ทดลองอ่าน คุณชายแซ่กู้กับเจ้าสุนัขลู่จอมดุ เล่ม 1 บทที่ 13-14 #นิยายวาย – หน้า 2 – Jamsai
Connect with us

Jamsai

everY

ทดลองอ่าน คุณชายแซ่กู้กับเจ้าสุนัขลู่จอมดุ เล่ม 1 บทที่ 13-14 #นิยายวาย

2 of 2หน้าถัดไป

บทที่ 14

 

หลังจบงานของอวิ๋นอันชิง หลินอันยังไม่เดินทางกลับเมืองหลวง แต่รีบเดินทางไปที่เมือง J เพราะกลัวว่าบอสใหญ่ที่เขาสู้อุตส่าห์ดูแลมาด้วยความยากลำบากจะถูกเสี่ยวหลิวดูแลจนพัง

เขารีบหอบผลไม้ถุงใหญ่มาที่สตูดิโออย่างรีบร้อนและมาถึงตอนเวลากินมื้อเย็นพอดี เขาทักทายสตาฟฟ์ไปตลอดทาง กว่าจะเดินมาถึงห้องแต่งตัวผลไม้ก็ถูกแจกจ่ายไปเกินครึ่งแล้ว

หลินอันผลักเปิดประตู ก่อนโอดว่า “ไอ้ลูกชาย! ได้ยินว่านายผอมโซจนกลายเป็นตะเกียบไปแล้ว รีบมาให้พ่อดูหน่อยซิ!”

ลู่เยี่ยนคว้าหมอนอิงข้างเก้าอี้โยนใส่เขา “ไสหัวไป!”

“เอ๋?” พอหลินอันเดินเข้ามาในห้องก็ได้กลิ่นหอมฉุย ตรงหน้าลู่เยี่ยนมีกล่องเก็บอุณหภูมิใบยักษ์หนึ่งใบ ในนั้นมีน้ำแกงข้นที่ร้อนจนควันขึ้น เมื่อเดินเข้าไปดูใกล้ๆ ก็เห็นว่าเครื่องเคราในน้ำแกงอู้ฟู่มากเพราะในน้ำแกงไก่ง่ายๆ ชุดเดียวนี้เต็มไปด้วยพุทราแดง เห็ดหอม เก๋ากี้…

“เจ้าเด็กหน้าเหม็น แบบนี้เรียกว่าอาหารการกินไม่ดีอีกเหรอ น้ำแกงแบบนี้อย่างน้อยต้องราคาหนึ่งหรือสองร้อยไคว่แล้วล่ะมั้ง”

เสี่ยวหลิวที่ถูกหลินอันตบศีรษะทำหน้าตัดพ้อ “อาหารการกินก่อนหน้านี้ไม่ไหวจริงๆ ครับ แต่ตอนนี้ดีขึ้นเพราะกองถ่ายได้เงินมาก้อนโต แถมช่วงนี้ประธานกู้ก็ส่งน้ำแกงมาให้ทุกวัน”

หลินอันมานั่งข้างลู่เยี่ยน เขาทวนคำอย่างประหลาดใจ “ประธานกู้ส่งน้ำแกงมาให้ทุกวัน?”

เสี่ยวหลิวบอก “ครับ ผู้ช่วยของประธานกู้เป็นคนเอามาส่ง”

หลินอันมองลู่เยี่ยน แต่ฝ่ายหลังกำลังกินน้ำแกงอย่างเอร็ดอร่อย

ขณะที่หลินอันเตรียมจะพูดอะไรบางอย่างก็เห็นมือถือของลู่เยี่ยนดังขึ้นเสียก่อน ลู่เยี่ยนจึงยื่นมือออกไปหยิบทิชชูมาเช็ดปาก

มันเป็นข้อความที่กู้ซวีส่งมาถาม

 

[กินน้ำแกงแล้วหรือยัง]

[กำลังกินอยู่ครับ]

 

ลู่เยี่ยนพิมพ์เสร็จแล้วก็หยุดคิด ก่อนจะส่งข้อความไปอีกประโยค

 

[คุณกินข้าวแล้วหรือยังครับ]

[เพิ่งกินเสร็จ ผมทำงานทางนี้เสร็จแล้ว พรุ่งนี้จะไปเยี่ยมคุณที่กองนะ]

[ครับ]

 

