ทดลองอ่าน ตื่นมารับภารกิจพิชิตหัวใจคุณสามี เล่ม 2 บทที่ 46-49 #นิยายวาย – หน้า 4 – Jamsai
Connect with us

Jamsai

everY

ทดลองอ่าน ตื่นมารับภารกิจพิชิตหัวใจคุณสามี เล่ม 2 บทที่ 46-49 #นิยายวาย

4 of 4หน้าถัดไป

บทที่ 49

ลูกเลี้ยง

 

เพราะหมิงเยี่ยนร่วมวงด้วย การวางปมเงื่อนที่ตอนแรกไม่ได้น่าสนใจอะไรเลยกลายเป็นหัวข้อพูดคุยขึ้นมา พริบตาซับกระสุนก็กระหน่ำรัวอย่างกับระเบิดลง

 

[นี่จับปลาบนดินแล้งถูกรับเลี้ยงเหรอเนี่ย ลูกเลี้ยงในตระกูลเศรษฐีมีอยู่จริง?]

[ปฏิบัติสองมาตรฐานแบบนี้มันเกินไปรึเปล่า! คุณชายตระกูลเศรษฐีชื่อปลาแบบนี้ก็ไม่ได้จริงๆ นั่นแหละ…]

[ทุ่งหญ้าเขียวขจี : จู่ๆ ก็พูดเรื่องนี้ขึ้นมาคืออยากจะทำตัวน่าสงสารต่อหน้าหมิงเยี่ยนหรือไง]

[ทุ่งหญ้าเขียวขจีนี่ชงโมเมนต์เก่งมากอะ เป็นชิปเปอร์เหรอ? ชิปเปอร์สายเปย์มาเข้ากลุ่มเร็ว มาชงด้วยกันกับพวกเราสิ เลขกลุ่มคือ XXXX]

[หนึ่งบทเพลงมิรู้กี่แพรแดง : สุนัขลู่ไม่ร้องนะ พี่ชายรักนาย]

[หนึ่งบทเพลงมิรู้กี่แพรแดง ส่งของขวัญ –––– เรือยอชต์ปาเจียวระดับซูเปอร์วีไอพี x 100]

 

จนกระทั่งไลฟ์จบแล้ว ความกระตือรือร้นในการพูดคุยหัวข้อนี้ของทุกคนมีแต่จะเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ จนดันแฮชแท็กหัวข้อ #ลูกเลี้ยงเศรษฐี# ขึ้นเทรนด์จนได้

ลู่อวี๋มีชื่อเสียงตั้งแต่อายุยังน้อย หน้าตาก็หล่อเหลา เขาถูกขุดคุ้ยประวัติยันกางเกงในไปตั้งนานแล้ว แฟนคลับในยุคนั้นนิยมขุดอดีตของคนดัง จับปลาบนดินแล้งชื่อจริงชื่ออะไร ครอบครัวทำอาชีพอะไร ทุกคนรู้กันหมด ถึงขั้นที่ว่าชาติกำเนิดอย่างกับละครน้ำเน่านี้ยังกลายเป็นที่ถกกันอย่างร้อนแรงมานานมากแล้ว

เพียงแต่เขาไม่ออกผลงานมานานหลายปี จนบางคนเริ่มลืมเลือนกันไปแล้ว ตอนนี้พอยกขึ้นมาพูดอีกครั้งก็มีพวกคนชอบยุ่งเรื่องชาวบ้านไปขุดคลิปสัมภาษณ์ต่างๆ กับกระทู้แฉเก่าๆ ออกมาแล้วเป็นที่ถกเถียงกันอย่างร้อนแรงอีกครั้ง

 

[ชาวเน็ต A : ไม่คิดเลยว่าฉากลูกเลี้ยงเศรษฐีในนิยายจิ้นเจียง** เมื่อสิบปีก่อนจะเกิดขึ้นในชีวิตจริง เป็นจริงอย่างที่เขาบอกกันเลยว่าศิลปะนั้นมาจากชีวิตจริง]

[ชาวเน็ต B : ลู่ตงตงพระเอกในนิยายเรื่องแรกที่จับปลาบนดินแล้งเขียนก็ถูกรับเลี้ยงเหมือนกัน หลังจากนั้นเขาถูกคนในครอบครัวทอดทิ้ง เลยเป็นปลาโดดเดี่ยวเร่ร่อนอยู่นาน อย่างกับว่าเขากำลังเขียนเรื่องตัวเองอยู่เลย]

