everY
ทดลองอ่าน ตื่นมารับภารกิจพิชิตหัวใจคุณสามี เล่ม 2 บทที่ 58-61 #นิยายวาย
บทที่ 60
กระอักกระอ่วน
หมิงเยี่ยนยกมือข้างหนึ่งกุมหน้า ทนมองไม่ได้
ลู่อวี๋ร้อนรนเด้งตัวขึ้นมา สะบัดผ้าห่มเอาเศษมันฝรั่งทอดที่พ่นออกมาออกไป ด้านลู่ตงตงก็เรียกหุ่นยนต์ทำความสะอาดมากวาดเศษขนมให้เกลี้ยงอย่างรวดเร็ว
หมิงเยี่ยนหยุดวิดีโอ ถามหยั่งเชิง “ไม่งั้นเราดูอย่างอื่นกันไหม” จู่ๆ เขาก็ค้นพบว่าการเห็นตัวเองอยู่บนหน้าจอทีวีมันน่ากระอักกระอ่วนมาก กอปรกับความสัมพันธ์คลุมเครือแล้วก็คอมเมนต์แซวอีก ความกระอักกระอ่วนนี้เลยยิ่งทวีคูณไม่รู้กี่เท่าต่อกี่เท่า
ลู่อวี๋โยนผ้าห่มผืนน้อยนั้นเข้าเครื่องซักผ้า เปลี่ยนมาใช้ผ้าห่มสะอาดลายกระแสน้ำทะเลเต็มผืน กลับไปกกอยู่ในอ้อมแขนหมิงเยี่ยนใหม่อีกครั้ง “ไม่เป็นไร ผมไม่กลัวขายหน้า ทนไหว ดูเถอะ น่าสนุกจะตาย”
นี่เป็นหนังสารคดีความรักของเขากับพี่เยี่ยนที่สร้างจากทุนบริษัทเลยนะ นับปัดเศษขึ้นแล้วก็นับว่าเป็นวิดีโองานแต่งแบบสารคดี ต้องดูให้จบโดยไม่ตกหล่นแม้แต่นิดเดียว
หมิงเยี่ยนกดเล่นคลิปต่ออย่างพูดไม่ออก เขามองลู่อวี๋ที่ดูรายการในอ้อมแขนเขาต่ออย่างเพลิดเพลิน แล้วจึงกระดิกนิ้วเรียกลูกโป่งท่านประธานอย่างหน่ายใจให้ฉายจอออพติคอลออกมา เขาวาดรูปเหนือศีรษะลู่อวี๋อย่างไม่พูดไม่จาเพื่อคลายความกระอักกระอ่วนที่ต้องเห็นหน้าตัวเองบนจอ
รายการดำเนินต่อ
คอมเมนต์ตอนนี้กำลังหัวเราะกันอย่างบ้าคลั่ง ต่างก็พากันบอกว่ามันตลกกว่าในไลฟ์เสียอีก เพราะว่าเนื้อหาส่วนนี้เป็นไลฟ์วันแรก ตอนดูบนแพลตฟอร์มเรียบง่ายอย่างเบิร์ดบุ๊กดูจอแยกได้แบบจอเล็กเท่านั้น ไม่ได้มีการสลับมุมกล้องให้เปรียบเทียบตรงๆ แบบนี้
ตอนนี้เมื่อมาดูต่อกันแบบนี้แล้ว ฝั่งนี้ผืนหิมะเต็มไปด้วยดาบและธนู ฝั่งนั้นนกอินทรีภูเขานั่งยองบนเขา ความคอมมิดี้จึงพุ่งสูงปรี๊ด
จากนั้นฮวาเหวินหย่วนก็สังเกตเห็นความผิดปกติบนยอดเขา เขาหันมองไป ลู่อวี๋ยื่นมือตะโกนเสียงดัง “คีย์บอร์ดจงมา!” แล้วรีบปรับบทในทันใด
ช่วงที่ไลฟ์เขาตึงเครียดมาก แล้วรายการก็ยิ่งเพิ่มเอฟเฟ็กต์เข้าไปอีก กล้องตัดกลับไปมา ฮวาเหวินหย่วนมองออกไปสุดสายตา ลู่อวี๋เคาะแป้นคีย์บอร์ดจนไฟลุก ฮวาเหวินหย่วนขมวดคิ้ว ลู่อวี๋ตบปุ่ม Enter ฮวาเหวินหย่วนย้ายสายตาออก ลู่อวี๋ผ่อนลมหายใจโล่งอก
หัวใจผู้ชมร่วงไปอยู่ตาตุ่มตามกันอย่างอดไม่ได้
[เชี่ย…เชี่ย จับปลาบนดินแล้งเร็วหน่อยสิ เอาจิตวิญญาณสามหมื่นคำในหนึ่งวันตอนนั้นของนายออกมา!]