หลินอันนั่งอยู่ใกล้ลู่เยี่ยนเลยมองเห็นเนื้อหาในข้อความได้โดยไม่ต้องยื่นหน้าไปดู เขามองรอยยิ้มบางๆ ที่มุมปากของลู่เยี่ยนแล้วพลันรู้สึกเอะใจขึ้นมาทันที

พอลู่เยี่ยนวางมือถือลง หลินอันก็ถามเขายิ้มๆ “นายกับประธานกู้คบกันอยู่เหรอ”

ลู่เยี่ยนซดน้ำแกง “แค่เพื่อนน่ะ”

“โกหกใครน่ะ เพื่อนที่ไหนจะให้คนขับรถมาครึ่งชั่วโมงเพื่อเอาน้ำแกงมาส่งให้ทุกวัน” หลินอันนิ่งไปเล็กน้อยแล้วลดเสียงให้เบาลง “แถมนายยังยอมกินด้วย”

ลู่เยี่ยนยิ้ม “แล้วทำไมฉันถึงจะไม่ยอมกิน”

“เมื่อก่อนตอนสวี่เจ๋อจีบนาย นายเคยรับของที่เขาส่งมาให้เสียที่ไหน” หลินอันเลือกองุ่นหนึ่งพวงจากกองผลไม้ที่ตนเอามาไปล้างน้ำ เขากินองุ่นพลางพูดว่า “ดอกไม้นายก็ส่งคืน นาฬิกาข้อมืออะไรนายก็ส่งคืน หลังจากนั้นเขาก็ส่งของกินมาที่กองเหมือนกันไม่ใช่หรือ ขอฉันนึกก่อน…ตอนนั้นนายทำยังไงนะ โอย ฉันลืมไปแล้ว แต่ฉันจำได้ว่าไอ้ลูกเต่านั่นยังหาเชฟมิชลินสามดาวมาทำให้ด้วย”

ลู่เยี่ยนฟังแล้วมือที่ถือน้ำแกงอยู่ก็ชะงักไป

พอหลินอันพูดแบบนี้เขาก็นึกขึ้นมาได้ว่าสวี่เจ๋อไม่ยอมเอาของกินพวกนั้นกลับ ลู่เยี่ยนเลยเททิ้งไปดื้อๆ

หลินอันยังคงพร่ำพูดไม่หยุด “ฉันจำได้ว่าตอนนั้นนายพูดว่าอะไรนะ ‘ถ้าไม่ชอบก็อย่าไปให้ความหวังคนอื่น’ ใช่ไหม พูดจาเท่ซะจนฉันฟันร่วงเลย”

“…มันไม่เหมือนกัน กู้ซวีไม่ได้จีบฉัน” ลู่เยี่ยนเงียบไปสองสามวินาทีก่อนพูดเสียงเรียบ “ว่าแต่ทำไมนายถึงพูดมากนัก เป็นอะไรไป อวิ๋นอันชิงทำงานด้วยยาก ทำให้นายเก็บกดหรือไง”

พอพูดถึงศิลปินคนใหม่ของเขา ประเด็นที่คุยกันก่อนหน้านี้ก็ถูกหลินอันโยนเข้ามุม “ใช่ที่ไหน อันชิงเขาดีนะ ว่านอนสอนง่าย ฉันว่าไงเขาก็ว่าตามนั้น”

“งั้นก็แย่แล้ว ฉันต้องเตือนเขาสักหน่อยว่าอย่าปล่อยให้นายทำเขาเสียคน”

“พูดอะไรน่ะ ฉันก็ดูแลนายมา แล้วฉันทำนายเสียคนหรือเปล่าล่ะ!” หลินอันตวาด แต่พอพูดจบเขาก็ฉุกคิดเรื่องสำคัญขึ้นมาได้ น้ำเสียงที่พูดจึงเปลี่ยนเป็นอ่อนลงทันที “เสี่ยวเยี่ยน เจ้าหนูอวิ๋นอันชิงไม่เลวจริงๆ นะ ไว้นายถ่ายหนังเสร็จแล้วฉันจะให้เขาเลี้ยงข้าวนายสักมื้อ เขามีน้ำอดน้ำทนและค่อนข้างมีศักยภาพ แถมยังเป็นแฟนคลับตัวเล็กๆ ของนายด้วย”

“พอแล้ว จะพูดจาอ้อมค้อมมากมายไปทำไม มีเรื่องอะไรก็พูดมาตรงๆ เลยเถอะ” ลู่เยี่ยนรู้จักหลินอันมานานขนาดนี้ แค่ได้ยินเขาก็คาดเดาความคิดของอีกฝ่ายได้เกินครึ่งแล้ว