[ชาวเน็ต C : พวกนายเคยดูสัมภาษณ์ของจับปลาบนดินแล้งเมื่อนานมาแล้วรึเปล่า เขาเคยบอกว่าสิ่งที่เขาเขียนคือความไม่ยอมจำนนในวัยเด็กของเขา]

 

หมิงเยี่ยนสวมชุดนอน นั่งบนโซฟาในบ้าน จ้องหน้าจอออพติคอลของสมองอัจฉริยะเสียจริงจัง

ลู่อวี๋ที่อาบน้ำเรียบร้อยแล้วขยี้ผมที่เพิ่งเป่าแห้งเดินเข้ามา “พี่เยี่ยน ไปนอนกัน”

“อือ” หมิงเยี่ยนส่งเสียงตอบส่งๆ ในจมูก นับเป็นการตอบรับเขาแล้ว แต่ยังคงจ้องหน้าจอออพติคอลต่อ

นานๆ ทีจะได้เห็นเขาติดสมองอัจฉริยะแบบนี้ ลู่อวี๋เผยรอยยิ้มร้าย แล้วยกมือข้างหนึ่งเท้าเอวชี้นิ้วสั่ง “กี่โมงกี่ยามแล้วยังเล่นสมองอัจฉริยะอยู่อีก ทำการบ้านเสร็จหรือยัง ล้างหน้าแปรงฟันหรือยัง มา ตามฉันไปที่ห้องเลยนะ ต้องให้อาจารย์ลู่ผู้คุมหอสอนกฎในการนอนให้เธอแล้ว”

หมิงเยี่ยนเมินเขา ยังคงอ่านต่อ

ลู่อวี๋เดินวนรอบโซฟาแต่ก็ยังดึงดูดความสนใจจากเขาไม่ได้ เลยพุ่งตัวไปบนโซฟา ทิ้งตัวลงข้างๆ หมิงเยี่ยนประหนึ่งกระสุนปืนใหญ่ ยื่นศีรษะเข้าไปคลอเคลียกับไหล่อีกฝ่าย “ดูอะไรอยู่เหรอ น่ามองเท่าผมรึเปล่า เอ๊ะ ทำไมผมเห็นหน้าจอออพติคอลสมองอัจฉริยะของพี่ชัดจังเลย”

หน้าอินเตอร์เฟซสมองอัจฉริยะของหมิงเยี่ยนปรากฏตรงหน้า แทบไม่ต่างอะไรจากตอนที่เขามองสมองอัจฉริยะของตัวเองเลย

ลูกโป่งท่านประธานมองบน “เพราะพวกนายแต่งงานกันแล้วไง เลยมีสิทธิของคู่สมรส”

“ว้าว งั้นก็นอกใจยากเลยสิ” ลู่อวี๋ถูไถคลอเคลียหน้าตัวเองกับลาดไหล่อุ่นร้อนหอมสดชื่น อดอ้าปากขบเบาๆ ไม่ได้

หมิงเยี่ยนเหลือบมองเขา “ถ้าเสื้อสกปรกนายต้องใช้คืนด้วยนะ”

“เดี๋ยวผมซักให้” ลู่อวี๋พอไม่โดนตีก็ขบๆ งับๆ ต่ออย่างอารมณ์ดี “ซักมือให้ด้วย! กางเกงในใช้แล้วก็ให้ผมซัก…โอ๊ย!”

หลังโดนไปหนึ่งป้าบ ในที่สุดลู่อวี๋ก็ประพฤติตัวดี นั่งดูสมองอัจฉริยะกับหมิงเยี่ยนอย่างสงบ

บนหน้าจอกำลังฉายคลิปสัมภาษณ์ของจับปลาบนดินแล้ง ตอนนั้นลู่อวี๋ยังหนุ่มมาก เพียงแต่แววตาไม่ได้ซุกซนเหมือนตอนอายุสิบแปด เขาดูสุขุมขึ้นไม่น้อย แบ็กดร็อปด้านหลังเป็นหน้าปกเรื่อง ‘เงือกจอมราชัน’ น่าจะเป็นงานโปรโมตหนังสือรูปเล่ม

พิธีกรถือหนังสือในมือ ถามอย่างนุ่มนวล “บนเน็ตจะมีคำพูดว่านิยายที่จับปลาบนดินแล้งเขียน คือเขียนถึงความไม่ยอมจำนนของตัวเองในวัยเด็ก เป็นเรื่องจริงไหมคะ”

