everY
ทดลองอ่าน ตื่นมารับภารกิจพิชิตหัวใจคุณสามี เล่ม 2 บทที่ 50-53 #นิยายวาย
บทที่ 52
ตัวประกอบ
“ไม่ใช่เรื่องเงินจริงๆ” ลู่อวี๋ขมวดคิ้วส่ายหน้า
“ฉันให้นายสิบล้าน นายเขียนให้เขาอยู่รอด แล้วก็ทำกู๊ดส์ออกมาด้วย” อู่เอ้อร์เกอกัดฟัน โบกมืออย่างผึ่งผาย นาทีนี้เขาราวกับกลายร่างเป็นวีรบุรุษผู้ล้มเสือที่ตะโกนบอกเถ้าแก่เนี้ยว่า ‘เอามาอีกสามจอก’ อย่างไม่เชื่อคำที่ว่าดื่มสามจอกมิอาจข้ามเนินเขา** อะไรนั่น จะต้องใช้เงินทุบหัวเสือใหญ่ที่มาขวางเส้นทางชีวิตของเสิ่นอิงอย่างเจ้าปลาลู่อวี๋ให้ตายให้ได้
ลู่อวี๋ทำหน้าเบื่อหน่ายครู่หนึ่ง ไอแห้งหนึ่งที โอบไหล่พี่ใหญ่เดินออกไปนอกห้องปฏิบัติการ อธิบายด้วยความอดทน “ฟังที่ฉันจะพูดให้จบก่อน ฮวาเหวินหย่วนนี่ฉันเลี้ยงดูเขาเพื่อให้มาเป็นผู้ช่วยสมองอัจฉริยะ การตายของเสิ่นอิงเป็นกุญแจสำคัญที่จะหล่อหลอมเป็นบุคลิกของเขาในตอนสุดท้าย สิ่งที่ฉันขายคือฮ่องเต้ไร้หัวใจ ไม่ใช่แม่ทัพทะเล้นๆ ถ้าเกิดว่าฮวาเหวินหย่วนขายไม่ดีขึ้นมา ปัญหาจะไม่ได้อยู่แค่สิบยี่สิบล้าน แต่เป็นปัญหาใหญ่ระดับที่ว่าฉันไม่สามารถชำระหนี้บริษัทเกินกว่าพันล้านที่จะตามมาต่อจากนี้ได้เลย”
หงอู่หยางฟังจบก็ค่อยๆ ยู่หน้าจนยับเป็นซาลาเปา “เจ้าดินแล้ง ทำไมนายถึงตกอับได้ขนาดนี้”
ลู่อวี๋สะอึกหนึ่งทีก่อนกล่าว “นั่นสิ ถ้าไม่มีพี่ใหญ่ส่งของขวัญให้ฉัน ฉันคงไม่มีข้าวจะกินแล้ว เอางี้แล้วกัน เดี๋ยวฉันกลับไปเขียนตอนพิเศษให้นาย เป็นเวอร์ชั่นพิเศษเขียนขึ้นมาเพื่อนายคนเดียวเลย ถ้านายชอบเดี๋ยวจะติดตั้งในเครื่องจำลองให้เล่นในนั้นรอบนึงก็ได้ ออกกู๊ดส์ก็ได้เหมือนกัน นายอยากได้กู๊ดส์อะไรก็บอกให้เสี่ยวเจียงจดไว้”
พี่ใหญ่ท็อปโดเนตอันดับหนึ่งเงียบไปครู่ใหญ่ ไม่ได้ตอบตกลงในทันที “ขอคิดดูก่อน”
เห็นได้ชัดว่าเขายังไม่ยอมละทิ้งความมุ่งมั่นในการทำให้เสิ่นอิงรอดชีวิต
เสี่ยวเจียงเดินเข้ามาเชิญให้หงอู่หยางไปเยี่ยมชมห้องจัดแสดงสินค้าเพื่อเลือกรูปแบบกู๊ดส์ที่อยากมี
