ทดลองอ่าน คุณชายแซ่กู้กับเจ้าสุนัขลู่จอมดุ เล่ม 1 บทที่ 15-16 #นิยายวาย – หน้า 2 – Jamsai
Connect with us

Jamsai

everY

ทดลองอ่าน คุณชายแซ่กู้กับเจ้าสุนัขลู่จอมดุ เล่ม 1 บทที่ 15-16 #นิยายวาย

2 of 2หน้าถัดไป

บทที่ 16

 

ลู่เยี่ยนจับความผิดปกติในน้ำเสียงของลู่เหมี่ยวได้ทันที เขาพลันขยับนั่งตัวตรง “อะไรนะครับ”

“ไม่มีอะไรจ้ะ” ลู่เหมี่ยวเงียบไปพักหนึ่ง “ตารางเดินทางของแม่เปลี่ยนแล้ว อีกสองสามวันจะกลับนะ”

ลู่เยี่ยนรู้จักนิสัยของแม่ดี ถึงเมื่อก่อนลู่เหมี่ยวจะไปไหนมาไหนคนเดียวแต่ก็วนเวียนอยู่แค่สามแห่งคือบริษัท ร้านอาหาร และบ้าน ความจริงแล้วเธอไม่ใช่พวกอินโทรเวิร์ดที่ชอบเก็บตัว แต่ไหนแต่ไรมาเมื่อมีปัญหาลู่เหมี่ยวจะมองโลกในแง่ดีมาก จึงเป็นเรื่องยากที่เธอจะอารมณ์ดิ่งแบบนี้

มือที่ถือมือถือของลู่เยี่ยนบีบแน่น เขาพูดด้วยเสียงทุ้มต่ำอย่างมั่นใจ

“โจวหมิงติดต่อไปหาแม่”

กู้ซวีเลิกคิ้วน้อยๆ และปล่อยคันเร่งที่เท้าเล็กน้อย

ปลายสายเงียบไปนานมาก สุดท้ายก็ถอนหายใจเสียงเบาจนเกือบไม่ได้ยิน

“เขาให้แม่มากล่อมลูกว่าพรุ่งนี้…” ประโยคต่อไปลู่เหมี่ยวพูดต่อไม่ได้

ลู่เหมี่ยวเป็นคนทำอะไรเด็ดขาด ไม่เหลือทางหนีทีไล่ แต่ในเรื่องของความรักเธอกลับปล่อยวางได้ยากกว่าใคร

เมื่อก่อนเธอไม่ยอมฟังคำเตือน ดื้อดึงจะแต่งงานกับเด็กหนุ่มยากจนด้วยความรักเต็มหัวใจ ต่อให้สุดท้ายพวกเขาสองคนต้องหย่าร้างกัน ลู่เหมี่ยวก็ไม่เคยต่อว่าอดีตสามีต่อหน้าลูกชาย ทั้งยังมักทำเหมือนอย่างตอนนี้ที่แสดงละครว่าทั้งคู่ปรองดองกันดี

ลู่เยี่ยนหัวเราะเสียงเย็นออกมาทันที “แม่ครับ แม่อย่ายุ่งเรื่องนี้ดีกว่า”

เหมือนลู่เหมี่ยวจะได้ยินความเย็นชาในน้ำเสียงของลู่เยี่ยนเลยรีบแก้คำว่า “ช่างเถอะ เสี่ยวเยี่ยน ถือซะว่าแม่ไม่เคยพูดแล้วกัน เราอยู่ของเราดีกว่า”

ลู่เยี่ยนทำเสียงอืม “แม่สบายใจได้ครับ”

ลู่เหมี่ยวเห็นว่าน้ำเสียงของลู่เยี่ยนเรียบเฉยก็โล่งอกอยู่ในใจ เธอแสดงความเป็นห่วงลูกชายอีกสองสามประโยคแล้ววางสาย

