ทดลองอ่าน ตื่นมารับภารกิจพิชิตหัวใจคุณสามี เล่ม 2 บทที่ 54-57 #นิยายวาย – หน้า 4 – Jamsai
Connect with us

Jamsai

everY

ทดลองอ่าน ตื่นมารับภารกิจพิชิตหัวใจคุณสามี เล่ม 2 บทที่ 54-57 #นิยายวาย

4 of 4หน้าถัดไป

บทที่ 57

แรงบันดาลใจ

 

หมิงเยี่ยนแค่รู้สึกเหมือนถูกสัตว์ตัวใหญ่ๆ กระโจนเข้าใส่เต็มรัก อีกฝ่ายยังพยายามโถมร่างกายที่สูงกว่าซุกในเสื้อโค้ตของเขา เขายกมือขึ้นลูบท้ายทอยลู่อวี๋ พูดเหมือนกล่อมเด็กน้อย “ใช่แล้ว นายหญิงหมิงมีบ้านของตัวเองแล้ว พวกเราไม่ได้มีน้อยกว่าหรอก”

ลู่อวี๋ได้ฟังคำนั้นก็กอดแน่นกว่าเดิม

ก่อนหน้านี้เขาไม่มีความมั่นใจที่จะพูดอะไรแบบนี้ออกมา แต่เมื่อกี้พี่เยี่ยนเพิ่งจะหอมแก้มเขา ยืนยันสถานะแฟนหนุ่มของเขา ตอนนี้ยังยอมรับฐานะ ‘นายหญิงหมิง’ กับปากตัวเอง ลู่อวี๋รู้สึกล่องลอย เหมือนว่าถ้าตัวเองไม่กอดพี่เยี่ยนให้แน่นเท้าก็จะลอยขึ้นจากพื้น

หมิงเยี่ยนมองครอบครัวนั้นเดินไกลออกไปผ่านลาดไหล่ลู่อวี๋ แล้วดึงสายตากลับมา โอบแผ่นหลังลู่อวี๋เบาๆ

ลู่อวี๋พูดเสียงอู้อี้ “พี่เยี่ยน ผมอยากกอดพี่ต่ออีกหน่อยนะ แต่ว่า…มันเผาโคตรร้อนเลยอะ”

หมิงเยี่ยนหัวเราะ ปล่อยลู่อวี๋แล้วรับมันเผาในมือเขามาถือ มันร้อนมากจริงๆ คนตรงหน้ารีบร้อนจะกินเลยไม่ได้ขอถุงกับคุณปู่ เมื่อกี้จึงถือด้วยมือเปล่าไปครู่ค่อนใหญ่

ลู่อวี๋สะบัดมือ แล้วเอามันเผามาถือสลับไปมาระหว่างมือสองข้าง “พวกเราขึ้นไปกินบนรถกันเถอะ”

“ไม่ได้” หมิงเยี่ยนปฏิเสธโดยไม่แม้แต่จะคิด “ห้ามกินของที่มีกลิ่นบนรถของฉัน”

“งั้น…” ลู่อวี๋มองซ้ายแลขวา ก่อนชี้มุมกำแพงใต้ต้นไม้หน้าโรงเรียน “พวกเราไปนั่งยองกินตรงนั้นกัน ตรงนั้นมีที่บังลม ถ้ายืนกินโต้ลมผมกลัวพี่จะท้องเสีย”

หมิงเยี่ยน “…งั้นก็ไปกินบนรถเถอะ”

นั่งยองกินอยู่ตรงตีนกำแพงมันประหลาดเกินไปแล้ว ที่นี่ไม่ใช่ในเครื่องจำลองสักหน่อย ถ้าเกิดมีคนถ่ายรูปไว้ได้แล้วพาดหัวว่า สองสามีสามีประธานบริษัทดังนั่งยองกินมันเผาข้างกำแพง น่าอดสู’ มันน่าอายกว่าพาดหัวข่าว ‘ประธานบริษัทควักลูกตาคางคกถึงหน้าบ้านคู่แข่ง’ เยอะ