หลินอันทำเสียงหึ “นายกดติดตามแอ็กเคานต์โซเชียลมีเดียของเขาหน่อยได้ไหม ช่วยเรียกกระแสให้เจ้าหนูนั่นหน่อย ถ้ากดไลค์อะไรให้เขาได้คือดีที่สุด”

พอหลินอันพูดแบบนี้ ลู่เยี่ยนถึงนึกขึ้นได้ว่าเขาไม่ได้แตะเวยป๋อมาครึ่งเดือนแล้ว ชายหนุ่มหัวเราะเสียงเย็นและเลียนแบบน้ำเสียงของซือฉิง “นายรู้ไหมว่าเวยป๋อของฉันมีค่าโฆษณาชิ้นละเท่าไหร่”

ถึงปากจะพูดแบบนี้แต่มือกลับเปิดเวยป๋อและพิมพ์ชื่อของอวิ๋นอันชิงในช่องสืบค้น

หลินอันพูดอย่างซื่อๆ “เวยป๋อของนายไม่เคยรับโฆษณา แล้วฉันจะไปรู้ได้ยังไงว่าค่าโฆษณาของนายคือเท่าไหร่ แต่ก่อนหน้านี้เคยมีคนติดต่อฉัน ราคาสูงที่สุดคือเกือบหนึ่งล้าน ทิ้งห่างพวกดารารุ่นเดียวกันกับนายไปสิบช่วงถนน! ฉันขอบอกตรงๆ ว่าถ้านายยอมรับโฆษณารายรับของนายแต่ละปีต้องเพิ่มขึ้นอย่างน้อย…”

ลู่เยี่ยนชะงัก “นายจะหุบปากหรือจะให้ฉันเก็บเงินค่าโฆษณาหนึ่งล้าน”

หลินอันไม่กล้าหายใจแรง นิ่งเงียบเหมือนไก่*

ลู่เยี่ยนเปิดเวยป๋อของอวิ๋นอันชิงที่มีแฟนคลับในเวยป๋อประมาณสองสามแสน เวยป๋อแรกเป็นภาพเซลฟี่ เด็กหนุ่มในภาพยิ้มอย่างสดใสพลางกอดกีตาร์เอาไว้หนึ่งตัว ดูใสสะอาดผ่องแผ้ว ติดแคปชั่นว่า

 

[ซีรี่ส์เรื่องใหม่ผมแสดงเป็นหนุ่มมือกีตาร์ [ซุกซน]]

 

แฟนคลับใต้รูปภาพพากันบอกว่าน่ารัก และมีสองสามคนที่บ่นเสียดายว่าบทของเขาเล็กเกินไป ไม่สะดุดตาเลย

ทว่าภาพนี้กลับเข้าตาลู่เยี่ยน เขาเลยรีโพสต์เซลฟี่รูปนี้พร้อมพิมพ์ว่า

 

[สู้เขา พ่อหนุ่มมือกีตาร์ [ซุกซน]]

 

เวยป๋อเพิ่งถูกรีโพสต์ไปได้ไม่นานก็ได้รับคอมเมนต์จำนวนมหาศาล

 

[อ๊าๆๆๆๆ เหล่ากงโพสต์เวยป๋อแล้ว!!! ฉันนึกว่าคุณลืมรหัสเข้าเวยป๋อไปแล้วเสียอีก [ยิ้มน้อยๆ]]

[ตอนเห็นแจ้งเตือนในมือถือฉันยังนึกว่าตัวเองเห็นภาพหลอน เพราะฉันตั้งค่าลู่เยี่ยนไว้เป็นผู้ที่ฉันติดตามเป็นพิเศษ]

[อา คนที่ชื่ออวิ๋นอันชิงนี่ก็น่ารักมากเหมือนกันนะ ฉันแวะไปดูเวยป๋อของเขาหน่อยดีกว่า]

[เหล่ากงไม่ได้มาอัพเวยป๋อนานแล้ว น้อยใจ กลิ้ง สะอื้น]

 

ลู่เยี่ยนนั่งดูนั่นดูนี่หนึ่งรอบ ช่วงนี้ไม่มีข่าวอะไรนอกจากการสอบเข้ามหาวิทยาลัยที่กำลังจะมาถึง ทำให้กระแสเรื่องของถังหมิงกำลังจะถูกเรื่องการสอบเข้ามหาวิทยาลัยประเภทต่างๆ กลบไป

