everY
ทดลองอ่าน ตื่นมารับภารกิจพิชิตหัวใจคุณสามี เล่ม 2 บทที่ 54-57 #นิยายวาย
ทดลองอ่านเรื่อง ตื่นมารับภารกิจพิชิตหัวใจคุณสามี เล่ม 2
ผู้เขียน : ลวี่เหยี่ยเชียนเฮ่อ (绿野千鹤)
แปลโดย : qMondae
ผลงานเรื่อง : 再少年 (Zai Shao Nian)
ถือเป็นลิขสิทธิ์ของสำนักพิมพ์เอเวอร์วายในการเผยแพร่ผลงาน
จัดพิมพ์และจัดจำหน่ายในประเทศไทยแต่เพียงผู้เดียว
หากผู้ใดละเมิดลิขสิทธิ์จะถูกดำเนินคดีตามกฎหมาย
– – – – – – – – – – – – – – – – –
Trigger Warning
นิยายเรื่องนี้เป็นเรื่องที่แต่งขึ้นจากจินตนาการของผู้เขียน
ไม่มีความเกี่ยวข้องกับบุคคล สถานที่ หรือเหตุการณ์จริงใดๆ
เนื้อหามีประเด็นอ่อนไหวเกี่ยวกับความรุนแรง ซึ่งอาจส่งผลกระทบทางจิตใจ
สำหรับผู้อ่านที่มีอายุ 18 ปีขึ้นไป
โปรดใช้วิจารณญาณในการอ่าน
** หมายเหตุ: ยังไม่ใช่ต้นฉบับที่เสร็จสมบูรณ์ **
– – – – – – – – – – – – – – – – –
บทที่ 54
เดต
ระหว่างทางกลับบ้าน ลู่อวี๋พูดอย่างกระดี๊กระด๊า “พี่เยี่ยน พรุ่งนี้เรานัดเดตกันเถอะ!”
สมัยเรียนมหาวิทยาลัยไม่เคยรู้เลยว่าวันหยุดสุดสัปดาห์แสนล้ำค่าแค่ไหน เพราะวันธรรมดาก็มีวันที่ไม่มีเรียน แต่พอต้องทำงานหนักติดต่อกันเกือบครึ่งเดือนลู่อวี๋ก็รู้สึกว่าวันหยุดสุดสัปดาห์ช่างงดงามขึ้นมาทันที มันดีงามจนซาบซึ้งใจ
ในวันที่ดีงามนี้ แน่นอนว่าควรออกไปเดตกับคนที่ชอบถึงจะไม่ใช้เวลาไปอย่างเสียเปล่า
เดิมพรุ่งนี้หมิงเยี่ยนอยากจะไปดูโรงงาน แต่เมื่อสบกับดวงตาเป็นประกายของลู่อวี๋ก็เปลี่ยนใจแล้วกล่าว “เอาสิ พรุ่งนี้จะไปหาซื้อเสื้อผ้าให้นายพอดี นายไม่ค่อยชอบใส่เสื้อผ้าของลู่ต้าอวี๋”
ตอบเสร็จหมิงเยี่ยนถึงเพิ่งรู้สึกไม่ถูกต้อง เขาตอบตกลงว่าจะกลับไปมีความสัมพันธ์แบบคนรักกับลู่อวี๋แล้วเหรอ คำว่า ‘นัดเดต’ คำนี้กำกวมเกินไปแล้วจริงๆ
ลู่อวี๋เอียงคอมองหมิงเยี่ยนที่มีสีหน้างุ่นง่านหลายส่วนออกมา ก้มหน้าแอบยิ้ม “พี่ตกลงจะไปเดตกับผมแล้วนะ งั้นพวกเรา…อย่างน้อยก็เป็นความสัมพันธ์ที่จะตกลงคบหากันต่อหลังจากนัดบอดสำเร็จสินะ”
