everY
ทดลองอ่าน ตื่นมารับภารกิจพิชิตหัวใจคุณสามี เล่ม 2 บทที่ 46-49 #นิยายวาย
บทที่ 47
ก่อกบฏ
“ข้าบอกว่าถ้าเกิดเจ้าเปลือยก้นออกมาก็จะถูกคนจับจุดอ่อนได้ ต้องรีบๆ ออกมา เดี๋ยวไม่แน่อาจจะมีคนมาจับชู้” ลู่อวี๋อ้าปากพล่ามออกมาโดยหน้าไม่แดงใจไม่เต้นเลยสักนิด
ฮวาเหวินหย่วนคว้าเสื้อคลุมตัวนอกที่ตากอยู่ในสวนมาสวมแบบส่งๆ เขาโมโหฉุนเฉียวอย่างยิ่ง เข้าห้องไปบีบคอสตรีผู้นั้นจนสลบแล้วหิ้วธนูคันใหญ่ออกมา ก่อนบ่นกับลู่อวี๋ “นางเป็นบุตรีของครอบครัวทหาร* เพิ่งจะเสียสามีไป แล้วถูกหัวหน้ากองพันนายหนึ่งขู่บังคับให้มาล่อลวงข้าเพราะอยากจะทำลายชื่อเสียงและบารมีของข้า”
ชาติที่แล้วเขาเคยเห็นวิธีสกปรกมาแล้วทุกรูปแบบ เรื่องเล็กน้อยเหมือนฝนปรอยแค่นี้ไม่นับเป็นเรื่องใหญ่อะไร เพียงแต่รู้สึกโมโหที่ใช้ความอ่อนแอของสตรีและเด็กเล็กมาเป็นเครื่องมือให้ร้ายผู้อื่น ไม่ว่าจะใส่ร้ายสำเร็จหรือไม่ ในโลกอันเละเทะวุ่นวายเช่นนี้คนที่ไร้พลังต่อสู้ก็ไม่ต่างอะไรกับเหยื่อล่อที่ไม่มีทางรอดชีวิต
“อย่าโกรธน้าๆ” ลู่อวี๋ลูบหัวฮวาเหวินหย่วนประหนึ่งกล่อมเด็ก เจ้าหนูนี่น่ารักจริงๆ กล้าหาญ เที่ยงธรรม ใจอารี แต่ไม่ได้ถึงขั้นเป็นพ่อพระ มีความเด็ดขาด จะฆ่าหรือไม่ฆ่านั้นล้วนไม่ใช่เรื่องใหญ่สำหรับเขา มันทำให้ลู่อวี๋คาดหวังอย่างยิ่งว่าหากพาเขากลับไปยังชีวิตในโลกแห่งความจริงแล้วจะเป็นอย่างไร
ฮวาเหวินหย่วนที่ถูกลูบหัวอึ้งงันเล็กน้อย
ตั้งแต่เล็กจนโตไม่เคยมีใครปลอบเขาแบบนี้มาก่อน ท่านแม่ทัพใหญ่ที่ฆ่าคนไม่กะพริบตาชั่วขณะหนึ่งกลับทำอะไรไม่ถูก เขากระแอมเบาๆ บอกให้ท่านอารองกับอาสะใภ้รองอย่าเดินไปไหนส่งเดช ก่อนจะเรียกทหารองครักษ์ไปทำงานให้ ส่วนตนก็ถือธนูคันใหญ่ไปนั่งบนหลังคารอให้คนมาตามจับชู้
“ฮี่ๆ ผมเรียนรู้มาจากพี่เลยนะ ท่าทางพิเศษในการฝึกลูกหมา เอาเขาอยู่หมัดแบบสบายบรื๋อเลย” ลู่อวี๋โบกฝ่ามือไปมา ค่อนข้างจะภาคภูมิ
หมิงเยี่ยน “…ฉันไม่ได้ฝึกสุนัขสักหน่อย”
ลู่อวี๋เอาศีรษะถูไถกับไหล่เขา “ฝึกสามีกับฝึกหมาไม่ต่างกันนี่ครับ ยังไงซะผมก็ค่อนข้างชอบที่ฝึกให้เชื่องด้วยวิธีนี้นะ”
หมิงเยี่ยนเอียงศีรษะมองเขา ครู่ใหญ่ผ่านไปถึงเม้มปากหัวเราะเบาๆ