ชายหนุ่มเปิดอัลบั้มเพื่ออัพเดตชีวิตของตัวเองในเวยป๋อ

ผลคือสองสามรูปล่าสุดในอัลบั้มเป็นน้ำแกงข้นประเภทต่างๆ ทั้งหมด

เนื่องจากทุกครั้งที่ได้รับน้ำแกงเขาจะถ่ายรูปไว้หนึ่งรูปจนเดี๋ยวนี้กลายเป็น ‘การฆ่าเชื้อก่อนกินข้าว’ ไปแล้ว อันที่จริงเมื่อก่อนเขาไม่ได้มีนิสัยแบบนี้ ทว่านับตั้งแต่ได้กินเมนูประจำบ้านที่กู้ซวีทำสองสามอย่าง ก่อนกินน้ำแกงเขาเป็นต้องหยิบมือถือออกมาถ่ายรูปเอาไว้หนึ่งรูปโดยจิตใต้สำนึก

นิ้วของชายหนุ่มค้างอยู่กลางอากาศนานมาก สุดท้ายก็เลือกภาพน้ำแกงข้นแปดภาพมาต่อกันเป็นภาพเก้าช่อง โดยตรงกลางเติมภาพเมนูประจำบ้านสองสามอย่าง

 

ลู่เยี่ยน การสอบเข้ามหาวิทยาลัยใกล้จะมาถึงแล้ว ขอนำเสนอเมนูช่วงสอบเข้ามหาวิทยาลัยของผมให้ทุกคนพิจารณานะครับ ขอให้ทุกคนทำได้ทุกข้อ ต่อให้มั่วก็ถูกหมด สู้ๆ นะครับ [ให้กำลังใจ]

 

หลินอันดูเวยป๋อแล้วกอดไหล่ลู่เยี่ยนอย่างเบิกบานใจ “พี่น้องที่แสนดี! จริงสิ ฉันยังมีเรื่องจะบอกนาย อีกสองสามวันจะมีงานเลี้ยงอาหารค่ำเนื่องในโอกาสวันครบรอบของซิงอวี๋ พวกเขาส่งบัตรเชิญมาให้นายด้วย”

เมื่อพูดถึงงานเลี้ยงอาหารค่ำเนื่องในโอกาสวันครบรอบของซิงอวี๋ขึ้นมาก็ทำให้ลู่เยี่ยนฉุกคิดถึงความทรงจำที่ไม่ค่อยโสภานัก ชายหนุ่มหัวเราะเสียงเย็น “ไม่ไป”

หลินอันเดาคำตอบของลู่เยี่ยนได้ตั้งแต่ต้น “เสี่ยวเยี่ยน ฉันว่านายไปดีกว่านะ อย่างแรกคือคนนอกมองว่านายหมดสัญญากับซิงอวี๋ด้วยดี แต่ยังมีอีกหลายคนที่ลือว่าเป็นเพราะนายกับสวี่เจ๋อเลิกกัน รอบนี้ซิงอวี๋หาเรื่องตายด้วยการส่งบัตรเชิญมาทางเวยป๋อแบบเฉพาะเจาะจง ถ้านายไม่ไปก็ไม่รู้ว่านักข่าวจะพูดกันยังไง แถมหนังเรื่องบทเพลงแห่งสงครามยังปิดข่าวกันอยู่ไม่ใช่เหรอ นายไม่ได้โชว์ตัวมาเกินครึ่งเดือนแล้ว รอบนี้ออกไปโชว์ตัวสักหน่อยดีกว่านะ”

ที่ลู่เยี่ยนกับหลินอันร่วมงานกันได้หลายปีเช่นนี้ แน่นอนว่าไม่ใช่แค่เพราะนิสัยของทั้งคู่เข้ากันได้ แต่สิ่งสำคัญที่สุดคือเวลาที่ลู่เยี่ยนใช้อารมณ์ในการตัดสินใจ หลินอันจะสามารถหยิบจับผลประโยชน์ในเรื่องนี้ออกมาได้อย่างเฉียบแหลมทันควันและเตือนให้ลู่เยี่ยนตัดสินใจได้อย่างถูกต้องที่สุด

ลู่เยี่ยนถอนหายใจก่อนเอ่ยถามด้วยน้ำเสียงกลัดกลุ้ม “เมื่อไหร่”