ทั้งสองกลับขึ้นรถ แบ่งมันเผากันคนละครึ่ง

ลู่อวี๋บิมันเผาเป็นสองซีก เอาครึ่งที่เผาจนเปลือกเกรียมๆ ให้หมิงเยี่ยน กำชับเป็นพิเศษว่า “ตรงที่ไหม้นิดๆ ตรงนั้นจะกรอบกำลังดี เป็นส่วนที่อร่อยที่สุด อย่าโยนทิ้งนะ” ว่าพลางช่วยหมิงเยี่ยนปอกเปลือกส่วนที่ไหม้เกรียมออก เผยให้เห็นเนื้อที่ถูกย่างจนเป็นสีเหลืองทองปานรังผึ้งและกรอบอร่อย

หมิงเยี่ยนตะลึง “ที่แท้ก็เป็นอย่างนี้เองหรอกเหรอ”

ลู่อวี๋เงยหน้า “ทำไมเหรอ”

หมิงเยี่ยนมองมันเผาครึ่งหนึ่งในมือด้วยสีหน้าซับซ้อน “ก่อนหน้านี้ลู่ต้าอวี๋ก็เคยแบ่งมันเผาที่ซื้อมาให้ฉันกิน…”

ตอนนั้นลู่ต้าอวี๋เอาครึ่งที่ถูกเผาเกรียมให้เขา ตอนแรกเขายังคิดอยู่เลยว่าอีกฝ่ายไม่มีความเกรงใจต่อกันเลย แต่พอคิดอีกทีตัวเองก็ไม่ใช่แฟนของอีกฝ่าย อีกฝ่ายย่อมไม่จำเป็นต้องเอาส่วนดีให้เขาอยู่แล้ว ยิ่งเมื่อคิดเชื่อมโยงกับตอนที่ลู่อวี๋อยู่กับเหล่าหยาง พวกเขาสองคนมักจะแย่งของกินอร่อยๆ เสมอ แทบอยากจะเอาดินให้อีกฝ่ายกินด้วยซ้ำ เท่านี้ก็อธิบายทุกอย่างแล้ว

ยังไม่ทันพูดสิ้นเสียงดี ลู่อวี๋ก็เข้าใจในทันใด คุณชายน้อยตระกูลใหญ่อย่างหมิงเยี่ยนคงไม่เคยกินมันเผาจากเตาดินแบบนี้มาก่อน ไม่รู้ว่าฝั่งนั้นจะอร่อยกว่า แล้วเจ้าลู่ต้าอวี๋อาจจะลืมนึกถึงเรื่องนี้ หรืออาจจะชินกับการอมพะนำไม่ยอมพูด เลยไม่ได้อธิบายกับหมิงเยี่ยน

ลู่อวี๋หัวเราะ “วางใจเถอะ ไม่ว่าจะผมหรือลู่ต้าอวี๋ก็ต้องเก็บของดีๆ ไว้ให้พี่เยี่ยนอยู่แล้ว”

หมิงเยี่ยนถอนหายใจ ลูบใบหน้าลู่อวี๋ที่เปื้อนเขม่าถ่านอย่างรู้สึกผิด

ลู่อวี๋คลอเคลียกับปลายนิ้วนั้นอย่างมีความสุขพร้อมเอ่ย “รีบกิน เดี๋ยวเย็นแล้วจะไม่อร่อย กินเสร็จเราไปสถานีถัดไปกัน” วันนี้เขาคาดหวังต่อแพลนการเดตทุกโปรแกรมมาก นี่เป็นเดตอย่างเป็นทางการครั้งแรกของเขา ต่อให้ฟ้าถล่มก็จะล้มเลิกกลางคันไม่ได้

โปรแกรมเดตช่วงบ่ายคือชมงานนิทรรศการจำกัดเวลาแห่งหนึ่ง ชื่อว่าท้องฟ้าพร่างดาว มันเป็นนิทรรศการที่ผสมผสานระหว่างศิลปะกับเทคโนโลยี เปิดให้เข้าชมแค่ครึ่งเดือนเท่านั้น เนื้อหาหลักๆ คือการใช้เทคโนโลยีระดับสูงมาจำลองท้องฟ้ายามราตรีและกาแล็กซี่ ค่าเข้าชมคนละสองร้อยหยวน

