ทดลองอ่าน คุณชายแซ่กู้กับเจ้าสุนัขลู่จอมดุ เล่ม 1 บทที่ 9-10 #นิยายวาย – หน้า 2 – Jamsai
Connect with us

Jamsai

everY

ทดลองอ่าน คุณชายแซ่กู้กับเจ้าสุนัขลู่จอมดุ เล่ม 1 บทที่ 9-10 #นิยายวาย

2 of 2หน้าถัดไป

บทที่ 10

 

ลู่เยี่ยนชะงักไป ก่อนหน้านี้เขาได้เบอร์โทรศัพท์ของกู้ซวีมาแล้วแต่ไม่เคยติดต่อไปหาอีกฝ่ายเลย และถ้าพูดกันตามเหตุผลกู้ซวีน่าจะไม่มีเบอร์โทรศัพท์ของเขา

ชายหนุ่มหยุดคิดแล้วตอบว่า

 

[ผมถ่ายงานอยู่ที่สตูดิโอ มีธุระอะไรหรือเปล่าครับ]

 

กู้ซวีตอบกลับอย่างเป็นธรรมชาติ

 

[เปล่า แค่น้ำไม่ไหล เลยอยากมาขอใช้น้ำ]

 

ท่อประปาคอนโดฯ นี้ใช้การไม่ได้ขนาดนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่

ลู่เยี่ยนค่อนข้างเหนื่อย ขี้เกียจพิมพ์ เลยโทรศัพท์ไปหาแทน

น้ำเสียงของกู้ซวีดูค่อนข้างแปลกใจ “ฮัลโหล?”

“ท่อประปาบ้านคุณก็แตกเหมือนกันเหรอครับ” ลู่เยี่ยนนึกถึงสภาพตัวเองตอนที่มีฟองเต็มศีรษะแล้วคิดว่าตอนนี้กู้ซวีจะเป็นแบบนั้นเหมือนกันหรือเปล่า มันทำให้เขาอดขำไม่ได้ “ไม่รู้ว่านิติฯ ซ่อมท่อประปาบ้านผมเสร็จหรือยัง คุณลองเข้าไปดูนะ คุณรู้รหัสอยู่แล้ว”

“ได้” กู้ซวีจับกระแสเหนื่อยล้าในน้ำเสียงของลู่เยี่ยนออกเลยเงียบไปพักหนึ่งก่อนเอ่ยถาม “เหนื่อยมากไหม”

“หา? ยังไหวครับ ถ่ายมาทั้งวัน ได้นอนสักตื่นก็หาย”

ลู่เยี่ยนเพิ่งพูดจบเสียงกริ่งประตูก็ดังขึ้น ชายหนุ่มลุกขึ้น “รอแป๊บนะครับ ผมขอไปเปิดประตูก่อน”

เสี่ยวหลิวยืนอยู่นอกประตู เขาชูถุงในมือขึ้นแล้วพูดอย่างอวดๆ “พี่เยี่ยนครับ ผมเห็นว่าข้างนอกมีขายกุ้งมังกรเล็ก ผมลองชิมแล้ว รสชาติดีมาก! เลยเอากลับมาฝากพี่ชุดใหญ่ ใส่หมาล่าด้วย รีบชิมดูนะครับ”

เสี่ยวหลิวเดินเข้ามาในห้องแล้วเอากุ้งมังกรเล็กวางลงบนโต๊ะ ปากยังคงพูดเสียงแจ้วๆ “ตอนแรกผมตั้งใจว่าจะหาน้ำแกงบำรุงร่างกาย แต่แถวนี้ไม่มีน้ำแกงบำรุงร่างกายขายเลย ในนี้เพิ่มพริกไทยกับผงชูรสด้วย ผมบอกพี่อันว่าช่วงนี้พี่ผอมลงไปเยอะมาก พี่อันบอกว่าไหนๆ เราก็ต้องถ่ายงานกันอีกสองสามเดือน ให้ผมซื้อหม้อชามรามไหมาทำอาหารที่โรงแรมเอง แต่ผมทำอาหารเป็นที่ไหนกันล่ะ หรือไม่พรุ่งนี้ผมจะไปดูว่าพอจะหาเชฟสักคนมาทำอาหารให้เราสักสองสามเดือนได้หรือเปล่า”