หมิงเยี่ยนถูกคำแสนเชยอย่างคำว่า ‘นัดบอดสำเร็จ’ จี้ต่อมหัวเราะ ไม่ได้เถียงกลับ
“ถ้าจะซื้อเสื้อผ้า งั้นสถานีแรกพวกเราไปห้างกัน” ลู่อวี๋เริ่มวางแพลนอย่างกระตือรือร้น “ผมยังไม่เคยไปห้างสมัยนี้เลย มันดูไฮเทคขึ้นมากเลยใช่เปล่า แบบคนสามารถขึ้นไปชั้นบนสุดจากชั้นล่างได้ในชั่วพริบตา หรือสามารถเด้งไปที่ร้านค้าได้เลยแค่เอามือลูบหน้าจอบอกสถานที่”
หมิงเยี่ยนส่ายหน้า “ไม่ได้เว่อร์ขนาดนั้น”
การปฏิรูปทางวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีในสิบปีนี้เกิดขึ้นแค่ด้านเครื่องมือสมองอัจฉริยะเท่านั้น ประเภทเครื่องจักรขนาดใหญ่ยังไม่ได้มีการพัฒนาขนาดนั้น
พอได้ฟังการคาดเดาต่างๆ ของลู่อวี๋ หมิงเยี่ยนพลันตระหนักได้ว่าตั้งแต่ลู่เสี่ยวอวี๋ตื่นขึ้นจนถึงตอนนี้ เขาแทบไม่ได้ออกไปเที่ยวเลยสักครั้ง เขาใช้ชีวิตเป็นเส้นตรงตลอด ครั้งเดียวที่ได้ออกไปคือตอนที่ไปดื่มเหล้าหลอกถามข้อมูลกับเหล่าหยาง เขาเป็นแค่เด็กหนุ่มอายุสิบแปดคนหนึ่ง ไม่นึกเลยว่าจะอดทนทำงานตลอดเวลาแบบนี้ได้
เมื่อคิดถึงตรงนี้หมิงเยี่ยนก็ไม่รู้สึกเสียใจที่ตกลงไปเดตกับลู่อวี๋แล้ว
กินมื้อค่ำเสร็จ ลู่อวี๋ยังรู้สึกตื่นเต้นอยู่ เขาลากลู่ตงตงมาวางโปรแกรมเดตวันพรุ่งนี้ว่าจะไปเที่ยวที่ไหน ไปกินข้าวที่ไหน จะเตรียมเซอร์ไพรส์เล็กๆ แบบไหนดี
หนึ่งคนหนึ่งปลาแอบไปคุยงุ้งงิ้งกันในห้องหนังสือ
เสิ่นไป๋สุ่ยแค่นหัวเราะ “พวกคนบ้านนอกสองคน จะวางโปรแกรมออกมาได้แค่ไหนเชียว”
หมิงเยี่ยนนั่งบนเก้าอี้ข้างหน้าต่างบานยาวจรดพื้นของห้องนั่งเล่น พลิกเปิดนิตยสารออกแบบหน้าหนึ่งอย่างเอ้อระเหย “เธอเข้าใจเรื่องนี้ด้วยเหรอ”
ลูกโป่งท่านประธานนั่งบนที่พักแขนเก้าอี้ กอดแขนอย่างผยองลำพอง “สกิลที่ประธานบริษัทต้องมีผมมีหมดนั่นแหละ คุณอย่ามองว่าตอนจบผมไม่ได้คู่กับหนึ่งชายครึ่งหญิงสักคน แต่ความจริงแล้วในเนื้อเรื่องน่ะมีคนชอบผมเยอะแยะไป มีโอกาสก็เล่นตามน้ำเป็นครั้งคราว การใช้ใบหน้าหล่อเหลาทำเป้าหมายให้สำเร็จเรื่องพวกนี้ผมเคยทำมาไม่น้อย แน่นอน เป้าหมายทุกอย่างก็เพื่อเงิน ผมไม่สนใจเรื่องความรักพวกนั้นหรอกนะ”