 

หลินชิงมองดูเวยป๋อด้วยสีหน้าเยียบเย็น ไม่พูดเลยสักคำ

เพราะเวยป๋อของลู่เยี่ยนเพิ่งโพสต์ได้แค่สิบนาทีก็มีคอมเมนต์เกือบหมื่นแล้ว นี่แสดงให้เห็นว่าเขามีชื่อเสียงโด่งดังในระดับไหน

นอกจากนี้ในเวยป๋อที่ลู่เยี่ยนเพิ่งโพสต์ออกไป ตัวกล่องเก็บอุณหภูมิในรูปยังเป็นสิ่งที่ทิ่มแทงสายตามากยิ่งกว่า สัปดาห์นี้หลินชิงเห็นผู้ช่วยสวีหิ้วกล่องเก็บอุณหภูมิหน้าตาแบบนี้เข้าออกสตูดิโอทุกวัน ทำให้หลินชิงต้องยอมรับว่ากู้ซวีใส่ใจลู่เยี่ยนมาก

เฉินลี่ถือข้าวกล่องเดินเข้ามา “กินมื้อเย็นสิ ตอนค่ำยังมีถ่ายซีนกลางคืนอีกหลายฉากนะ”

หลินชิงมองข้าวกล่องที่ทั้งแห้งและเย็นชืด แล้วมองน้ำแกงข้นในจอมือถือด้วยความรู้สึกไม่สบอารมณ์ยิ่งกว่าเดิม ชายหนุ่มกลอกตามองเฉินลี่ “ไม่กินแล้ว!”

การถูกพาลใส่อย่างไม่มีเหตุผลทำให้เฉินลี่เริ่มไม่พอใจ แต่เขายังคงอดกลั้นเอาไว้และกล่อมว่า “ไม่กินข้าวตอนค่ำจะหิวนะ และถ้าไปกระทบการถ่ายทำก็จะไม่ดี”

แต่หลินชิงหูอื้อจนไม่ได้ยินเสียงใดๆ แล้วและโทรหากู้ซวีอีกครั้ง กู้ซวีไม่รับสายเขามาหนึ่งอาทิตย์เต็มๆ อีกทั้งหลินชิงก็สอบถามอะไรจากสวีเฟยไม่ได้ เขาจึงร้อนใจมาก นี่คือสาเหตุที่ทำให้ช่วงนี้เขาถ่ายทำฉาก NG* บ่อยๆ

ผลคือมือถือยังโชว์ว่าไม่สามารถติดต่อได้เหมือนเดิม

หลินชิงวางสายอย่างเศร้าๆ เขากลับไปที่หน้าเวยป๋อของลู่เยี่ยนอีกครั้ง

ลู่เยี่ยนเพิ่งรีโพสต์เวยป๋อของเด็กใหม่คนหนึ่ง หลินชิงเลยเข้าไปดู ก่อนจะพบว่าเด็กใหม่คนนั้นได้แฟนคลับเพิ่มขึ้นถึงหนึ่งแสนกว่า!

เขาจึงกดติดตามลู่เยี่ยนแบบไม่ได้หยุดคิดแล้วส่งข้อความส่วนตัวไปหาอีกฝ่าย

 

หลินชิง พี่เยี่ยนครับ ผมหลินชิง~

 

ผลคือจนกระทั่งหมดเวลากินมื้อเย็นหลินชิงก็ยังไม่ได้รับการติดตามจากลู่เยี่ยน

ฉากแรกของซีนกลางคืนเป็นซีนของหลินชิงกับลู่เยี่ยน ระหว่างที่เฉินจิงกำลังสั่งการเรื่องปรับอุปกรณ์ประกอบฉากเป็นรอบสุดท้าย หลินชิงก็เดินมาหาลู่เยี่ยนด้วยสีหน้ากระตือรือร้น

“พี่เยี่ยนครับ ผมกดติดตามเวยป๋อพี่แล้วนะ!” หลินชิงคิดว่าการพูดแบบนี้น่าจะชัดเจนพอแล้วล่ะมั้ง

ลู่เยี่ยนลูบขนม้าเบาๆ “เห็นแล้ว”

หลินชิงกระแอมเบาๆ หนึ่งครั้ง “เรากดติดตามกัน…”