ลู่เยี่ยนใช้มือปิดช่องไมโครโฟนมือถือและลดเสียงให้เบาลง “ฉันกินข้าวกล่องได้ ไม่ต้องยุ่งยากหรอก นายกลับไปนอนเถอะ พรุ่งนี้ต้องตื่นแต่เช้า”

เสี่ยวหลิวเห็นลู่เยี่ยนกำลังคุยโทรศัพท์ก็รีบถอยออกจากห้อง “งั้นผมกลับก่อนนะครับ ราตรีสวัสดิ์ครับพี่เยี่ยน!”

ลู่เยี่ยนเพิ่งจะปิดประตูก็ได้ยินกู้ซวีบอกว่า “กระเพาะไม่ดีก็อย่ากินของเผ็ด”

เอ๋? ปิดช่องไมโครโฟนยังไงอีกฝ่ายถึงได้ยินได้ล่ะนี่ แต่ปากของลู่เยี่ยนรับคำว่า “ไม่กินครับ เดี๋ยวผมจะโยนทิ้ง” พลางเปิดถุงพลาสติกดู

มีเสียงน้ำซ่าๆ ดังมาจากปลายสาย กู้ซวีน่าจะเดินเข้าไปในห้องน้ำแล้ว อีกฝ่ายหัวเราะเบาๆ “ผมได้ยินเสียงคุณเปิดถุง”

ลู่เยี่ยนเลยหยุดการเคลื่อนไหว ก่อนพูดด้วยน้ำเสียงเคืองๆ “ผมเตรียมจะเอาออกไปทิ้งต่างหาก”

“ถ่ายงานที่ไหน”

ลู่เยี่ยนตอบตามความจริง “เมือง J ครับ เป็นพื้นที่ห่างไกล”

ทั้งคู่คุยกันอีกสองสามประโยคแล้ววางสาย กู้ซวียื่นมือไปปิดน้ำแล้วก้าวยาวๆ ออกจากห้องน้ำ บนตัวสวมสูทสีเทาสุดเนี้ยบ ไม่ได้มีท่าทีว่ามาอาบน้ำเลย

ห้องของลู่เยี่ยนเป็นโทนสีดำ ขาว และเทา พอเจ้าของไม่อยู่บ้านในห้องก็ไม่มีชีวิตชีวาเลย

จังหวะที่เขาเตรียมตัวจะเดินออกไปได้ผ่านถังขยะที่วางอยู่ข้างประตู ชายหนุ่มเหลือบไปเห็นสีแดงสดที่อยู่ด้านใน เป็นบัตรเชิญงานแต่งงานที่ถูกฉีกออกเป็นสองส่วน มันนอนนิ่งอยู่ในถัง

กู้ซวีเพ่งมองด้วยสองตา แล้วก้มตัวลงไปหยิบขึ้นมากวาดตาดูชื่อที่ลงท้ายบัตรเชิญ

 

‘โจวหมิงและหลิวหมิงอี ขอเรียนเชิญ’

 

วันต่อมาลู่เยี่ยนตกใจตื่นเพราะเสียงกริ่งประตู ชายหนุ่มเดินตาปรือไปเปิด

เสี่ยวหลิวยืนอยู่ด้านนอก “พี่เยี่ยนครับ ขืนยังไม่ลุกอีกจะสายนะ ผมซื้ออาหารเช้ามาแล้ว พอเรากินเสร็จค่อยไปที่สตูดิโอกันนะครับ”