[อ๊ากกก ไม่ทันแล้ว จะ OOC* แล้ว ตานี้จบขึ้นมาต้องเริ่มใหม่หมดเลยนะ]
ลู่อวี๋เดาะลิ้น แหงนหน้าพูดกับหมิงเยี่ยน “อันนี้ตัดได้ตื่นเต้นมากเลย”
หมิงเยี่ยนกำลังวาดรูปอยู่เหนือศีรษะเขา เห็นเขาหันหน้ามาก็รีบปิดจอออพติคอล เผยยิ้มบางที่พยายามฉีกออกมา ดูแล้วค่อนข้างจะฝืน
ลู่อวี๋เบิกตากว้าง “พี่เยี่ยน พี่มองผมตลอดเวลาเลยเหรอ”
นี่มันสวัสดิการระดับจักรพรรดิหรือไงกัน เขารู้สึกตกใจที่ได้รับความเอ็นดูแบบนี้ เพิ่งจะออกกำลังกายได้สองอาทิตย์ ใบหน้าของเขายังไม่กลับไปอยู่ในจุดที่หล่อที่สุด พี่เยี่ยนก็หลงเขาถึงขนาดนี้แล้วเหรอ งี้ถ้าเขาไปเข้าคลินิกเสริมความงามสักหน่อยจะไม่ยั่วยวนจนทำให้พี่เยี่ยนไปทำเรื่องน่าเขินอายกับเขาได้เลยเหรอ!
หมิงเยี่ยนแค่นยิ้มมุมปาก ไม่พูดอะไร
ลู่อวี๋ดึงสติออกจากความคิดละเมอเพ้อพก “พี่เหนื่อยไหม โธ่ ผมนอนพิงพี่แบบนี้ตลอดเวลาเลยได้ไง มาๆ มานอนซบอกผมสิ”
เขาเพิ่งจะรู้ตัวว่าคนตัวโตเป็นท่อนไม้ยักษ์แบบเขานอนพิงอกหมิงเยี่ยนตลอดเวลา มันไม่ดีกับร่างกายเล็กๆ ของพี่เยี่ยน เขาจึงรีบหยัดตัวนั่ง ดึงหมิงเยี่ยนมาโอบไว้ในอ้อมแขนโดยไม่อธิบายอะไร ให้หมิงเยี่ยนได้นอนสบายๆ บนตัวลู่อวี๋
“อา ไม่…” หมิงเยี่ยนพูดปฏิเสธยังไม่ทันจบก็ถูกลู่อวี๋ยัดแผ่นมันฝรั่งทอดกรอบเข้าปาก ฟันขาวนวลคาบแผ่นมันฝรั่งอยู่อย่างนั้น ทำอะไรไม่ถูก
“พี่ไม่ชอบกินเหรอ” ลู่อวี๋เห็นเขาไม่กินสักทีก็นึกเสียใจทีหลังกับการกระทำอุกอาจหยาบคายของตัวเอง ขยับเข้าไปคาบมันฝรั่งทอดแผ่นนั้นออก แล้วกินมันเข้าปากอย่างเป็นธรรมชาติสุดๆ ท่ามกลางสายตาตกตะลึงของหมิงเยี่ยน
“แหะๆๆ คือว่าแบบ…ผมรีบร้อนไปหน่อย แต่ว่าอันที่พี่เคยกัดแล้วอร่อยกว่ากินจากในซองอีกนะ”
ลู่อวี๋กินเสร็จแล้วถึงเพิ่งรู้ตัวว่าตัวเองทำอะไรลงไป พลันร้อนรนเกาหัวแกรกๆ
หมิงเยี่ยนก็ทำอะไรไม่ค่อยถูกนัก แล้วทั้งคู่ก็หน้าแดงแปร๊ดกันอยู่อย่างนั้น