พอสายตัดไปลู่เยี่ยนก็โทรหาหลินอัน

“ว่าไง ฉันกำลังจะขึ้นเครื่องเดี๋ยวนี้แล้ว”

ลู่เยี่ยนดูเวลาก่อนพูดเสียงเรียบ “ยกเลิกตั๋วเครื่องบินวันมะรืนแล้วจองไฟลต์ห้าทุ่มให้ฉันที”

“หา?” หลินอันอึ้ง “ห้าทุ่ม? ห้าทุ่มวันนี้เหรอ”

“ขอแค่เป็นไฟลต์คืนนี้คือได้หมด ฉันจะไปถึงสนามบินประมาณสี่ทุ่ม นายดูเรื่องการจองให้ด้วย”

“ไม่ได้โว้ย ฉันจะขึ้นเครื่องเดี๋ยวนี้แล้ว จะไปจองตั๋วให้นายได้ที่ไหน อีกอย่างพรุ่งนี้นายไม่ถ่ายหนังเหรอ”

“งั้นนายคิดหาวิธีมา ส่วนเรื่องทางสตูดิโอฉันจะคุยกับผู้กำกับเอง”

“…โอเคๆๆ นายนี่มันเป็นบรรพบุรุษของฉันแท้ๆ! วางก่อนนะ ฉันจะไปคิดหาวิธี”

กู้ซวีแบ่งสมาธิมามองลู่เยี่ยนระหว่างขับรถอย่างหาได้ยาก

ใบหน้าของลู่เยี่ยนซ่อนอยู่ในความมืด ริมฝีปากเม้มเป็นเส้นตรง ท่าทางงอตัวสบายๆ เมื่อครู่เปลี่ยนเป็นนั่งตัวตรงแล้ว

แม้น้ำเสียงตอนคุยโทรศัพท์จะนิ่งสนิท แต่กู้ซวีสัมผัสได้ว่าลู่เยี่ยนกำลังโมโห

ไม่นานหลังจากนั้นสายของหลินอันก็โทรเข้ามา เขาพูดเสียงงึมงำ “เสี่ยวเยี่ยน ไฟลต์คืนนี้ไม่มีตั๋วแล้ว มีแต่ไฟลต์เจ็ดโมงเช้าวันพรุ่งนี้”

ลู่เยี่ยนนวดหัวคิ้ว “งั้นจองไฟลต์เจ็ดโมง”

เพิ่งขาดคำกู้ซวีก็พลันลดความเร็วลงเพื่อจอดรถเทียบไหล่ทาง

กู้ซวีโทรศัพท์ท่ามกลางสายตาที่มีคำถามของลู่เยี่ยน

“จองตั๋วเครื่องบินกลับเมือง B คืนนี้สองใบ”

“ฉันกับลู่เยี่ยน”

“เฟิร์สต์คลาส”

จบคำพูดสั้นๆ สามประโยคก็ตัดสาย กู้ซวีเก็บมือถือแล้วกลับไปขับรถด้วยความเร็วสูงอีกครั้ง “ไฟลต์ห้าทุ่ม จะกลับไปเก็บของแล้วตรงไปสนามบินเลยไหม”

ลู่เยี่ยนอึ้งงัน ก่อนจะได้สติเพราะเสียง “ฮัลโหลๆ” ของหลินอันที่อยู่ในสาย ลู่เยี่ยนจึงรีบบอกว่า “ไม่ต้องจองแล้ว” แล้ววางสายไป

ภายในรถกลับมาเงียบสนิท กู้ซวีรออยู่นานก็ไม่ได้รับคำตอบเลยทวนคำถามเมื่อครู่อีกครั้ง

ลู่เยี่ยนเอ่ย “…ครับ คุณจะกลับด้วยเหรอครับ”

“อืม งานทางนี้เสร็จแล้วเหมือนกัน”

 