ลู่เยี่ยนผงกศีรษะแล้วหมุนตัวเดินเข้าห้องน้ำไป ขณะที่เสี่ยวหลิวเดินเข้ามาในห้องและจัดการวางบะหมี่เนื้อลงบนโต๊ะแล้วมองถังขยะ ก่อนจะกล่าวอย่างฉงน “พี่เยี่ยนครับ กุ้งมังกรเล็กไม่อร่อยหรือครับ” ทำไมถึงทิ้งทั้งชาม

ลู่เยี่ยนมีแปรงสีฟันอยู่ในปากเลยพูดเสียงอู้อี้ “กระเพาะฉันไม่ดี ต่อไปซื้อของเผ็ดมาให้น้อยลงหน่อยนะ”

ถึงเสี่ยวหลิวจะติดตามอยู่ข้างกายลู่เยี่ยนมานานหลายปี แต่เรื่องอาหารการกินของลู่เยี่ยนในสตูดิโออยู่ในความรับผิดชอบของหลินอัน เสี่ยวหลิวเลยไม่เคยรู้ว่าลู่เยี่ยนเป็นโรคกระเพาะ เขารีบขออภัย “ขอโทษด้วยนะครับพี่เยี่ยน พี่อันไม่เคยบอกผมเลย”

“ไม่เป็นไร ต่อไประวังหน่อยก็พอ”

 

ตอนที่เขาไปถึงสตูดิโอเฉินจิงกำลังบอกบทซือฉิงอยู่ พอเห็นลู่เยี่ยนก็เดินมาหา “วันนี้เป็นไง”

ลู่เยี่ยนยิ้ม “มีวันไหนที่ผมไม่โอเคหรือครับ”

“อวดดี!” เฉินจิงเอาบทที่ม้วนเป็นทรงกระบอกตีศีรษะของลู่เยี่ยนแบบไม่แรงมาก “วันนี้ถ่ายฉากบนเตียง”

ลู่เยี่ยนถาม “ฉากนั้นเป็นฉากของอาทิตย์หน้าไม่ใช่เหรอครับ”

เฉินจิงพูดจบก็รีบไปจัดการเรื่องฉาก ไม่ได้สนใจเขาเลย ซือฉิงเลยเดินมา “วันนี้ยังไม่ได้ดูเวยป๋อเหรอ”

“ยังเลย ทำไมเหรอครับ”

“ถังหมิงเกิดเรื่อง เลยต้องเปลี่ยนคน”

ถังหมิงเป็นพระรองเบอร์สาม บทของเขาคือองครักษ์ผู้จงรักภักดีที่ติดตามอยู่ข้างกายแม่ทัพ นับเป็นตัวละครที่น่าชื่นชอบตัวหนึ่ง ได้ยินมาว่าตอนนั้นศึกแย่งชิงบทนี้ดุเดือดเอาเรื่อง

ลู่เยี่ยนนั่งให้ช่างแต่งหน้าทำงานพลางถือโอกาสเปิดเวยป๋อดู

ในช่องการค้นหายอดนิยมมีแต่ #ถังหมิงเสพยา# #ถังหมิงถูกตำรวจจับ# #กลุ่มเสพยา+1# แถมในช่องการค้นหายอดนิยมของเวยป๋อยังมีรูปถ่ายอีกชุดซึ่งเป็นภาพของถังหมิงที่ถูกพาขึ้นรถตำรวจ ถึงจะมีการเซ็นเซอร์ภาพแล้ว แต่พอผ่านไปสองสามชั่วโมงแล้วไม่มีคนออกมาชี้แจ้ง ย่อมพูดได้ว่าเป็นเรื่องจริง

เรื่องต้องห้ามร้ายแรงที่สุดของศิลปินยุคนี้คือการแตะต้องของพวกนี้ เพราะทันทีที่ถูกจับได้ต่อให้ใช้วิธีประชาสัมพันธ์ดีแค่ไหนก็ล้างมลทินไม่หมด และชาวเน็ตก็จะทำการคว่ำบาตรโดยอัตโนมัติ เมื่อเกิดเรื่องแบบนี้ขึ้นอย่าว่าแต่ภาพยนตร์เรื่องนี้เลย แม้แต่เส้นทางการเป็นดาราของถังหมิงก็พังพินาศแล้ว