ลู่อวี๋หันหน้าไปพลางยิ้มแหย จากนั้นก็เอ่ยสั่งลูกโป่งท่านประธาน “เฉียนเฉียน หยิบเมล็ดกวยจี๊ให้ปะป๊าหน่อยสิ”
ครั้งนี้ลูกโป่งท่านประธานกลับไม่บ่นอะไรเลย หยิบขนมชีโตสโยนให้ลู่อวี๋ “ฉันเป็นแค่ลูกโป่ง ถือเมล็ดกวยจี๊ทั้งห่อไม่ไหว กินนี่ไปก่อน”
พอตำแหน่งสลับกัน หมิงเยี่ยนเลยเสียโอกาสแอบอู้ ถูกบีบให้ต้องดูการมีปฏิสัมพันธ์ต่างๆ ระหว่างพวกเขาทั้งสองคนที่ถูกขยายรายละเอียดในรายการไปโดยปริยาย
กล้องมักจะซูมไปที่ลู่อวี๋เสมอ ตอนที่มองเห็นไม่ชัดก็จะใส่เอฟเฟ็กต์ขยายใหญ่ซูมเข้าไป หมิงเยี่ยนถึงรู้ว่าเวลาที่เขากำลังทำอะไรสักอย่าง ลู่อวี๋จะจ้องเขาอยู่ตลอด ปรับพู่กันวาดรูปก็จ้อง วาดเสื้อผ้าก็จ้อง มองวิวก็จ้อง สุดท้ายยังตัดต่อเอฟเฟ็กต์ ‘จ้อง’ เข้าไปอีก พวกเขาวาดเส้นชี้ตำแหน่งจากสายตาให้ลู่อวี๋แล้วลากยาวมาถึงใบหน้าของเขา
ลู่อวี๋ทำทีพูดอย่างเสแสร้ง “ผมยังไม่รู้ตัวเลยนะเนี่ย จิ๊ๆ ผมดูต้องการขนาดนั้นเลยเหรอ ไม่นึกเลยว่าจะจ้องพี่ตลอดเวลา แต่แบบนี้ก็ดีนะ ยุทธภพเอาแต่ลือกันว่าจับปลาบนดินแล้งเป็นขันที ไม่มีความต้องการทางเพศกับทั้งชายทั้งหญิง คราวนี้ผมกู้ชื่อกลับมาได้แล้ว”
หมิงเยี่ยนกระแอมแห้งๆ หนึ่งที ย้ายสายตาหนี ก่อนที่เครื่องดื่มเสียบหลอดแก้วหนึ่งจะถูกยื่นจ่อปากเขา
หมิงเยี่ยน “…”
คอมเมนต์เริ่มชงกันอย่างมีความสุข
[จับปลาบนดินแล้งเก็บสายตาหน่อยจ้า จ้องจนเมียพี่จะทะลุอยู่แล้ว]
[ใครบอกว่าแต่งงานทางธุรกิจนะ เขาชัดเจนมากว่าโคตรรักเลยนี่]
[ถ้านี่เป็นความสัมพันธ์แบบพี่น้อง ฉันจะไลฟ์กินขี้เลย]
ลู่อวี๋หัวเราะฮิๆ “สายตาของประชาชนนั้นช่างเฉียบคมอย่างที่คิดจริงๆ” เขากวักมือเรียกลู่ตงตงเข้ามา เขาเองก็ส่งซับกระสุนบ้าง เอาแบบที่พิมพ์ตัวหนาติดเอฟเฟ็กต์รุ้งเจ็ดสีแบบสมาชิก
[มาท่องเสียงดังๆ พร้อมกัน ‘จับปลาบนดินแล้งไม่ใช่ขันที เป็นชายฉกรรจ์!’]