ลู่อวี๋ “เรื่องบางเรื่องตอนเด็กคิดยังไงก็ไม่เข้าใจ เลยอยากตามหาคำตอบในหนังสือ แต่ในหนังสือก็ไม่มีเหมือนกัน ผมเลยเขียนหนังสือขึ้นมาเอง ที่จริงไม่ใช่แค่ผมหรอก แต่คนเขียนหนังสือหลายๆ คนต่างเขียนถึงเรื่องในใจตอนเด็กกันทั้งนั้น พวกเขากำลังตามหาคำตอบที่ติดอยู่ในใจตัวเองตอนเด็กครับ”

พิธีกร “คุณไม่รู้คำตอบ งั้นเขียนคำตอบออกมาได้ยังไงเหรอคะ”

ลู่อวี๋ “เขียนตัวละครให้มีชีวิต รอให้เขาไปตีความด้วยตัวเอง ดูว่าเขาจะช่วยผมหาคำตอบเจอหรือเปล่า”

พิธีกร “งั้นคุณเจอคำตอบหรือยังคะ”

ลู่อวี๋ “เจอแล้วครับ ก็คือสิ่งที่ลู่ตงตงพูดในตอนจบ”

จากนั้นหน้าจอด้านหลังก็เปลี่ยนเป็นประโยคปิดท้ายของ ‘เงือกจอมราชัน’

 

‘ฝากความหวังแก่ผู้อื่น เฝ้ารอให้เทพเจ้าดูแล ได้แต่ภาวนา ฝากความหวังไว้ที่ตัวข้า ไม่ต้องรอเมตตา ข้าเป็นเทพเจ้าเองได้’

 

แล้วการสัมภาษณ์ก็จบลงตรงนี้

ลู่อวี๋ที่กำลังคาบชุดนอนบริเวณไหล่หมิงเยี่ยนใช้โอกาสนี้เอ่ยแทรก “ฮิๆ ผมเก่งจริงๆ ประโยคดัดจริตแบบนี้ก็ยังเขียนเป็นรูปประโยคคู่ขนานที่คล้องจองได้ พอเอาคลิปไปลงในแพลตฟอร์มวิดีโอสั้น แล้วใส่คลิปรำดาบโบกกระบี่ที่ดูไม่รู้เรื่องแต่โคตรเท่ลงไปด้วยต้องล้างสมองมากแน่ๆ”

หมิงเยี่ยนปิดจอออพติคอล ใช้นิ้วหยิกแก้มลู่อวี๋ “ไหนดูหน่อย หน้านายมันหนาขึ้นใช่ไหมเนี่ย หืม มีเนื้อหนังเพิ่มขึ้นมาจริงด้วย”

หมิงเยี่ยนชอบพวงแก้มน้อยๆ นั่นที่สุด เพราะว่าลู่เสี่ยวอวี๋กินอร่อยหลับสนิท ราวกับหน่อไม้อ่อนงอกขึ้นมา สันกรามคมกริบราวกับมีดกลายเป็นสันกรามละมุนๆ ทำให้ใบหน้าหล่อเหลาที่มักจะอิดโรยดูเปล่งปลั่งมีชีวิตชีวาขึ้นมา

“นุ่มเด้งสู้มือดีใช่ไหมล่ะ พี่อยากกัดสักคำไหม” ลู่อวี๋พองแก้ม ลองยั่วอีกฝ่าย

หมิงเยี่ยนจ้องมองด้วยใบหน้าเหมือนยิ้มแต่ไม่ยิ้มครู่หนึ่ง แล้วค่อยๆ ขยับเข้าไปหาจริงๆ

ลมหายใจชุ่มชื่นเจือกลิ่นมิ้นต์เย็นๆ ของยาสีฟันฟุ้งอยู่ในบริเวณที่จมูกลู่อวี๋สามารถสัมผัสได้ ทำให้ขนอ่อนทุกเส้นบนใบหน้าเขาตั้งชัน ประดุจพื้นหญ้าในสวนดอกไม้แห้งเฉาที่ถูกรดน้ำจากระบบสปริงเกลอร์ หญ้าทุกใบล้วนชูชันขึ้นมาอย่างผ่อนคลาย ส่งเสียงโห่ร้องด้วยความยินดี เฝ้าคอยความชุ่มฉ่ำแสนหวานมากกว่านี้

ตอนนั้นเองลู่ตงตงพลันส่งเสียงเรียกเข้า หน้าจอออพติคอลแสดงชื่อ ‘พ่อเลี้ยง’

หมิงเยี่ยนหยัดตัวตรงทันใด พร้อมกับเก็บนิ้วมือที่หยิกแก้มเขาเบาๆ กลับมา

นาทีนี้ลู่อวี๋หงุดหงิดจนเหมือนจะฆ่าคนได้ ขมวดคิ้วพลางคว้าตัวลู่ตงตง

“ให้ฉันรับเถอะ” หมิงเยี่ยนขวางเขา

“ไม่เป็นไร” ลู่อวี๋กุมมือหมิงเยี่ยนมาจรดใต้จมูกแล้วสูดลึกๆ หนึ่งที ใจเขาสงบลงไปเป็นเวลาสั้นๆ ก่อนยกมือขึ้นรับสาย