หนึ่งชายครึ่งหญิง* เขาใช้กันแบบนี้เหรอ
หมิงเยี่ยนหน่ายใจ ยกมือขึ้นยีหัวลูกโป่งท่านประธานแล้วอ่านหนังสือต่อ
เสิ่นไป๋สุ่ยกลับติดลม เริ่มคุยโม้เหม็นถึงคลังความรู้ของตัวเอง “การเดตต้องแตกต่างไปตามบุคคลที่จะเดตด้วย ยกตัวอย่างเช่นคุณ ศิลปินกราฟิกแบบนี้ควรพาไปดูนิทรรศการภาพวาด เดินพิพิธภัณฑ์ จากนั้นก็ไปกว้านซื้อสินค้าในร้านแบรนด์เนม สุดท้ายต้องมีดินเนอร์ใต้แสงเทียนอันแสนโรแมนติก ดีที่สุดต้องเป็นภัตตาคารหรูระดับไฮเอ็นด์ที่อาหารหน้าตาดีมากแต่เข้าไม่ค่อยถึงพวกนั้น”
หมิงเยี่ยนครุ่นคิดแล้วพยักหน้า เป็นแบบนี้จริงๆ ถ้าเป็นโปรแกรมเดตแบบนี้อย่างน้อยเขาก็ไม่ได้รู้สึกรังเกียจ “เธอดูจะเข้าใจมากจริงๆ งั้นถ้าไปเดตกับลู่อวี๋ล่ะ”
ลูกโป่งท่านประธานกลอกตา “เจ้าคนสมองนิ่มนั่นอะนะ แค่พาเขาไปเล่นวิดีโอเกมทั้งวัน หรือไถสเก็ตบอร์ดทั้งวันก็ได้แล้ว จากนั้นก็ไปกว้านซื้อของแบรนด์เนม ดินเนอร์ก็หาร้านที่อร่อยและไม่แพง หรือจะพาไปเดินตลาดกลางคืนก็ยังได้ คนอย่างเขาเป็นพวกขี้สงสัย ถึงจะอยู่ในบรรยากาศของชาวบ้านธรรมดาๆ ก็ยังมองหาแรงบันดาลใจเอาไว้เขียนนิยายได้”
จู่ๆ ลู่อวี๋ก็โผล่หัวออกมาจากด้านหลังเก้าอี้ “แล้วทำไมแผนนายจะต้องไปกว้านซื้อของแบรนด์เนมตลอดเลย” เขาว่าพลางยื่นมือออกไปจิ้มหัวลูกโป่งท่านประธาน จิ้มจนลูกโป่งตัวเบาหวิวกระเด็นตก ก่อนลอยขึ้นมาใหม่อย่างกระฟัดกระเฟียด
“อย่างอื่นล้วนเป็นสิ่งว่างเปล่า เงินทองสิถึงจะเป็นนิรันดร์ ถ้าจะตกคู่เดตให้ได้ สิ่งสำคัญคือการกว้านซื้อสินค้าในร้านแบรนด์เนม แสดงความมั่งคั่งทางการเงินและสถานะทางสังคมของตัวนายออกมา” เสิ่นไป๋สุ่ยกางแขน แสดงทฤษฎีว่าเงินทองสำคัญที่สุดออกมา
“จิ๊ เจ้าเด็กบูชาเงิน ห่มผ้าห่มผืนเล็กของนายแล้วจงนอนไม่หลับไปตลอดกาลพร้อมกับเงินซะเถอะ” ลู่อวี๋โยนผ้าห่มสกรีนลายเหรียญทองเต็มผืนคลุมหัวลูกโป่งท่านประธาน จากนั้นเอื้อมแขนไปอุ้มหมิงเยี่ยนในท่าเจ้าหญิง
หมิงเยี่ยนตกใจร้องเสียงหลง รีบโอบรอบคอลู่อวี๋ พยายามถ่ายน้ำหนักตัวเองไปเกาะที่ไหล่เขาให้มากที่สุด