ลู่อวี๋มองแผ่นหลังผึ่งผายของพี่ใหญ่ พูดกับหมิงเยี่ยน “เมื่อกี้ผมเกือบจะตอบตกลงอยู่แล้วเชียว ดีนะที่เป็นช่วงสำคัญของเรื่องพอดี เลยยังรักษาความยึดมั่นในคุณธรรมของบัณฑิตไว้ได้”
หมิงเยี่ยนมองเจ้าคนที่เข้ามาถูไถตนเอง เลิกคิ้วน้อยๆ “ความยึดมั่นในคุณธรรมของบัณฑิตที่จะเขียนตอนพิเศษให้พี่ใหญ่ แถมยังจะเล่นละครเป็นเพื่อนเขาด้วยน่ะเหรอ”
ลู่อวี๋ซุกหน้ากับซอกคอหมิงเยี่ยนแล้วคลอเคลีย “ความยึดมั่นในคุณธรรมที่ไม่ยอมแก้เนื้อเรื่องหลักโดยเด็ดขาด ส่วนตอนพิเศษไม่อยู่ในขอบเขตของคุณธรรมนี้”
หมิงเยี่ยนถูกเขาคลอเคลียจนรู้สึกจั๊กจี้ หัวเราะอย่างกลั้นไม่อยู่ “ฮ่าๆ พอได้แล้ว ไม่เล่นแล้ว เดี๋ยวพนักงานมาเห็น”
“เห็นก็เห็นไปสิ เถ้าแก่กับเถ้าแก่จู๋จี๋กันมีอะไรให้น่าแปลกใจ” ลู่อวี๋พูดอย่างตรงไปตรงมา
เหล่าหยางที่เดินออกมาเพื่อตรวจสอบข้อมูลกับพวกเขาสองคนได้ยินเข้าก็โวยวาย “…พูดให้มันชัดเจนด้วยนะเฟ้ย”
ทุกคนต่างรู้กันว่าบริษัทนี้มีเถ้าแก่สามคน
ตอนเที่ยงเสี่ยวเจียงสั่งอาหารจากภัตตาคารใกล้ๆ บริษัท เชิญพี่ใหญ่ท็อปโดเนตมากินข้าวด้วยกันหนึ่งมื้อ จะรับแขกก็ต้องรับรองให้ครบถ้วนเต็มรูปแบบ ให้แขกรู้สึกเหมือนได้กลับบ้าน
บนโต๊ะอาหาร หงอู่หยางพูดเรื่องที่ได้เจอเสิ่นอิงเมื่อครู่เป็นต่อยหอย ราวกับชายหนุ่มที่ตกอยู่ในห้วงความรักร้อนแรง จดจำรายละเอียดได้ทุกเม็ดทุกหน่วย
“เขาน่ารักจริงๆ ตอนอายุสิบหกตัวแค่นี้เอง โอ๊ย ประธานหมิงวาดออกมาได้เหมือนภาพในหัวฉันเป๊ะๆ เลย ดีงามเหลือเกิน”
หมิงเยี่ยนยิ้ม “คุณชอบก็ดีแล้วครับ ช่วงหลังเสิ่นอิงยังมีคอสตูมอีกหลายแบบเลย วันนี้ผู้ชมส่งของขวัญให้เยอะมากเพื่อขอให้เพิ่มเสื้อผ้าให้เขา เดี๋ยวผมจะกลับไปเร่งฝ่ายอาร์ตให้รีบวาดออกมาครับ”
หงอู่หยางมีความสุขอย่างที่สุด เขาชนแก้วกับหมิงเยี่ยน
ในงานสังคม หมิงเยี่ยนยังคงรับมือได้อย่างคล่องแคล่วมีประสิทธิภาพ คุยแค่ครู่เดียวก็ล้วงข้อมูลมาได้ไม่น้อย คุณชายหงเป็นเศรษฐีรุ่นสองจริงๆ บ้านเขารวยมาก เกี่ยวข้องกับอุตสาหกรรมหลายๆ อย่างซับซ้อน ฟังดูแล้วเหมือนจะทำเกี่ยวกับธุรกิจเงินร่วมลงทุนโดยเฉพาะ