ตำแหน่งพระรองเบอร์สามที่ว่างลงส่งผลให้ฉากของลู่เยี่ยนไม่สามารถถ่ายทำได้ตามปกติ เนื่องจากฉากของพระรองเบอร์สามมีจำนวนไม่น้อย ทุกครั้งที่เสิ่นจงออกรบจะต้องมีเขาอยู่ข้างกาย พวกเขาเลยทำได้แต่เลื่อนเวลาถ่ายทำฉากอื่นขึ้นมาแทน

มิน่าเล่าวันนี้เฉินจิงถึงได้ดูเหมือนกินดินปืนเข้าไป เสียงตวาดอย่างกราดเกรี้ยวของเขาดังก้องไปทั้งสตูดิโอ ขนาดอยู่ในห้องแต่งหน้าก็ยังได้ยินชัดเจน

ซือฉิงเดินเข้ามานั่งข้างลู่เยี่ยน “อีกเดี๋ยวนายห้ามเป็นตัวถ่วงฉันนะ ฉันไม่อยากถูกผู้กำกับเฉินด่า วันนี้เขาดุมาก”

ลู่เยี่ยนยิ้ม “สบายใจได้ครับ ผมเคยถ่ายฉากบนเตียงมาก่อน”

“โอ้?” ซือฉิงฟังแล้วยิ้มจนตาหยี เธอยื่นหน้ามากระซิบถามที่ข้างหูลู่เยี่ยน “แล้วตอนนายถ่าย นายมีอารมณ์หรือเปล่า”

สาวน้อยช่างแต่งหน้าหน้าแดงพลางพูดอยู่ในใจ ฉันไม่ได้ยินอะไรทั้งนั้น แต่วงการของพวกคุณนี่มันมั่วจริงๆ

เวลาหนึ่งสัปดาห์นี้ทำให้ลู่เยี่ยนคุ้นเคยกับซือฉิงไม่น้อย พอซือฉิงรู้ว่าเขาเป็นเกย์ ช่วงแรกเธอก็พูดจาทิ่มแทงเขา ต่อมาก็เปลี่ยนเป็นอ่อยเขาอยู่เรื่อยๆ เหมือนค้นพบความสนุกจากเรื่องนี้

ลู่เยี่ยนเลยชินกับการหยอกเย้าของอีกฝ่าย เขาตอบเสียงเนิบแบบอวดๆ ว่า “ของแบบนี้ต้องดูที่ฝีมือของพี่ฉิงแล้วล่ะครับ”

พูดจบก็โดนฟาดไหล่ ซือฉิงพูดด้วยน้ำเสียงกราดเกรี้ยว “บอกแล้วไงว่าห้ามเรียกพี่!”

 

คาแร็กเตอร์ของบทขุยจีต่างจากดอกบัวขาว* ในเรื่องอื่นๆ ที่ขายศิลป์ไม่ขายเรือนร่าง เพราะขุยจีเป็นประเภทขายเรือนร่างไม่ขายศิลป์ นางผ่านบุรุษมานับไม่ถ้วน เพียงแย้มสรวลก็ทำให้ใครต่อใครจิตใจปั่นป่วน

ในขณะที่เสิ่นจงเป็นบุรุษผู้แข็งแกร่ง ครองบริสุทธิ์ผ่องแผ้ว ขนาดอายุยี่สิบกว่าปีแล้วยังไม่เคยแตะต้องสตรีมาก่อน

ดังนั้นฉากบนเตียงของขุยจีกับเสิ่นจงจึงเป็นขุยจีที่ต้องรับเหมาหยอกล้อล่อลวงเสิ่นจง

ลู่เยี่ยนยังคงสวมชุดเกราะ ส่วนซือฉิงสวมผ้าแพรบางสีแดงสด ฉากหลังเป็นดอกไม้สีสันสดใส ตรงกลางวางเตียงหลังใหญ่ไว้หนึ่งหลัง ซึ่งเป็นห้องหอที่ขุยจีใช้รับแขก

เฉินจิงทำหน้าเหม็นพลางบอกทั้งคู่ว่า “ฉากนี้ถือเป็นฉากสำคัญ พวกเธอสองคนตั้งใจถ่ายให้เต็มที่!”