นิทรรศการท้องฟ้าพร่างดาวจัดในหอศิลป์เล็กๆ แห่งหนึ่ง สามารถเข้างานได้ครั้งละหกคน คนที่อยู่กลุ่มเดียวกับพวกเขาเป็นคู่รักชายหญิงคู่หนึ่งกับคู่สาวเพื่อนสนิทอีกคู่หนึ่ง

ลู่อวี๋จับมือหมิงเยี่ยนเดินเข้าไปทีละก้าวๆ “จับผมแน่นๆ นะ เดี๋ยวถ้าเกิดมีหลุมดำโผล่ออกมาพวกเราจะได้ไม่แยกกัน แบบนี้ต่อให้ทะลุมิติก็จะได้ทะลุไปอยู่ในยุคเดียวกัน”

คู่รักวัยรุ่นข้างๆ สบสายตา ก่อนเบะปากออกมาพร้อมกัน มีคนเสี่ยวยิ่งกว่าพวกเขาได้ไง

สองสาวเพื่อนรักกลับมองกันตาลุกวาว เดินก้าวย่ำเงียบๆ

กลุ่มคนเดินเข้าไปยังใจกลาง ล้อมเป็นวงกลม แล้วยืนหันหลังมองออกไป ไฟดับลง สภาพแวดล้อมค่อยๆ แปรเปลี่ยนเป็นมืดสลัวลง แสงดวงดาวระยิบระยับปรากฏขึ้นมา

มันเป็นภาพสามร้อยหกสิบองศา พื้นดำสนิทค่อยๆ จมลึกลงไป มีจุดแสงกะพริบอย่างไม่มีหลักการ ราวกับเหวลึกที่มองไม่เห็นจุดสิ้นสุด จากนั้นจุดแสงเหล่านั้นก็แผ่ขยายไปรอบๆ ถึงหลังคาโดม จุดแสงค่อยๆ เชื่อมกันเป็นผืนเดียว พริบตาก็กลายเป็นทางช้างเผือกอันไร้สิ้นสุด

ทั้งหกคนราวกับยืนอยู่กลางจักรวาลกว้างใหญ่ไพศาล มองดวงดาวที่คงอยู่เป็นนิรันดร์นับแต่โบราณกาลรอบตัวค่อยๆ หลอมรวมเป็นหนึ่งเดียวกัน

“ว้าว!” มีคนร้องออกมาเบาๆ

หลังชื่นชมทะเลดวงดาวอันไร้ที่สิ้นสุดจบ หมู่ดาวยามราตรีก็ค่อยๆ ห่างไกลออกไป เมื่อมองดูดีๆ มันไม่ได้ขยับห่างออกไป หากแต่ทั้งหกคนเริ่มเข้าไปใกล้ดาวฤกษ์ดวงหนึ่ง

ดาวดวงนั้นพื้นผิวของมันเป็นเปลวเพลิงเผาไหม้อย่างร้อนแรง สว่างจ้าแสบตา จากนั้นจู่ๆ มันก็เริ่มพองตัว อุณหภูมิสูงพุ่งปะทะใบหน้าเข้ามา กลืนกินกลุ่มคนที่กำลังมองอย่างครึกครื้น

มันกำลังแสดงวิวัฒนาการของดาวฤกษ์ดวงหนึ่ง สุดท้ายดาวฤกษ์มหึมานั้นก็ระเบิดอย่างรุนแรงเกินกว่าจะบรรยาย แล้วยุบตัวลงอย่างรวดเร็ว กลายเป็นหลุมดำที่พร้อมจะกลืนกินทุกสิ่ง บดขยี้สิ่งรอบข้างให้แหลกละเอียดเป็นผุยผง