หลังจากหมิงเยี่ยนพอรู้คร่าวๆ แล้วก็รับแผ่นชิกิชิ* มาจากเสี่ยวเจียง ก่อนวาดเสิ่นอิงเวอร์ชั่นจิบิลงบนนั้นให้หงอู่หยาง
หลังมื้ออาหารจบลงอย่างอิ่มหมีพีมัน พี่ใหญ่ก็ประคองรูปจิบิที่หมิงเยี่ยนวาดให้พลางทอดถอนใจ “อาอิง อาอิงของฉัน”
หมิงเยี่ยนมองคุณชายหงที่เมื่อกี้ยังดีอกดีใจ แต่วินาทีถัดมากลับจมสู่ความทุกข์ตรม จึงหันไปกระซิบถามลู่อวี๋ “เขาจะไม่เป็นไรใช่ไหม”
“ไม่เป็นไร อันนี้เป็นอาการหลังได้เจอไอดอลตัวเอง เหมือนหลังดูคอนเสิร์ตแล้วกลับไปดื่มจนเมาที่บ้านคนเดียวอะไรทำนองนั้น มันเป็นผลมาจากการหลั่งโดพามีนอย่างพลุ่งพล่านจนร่างกายเหนื่อยล้า แล้วก็มารู้สึกว่างเปล่าและโดดเดี่ยว” ลู่อวี๋จุปาก แล้วงับหูหมิงเยี่ยน “หลังจากผมแอบมองพี่ที่มหา’ลัยก็เป็นงี้เหมือนกัน”
หมิงเยี่ยนถองศอกใส่เขา เตือนว่าแขกยังอยู่ ให้ทำตัวดีๆ หน่อย
ลู่อวี๋มองกกหูขึ้นสีแดงจัดของหมิงเยี่ยนแล้วนั่งกลับไปที่เดิมอย่างอิ่มเอมใจ
ตอนนั้นเองแจ้งเตือนแอพพลิเคชั่นแชตบนสมองอัจฉริยะก็เด้งข้อความขึ้นมา เขาเหลือบมอง เป็นเพื่อนเกย์ที่แต่งนิยายของเขานี่เอง
[กระเทียมเยอะแยะ : เจ้าดินแล้ง นายโอเคปะ]
ลู่อวี๋งุนงง ตอบกลับไปหนึ่งข้อความ
[จับปลาบนดินแล้ง V : พ่อยังอยู่ดี ทักหาทำไม]
เขารู้จักกับเพื่อนเกย์คนนี้ตั้งแต่เพิ่งเริ่มเขียนนิยาย สำหรับเขาแล้วสนิทกันไม่ต่างจากเหล่าหยาง เป็นพี่น้องที่สามารถเรียกกันเองว่าพ่อได้
[กระเทียมเยอะแยะ : ปัดโธ่ ฉันอยากใส่ใจนายหน่อยไง จะว่าไปนายทำไลฟ์ออกมาโคตรดีเลย เอาลูกชายฉันไปทำเป็นผู้ช่วยสมองอัจฉริยะด้วยได้เปล่า ฉันขายถูกมากนะ ขอแค่แบ่งกำไรหลังขายผู้ช่วยมาให้ฉันนิดหน่อยก็พอ ฉันแค่อยากเห็นลูกๆ ไล่ล่าฆ่าฟันในเครื่องจำลองบ้าง]
[จับปลาบนดินแล้ง V : ผู้ชายพันธุ์ม้า** อย่างลูกชายนายปรับเป็นผู้ช่วยสมองอัจฉริยะไม่ไหวหรอก]
ลู่อวี๋เผยสีหน้าเจ็บปวดใจ ใครจะอยากเอาพวกพันธุ์ม้ามาติดตั้งในสมองอัจฉริยะของตัวเองกัน เห็นใครก็ตกหลุมรักคนนั้น อ้าปากก็พ่นคำหวานเลี่ยน ไม่แน่ว่าอาจจะอยากอ่อยแม้กระทั่งแม่ของเจ้าของตัวเองด้วยซ้ำ
[กระเทียมเยอะแยะ : ใครบอก ช่วงนี้ฉันเขียนแบบไม่มีคู่ต่างหาก แค่ยังเขียนไม่จบเฉยๆ หรอกน่า…]