เสียงคุณพ่อลู่ดังมาจากปลายสาย ยังคงไม่มีความเกรงใจต่อกันเหมือนเคย ทันทีที่เอ่ยปากก็ซักไซ้เชิงตำหนิ “แกพูดเรื่องพวกนั้นออกไลฟ์ทำไม แกมีอะไรไม่พอใจก็มาพูดกันส่วนตัวนี่ ไปพูดอะไรไร้สาระในไลฟ์ที่มีคนดูเป็นสิบล้าน แกรู้ไหมว่ามันส่งผลกระทบต่อที่บ้านขนาดไหน”

ลู่อวี๋ได้ยินแล้วอึ้งงัน ก่อนจะข้ามเวลามา ครั้งที่ทะเลาะกับที่บ้านอย่างรุนแรงที่สุดผ่านไปนานมาก เขาไม่ได้ยินคำตำหนิตรงไปตรงมาแบบนี้มาพักใหญ่ๆ แล้ว

ตอนที่ทะเลาะกันรุนแรงที่สุด พ่อเลี้ยงแม่เลี้ยงคนหนึ่งเล่นบทร้ายคนหนึ่งเล่นบทดี คุณพ่อลู่ตำหนิเขาเสียงดัง ถึงขั้นหยิบไม้พลองมาทุบตี ส่วนคุณแม่ลู่ร้องห่มร้องไห้เกลี้ยกล่อมคุณพ่อลู่ แต่พูดไปทั่วว่าเขาหัวขบถอกตัญญู ตอนนี้ผ่านมาสิบปีแล้ว ดูเหมือนจะไม่มีอะไรดีขึ้นสักเท่าไหร่

ดังคาด ไม่นานนักเสียงร้องไห้ฟูมฟายของคุณแม่ลู่ก็ดังลอดเข้ามา “น้องชายเธอยังเรียนอยู่เลย เธอเล่นพูดชื่อเขาออกมาแบบนี้ ถ้าเพื่อนร่วมชั้นรุมแกล้งเขาขึ้นมาจะทำยังไง”

ไม่รอให้ลู่อวี๋ตั้งสติได้ หมิงเยี่ยนที่ปกติไม่เคยรบกวนใครตอนคุยโทรศัพท์พลันพูดแทรก “ผมขอพูดอะไรสักอย่างหน่อยครับ ลู่ถิงเจ๋อเคยออกทีวีแล้ว ทั้งสองท่านไม่ควรโทษว่าที่ข้อมูลส่วนตัวเขาหลุดออกไปเป็นความผิดลู่อวี๋นะครับ”

ฝั่งนั้นเงียบไปครู่หนึ่ง ก่อนที่คุณแม่ลู่จะพูดขึ้นมาเสียงเบา “ใช่ลูกชายคนนั้นของตระกูลหมิงหรือเปล่า”

คุณพ่อลู่เงียบสักพัก ไม่ต่อบทสนทนากับหมิงเยี่ยน “ลู่อวี๋ ช่วงนี้กลับมาบ้านหน่อยสิ มีเรื่องอยากจะปรึกษาแกหน่อย”

ลู่อวี๋สูดหายใจเข้าลึก หัวเราะเยาะ “ช่วงนี้ผมยุ่งมาก ถ้าพวกคุณอยากเจอผมก็ติดต่อเลขาฯ ผมแล้วกัน อ้อ จริงสิ อย่าให้ลู่เจินนีแจ้นมาก่อความวุ่นวายที่บริษัทผมอีก ช่วงนี้ต้องขึ้นไลฟ์ทุกวัน ถ่ายติดเธอขึ้นมาคนที่จะขายหน้าไม่ใช่ผมหรอกนะ”

ว่าจบลู่อวี๋ก็ตัดสาย ก่อนกอดลู่ตงตง อารมณ์คุกรุ่นยากจะสงบ

คำพูดจากพ่อแม่ที่เลี้ยงเขามาจนโต ต่อให้ธรรมดามากๆ ก็ทำให้หวนนึกถึงความทรงจำฝังใจ กระตุ้นอารมณ์ต่างๆ ขึ้นมาอัตโนมัติ