เป็นอย่างที่ปากพระร่วงของลู่อวี๋พูดไว้

เหล่าเพื่อนร่วมกลุ่มที่จมดิ่งอยู่ในนั้นพากันร้องด้วยความตกใจอย่างอดไม่ได้ ตอนนั้นหมิงเยี่ยนจับมือลู่อวี๋แน่นขึ้นด้วยกลัวว่าเขาจะตกลงไป ส่วนลู่อวี๋ก็กอดอีกฝ่ายไว้ “พี่เยี่ยน ต่อให้ตายเราจะไม่แยกจากกัน! ถ้าเกิดทะลุมิติ พี่ก็ไปด้วยกันกับผมเถอะ”

สาวน้อยที่กรี๊ดโผเข้าใส่อ้อมอกแฟนหนุ่มอีกฝั่ง “…” เธอสู้ไม่ไหวจริงๆ เลยทุบอกแฟนหนุ่มไปหนึ่งหมัด

ชายหนุ่ม “อะไร”

สาวน้อย “ตัวเองดูคู่นั้น เขาหยอกกันเก่งมาก แต่ตัวเองอย่างกับท่อนไม้เลย”

ชายหนุ่มหัวเราะอย่างสง่างาม สบถสาบานอย่างหนักแน่น “มันของปลอมทั้งนั้น กลัวอะไร”

หลังจากหลุมดำแตกสลาย ทุกอย่างก็กลับสู่ความสงบ ดาวฤกษ์ดวงใหม่ถือกำเนิดอีกครั้งแล้วออกห่างจากพวกเขาไปไกลแสนไกล สุดท้ายก็กลายเป็นทางช้างเผือกไร้ก้นบึ้ง

เงินสองร้อยหยวน ให้ชมแค่สิบห้านาที ชายหนุ่มที่มากับแฟนสาวคนนั้นตะโกนเสียงดังว่าโดนหลอกกินตังค์แล้ว

ทว่าหมิงเยี่ยนกลับรู้สึกคุ้มค่ามาก เขาพูดกับลู่อวี๋อย่างตื่นเต้น “ฉันคิดออกแล้วว่านาฬิกาเรือนต่อไปจะออกแบบยังไงดี ฉันจะออกแบบหลุมดำแห่งกาลเวลา พื้นหลังเป็นน้ำวนสีดำที่กลืนกินห้วงเวลาอย่างไม่มีที่สิ้นสุด ข้างหน้าคือดวงดารายามค่ำคืนที่หมุนวนอย่างดิ้นรน”

ลู่อวี๋ดวงตาเป็นประกาย “แค่ฟังก็รู้สึกเจ๋งแล้ว!”

หมิงเยี่ยนมีความสุขมาก หันไปมองลู่อวี๋ “นายตระหนักอะไรได้บ้างไหม”

มาเดตแท้ๆ ไหงถึงมีคำถามแบบสุ่มเหมือนในห้องเรียนโผล่มาได้ล่ะเนี่ย ลู่อวี๋รู้สึกกินปูนร้อนท้อง เมื่อกี้นอกจากดูการแสดงสีสันตระการตาพวกนั้นแล้วก็มองแต่หน้าหมิงเยี่ยน ไม่ได้ใช้เวลาครุ่นคิดอะไรเลย

แต่ว่านี่ทำอะไรลู่เสี่ยวอวี๋ที่แรงบันดาลใจพลุ่งพล่านไม่ได้ เขาหวนคิดพลางลูบคาง “ผมคิดว่าเรื่องต่อไปอาจจะเขียนธีมเกี่ยวกับสงครามดาราจักร อืม แต่ว่าแนวนี้ไม่ค่อยเป็นที่นิยมสำหรับกลุ่มผู้ชายเท่าไหร่ ดังยาก เว้นแต่ว่าจะแทรกเป็นอาร์กหนึ่งในนิยายทะลุมิติ หรือไม่ก็ใส่เซ็ตติ้งเกี่ยวกับ ‘เทพสงครามแต่งเข้า’ อะไรทำนองนี้เข้าไปด้วย”

หมิงเยี่ยนมองเขาอย่างพูดไม่ออกบอกไม่ถูก “เทพสงคราม…แต่งเข้า?”