คำพูดข้างหลังดูไม่ค่อยมั่นใจในตัวเองสักเท่าไหร่นัก
ลู่อวี๋เกาหัว ถึงเขาไม่ถือสาที่จะช่วยเหลือเพื่อนพ้อง แต่การซื้อลิขสิทธิ์เพื่อทำผู้ช่วยสมองอัจฉริยะตัวใหม่นั้นเป็นการกระทำของบริษัท แถมยังไม่อาจยืนยันได้ว่าเรื่องที่เพื่อนเกย์เขียนจะดังหรือเปล่า ลู่เสี่ยวอวี๋ผู้อายุน้อยรู้ว่าจะพูดอะไรก็ต้องเผื่อทางให้ถอยไว้บ้าง แต่คำพูดพวกนี้เขาพูดได้ไม่ครบถ้วนสมบูรณ์ เลยยื่นสมองอัจฉริยะไปให้หมิงเยี่ยนอย่างขอความช่วยเหลือ
หมิงเยี่ยนเหลือบมอง ยกมือช่วยเขาพิมพ์ตอบ
[จับปลาบนดินแล้ง V : งั้นก็รีบเขียนให้เสร็จแล้วดูกระแส ถ้าดังขึ้นมาแล้วคาดว่าจะคืนทุนได้ ฉันจะไปขอซื้อลิขสิทธิ์กับเว็บ]
เพื่อนเกย์คนนั้นดีอกดีใจ ส่งสติกเกอร์แมวน้ำตาไหลตัวหนึ่งมา
[กระเทียมเยอะแยะ : เจ้าดินแล้ง นายเป็นคนดีจริงๆ รักนะ]
ลู่อวี๋เห็นข้อความตอบกลับที่เพื่อนเกย์ส่งให้หมิงเยี่ยนก็เดือดดาลเป็นฟืนเป็นไฟทันที คว้าคีย์บอร์ดเสมือนจริงมารัวพิมพ์อย่างรวดเร็ว
[จับปลาบนดินแล้ง V : ชิ่วๆๆ! อย่ามายุ่งนะพวกชายแท้ จริงสิ ก่อนหน้านี้พี่ใหญ่ท็อปโดเนตที่หลอกนายไปเจอตัว-ตัวแล้วบังคับให้นายเขียนตอนพิเศษให้เขาชื่อว่าอะไรนะ]
เขาพิมพ์สมองอัจฉริยะต่อหน้าแขกอยู่นาน พฤติกรรมนี้ไม่ค่อยมีมารยาทเท่าไหร่ ลู่อวี๋อยากเล่าเรื่องตลกให้พี่ใหญ่ฟังจะได้เปลี่ยนบรรยากาศสักหน่อย มุกคลาสสิกอย่าง ‘พี่ใหญ่ท็อปโดเนตลวงนักเขียนไปต่อยกันตัว-ตัว’ นี่เขาจะต้องจำชื่อเสียงเรียงนามตัวต้นเหตุไว้ให้ดี หลังจากนี้จะได้เอาไว้คุยในงานสังคมเป็นหัวข้อประจำวงสนทนาสักหน่อย
[กระเทียมเยอะแยะ : หนึ่งบทเพลงมิรู้กี่แพรแดงไง]
ลู่อวี๋ “…”
[กระเทียมเยอะแยะ : ฉันนึกว่านายรู้อยู่แล้วซะอีก วันนี้นายยังขึ้นไลฟ์ด้วยกันกับเขานี่? ฉันเป็นห่วงความปลอดภัยนายเลยทักมาถามนี่ไง พี่ใหญ่คนนี้น่ะ ฉันจะบอกให้ เขาโคตรรวยเลย แต่ก็นั่นแหละ โคตรจะหัวแข็งเลยเหมือนกัน แม่งเอ๊ย ถ้าไม่ใช่เพราะว่าเขาให้ฉันมาเยอะ พี่ชายไม่มีทางยอมให้เจ้าหมอนี่หรอก นายต้องแข็งใจเข้าไว้นะ! ตบบ่า!]