“ฉันไม่มีอะไรจะบอกพวกเธอมาก แต่เสี่ยวเยี่ยน นายต้องควบคุมสีหน้าไว้ให้ดี และซือฉิง เธอต้องทำตัวเสเพลหน่อย”

ซือฉิงพยักหน้า “วางใจเถอะค่ะ ฉันเป็นผู้เชี่ยวชาญในเรื่องนี้อยู่แล้ว”

เฉินจิง “…”

ลู่เยี่ยน “…”

จากนั้นเฉินจิงจึงกระแอมเบาๆ หนึ่งครั้งก่อนบอกสตาฟฟ์ข้างตัวว่า “เอาล่ะ เคลียร์พื้นที่”

ซือฉิงร้อง “ฮะ! ไม่ได้นะคะ จะเคลียร์พื้นที่ทำไม”

เฉินจิงกล่าว “ถ้าไม่เคลียร์พื้นที่แล้วพวกเธอจะถ่ายกันยังไง”

“ฉันไม่ได้ล่อนจ้อนเสียหน่อย อะไรที่ควรใส่ก็ใส่ครบ” ริมฝีปากสีแดงสดของซือฉิงแปรเปลี่ยนเป็นเส้นโค้ง “ถ้าคุณเคลียร์คนออกไปตอนนี้ เกิดมีคนบอกว่าฉันกับลู่เยี่ยนมีอะไรกันจริงๆ ฉันจะทำยังไง ฉันให้ความสำคัญเรื่องความบริสุทธิ์มากนะคะ!”

ลู่เยี่ยนมีความรู้สึกว่าบนใบหน้าน้อยๆ ที่แต่งแต้มอย่างประณีตของซือฉิงมีตัวหนังสือตัวเบ้อเริ่มเขียนว่า ‘ฉันอยากให้ทุกคนเห็นว่าลู่เยี่ยนจะมีอารมณ์หรือเปล่า’ ไว้เต็มหน้า

เมื่อซือฉิงพูดแบบนี้ เฉินจิงย่อมไม่สะดวกที่จะว่าอะไรเลยโบกมือ “ตามใจพวกเธอ เพราะถึงยังไงฉันก็ไม่ได้เป็นคนถ่าย”

“บทเพลงแห่งสงคราม ฉากที่ยี่สิบสี่ เทกหนึ่ง! แอ็กชั่น!”

สองขาของซือฉิงเปลือยเปล่า มุมปากยกสูง ดวงตาฉายแววเย้ายวน ปลายนิ้วเกี่ยวสายรัดเอวบนชุดเกราะของลู่เยี่ยน ทำให้ลู่เยี่ยนต้องเดินไปที่เตียงกับเธอ

หญิงสาวช่วยลู่เยี่ยนถอดชุดเกราะอย่างนิ่มนวล ลู่เยี่ยนทำอะไรไม่ถูกแต่ฝืนทำหน้านิ่งพลางบอกว่า “ไม่ได้นะ แม่นาง”

“ในเมื่อท่านแม่ทัพเข้ามาในเรือนขุยฮวาของข้าแล้ว เท่ากับเป็นยอดบุรุษของขุยจีในค่ำคืนนี้” ลมหายใจของซือฉิงหอมกรุ่นเหมือนดอกกล้วยไม้ “ท่านวางใจได้ ขุยจีจะพาท่านไปสู่ความสุขสุดยอดในโลกหล้า…”