ลู่อวี๋กลั้นหายใจ อุ้มหมิงเยี่ยนตรงดิ่งเข้าห้องนอน แล้วโผไปบนเตียงพร้อมกัน เขายันแขนคร่อมตัวหมิงเยี่ยนพลางหอบหายใจสองที หัวเราะคิกคัก “ผมเก่งไหม” เขาแอบเพิ่มแรงโน้มถ่วงในแคปซูลเกมมิ่ง เวลาทำงานทุกวันจึงได้ออกกำลังกายไปด้วย
หมิงเยี่ยนตกตะลึงมากจริงๆ “เพิ่งผ่านไปไม่กี่วัน นายก็แรงเยอะขึ้นอีกแล้ว”
“ถูกต้อง ผมมันยอดอัจฉริยะฟ้าประทาน” ลู่อวี๋เอ่ยอย่างลำพอง สีหน้านั้นราวกับโขกออกมาจากพิมพ์เดียวกับเสิ่นไป๋สุ่ยที่พูดจาใหญ่โตด้วยเสียงฉะฉาน “อย่างอื่นก็เพิ่มขึ้นด้วยนะ อยากลองเช็กดูไหม”
หมิงเยี่ยนย่นจมูก ยกมือขึ้นผลักเขา “ทะลึ่ง! ฉันไม่ดูหรอก”
ลู่อวี๋มึนไปครู่หนึ่ง “ผมหมายถึงกล้าม พี่คิดไปถึงไหนน่ะ” จากนั้นเขาก็มีการตอบสนอง มุมปากค่อยๆ ฉีกไปถึงหลังหู ขยับเข้าไปถามข้างหูหมิงเยี่ยน “พี่คิดไปถึงไหนเหรอ รีบพูดเร็ว ขอแค่พี่พูดออกมา ผมจะเปิดให้พี่เช็กเลย”
หมิงเยี่ยนอ้าปากจะพูด แต่รู้สึกเหมือนไม่ว่าตัวเองพูดอะไรก็จะถูกแซวได้หมด จึงครุ่นคิดแล้วเอ่ย “รักแร้”
“หา?” คราวนี้ลู่อวี๋ไม่รู้จะพูดอะไร ใครบ้างจะพูดว่าขอดูรักแร้ตอนกำลังจู๋จี๋กัน!
ไม่รอให้ลู่อวี๋ตั้งสติได้ หมิงเยี่ยนก็เป่าลมร้อนๆ ใส่ฝ่ามือชั่วร้ายของตัวเองแล้วยื่นมือไปทางรักแร้ของเขา
ลู่อวี๋เป็นพวกบ้าจี้สุดๆ เขาร้องเอิ๊กอ๊ากออกมาทันใด “พี่เล่นอะไร ฮ่าๆๆๆๆๆ…”
ทั้งสองเริ่มเล่นกันบนเตียง แย่งกันจั๊กจี้รักแร้บ้าง ฝ่าเท้าบ้าง กลิ้งขลุกๆ กลมเป็นก้อน
หมิงเยี่ยนกระชากกระดุมเสื้อนอนของลู่อวี๋หลุดโดยไม่ทันระวังขณะกำลังพลิกตัวมาอยู่ด้านบนพอดี เขาจับคอเสื้อตรงนั้นเหม่อๆ
ลู่อวี๋ลมหายใจถี่กระชั้น ส่วนตนก็ดึงคอเสื้ออีกข้างออก “พี่เยี่ยน มาสิ ไม่ต้องสงสารผมเพราะผมเป็นหญ้าอ่อนอายุสิบแปดหรอกน่า”
เสื้อนอนเปิดโชว์หรา เผยให้เห็นรอยแผลเป็นรูปดอกไม้ไฟบนอก
หมิงเยี่ยนยื่นนิ้วไปลูบรอยแผลเป็นนั้นเบาๆ ก่อนรีบชักมือกลับราวกับโดนลวก แล้วคลุมผ้าให้เขาอย่างรวดเร็ว “นายจะบอกว่าฉันเป็นวัวแก่เหรอ”
ลู่อวี๋ “???”