ไม่นานนักคนที่มาตามจับชู้ก็มาถึง ผู้ที่มาเพิ่งจะผลักเปิดประตูเรือนก็ถูกฮวาเหวินหย่วนยิงลูกธนูเสียบทะลุท่อนขา เขาส่งเสียงร้องแล้วคุกเข่าลงกับพื้น เข้ามาอีกคนหนึ่งก็คุกเข่าล้มไปอีกหนึ่ง หลังคุกเข่าติดกันสามคน คนที่อยู่ด้านนอกเรือนถึงหยุดชะงักฝีเท้าไม่กล้าก้าวเข้าไป
“ท่านแม่ทัพฮวา พวกข้ามาตามหาบุตรสาวอนุของหัวหน้ากองพันเฉินที่หายตัวไป มีคนเห็นว่านางเข้าไปในเรือนของท่าน” คนนอกเรือนตะโกนเสียงดัง
ฮวาเหวินหย่วนยิ้มเย็น “ท่านหัวหน้ากองพันเฉินช่างไม่เสียดายเลยเสียจริง ไม่นึกเลยว่าจะใช้บุตรสาวตัวเองเป็นเหยื่อล่อ ผู้แซ่ฮวารู้สึกเป็นเกียรติอย่างยิ่ง”
ว่าจบก็ยกคันธนู ง้างศร ปล่อยสาย ลูกธนูหางแดงดอกหนึ่งพุ่งทะลุประตูไม้เรียบง่ายด้วยพลังมหาศาล เสียง ‘ฉึก’ ดังขึ้นพร้อมกับลูกธนูที่ปักเข้ากระดูกสะบักของหัวหน้ากองพันเฉินผู้ยืนอยู่ด้านหน้าสุดเต็มแรงจนทำให้ร่างนั้นล้มลงพื้น ไม่นานก็ส่งเสียงร้องโหยหวนตามมา
ด้านนอกเกิดความโกลาหลทันที ทุกคนตรงนั้นต่างร้องตกใจไม่กล้าเดินเข้าประตูมากกว่าเดิม ทำได้เพียงหมอบคุกเข่ากับพื้นตัวสั่นระริก
ลู่อวี๋ดึงตัวหมิงเยี่ยนขยับเข้ามาหลบที่ฐานกำแพง “พี่ดูสิ นั่งหลบที่ฐานกำแพงเป็นความคิดที่ถูกแล้วใช่ไหมล่ะ ถ้าพวกเราเกาะอยู่บนกำแพงต้องโดนเขายิงทะลุหัวใจแหงๆ ถึงตอนนั้นทำได้แค่ต้องให้อาสามฟื้นคืนชีพกลับมา แล้วพี่จะต้องเป็นอาสะใภ้รองผู้น่าสงสารต้องแต่งงานอีกครั้งกับอาสาม เพราะคนพี่ตายสมบัติเลยตกสู่คนน้อง”
หมิงเยี่ยนถองศอกใส่เขา “พล่ามให้มันน้อยลงหน่อยเถอะนายน่ะ” บทกำลังตึงเครียด แต่เขากลับมาเล่นมุกอยู่แถวนี้ ทำลายบรรยากาศหมด
“นั่นก็เป็นเรื่องที่ถูกต้องสมควรนะครับ” ลู่อวี๋ยู่ปากพึมพำเสียงเบา
ทักษะธนูดุจเทพของฮวาเหวินหย่วนทำให้พวกคนที่มาจับชู้ตกใจจนตัวสั่นงันงก ถึงขั้นไม่กล้าเข้าไปประคองหัวหน้ากองพันเฉินที่ถูกศรปัก ตัวแข็งทื่อกันไปครู่ใหญ่ ขณะเดียวกันเหล่าทหารองครักษ์ของฮวาเหวินหย่วนก็จับหัวหน้ากองพันสามนายที่เหลือมาแล้ว มีนายหนึ่งเห็นได้ชัดว่าถูกจับมาจากบนเตียง เสื้อผ้าอาภรณ์ไม่เรียบร้อย ปากพ่นคำด่ากราด
“ในเมื่อทุกท่านมิอยากหลับนอน เช่นนั้นก็มาดื่มกันเถิด” ฮวาเหวินหย่วนกระโดดลงจากหลังคา เชื้อเชิญให้ทุกคนไปยังโถงจัดเลี้ยงที่ใหญ่ที่สุดในค่ายรักษาการณ์ใหญ่เจียงโจว