เมื่อเข้าไปนั่งอยู่ในห้องพักรอของผู้โดยสารระดับวีไอพี ลู่เยี่ยนถึงเพิ่งค่อยๆ ได้สติกลับมา

สวีเฟยคิดหาวิธีอย่างเต็มที่กว่าจะได้ตั๋วเครื่องบินสองใบนี้มา ทำให้พวกเขาได้เดินทางกลับในเที่ยวบินนี้โดยไม่มีใครตามมาด้วย

กู้ซวีที่อยู่ข้างๆ วางมาดสบายๆ เขาใส่หูฟังไว้ที่หูขณะอ่านแท็บเลตในมืออย่างเอาจริงเอาจัง สายหูฟังสีขาวตัดกับสูทสีดำที่เขาสวมอย่างแรง ทำให้ลู่เยี่ยนรู้สึกว่ามัน…น่ารักแบบขัดแย้งกัน

ชายหนุ่มอดชำเลืองมองหน้าจอแวบหนึ่งไม่ได้

เดิมทีเขาเข้าใจว่ากู้ซวีกำลังดูแผนการลงทุนอะไรทำนองนั้น คิดไม่ถึงว่าสิ่งที่อยู่ในแท็บเลตจะเป็นซีรี่ส์ เรื่องดำเนินไปถึงช่วงกลางแล้ว กู้ซวีน่าจะดูไปแล้วครึ่งหนึ่งและค่อยมาดูต่อ

ทันใดนั้นลู่เยี่ยนก็รู้สึกอยากรู้อยากเห็นขึ้นมาว่ากู้ซวีกำลังดูซีรี่ส์ประเภทไหน

แต่เมื่อเขาเขม้นมองมันสองสามแวบ

“ทำไมคุณถึงดูซีรี่ส์เรื่องนี้!”

ชายหนุ่มที่ใส่ชุดเดินชายหาดกับรองเท้าแตะ ผมใส่เจลไปครึ่งขวดที่อยู่ในนั้นคือตัวเขาเองไม่ใช่เหรอ!!!

ลู่เยี่ยนไม่ได้เข้าวงการมาปุ๊บก็ได้เป็นพระเอกปั๊บ ผลงานเรื่องแรกตอนที่เขาเข้าวงการบันเทิงคือบทพระรองที่ถือว่าพอใช้ได้ แต่นั่นเป็นแค่ของหวานล่อใจที่ซิงอวี๋โยนมาให้เขาในตอนแรกสุดเท่านั้น เพราะอีกสองสามเรื่องต่อจากนั้นอันดับของเขาก็ตกลงไม่น้อย กว่าลู่เยี่ยนจะได้อยู่ในตำแหน่งบทนำก็อีกสองปีกว่าให้หลัง

ซีรี่ส์ที่กู้ซวีกำลังดูอยู่เป็นซีรี่ส์เรื่องแรกที่ลู่เยี่ยนแสดง

ในซีรี่ส์เรื่องนี้เขาแสดงเป็นมหาเศรษฐีที่โปรยเงินเหมือนเศษดิน ยโสโอหังไร้เหตุผลคนหนึ่ง

พระรองอะไร นี่มันตัวรับกระสุน* ที่มาช่วยเสริมความเพอร์เฟ็กต์ให้พระเอกต่างหาก

ด้วยเหตุนี้ภาพลักษณ์ของลู่เยี่ยนในเรื่องจึงเชยเสียยิ่งกว่าเชย โง่เสียยิ่งกว่าโง่ โอ้อวดเสียยิ่งกว่าโอ้อวด

มุมปากของกู้ซวีโค้งขึ้น “มีเพื่อนแนะนำ”

เพื่อนคนไหนช่างสรรหาเรื่องทำเหลือเกิน ถึงได้แนะนำซีรี่ส์ที่มีเรตติ้งต่ำเตี้ยหน้าทิ่มลงพื้นถนนเมื่อห้าปีก่อนให้คุณดู