เห้อ ไม่ใช่สิ ทำไมถึงกลายเป็นแบบนี้ได้เล่า
ลู่อวี๋จับข้อเท้าอีกฝ่ายที่กำลังจะหนีแล้วกระชากให้พลิกลงไปอยู่ใต้ร่างตัวเอง “หึ พี่แค่จะหาข้ออ้างมาปฏิเสธผม ลูกไม้เช่นนี้เราประสบพบเจอมานักต่อนัก อย่างไรคืนนี้เราก็จะต้องโปรดปรานเจ้าให้ได้”
“นี่ ไม่เล่นแล้ว” หมิงเยี่ยนไม่รู้ว่าหมอนี่ไปฝึกพลังกายมาจากไหนนักหนา ไม่นึกเลยว่าจะกระชากข้อเท้ากลับไป ดึงเขาไปกอด ซ้ำยังข่มขู่
“อย่าคิดจะขยับนะ ยามนี้เสาค้ำสวรรค์ของเรากำลังตั้งตระหง่าน หากเจ้าขยับส่งเดชเราจะจัดการเจ้า” ลู่อวี๋พูดอย่างโหดเหี้ยม จุ๊บดังๆ ที่หน้าผากคนในอ้อมแขน
หมิงเยี่ยนรู้สึกได้ถึงความเปลี่ยนแปลงทางร่างกายของลู่อวี๋ เห็นเขาจงใจขยับออกห่างเพื่อป้องกันไม่ให้หยาบคายต่อตน หมิงเยี่ยนอดใจอ่อนไม่ได้ อยากทำอะไรสักหน่อย แต่เม้มปากอยู่นานก็พูดอะไรไม่ออก
ลู่อวี๋กุมมือเขาที่ทำท่ายึกๆ ยักๆ เหมือนจะยื่นมือแต่ไม่ยื่น “ไม่เป็นไร ผมขอพักหายใจแป๊บนึงก็พอ อยู่แบบนี้ผมก็ฝันดีได้”
ภายในห้องเงียบกริบไปพักใหญ่ หมิงเยี่ยนเอ่ยเสียงเบา “นายนอนตัวชิดกับฉันได้ ฉันไม่ถือ”
หมิงเยี่ยนนึกว่าลู่อวี๋หลับไปแล้วถึงได้พูดงึมงำในลำคออย่างกับกำลังละเมอ คิดไม่ถึงว่าวินาทีต่อมาระยะห่างอันน้อยนิดระหว่างพวกเขาสองคนจะถูกลู่อวี๋ลบหายไปหมด เขาแนบตัวเข้าหาแล้วถูไถคลอเคลียอย่างมีความสุข
เช้าวันรุ่งขึ้น ลู่อวี๋ที่ได้กอดพี่เยี่ยนนอนหลับฝันดีก็ตื่นขึ้นมาด้วยกำลังวังชาเต็มเปี่ยม ยืดอกเชิดคางไปเดต
ในห้างไม่มีการเปลี่ยนแปลงอะไรมากจริงๆ พวกเขาไปซื้อเสื้อผ้าสองสามชุด ลู่อวี๋ได้สวมเสื้อผ้าใหม่ก็มีความสุขมาก “แบรนด์แฟชั่นสมัยนี้ดูดีจริงๆ”
จับคู่สีอย่างกล้าหาญ รูปแบบเว่อร์วัง แต่ใส่แล้วกลับหล่อเท่เกินคาด
ลู่อวี๋สวมหมวกปีกกว้างสีม่วงที่สามารถบดบังดวงตาได้ แล้วเขย่ามือโพสท่าคลาสสิกของแร็พเปอร์ “โย่วๆๆ นี่คือลู่อวี๋ aka fish on the land.”
พนักงานร้านแบรนด์แฟชั่นยังต้องหัวเราะให้เขา หมิงเยี่ยนอับอายไม่อยากจะมอง หันไปรูดสมองอัจฉริยะจ่ายเงิน จ่ายเงินเสร็จหันกลับมาอีกทีลู่อวี๋ก็วิ่งพรวดหายวับไปจากสายตาประหนึ่งหมาที่ถูกปล่อยเชือกจูง
ลู่อวี๋รีบไปซื้อเครื่องดื่มสองแก้วอย่างว่องไวแล้วยัดใส่มือหมิงเยี่ยนหนึ่งแก้ว ห้างนี้เปิดฮีตเตอร์ได้ดีเกินไป เขารู้สึกเหมือนจะถูกอบจนแห้งอยู่รอมร่อ ลู่อวี๋กระดกดื่มจนชี้ก้นแก้วขึ้นฟ้า เอาเครื่องดื่มสามร้อยมิลลิลิตรเข้าปากอึกๆๆ รวดเดียว แล้วมองไปทางหมิงเยี่ยนที่ค่อยๆ ใช้หลอดดูดตาปริบๆ “ผมอยากเล่นอันนั้นอะ”
