมาพูดคุยเรื่อยเปื่อย “ประธานกู้ดูคุ้นกับเมือง B มากเลยนะครับ”

ถนนสายนี้ที่กู้ซวีใช้เป็นทางลัด ขนาดเสี่ยวหลิวยังไม่รู้เลยว่าใช้ทางนี้ได้

“อืม”

เอาล่ะ ตัวลู่เยี่ยนไม่ใช่คนชอบชวนใครคุยอยู่แล้ว และตอนนี้เขาก็ไม่อยากเปิดปากหาเรื่องให้ต้องอารมณ์เสียด้วย

เมื่อเจอสัญญาณไฟจราจร พอกู้ซวีเข้าเกียร์เสร็จก็กล่าวด้วยเสียงทุ้มหนักอีกครั้ง “ดื่มไปเยอะเหรอ”

ลู่เยี่ยนเข้าใจว่ากู้ซวีเหม็นกลิ่นเหล้าบนตัวเลยเปิดหน้าต่างรถให้กว้างขึ้นอีกนิด “ไม่เยอะครับ แค่สองสามขวด”

ชายหนุ่มโทรหาหลินอัน

หลินอันรับสายแล้วถามว่า “มีคนไปรับนายแล้วใช่ไหม”

“ให้เขากลับไปเถอะ มีคนมาส่งฉันแล้ว”

หลินอันน่าจะอยู่ในงานอีเวนต์ เสียงเลยดัง ทำให้เขาต้องพูดเสียงดังขึ้นอีก “อะไรนะ มีคนไปส่งนายเหรอ ใคร! นายอย่าตามใครไปมั่วซั่วนะ!”

“…” ลู่เยี่ยนถอนหายใจ “ประธานกู้มาส่งฉัน โอเคนะ วางแล้ว”

อีกสองนาทีต่อมาก็มีข้อความจากหลินอันเข้ามาทันที

 

[นายยังจะบอกว่าไม่มีอะไรกับกู้ซวีอีกเหรอ!]

 

ลู่เยี่ยนกดล็อกหน้าจอมือถือหน้าตาเฉยแล้วหันไปมองวิวที่ด้านนอกหน้าต่างรถต่อ

รถแล่นเข้าไปในลานจอดรถใต้ดินของคอนโดฯ แบบนิ่มๆ

ทันใดนั้นลู่เยี่ยนถึงฉุกคิดเรื่องบางอย่างขึ้นมาได้ “จอดที่ 74D นะครับ รบกวนประธานกู้ด้วย”

“74D?”

ลู่เยี่ยนผงกศีรษะ “ใช่ครับ เป็นที่จอดรถที่ทางคอนโดฯ จัดให้”

กู้ซวีเม้มริมฝีปาก เขาขับรถไปที่ 74D โดยไม่ได้พูดอะไร เมื่อจอดรถเรียบร้อยแล้วลู่เยี่ยนก็หยิบผ้าคลุมรถออกมาคลุมรถแบบลวกๆ

ลู่เยี่ยนเอ่ยถามกู้ซวีที่ยืนอยู่ด้านข้างว่า “ประธานกู้จะกลับยังไงเหรอครับ ให้ผมช่วยเรียกรถให้ไหม”

เพิ่งขาดคำกู้ซวีก็หันหน้าเดินไปที่ลิฟต์

ลู่เยี่ยนค้างอยู่ในท่าถือกุญแจรถ ในอากาศมีคำพูดของกู้ซวีทิ้งเอาไว้ว่า

“ผมพักอยู่ที่นี่เหมือนกัน”

 

* ขุดฐานกำแพง หมายถึงการก่อให้เกิดความเสียหายขั้นพื้นฐานต่อผลประโยชน์ของอีกฝ่าย

* ขับรถ เป็นคำสแลง หมายถึงเรื่องลามกอนาจาร

** สเปน เป็นคำสแลง หมายถึงยอดเยี่ยมที่สุด ดีที่สุด

หน้าที่แล้ว1 of 2

Comments

comments

No tags for this post.
Continue Reading

More in everY

บทความยอดนิยม

everY

ทดลองอ่าน เขตห้ามรักฉบับเบต้า เล่ม 1 Chapter 2.1-2.2 #นิยายวาย

ทดลองอ่าน เรื่อง เขตห้ามรักฉบับเบต้า เล่ม 1 ผู้เขียน : MINTRAN แปลโดย : ทันบี ผลงานเรื่อง : 배타적 연애 금지구역 ถือเป็นลิขสิทธิ์...

จุติรัก พลิกชะตาร้าย

ทดลองอ่าน จุติรัก พลิกชะตาร้าย บทที่ 1-2

บทที่ 1 ฮ่องเต้หญิง   “ท่านพี่นำร้อง น้องหญิงคลอรับ ท่านพี่เสียงเพิ่งลับ น้องหญิงสลับขึ้นเวที เป็นมารดาอารี มีบุตรีกตัญญ...

ทดลองอ่าน

ทดลองอ่าน ร้อยเรียงรักเคียงฤทัย บทนำ – 1.2

บทนำ ความหลังของต้าลี่ 1   ฤดูหนาวในรัชศกต้าลี่ปีที่สิบเอ็ด โม่เป่ย ตำบลค่งหม่า สถานที่แห่งนี้คือประตูด่านสำคัญสุดท้ายทา...

จุติรัก พลิกชะตาร้าย

ทดลองอ่าน จุติรัก พลิกชะตาร้าย บทที่ 7-8

บทที่ 7 ค่าเดินทาง เมื่อภูตสุนัขดำคืนร่างเป็นสุนัขธรรมดาตัวหนึ่ง ภูตบุปผาสองตนนั้นก็ไม่อาจทำการใหญ่ ต่อให้ชาวหมู่บ้านป่า...

จุติรัก พลิกชะตาร้าย

ทดลองอ่าน จุติรัก พลิกชะตาร้าย บทที่ 3-4

บทที่ 3 เกิดใหม่   เวิ้งฟ้าดำสนิทปานน้ำหมึก เพียงมีดวงดาวบางตากระจัดกระจายบนม่านฟ้า ทอรัศมีอ่อนจางประเดี๋ยวเผยประเดี๋ยวเ...

community.jamsai.com