เมื่อเห็นลู่เยี่ยนเงียบไป กู้ซวีก็พลันช้อนตาขึ้นมองเขาอย่างขบขัน “หมอนี่คล้ายคุณดีนะ”

ลู่เยี่ยน “…”

ในเมื่อคุณไม่ยอมรับ ผมก็ไม่เอาตัวไปหาเรื่องให้ถูกขำดีกว่า 🙂

สายตาของกู้ซวีย้อนกลับไปมองแท็บเลตอีกครั้ง ทั้งคู่นั่งใกล้กันจนลู่เยี่ยนได้กลิ่นโคโลญบนตัวเขา

หอมเข้มแต่ไม่ฉุน

ทำให้อารมณ์ขุ่นข้องดีขึ้นอย่างน่าอัศจรรย์

จากนั้นลู่เยี่ยนก็เตรียมเล่นเกมเซียวเซียวเล่อ** เพื่อฆ่าเวลา แต่พอเปิดมือถือก็เห็นว่ามีข้อความสองสามข้อความ

 

หลินอัน ฉันถึงแล้ว อยากให้ฉันช่วยเปลี่ยนตั๋วเป็นวันพรุ่งนี้ไหม

 

ลู่เยี่ยนจึงส่งตำแหน่งที่อยู่ไปให้

 

หลินอัน ???

หลินอัน นายอยู่สนามบิน?? ฉันยังไม่ได้จองตั๋วเครื่องบินเลยนะ!!

ลู่เยี่ยน กู้ซวีช่วยจองให้ฉัน

หลินอัน ไม่จริงมั้ง เขาจองได้ยังไงในเมื่อที่นั่งเต็มหมดแล้ว

หลินอัน ช่างเถอะ จองได้ก็ดีแล้ว จริงสิ ทำไมจู่ๆ นายถึงรีบร้อนกลับมา

ลู่เยี่ยน มีธุระต้องไปสะสาง

หลินอัน โอเค ถ้ามีปัญหาอะไรจำไว้ว่าต้องติดต่อฉันนะ

 

แม้ความสัมพันธ์ของทั้งคู่จะแน่นแฟ้น แต่ลู่เยี่ยนไม่ได้เล่าเรื่องครอบครัวให้หลินอันฟังอย่างละเอียด แค่บอกอย่างคลุมเครือว่าเขามาจากครอบครัวที่เป็นแม่เลี้ยงเดี่ยว หลินอันเองก็รู้ว่าลู่เยี่ยนไม่อยากพูดอะไรมากเลยไม่เคยถาม

ลู่เยี่ยนเตรียมจะปิดหน้าต่างการสนทนา แต่อีกฝ่ายส่งข้อความมาอีกเสียก่อน

 

หลินอัน นายว่าทำไมกู้ซวีถึงดีกับนายขนาดนี้

หลินอัน เขาคงไม่ได้ชอบนายหรอกนะ เขาสารภาพรักกับนายแล้วหรือยัง

 

ลู่เยี่ยนอึ้ง เขาหันไปมองคนข้างตัวตามจิตใต้สำนึก

ดูเหมือนกู้ซวีจะ…ดีต่อเขาจริงๆ

ทั้งส่งเขากลับบ้าน ทั้งต้มโจ๊กให้เขา

ขนาดไปทำงานนอกสถานที่ก็ยังทำอาหารส่งน้ำแกงมาให้เขา ทั้งยังมาเยี่ยมกองถ่ายอีกด้วย

เมื่อกี้ก็เหมือนกัน กู้ซวีไม่ถามเลยว่าทำไมจู่ๆ ลู่เยี่ยนถึงจะกลับเมืองหลวง แต่ช่วยเขาจองตั๋วเครื่องบินทันที