หมิงเยี่ยนมองตามนิ้วมือเขา ไม่นึกเลยว่าจะเป็นโซนเกมเซ็นเตอร์ ตรงตามที่ลูกโป่งท่านประธานบอกไว้เป๊ะๆ
เลี้ยงแฟนหนุ่มที่อายุหดหายไปสิบปีก็ช่วยไม่ได้อย่างนี้แหละ หมิงเยี่ยนทำได้แค่ไปเล่นเป็นเพื่อนเขา
เกมเซ็นเตอร์กลับมีการพัฒนาไม่น้อย มีเทคโนโลยีระดับสูงมากมายเพิ่มขึ้น แต่ลู่อวี๋นอนเล่นอยู่ในแคปซูลเกมมิ่งระดับสูงสุดมาทั้งอาทิตย์จึงไม่รู้สึกตื่นเต้นอะไรกับเกม VR ระดับล่างพวกนั้นเลยสักนิด เล่นรอบสองรอบก็เบื่อ เลยเล่นแต่ตู้เกมบาสเกตบอลซึ่งเป็นตู้เกมดั้งเดิมที่สุด
การติดตั้งตู้เกมบาสเกตบอลนี้ดูทันสมัยกว่าแบบที่อยู่ในเกมเซ็นเตอร์เมื่อก่อนมาก ลู่อวี๋เล่นอย่างมีความสุข
สาวๆ ที่ชู้ตบาสอยู่ข้างๆ สังเกตเห็นเขา แอบมองใบหน้าด้านข้างของลู่อวี๋กัน แล้วกระซิบกับกลุ่มเพื่อนสาว “หล่อเนอะ”
สาวๆ พูดคุยคิกคักอย่างตื่นเต้น ก่อนยื่นลูกบาสในมือไปให้ลู่อวี๋ “สุดหล่อ ช่วยฉันชู้ตสักสองลูกได้ไหมคะ ตานี้ถ้าฉันโยนไม่เข้าอีกฉันจะแพ้แล้ว”
ลู่อวี๋เพิ่งใช้เหรียญของตัวเองหมดพอดี เหลือบมองหน้าจอคะแนนตู้เกมบาสเกตบอลข้างๆ แล้วรับมันมาอย่างยินดี ก่อนโยนลูกบาสลงห่วงสามลูกติดในรวดเดียวอย่างสมบูรณ์แบบ บนหน้าจอฉายพลุออกมาฉลอง
สาวๆ กรี๊ดกร๊าดผลักผู้หญิงที่เป็นคนยื่นลูกบาสออกมา ให้เธอขอช่องทางการติดต่อ
สาวน้อยขี้อายยังไม่ทันเอ่ยปาก ฝั่งลู่อวี๋ก็วิ่งกลับไปอยู่ข้างๆ หมิงเยี่ยนอย่างตื่นเต้นดีใจ “ผมเก่งรึเปล่า”
หมิงเยี่ยนตอบส่งๆ “เก่งๆ”
ลู่อวี๋ฉวยโอกาสนี้ขยับเข้าประชิดแล้วจุ๊บแก้มนุ่มๆ หนึ่งที
หมิงเยี่ยนนิ่งอึ้ง จากนั้นก็ได้ยินเสียงแหลมสูงของผู้หญิง “หมิงเยี่ยน?”
เขามองไปตามเสียง ไม่นึกเลยว่าจะเป็นลู่เจินนีที่ไม่เจอกันมาหลายวัน ข้างๆ ลู่เจินนียังมีผู้ชายหิ้วถุงเล็กถุงใหญ่เดินตามต้อยๆ เธอใช้นิ้วที่ต่อเล็บปลอมยาวๆ ชี้หมิงเยี่ยน ทำหน้าตาตื่นเต้นที่เจอหลักฐานมัดตัว “ไม่นึกว่านายจะมาอุปถัมภ์หนุ่มมหา’ลัยอยู่ข้างนอก ลู่อวี๋รู้เรื่องนี้หรือเปล่า”
ไม่รอให้หมิงเยี่ยนเอ่ยปากตอบ ลู่อวี๋ก็เดินมาบังตัวเขา งอนิ้วตั้งท่าจะดีดเล็บยาวๆ นั่นออกไป “อยากรู้ว่าลู่อวี๋รู้หรือเปล่าก็ควักเงินมาห้าล้านแล้วฉันจะตอบให้”
* หนึ่งชายครึ่งหญิง หมายถึงลูกสาวหรือลูกชายก็ได้ ขอแค่มีลูกสักคนก็พอ มักใช้ในครอบครัวที่แต่งงานแล้วแต่ยังไม่มีลูกเสียที
Comments