ลู่อวี๋มุมปากกระตุกกึกๆ หันไปถามพี่ใหญ่ท็อปโดเนตที่มองมาด้วยความอยากรู้อยากเห็น “เมื่อก่อนนายไปเจอกระเทียมเยอะแยะมาด้วย?”
หงอู่หยางพยักหน้า “ใช่แล้ว เขาเขียนให้ปีศาจสาวในดวงใจของฉันตาย แถมยังยืนกรานจะไม่แก้บท ฉันเลยได้แต่นัดเขาออกมาคุยกันหน่อย”
หมิงเยี่ยนฟังแล้วรู้สึกไม่ชอบมาพากล หันไปสบตากับลู่อวี๋ “เขาคือ…”
ลู่อวี๋พยักหน้าอย่างเจ็บปวด ลูบหน้าหนึ่งที “แล้วทำไมนายจะต้องชอบตัวละครประกอบตลอดเลยเล่า ตัวละครประกอบมีอัตราการตายเร็วสูงมากนะ”
คุณชายหงลูบเสิ่นอิงน้อยที่ยิ้มหยีตาอยู่บนแผ่นชิกิชิเบาๆ ก่อนถอนหายใจ “เพราะฉันก็เป็นแค่ตัวประกอบเหมือนกัน ฉันเป็นสิ่งที่ขับให้พี่ชายโดดเด่น เขาสูงหนึ่งร้อยแปดสิบเจ็ด ฉันสูงหนึ่งร้อยเจ็ดสิบแปด เขาติดสถาบันเทคโนโลยีแมสซาชูเซตส์ ฉันติดสถาบันเทคโนโลยีประจำมณฑล เขาเป็นประธานของกรุ๊ป ฉันเป็นประลัยของตระกูล”
ลู่อวี๋ดีดนิ้วด้วยใบหน้าที่เปี่ยมด้วยความเห็นใจ “คล้องจอง!”
** ดื่มสามจอกมิอาจข้ามเนินเขา เป็นคำที่ใช้เรียกสุราดีกรีสูง เมื่อดื่มสุราชนิดนี้แล้วจะไม่สามารถเดินทางบนภูเขาที่เดิมทีเดินยากอยู่แล้วได้ ซึ่งประโยคนี้ปรากฏในเรื่องราวของอู่เอ้อร์หลางที่หลังจากดื่มสุราสามจอกมิอาจข้ามเนินเขานี้แล้วยังสามารถฆ่าเสือได้ด้วยมือเปล่า
* แผ่นชิกิชิ เป็นกระดาษแข็งรูปสี่เหลี่ยมขลิบขอบ โดยทั่วไปแล้วมีขนาด 24×27 เซนติเมตร ใช้ในการขอลายเซ็นหรือรูปวาดของนักวาด
** ผู้ชายพันธุ์ม้า หมายถึงตัวละครชายในนิยายที่มีความสัมพันธ์ยุ่งเหยิงกับผู้หญิงมากมาย
Comments