ชอบเหรอ

กู้ซวีรับรู้ได้ถึงสายตาจึงเงยหน้าขึ้นอย่างปุบปับและพูดเสียงเบา “มีอะไรเหรอ”

ลู่เยี่ยนส่ายหน้า “ไม่มีอะไรครับ”

กู้ซวีดูเวลาแล้วลุกขึ้นยืน “ไปเถอะ ขึ้นเครื่องได้แล้ว”

พอเขาเดินไปได้สองสามก้าวแล้วพบว่าคนข้างหลังไม่ได้ตามมาก็หันหน้ากลับไปมอง เห็นลู่เยี่ยนยังคงนั่งมองเขาอยู่บนเก้าอี้ด้วยแววตามึนงง

ครั้นสบตากันลู่เยี่ยนก็ได้สติทันที เขากดหมวกให้ต่ำลงแล้วรีบตามอีกฝ่ายไป “มาแล้วครับ”

ลู่เยี่ยนเดินตามหลังกู้ซวีทั้งที่มือยังพิมพ์แป้นบนหน้าจอ

 

ลู่เยี่ยน นายเดาอะไรบ้าๆ

หลินอัน เฮ้ ก็มันเรื่องจริง โอเคไหม!

หลินอัน อีกอย่างฉันก็ไม่ได้พูดผิดสักหน่อย เขาดีต่อนายมากอยู่แล้วไม่ใช่หรือไง

 

ลู่เยี่ยนขี้เกียจตอบเลยปิดมือถือไปดื้อๆ

 

เครื่องบินใช้เวลาเดินทางแค่สองชั่วโมงกว่า เนื่องจากเป็นไฟลต์ดึกแสงไฟในห้องโดยสารจึงถูกปรับให้มืดสลัว ทำให้ผู้โดยสารพากันง่วงงุน

ลู่เยี่ยนถ่ายหนังมาทั้งวัน เดิมทีระหว่างเดินทางกลับสตูดิโอเขาก็ง่วงจะไม่ไหวอยู่แล้ว แต่สายจากลู่เหมี่ยวทำให้เขาตื่นตัวขึ้นมาเสียก่อน ตอนนี้เมื่ออยู่ระหว่างเดินทางกลับความง่วงก็ม้วนตัวเข้ามาอีกครั้ง

ชายหนุ่มสวมผ้าปิดตา เตรียมงีบหลับสักครู่

ระหว่างนั้นเสียงของกู้ซวีก็ดังขึ้นที่ข้างตัว เขาพูดเสียงเบามาก “ขอผ้าห่มผืนหนึ่งครับ”

ไม่นานผ้าห่มหนึ่งผืนก็ถูกคลุมลงบนร่างของลู่เยี่ยนอย่างเบามือมาก และยังดึงชายผ้าให้อย่างระมัดระวังด้วย

พอลงจากเครื่องบินรถที่ถูกจัดเตรียมไว้ก็พาพวกเขาไปส่งที่คอนโดฯ

ลู่เยี่ยนกล่าวลากู้ซวีแล้วเดินกลับบ้าน จากนั้นเขาก็เปิดมือถือและพบข้อความจากหลินอันเด้งออกมาอีกครั้ง

 

หลินอัน นายขึ้นเครื่องแล้วเหรอ

หลินอัน ถึงแล้วบอกฉันด้วยนะ

 

เหนือข้อความสองข้อความนี้คือ ‘เขาดีต่อนายมากอยู่แล้วไม่ใช่หรือไง’

ลู่เยี่ยนขยับนิ้วแล้วตอบกลับว่า ถึงแล้ว’ ก่อนทิ้งตัวลงบนเตียง

ดูเหมือนความง่วงงุนทั้งหมดจะถูกข้อความนั้นของหลินอันขับไล่ให้หายไป

ลู่เยี่ยนจุปาก ก่อนดึงหน้ากากอนามัยแบบใช้ครั้งเดียวออกเตรียมเอาไปทิ้ง แต่บัตรเชิญสีแดงสดใสในถังขยะกลับดึงดูดสายตาของเขา

ชายหนุ่มเก็บบัตรเชิญขึ้นมากวาดตามองอย่างรังเกียจแล้วเปิดบันทึกการโทรในมือถือ เลื่อนหาอยู่นานมากกว่าจะเจอชื่อที่ต้องการ

ตอนที่อีกฝ่ายรับสายนั้นเอ่ยด้วยน้ำเสียงประหลาดใจมาก “พี่เยี่ยน?”