หมิงเยี่ยนมองเขาอย่างเป็นห่วง จู่ๆ ก็โพล่งขึ้นมาแบบไม่มีปี่มีขลุ่ย “สองปีก่อนลู่ถิงเจ๋อเคยออกรายการวาไรตี้ลูกเศรษฐี เรื่องแดงตั้งแต่ตอนนั้นแล้ว”

“ผมไม่โทษตัวเองเพราะเรื่องแบบนี้หรอก” ลู่อวี๋ก้มหน้า น้ำเสียงติดเย้ยหยัน “เขาพูดกับเพื่อนๆ ในห้องว่าตัวเองเป็นคุณชายตระกูลลู่ตั้งแต่ปอหนึ่งแล้ว พวกเขาแค่อยากบีบบังคับโดยอ้างศีลธรรมเฉยๆ ตั้งแต่สิบขวบผมก็ได้ยินคำพูดพวกนี้ทุกวัน ฟังจนหูด้านไปนานแล้วครับ”

หมิงเยี่ยนขมวดคิ้ว ยื่นมือไปแตะหลังลู่อวี๋เบาๆ ก่อนลูบท้ายทอยของเขา “ถ้านายไม่อยากเจอคนตระกูลลู่ก็ไม่ต้องไป ตระกูลลู่ในตอนนี้ไม่ใช่สิ่งที่ลู่เสี่ยวอวี๋วัยสิบแปดจะจัดการได้”

ลู่อวี๋ประหนึ่งของเล่นขนนุ่มๆ ไม่มีน้ำหนัก พอถูกลูบท้ายทอยไปทีหนึ่งก็ตัวอ่อนยวบ เกาะแกะแนบอ้อมอกหมิงเยี่ยนอย่างกับปลาหมึก “ไม่เป็นไร แค่พี่ให้ผมหอมๆ สักฟอดก็ดีขึ้นแล้ว”

หมิงเยี่ยนมองคนในอ้อมแขนด้วยความหมั่นไส้ทั้งยังน่าหัวเราะ จึงไม่ผลักเขาออกไปอย่างหาได้ยากยิ่ง

** จิ้นเจียง เป็นเว็บไซต์ที่ใช้อ่านและเผยแพร่นิยายออนไลน์ที่ใหญ่มากแห่งหนึ่งของประเทศจีน

  

โปรดติดตามตอนต่อไป

4 of 4หน้าถัดไป

Comments

comments

No tags for this post.
Continue Reading

More in everY

บทความยอดนิยม

everY

ทดลองอ่าน เขตห้ามรักฉบับเบต้า เล่ม 1 Chapter 2.1-2.2 #นิยายวาย

ทดลองอ่าน เรื่อง เขตห้ามรักฉบับเบต้า เล่ม 1 ผู้เขียน : MINTRAN แปลโดย : ทันบี ผลงานเรื่อง : 배타적 연애 금지구역 ถือเป็นลิขสิทธิ์...

ชาตินี้ข้าจะรักท่านให้มาก

ทดลองอ่าน ชาตินี้ข้าจะรักท่านให้มาก บทที่ 67-68

บทที่ 67 ถึงจะเป็นช่วงพักกลางวัน ทว่าหวาหยางกลับไม่อาจข่มตาหลับ นางนอนอยู่บนเตียงร่วมกับชีฮองเฮา ประเดี๋ยวก็พูดจาอิงแอบอ...

ทดลองอ่าน

ทดลองอ่าน สานวาสนากับท่านอาของอดีตคู่หมั้น บทที่ 71-73

บทที่ 71 จีเสวียนเค่อใช่ว่าจะมีวรยุทธ์เก่งกาจ ทว่าเขาพาคนมามากมาย คนจากสำนักบูรพาเห็นสถานการณ์ไม่สู้ดีนักจึงล่าถอยอย่างร...

ทดลองอ่าน

ทดลองอ่าน สานวาสนากับท่านอาของอดีตคู่หมั้น บทที่ 80-81

บทที่ 80 เสียงของกู้เจี้ยนหลีค่อยๆ เบาลงเรื่อยๆ ถึงท้ายประโยคก็แทบไม่ได้ยินแล้ว นางก้มหน้าลง มือกำชายเสื้ออย่างเก้อกระดา...

ทดลองอ่าน

ทดลองอ่าน สานวาสนากับท่านอาของอดีตคู่หมั้น บทที่ 74-76

บทที่ 74 กู้เจี้ยนหลีละล่ำละลักพูด “หากยังไม่กลับอีกจะสายเกินไปแล้ว ท่านพ่อ ครั้งหน้าลูกจะไปเยี่ยมที่จวนอ๋องนะเจ้าคะ จี้...

community.jamsai.com