ฮว่าเหวินหย่วนสั่งให้คนจุดเทียน ก่อนนั่งกางขาตรงตำแหน่งประธาน ตบดินปิดไหสุราออก แล้วให้เซี่ยฉงอวิ๋นยกไปรินสุราให้หัวหน้ากองพันทั้งสี่ที่ใบหน้าซีดเผือดด้วยความกลัว
เซี่ยฉงอวิ๋นรู้สึกสนุก ใช้หนึ่งนิ้วเกี่ยวไหสุรา รินให้ทุกคนอย่างขอไปที สุรารินไหลจากปากไหลงจอก เทราดจากที่สูง หยาดสุรากระเด็นกระดอน ขาดก็แต่รดลงบนศีรษะ
หยดสุรากระเซ็นโดนแผลของหัวหน้ากองพันเฉินที่ยังมีลูกธนูปักคาอยู่ เขาเจ็บแสบจนต้องกัดฟัน
ลู่อวี๋ลังเลครู่ใหญ่ สุดท้ายก็ขอเมล็ดกวยจี๊ห่อหนึ่งจากหมิงเยี่ยน แล้วนั่งแทะแก๊บๆๆ อยู่บนที่นั่งอย่างเบิกบาน แถมยังยื่นให้หัวหน้ากองพันเฉินที่อยู่ข้างๆ หนึ่งกำอย่างมีน้ำใจ “มาๆๆ กินแกล้มสุรา ไม่ต้องเกรงใจ”
หัวหน้ากองพันเฉินริมฝีปากสั่นระริก พูดอะไรไม่ออก
หัวหน้ากองพันที่สวมเพียงกางเกงชั้นในเปิดปากเอ่ยถามขึ้น “ฮวาเหวินหย่วน เจ้าหมายความว่าอย่างไร”
ฮวาเหวินหย่วนไม่ตอบ เพียงจิบสุราช้าๆ
ชีวิตชาติที่แล้วเขาอดทนกับคนแก่ทั้งสี่นี้นานมาก รอจนบัณฑิตสกุลเฉิงตรวจสอบรายการบัญชีเสร็จเรียบร้อยถึงแย่งชิงอำนาจทางทหารของคนพวกนี้มาได้อย่างยากลำบาก แล้วทำการจัดสรรที่นาทหารใหม่ แต่คราวนี้เขาไม่อยากอดทนแล้ว
หมิงเยี่ยนว่างจนเบื่อ จึงวาดเมล็ดกวยจี๊ไม่มีเปลือกให้ตัวเองหนึ่งกำ เขาตีมือลู่อวี๋ที่พยายามยื่นมือมาขโมย แล้วลอบยัดใส่มือฮวาเหวินหย่วนทางใต้โต๊ะ ฮวาเหวินหย่วนยัดมันเข้าปากหน้าไม่เปลี่ยนสี ดื่มสุราอย่างสง่างามต่อ
เขากักตัวคนกลุ่มนี้ดื่มสุราจนฟ้าสาง รอจนดวงอาทิตย์ขึ้นแล้วเหล่าทหารองครักษ์ก็นำหีบใบใหญ่เข้ามาหลายใบ ด้านหลังยังมีคนไม่น้อยเดินตามมา ครอบครัวทหารทุกนายส่งตัวแทนออกมาหนึ่งคน ทหารองครักษ์บอกให้พวกเขามารับเสบียง จะมอบให้แก่ตัวแทนแต่ละบ้าน
พอได้ยินว่ามีเสบียง ทุกครัวเรือนก็มาถึงอย่างพร้อมหน้า
ฮวาเหวินหย่วนลุกขึ้นยืน บอกให้เซี่ยฉงอวิ๋นเปิดหีบ ในนั้นกลับเต็มไปด้วยใบหลักฐานการยืมสีขาวโพลน
“ที่นาทหารนั้นเดิมทีจัดสรรให้กับครอบครัวทหารที่ประจำการชายแดนใช้เพาะปลูกเพื่อยังชีพให้แก่กองทัพ หาใช่เพื่อเลี้ยงดูครอบครัวหัวหน้ากองพัน!” ฮวาเหวินหย่วนคว้าใบหลักฐานการยืมออกมาปึกหนึ่ง “คนบางพวกได้เป็นหัวหน้ากองพันก็หลงคิดว่าตนเป็นขุนศึกท่านโหว ยึดครองที่นาทหารเป็นของส่วนตัว ฮุบกลืนเสบียงกองทัพ แล้วยังปล่อยเงินกู้เก็บดอกเบี้ยสูงอีก”