 

กู้ซวีถูกปลุกด้วยเสียงโทรศัพท์

เสียงของเขาที่เอ่ยออกมาค่อนข้างไม่พอใจ หัวคิ้วยังยับย่นจนสามารถบีบยุงตายได้หนึ่งตัว “อยากตายหรือไง”

“พี่น้อง เลิกนอนได้แล้ว ฉันมีเรื่องจะคุยกับนาย!” กู้ซวีงัวเงียมาก แต่สายนี้เรียกได้ว่าเป็นสายที่เฉินอีหมิงใช้เวลาคิดอยู่นานกว่าจะกดโทรออก

“บริษัทนายล้มแล้วเหรอ”

“เฮ้ ฉันจะกล้าเอาเรื่องเล็กน้อยแบบนี้มารบกวนการนอนของนายได้ยังไง” พอล้อเล่นเสร็จเฉินอีหมิงก็เข้าโหมดจริงจัง “เรื่องลู่เยี่ยนต่างหาก”

กู้ซวีปรือตา “ว่ามา”

“สายที่ฉันวางไว้ในกลุ่มปาปารัซซี่ส่งข่าวมาว่าทางปาปารัซซี่ได้ข่าวร้อนเกี่ยวกับลู่เยี่ยนมา” เฉินอีหมิงนิ่งไปเล็กน้อยก่อนจะบอกเรื่องน่าตกใจ

“เขาบอกว่าวันนี้ลู่เยี่ยนจะไปพังงานแต่ง!”

“พังงานแต่งของใคร”

“ดาราสาวคนหนึ่ง ชื่อหลิวหมิงอี”

กู้ซวีลุกขึ้น เขาเปิดลำโพงพลางเดินเข้าไปในโซนล้างหน้าแปรงฟัน “ข่าวเชื่อถือได้ไหม”

“เชื่อได้สุดๆ คืนนี้หลิวหมิงอีจะแต่งงาน ลู่เยี่ยนเลยจะหาคนไปพังงาน แม่เจ้า ไอ้หนูนี่น่าสนใจจริงๆ! แมนมาก!” เฉินอีหมิงจุปาก “แต่เขาเป็นบุคคลสาธารณะ ถ้าเขาไปพังงานจริงแล้วถูกถ่ายภาพไว้ ภาพลักษณ์จะต้องพังพินาศ…กลายเป็นมือที่สามที่ทำลายงานแต่งของคนอื่น”

“อ้อ อย่าหาว่าพี่ไม่เตือนนะน้องชาย ตอนนี้ลู่เยี่ยนมีสัญญากับนาย ถ้าเขาพังงานแต่งนี้จริงแล้วเป็นเรื่องขึ้นมา เส้นทางการเป็นดาราของเขาก็ย่อยยับแล้ว”

กู้ซวีเงียบไปนานมากก่อนโพล่งถามออกมาว่า “เจ้าบ่าวชื่อโจวหมิง?”