ลู่อวี๋พยักหน้า เริ่มจ้ออย่างตื่นเต้น “ก็คือแนวแบบว่าเทพสงครามแห่งดาราจักรได้รับบาดเจ็บ แล้วถูกบีบให้ไปเป็นลูกเขยแต่งเข้าบ้านสตรี ตอนถูกดูหมิ่นรังแกก็จะตะคอกคำรามด้วยความเดือดดาลว่า ‘สามสิบปีแม่น้ำอยู่ฝั่งตะวันออก อีกสามสิบปีแม่น้ำไหลไปฝั่งตะวันตก* อย่าดูแคลนเด็กหนุ่มยามยาก!’ น่ะ”

หมิงเยี่ยน “…”

ลู่อวี๋เกาหัว “ไม่งั้นผมเปิดแอ็กหลุมไปแต่งนิยายวายลงจิ้นเจียงดีมะ” แนวระหว่างดวงดาวไม่เป็นที่นิยมในนักอ่านกลุ่มผู้ชาย แต่ถ้าในจิ้นเจียงก็พอได้

หมิงเยี่ยนมุมปากกระตุก “ถ้าเป็นนิยายวายนายจะเขียนยังไง”

“สงครามระหว่างดวงดาวอย่างเดียวไม่ค่อยน่าอ่าน แล้วก็เขียนเรื่องรักๆ ใคร่ๆ ยาก ถ้าจะเขียนนิยายวายแนวระหว่างดวงดาวก็ต้องเลือกเขียนแนว ABO**” ลู่อวี๋ยิ่งพูดก็ยิ่งรู้สึกว่ามันฟังดูใช้ได้ หมัดซ้ายชกมือขวา “งั้นก็เขียน ‘อัลฟ่าผู้แต่งเข้า’ แล้วกัน!”

หมิงเยี่ยน “???”

เขาคร้านจะฟังต่อ หมุนตัวเดินไปเปิดประตูรถ ลู่อวี๋ที่จู่ๆ ผุดไอเดียบรรเจิดพูดจ้อไล่หลังเขาไม่หยุดปาก พรรณนาเรื่องราวอันยิ่งใหญ่ที่ตัวเองเพิ่งคิดได้หมาดๆ “เดิมทีเขาเป็นอัลฟ่าเทพสงครามอันดับหนึ่งแห่งหน่วยเรือรบทางช้างเผือก แต่อันดับตกเพราะได้รับบาดเจ็บหนักกลายเป็นคนพิการ ถูกเพื่อนๆ ขับไล่ไสส่ง ตระกูลก็ดูหมิ่นรังแกเขา ด้วยความโกรธแค้นเขาจึงตัดสินใจเป็นเขยแต่งเข้าตระกูลหมิง กลายเป็นลูกเขยที่แต่งเข้าบ้านโอเมก้าตระกูลหมิง!”

หมิงเยี่ยนเพิ่งจะเปิดประตูรถ ได้ยินประโยคนี้ก็หลุดขำพรืด ก่อนหันหลังไปดันเจ้าคนที่เกาะติดเขาออกไป “เลิกเพ้อเจ้อได้แล้ว ไปขึ้นรถฝั่งนู้น” ฝั่งนี้เป็นฝั่งคนขับรถ หมอนี่แทบจะเบียดเขาชนพวงมาลัยรถอยู่แล้วเพราะมัวแต่โม้ไม่เลิก

“ไม่ได้เพ้อเจ้อสักหน่อย นี่คือคำพูดจากใจของผม ผมละอยากให้ที่นี่เป็นโลก ABO มากเลย ในฐานะที่พี่เป็นโอเมก้าเดียวของตระกูล แน่นอนว่าจะต้องหาลูกเขยแต่งเข้าตระกูล แต่อัลฟ่าทั่วไปไม่ยินดีแต่งเข้าหรอกนะ มีแค่ผมที่เต็มใจจริงๆ แถมพกทรัพย์สินมาด้วย จริงใจไม่จิงโจ้”

 