ระหว่างนั้นสตาฟฟ์สองคนที่พิงประตูสตูดิโอก็ขยับปากถกกัน

“สวรรค์ ซือฉิงสุดยอด เสเพลมาก”

สาวน้อยอีกคนกลืนน้ำลาย “ไม่ไหวๆ ลู่เยี่ยนเซ็กซี่เกินไปแล้ว…”

ลู่เยี่ยนที่อยู่บนเตียงนอนราบ ส่วนซือฉิงนั่งคร่อมอยู่บนตัวของเขา แววตาของชายหนุ่มเลื่อนลอย สองแก้มซับสีแดงเรื่อ ริมฝีปากเผยอออกเล็กน้อยเหมือนกำลังอดกลั้นอะไรบางอย่างแต่ก็มีความสุขสมอยู่จางๆ

สองมือของเขาจิกผ้าห่มที่นอนทับอยู่แน่น เส้นเลือดสีเขียวนูนขึ้นมาจากผิวขาวๆ เล็กน้อย และเพราะออกแรงจึงสามารถมองเห็นเส้นกล้ามเนื้อเป็นลอนบนมือได้รูปสวย

สาวน้อยยกมือปิดหน้า “ลุคนี้ของลู่เยี่ยนเข้ากับซับด้านล่างว่า ‘สุดแล้วแต่นายท่านจะย่ำยี’ ไม่ไหวแล้ว ฉันต้องออกไปข้างนอก ขืนดูต่อฉันต้องทำงานไม่ได้แน่ๆ!”

พูดจบเธอก็หมุนตัวตั้งใจจะจากไป แต่กลับพบว่าที่ด้านหลังของตัวเองมีผู้ชายสวมสูทเนี้ยบคนหนึ่งยืนอยู่ เขารูปร่างสูงใหญ่ กำลังมองดูการถ่ายทำเช่นเดียวกับพวกเธอ

ใบหน้าของชายหนุ่มหล่อเหลา แววตาลึกล้ำ สาวน้อยได้สติทันที เธอพูดทั้งใบหน้าแดงๆ ว่า “คุณมาเทสต์หน้ากล้องบทชิวหรงหรือคะ มาซะเร็วเลย การเทสต์หน้ากล้องจะเริ่มตอนบ่ายค่ะ”

กู้ซวีส่ายหน้า “ผมมาเยี่ยมกองครับ” พูดจบก็เดินเข้าไปในสตูดิโอด้วยฝีเท้าแผ่วเบา

เด็กสาวมองแผ่นหลังของเขาแล้วใช้ไหล่กระแทกเพื่อนที่อยู่ข้างๆ “เธอเห็นหน้าตรงของเขาไหม โคตรหล่อเลย สวรรค์ เขาบอกว่าเขามาเยี่ยมใครในกองนะ”

“ฉันเดาว่าซือฉิง! เธอมีเพื่อนชายที่ตกเป็นข่าวด้วยเยอะไม่ใช่เหรอ”

“คัต!” เฉินจิงตะโกนลั่นก่อนดูภาพรีเพลย์ “โอเคแล้ว! ผ่าน!”

ซือฉิงเอ่ย “ไม่ได้มั้งคะผู้กำกับเฉิน ฉันรู้สึกว่าเมื่อกี้ตัวเองยังแสดงได้ไม่เต็มที่เลย”

เฉินจิงถามว่า “เธอหรือฉันที่เป็นผู้กำกับ ไปเปลี่ยนเสื้อผ้า! เตรียมถ่ายฉากต่อไป!”