“ฉันจะไปรู้ได้ยังไง”

“เช็กดู”

“ไม่สิ นายจะสนใจไปทำไมว่าเจ้าบ่าวชื่ออะไร เพราะพอพ้นคืนนี้ไปนายเรียกเขาว่าหมวกเขียว* น้อยก็ได้”

“ฉันบอกให้นายเช็กก็เช็ก”

“…ขอรับ ถือเสียว่าฉันติดค้างเรื่องข้าวนายเมื่อวาน จริงสิ ถ้าเรื่องนี้ดังแล้วนายอยากยกเลิกสัญญากับลู่เยี่ยนก็บอกฉันนะ ฉันจะดูว่าพอจะดึงเขาเข้าสังกัดได้ไหม”

อีกฝ่ายตัดสายทันที

 

* ตัวรับกระสุน มีที่มาจากทหารไร้ค่าในสงครามซึ่งจะอยู่หรือตายก็ไม่มีค่าอะไร เป็นคำที่มักนำมาใช้เรียกตัวประกอบในนิยาย

** เซียวเซียวเล่อ เป็นเกมมือถือที่นิยมเล่นเพื่อฆ่าเวลาเกมหนึ่ง โดยจะต้องเรียงวัตถุแบบเดียวกันให้อยู่ในแนวเดียวกันตามเงื่อนไขภารกิจในแต่ละด่าน

* หมวกเขียว หมายถึงการโดนคนรักนอกใจ มักใช้กับผู้ชาย

  

ติดตามเรื่องราวทั้งหมดได้ใน คุณชายแซ่กู้กับเจ้าสุนัขลู่จอมดุ

วางจำหน่ายแบบรูปเล่มที่เว็บไซต์ Jamsai Store, ร้าน Jamclub และร้านหนังสือทั่วไป

 

รวมถึงในรูปแบบอีบุ๊กที่

Meb / OOKBEE / Fictionlog / Naiin App / SE-ED / Hytexts / comico และ ARN

2 of 2หน้าถัดไป

Comments

comments

No tags for this post.
Continue Reading

More in everY

บทความยอดนิยม

everY

ทดลองอ่าน เขตห้ามรักฉบับเบต้า เล่ม 1 Chapter 2.1-2.2 #นิยายวาย

ทดลองอ่าน เรื่อง เขตห้ามรักฉบับเบต้า เล่ม 1 ผู้เขียน : MINTRAN แปลโดย : ทันบี ผลงานเรื่อง : 배타적 연애 금지구역 ถือเป็นลิขสิทธิ์...

ทดลองอ่าน

ทดลองอ่าน แม่ทัพฉางหนิง ขุนศึกหญิงพิทักษ์นครา บทที่ 66-67

บทที่ 66 ผืนฟ้าเหนือฉางอันมืดลง ม่านราตรีคลี่คลุมอีกครั้ง เสียงย่ำกลองแจ้งเวลาวิกาลลอยมาจากหอกลอง หลังกำแพงสูงตระหง่านขอ...

ทดลองอ่าน

ทดลองอ่าน แม่ทัพฉางหนิง ขุนศึกหญิงพิทักษ์นครา บทที่ 62-63

บทที่ 62 เพียงตวัดตามอง สีหน้าของซู่เซิ่นฮุยก็เคร่งเครียดขึ้นทันที เขาหมุนตัวเดินกลับเข้ามาข้างในแล้วแกะตราครั่งภายใต้แส...

ทดลองอ่าน

ทดลองอ่าน หอมเกศา บทที่ 1-2

บทที่ 1 อาจเป็นเพราะสภาพอากาศขมุกขมัวหนาวเย็นยาวนานถึงครึ่งปี ทำให้เครื่องหอมเป็นที่โปรดปรานของชาวต้าเว่ย ได้เติมเครื่อง...

ทดลองอ่าน

ทดลองอ่าน แม่ทัพฉางหนิง ขุนศึกหญิงพิทักษ์นครา บทที่ 64-65

บทที่ 64 จวงไท่เฟยหลบร้อนมาพักอยู่บนเขาเซิ่งซานทางตอนเหนือของเมือง วันนี้ซู่เซิ่นฮุยขี่ม้าออกจากที่พักตั้งแต่ฟ้ายังไม่สา...

community.jamsai.com