หลินชิงยังพูดไม่ทันจบก็ถูกลู่เยี่ยนตัดบทว่า “นายกดยกเลิกเถอะ เราต้องปิดข่าวในช่วงการถ่ายทำหนังเรื่องนี้ ถ้าจู่ๆ เราสองคนกดติดตามกันจะทำให้นักข่าวสงสัย เกิดพวกเขาตรวจเจออะไรขึ้นมาแล้วจะยุ่ง”

พูดจบเขาก็ส่งม้าให้สตาฟฟ์แล้วเดินไปคุยเรื่องบทกับเฉินจิง

ทิ้งให้หลินชิงยืนอยู่ด้านหลังด้วยใบหน้าเดี๋ยวดำเดี๋ยวขาว

 

วันต่อมาลู่เยี่ยนเพิ่งถ่ายฉากสุดท้ายในช่วงบ่ายเสร็จก็เห็นกู้ซวีนั่งอยู่ข้างเฉินจิง

ทั้งคู่สบตาและยิ้มให้กัน

ลู่เยี่ยนถอดชุดเกราะแล้วเดินออกมาจากห้องแต่งหน้า เตรียมไปหากู้ซวี

แต่ทันใดนั้นก็มีลมเย็นวูบหนึ่งพัดผ่านข้างตัวเขาไป หลินชิงวิ่งผ่านลู่เยี่ยนไปหยุดอยู่ข้างๆ กู้ซวีก่อนลู่เยี่ยนหนึ่งก้าว

เด็กหนุ่มยกมือกอดแขนกู้ซวีอย่างเป็นธรรมชาติแล้วยิ้ม “พี่ซวีครับ ในที่สุดพี่ก็มาเยี่ยมผมที่กองแล้ว!”

 

* นิ่งเงียบเหมือนไก่ เป็นคำเปรียบเปรย หมายถึงคนที่ปกติแล้วพูดมากแต่เมื่อถึงเวลาจำเป็นกลับไม่พูดอะไรเลย

* NG ย่อมาจาก No Good หมายถึงฉากที่ถ่ายทำไม่ผ่านเนื่องจากนักแสดงทำผิดไปจากบท เช่น พูดผิดหรือลืมบทระหว่างการถ่ายทำ

 

  

โปรดติดตามตอนต่อไป

2 of 2หน้าถัดไป

Comments

comments

No tags for this post.
Continue Reading

More in everY

บทความยอดนิยม

everY

ทดลองอ่าน เขตห้ามรักฉบับเบต้า เล่ม 1 Chapter 2.1-2.2 #นิยายวาย

ทดลองอ่าน เรื่อง เขตห้ามรักฉบับเบต้า เล่ม 1 ผู้เขียน : MINTRAN แปลโดย : ทันบี ผลงานเรื่อง : 배타적 연애 금지구역 ถือเป็นลิขสิทธิ์...

จุติรัก พลิกชะตาร้าย

ทดลองอ่าน จุติรัก พลิกชะตาร้าย บทที่ 1-2

บทที่ 1 ฮ่องเต้หญิง   “ท่านพี่นำร้อง น้องหญิงคลอรับ ท่านพี่เสียงเพิ่งลับ น้องหญิงสลับขึ้นเวที เป็นมารดาอารี มีบุตรีกตัญญ...

ทดลองอ่าน

ทดลองอ่าน ร้อยเรียงรักเคียงฤทัย บทนำ – 1.2

บทนำ ความหลังของต้าลี่ 1   ฤดูหนาวในรัชศกต้าลี่ปีที่สิบเอ็ด โม่เป่ย ตำบลค่งหม่า สถานที่แห่งนี้คือประตูด่านสำคัญสุดท้ายทา...

จุติรัก พลิกชะตาร้าย

ทดลองอ่าน จุติรัก พลิกชะตาร้าย บทที่ 7-8

บทที่ 7 ค่าเดินทาง เมื่อภูตสุนัขดำคืนร่างเป็นสุนัขธรรมดาตัวหนึ่ง ภูตบุปผาสองตนนั้นก็ไม่อาจทำการใหญ่ ต่อให้ชาวหมู่บ้านป่า...

จุติรัก พลิกชะตาร้าย

ทดลองอ่าน จุติรัก พลิกชะตาร้าย บทที่ 3-4

บทที่ 3 เกิดใหม่   เวิ้งฟ้าดำสนิทปานน้ำหมึก เพียงมีดวงดาวบางตากระจัดกระจายบนม่านฟ้า ทอรัศมีอ่อนจางประเดี๋ยวเผยประเดี๋ยวเ...

community.jamsai.com