ซือฉิงยกขาออกจากตัวลู่เยี่ยน แล้วพูดด้วยระดับเสียงที่ได้ยินกันแค่สองคนอย่างเคืองๆ “ฉันว่านายไม่ได้เบี่ยงเบนหรอก แต่นายใช้การไม่ได้แล้วใช่ไหม ขนาดนี้แล้วยังไม่มีอารมณ์เลยเหรอ”

“น่าโมโหนัก ถ้าให้คนอื่นรู้เรื่องนี้ฉันจะเอาหน้าไปไว้ที่ไหน”

ลู่เยี่ยน “…”

ซือฉิงลุกขึ้นแล้วเดินไปหาเฉินจิง “ผู้กำกับเฉินคะ ฉันว่าหนังเรื่องนี้ของเรายังต้องเพิ่มฉากบนเตียงอีก คุณคิดว่ายังไงคะ”

เฉินจิงกลอกตาใส่หญิงสาว แต่ยังไม่ทันได้เปิดปากก็มีเสียงบุรุษทุ้มต่ำดังมาจากด้านหลัง “หนังเรื่องนี้ของพวกคุณเป็นหนังโป๊เหรอ”

ซือฉิงช้อนตาขึ้นมอง กู้ซวียืนอยู่ด้านหลังของเฉินจิง ริมฝีปากมีรอยยิ้มเยาะ เอาล่ะ หนุ่มหล่อสมัยนี้เป็นศัตรูกับเธอหมดแล้วเหรอ

“คุณเป็นใคร!”

ลู่เยี่ยนกำลังจะเดินไปที่ห้องแต่งตัว แต่พอเห็นคนที่ยืนอยู่ทางด้านนั้นก็ชะงักไปเล็กน้อย

ชายหนุ่มเดินเข้าไป “กู้ซวี?”

 

* ดอกบัวขาว เป็นคำเรียกแบบเสียดสีต่อคนที่ภายนอกดูบริสุทธิ์ แต่ความจริงแล้วจิตใจกลับโหดร้าย

 

  

โปรดติดตามตอนต่อไป

2 of 2หน้าถัดไป

Comments

comments

No tags for this post.
Continue Reading

More in everY

บทความยอดนิยม

everY

ทดลองอ่าน เขตห้ามรักฉบับเบต้า เล่ม 1 Chapter 2.1-2.2 #นิยายวาย

ทดลองอ่าน เรื่อง เขตห้ามรักฉบับเบต้า เล่ม 1 ผู้เขียน : MINTRAN แปลโดย : ทันบี ผลงานเรื่อง : 배타적 연애 금지구역 ถือเป็นลิขสิทธิ์...

ทดลองอ่าน

ทดลองอ่าน แม่ทัพฉางหนิง ขุนศึกหญิงพิทักษ์นครา บทที่ 66-67

บทที่ 66 ผืนฟ้าเหนือฉางอันมืดลง ม่านราตรีคลี่คลุมอีกครั้ง เสียงย่ำกลองแจ้งเวลาวิกาลลอยมาจากหอกลอง หลังกำแพงสูงตระหง่านขอ...

ทดลองอ่าน

ทดลองอ่าน หอมเกศา บทที่ 1-2

บทที่ 1 อาจเป็นเพราะสภาพอากาศขมุกขมัวหนาวเย็นยาวนานถึงครึ่งปี ทำให้เครื่องหอมเป็นที่โปรดปรานของชาวต้าเว่ย ได้เติมเครื่อง...

ทดลองอ่าน

ทดลองอ่าน แม่ทัพฉางหนิง ขุนศึกหญิงพิทักษ์นครา บทที่ 62-63

บทที่ 62 เพียงตวัดตามอง สีหน้าของซู่เซิ่นฮุยก็เคร่งเครียดขึ้นทันที เขาหมุนตัวเดินกลับเข้ามาข้างในแล้วแกะตราครั่งภายใต้แส...

ทดลองอ่าน

ทดลองอ่าน แม่ทัพฉางหนิง ขุนศึกหญิงพิทักษ์นครา บทที่ 64-65

บทที่ 64 จวงไท่เฟยหลบร้อนมาพักอยู่บนเขาเซิ่งซานทางตอนเหนือของเมือง วันนี้ซู่เซิ่นฮุยขี่ม้าออกจากที่พักตั้งแต่ฟ้ายังไม่สา...

community.jamsai.com