พูดถึงตรงนี้ จู่ๆ ก็มีชายชราคนหนึ่งพุ่งปราดออกมาแล้วคุกเข่าร้องห่มร้องไห้ “ท่านแม่ทัพ ท่านแม่ทัพโปรดช่วยข้าน้อยตัดสิน ครอบครัวข้าน้อยมีแปดปากท้อง ล้วนถูกบีบให้อดตาย”
หัวหน้ากองพันทั้งสี่นายนี้ฉวยโอกาสที่ประสบภัยพิบัติมานานปี อ้างว่าได้เสบียงทหารมาไม่ครบ ยึดที่ดินครอบครัวทหารแล้วปล่อยเช่าให้พวกเขาปลูกไร่ทำนา ก่อนจะเก็บค่าเช่าสูงๆ ครั้นครอบครัวทหารจ่ายค่าเช่าก็ทำให้ไม่พอกิน จึงต้องไปยืมเสบียงของหัวหน้ากองพัน กลายเป็นมีหนี้สินติดตัว ครั้นไม่อาจคืนหนี้สินได้ ก็ทำได้เพียงต้องขายบุตรขายสตรีแลกข้าว
ฮวาเหวินหย่วนไม่ต้องฟังรายละเอียดก็รู้ต้นสายปลายเหตุของเรื่อง จุดไฟเผาใบหลักฐานการยืมทั้งหมดทิ้งและตัดหัวของหัวหน้ากองพันทั้งสี่ต่อหน้าทุกคน
ทุกคนตะลึงอึ้งค้าง ชายชราที่เข้ามาร้องทุกข์ผู้นั้นพูดเสียงสั่นเทา “ทะ…ท่านแม่ทัพ หัวหน้ากองพันก็นับเป็นขุนนางของราชสำนัก ท่านปลิดชีพพวกเขาเช่นนี้…”
วิธีการนี้รุนแรงเกินไป ไม่มีเหตุผลเลยแม้แต่นิด
ฮวาเหวินหย่วนหัวเราะเสียงเบา ประคองชายชราที่คุกเข่าคนนั้นขึ้นมาด้วยมือเดียว “ไม่เป็นไร ในถิ่นของข้าพวกเขามินับเป็นขุนนาง พวกเจ้าเองหลังจากนี้ก็ไม่จำเป็นต้องแบกรับภาระเป็นครอบครัวทหารอีกต่อไป”
ว่าจบก็แบ่งที่นาของกองทัพแก่ผู้ที่กำลังลงแรงไถหว่านอยู่ในยามนี้ แล้วประกาศคำสั่งไปว่าทหารในกองทัพทั้งหมดล้วนมีสิทธิ์ได้รับที่นา บัดนี้ให้แบ่งแก่ครอบครัวทหารเดิมก่อน เมื่อปราบกบฏสำเร็จจะมีที่นาใหม่แบ่งให้เพิ่มเติมอีก
ผู้ที่มีประสบการณ์ความรู้ตระหนักได้แล้วว่าฮวาเหวินหย่วนกำลังทำสิ่งใด เขาไม่ได้มาเพื่อเป็นแม่ทัพ หากแต่มาก่อกบฏ!
แต่ทุกคนต่างเลือกที่จะนิ่งเงียบ
[หนึ่งบทเพลงมิรู้กี่แพรแดง : เขาก่อกบฏแล้ว! โปรจะมาแล้ว! สุนัขลู่ รีบพาฉันไปเล่นด้วยเร็ว ฉันอยากรีบไปเจอโปรคนนั้น ฉันรู้ว่านายเข้าใจฉัน!]
[หนึ่งบทเพลงมิรู้กี่แพรแดง ส่งของขวัญ –––– เรือยอชต์ปาเจียวระดับซูเปอร์วีไอพี x 600]
* ครอบครัวทหาร หมายถึงครอบครัวที่ทางการกำหนดว่าต้องรับราชการทหาร
Comments