การออกเดตวันนี้จบลงอย่างอิ่มเอมใจหลังจากไปกินอาหารมื้อใหญ่หนึ่งมื้อ

กลับมาถึงบ้าน หมิงเยี่ยนนั่งชันเข่าบนโซฟา ถือกระดาษวาดรูปสเก็ตช์อย่างเร็ว พยายามจดบันทึกแรงบันดาลใจในวันนี้ เขาวาดหน้าปัดนาฬิกาที่ด้านหน้าเป็นท้องฟ้ายามราตรี ขณะกำลังจะวาดโลโก้หมิงรื่อวอตช์อินดัสทรีลงไป จู่ๆ เนื้อเรื่องที่มีเลเวลความล้างสมองสูงลิ่วของลู่อวี๋ก็พลันเด้งขึ้นมาในสมอง ABO alpha omega อัลฟ่า โอเมก้า…แล้วเขาก็มือไวเผลอวาดโลโก้แบรนด์ OMEGA ลงไปบนหน้าปัด

หมิงเยี่ยน “…”

 

* สามสิบปีแม่น้ำอยู่ฝั่งตะวันออก อีกสามสิบปีแม่น้ำไหลไปฝั่งตะวันตก หมายถึงชะตาชีวิตคนสามารถเปลี่ยนแปลงได้ อย่าดูแคลนใครเพียงเพราะเขากำลังยากลำบาก

** ABO หรือโอเมก้าเวิร์ส (Omegaverse) คืองานเขียนซึ่งจินตนาการถึงโลกที่มนุษย์มีเพศรองเป็น ‘อัลฟ่า’ ‘เบต้า’ และ ‘โอเมก้า’ ซึ่งจะเกี่ยวพันกับสถานภาพทางสังคมของแต่ละคน

  

โปรดติดตามตอนต่อไป

 

4 of 4หน้าถัดไป

Comments

comments

No tags for this post.
Continue Reading

More in everY

บทความยอดนิยม

everY

ทดลองอ่าน เขตห้ามรักฉบับเบต้า เล่ม 1 Chapter 2.1-2.2 #นิยายวาย

ทดลองอ่าน เรื่อง เขตห้ามรักฉบับเบต้า เล่ม 1 ผู้เขียน : MINTRAN แปลโดย : ทันบี ผลงานเรื่อง : 배타적 연애 금지구역 ถือเป็นลิขสิทธิ์...

ชาตินี้ข้าจะรักท่านให้มาก

ทดลองอ่าน ชาตินี้ข้าจะรักท่านให้มาก บทที่ 67-68

บทที่ 67 ถึงจะเป็นช่วงพักกลางวัน ทว่าหวาหยางกลับไม่อาจข่มตาหลับ นางนอนอยู่บนเตียงร่วมกับชีฮองเฮา ประเดี๋ยวก็พูดจาอิงแอบอ...

ทดลองอ่าน

ทดลองอ่าน สานวาสนากับท่านอาของอดีตคู่หมั้น บทที่ 71-73

บทที่ 71 จีเสวียนเค่อใช่ว่าจะมีวรยุทธ์เก่งกาจ ทว่าเขาพาคนมามากมาย คนจากสำนักบูรพาเห็นสถานการณ์ไม่สู้ดีนักจึงล่าถอยอย่างร...

ทดลองอ่าน

ทดลองอ่าน สานวาสนากับท่านอาของอดีตคู่หมั้น บทที่ 80-81

บทที่ 80 เสียงของกู้เจี้ยนหลีค่อยๆ เบาลงเรื่อยๆ ถึงท้ายประโยคก็แทบไม่ได้ยินแล้ว นางก้มหน้าลง มือกำชายเสื้ออย่างเก้อกระดา...

ทดลองอ่าน

ทดลองอ่าน สานวาสนากับท่านอาของอดีตคู่หมั้น บทที่ 74-76

บทที่ 74 กู้เจี้ยนหลีละล่ำละลักพูด “หากยังไม่กลับอีกจะสายเกินไปแล้ว ท่านพ่อ ครั้งหน้าลูกจะไปเยี่ยมที่จวนอ๋องนะเจ้าคะ จี้...

community.jamsai.com