หมิงเยี่ยนดูรายการหนึ่งชั่วโมงจนจบโดยไม่อาจทนมองตรงๆ ได้ เขารู้สึกเหนื่อยยิ่งกว่าตอนวาดรูปโต้รุ่งอีก
ลู่อวี๋อารมณ์ค้าง ลากลู่ตงตงมาไถดูวิดีโอสั้น ไถอ่านคอมเมนต์บนเน็ต แล้วไล่กดไลก์ให้กับคอมเมนต์ที่บอกว่าพวกเขาสองคนเหมาะสมกัน
รายการนี้ช่วงเช้ากระแสยังธรรมดาอยู่ ยังไงก็เป็นวันหยุด ทุกคนล้วนนอนขี้เกียจกัน พอเที่ยงแล้วชื่อเสียงก็ระเบิดออกมา ขึ้นครองเทรนดิ้งไปหลายคีย์เวิร์ดอย่างรวดเร็ว
[ชาวเน็ต A : ไม่ได้ดูรายการวาไรตี้สนุกๆ แบบนี้มาหลายปีแล้ว ขอร้องพวกนายเลย ต้องไปดูให้ได้!]
[ชาวเน็ต B : 555555555 สองสามีสามีคู่นี้อย่างฮาอะ โดยเฉพาะเจ้าลู่อวี๋นี่ไม่ได้สวมภาพลักษณ์ไอดอลอะไรทั้งนั้น ไม่ได้ดูวาไรตี้ที่ทำให้ขำได้ขนาดนี้มานานมากแล้ว]
สิบปีที่เทคโนโลยีพัฒนาก้าวกระโดด วงการบันเทิงกลับไม่มีความพัฒนาอะไรมากนัก ไม่มีรายการวาไรตี้ที่น่าดูมาหลายปี เพราะว่าอินเตอร์เน็ตเจริญมากเกินไป เหล่าดาราไอดอลล้วนถูกผู้คนจับตามองและวิเคราะห์ทุกคำพูดทุกการกระทำ อย่างเช่น ‘สายตาเขามีแรงอาฆาต’ ‘องศามุมปากเธอบ่งบอกถึงความไม่พึงพอใจ’ ทำให้เหล่าดาราไอดอลทั้งหลายสำรวมมากขึ้นทุกทีๆ จนไม่กล้าพูดมากแม้แต่ครึ่งประโยค
จู่ๆ รายการวาไรตี้ที่เล่นเต็มที่แบบไม่กั๊กขนาดนี้ก็ปรากฏออกมา แถมยังไม่ใช่คนธรรมดาไปเสียทีเดียว…ลู่อวี๋เองก็นับว่าเป็นคนดังคนหนึ่งไม่มากก็น้อย ผู้ชมย่อมรู้สึกชอบอยู่แล้ว
หลังกินมื้อเที่ยงเสร็จลู่อวี๋ก็ยังคงไถอ่านคอมเมนต์บนสมองอัจฉริยะอย่างสุขใจไม่รู้จักเหน็ดจักเหนื่อย
หมิงเยี่ยนหาวหวอด เขาเริ่มยื้อไม่ไหวแล้ว “ฉันขอตัวไปนอนกลางวันก่อน”
ห้องนอนอยู่ใกล้กับห้องรับแขก ด้วยกลัวว่าสมองอัจฉริยะจะส่งเสียงรบกวนการนอนของหมิงเยี่ยน ลู่อวี๋จึงปิดประตูห้องนอนเบาๆ แล้วย้ายตัวเองไปห้องนั่งเล่นที่หมิงเยี่ยนมักจะชอบไปนั่งอ่านหนังสือดื่มกาแฟ นั่งเล่นสมองอัจฉริยะบนเก้าอี้ต่อ
ไถไปครู่ค่อนใหญ่ อ่านกระทู้ดูคลิปฮิตๆ หมดแล้ว เขาก็ไปส่องหน้าโพรไฟล์โซเชียลมีเดียของลู่ถิงเจ๋อ
ที่จริงลู่อวี๋รู้อยู่แล้วว่าที่วันนี้หมิงเยี่ยนยั่วยวนเขาเพราะไม่อยากให้เขาออกไปหาคนตระกูลลู่
ขณะดูรูปลู่ถิงเจ๋อเล่นสเก็ตบอร์ดอย่างอวดเก่ง ลู่อวี๋ก็อยากจะทะลุเข้าไปต่อยเขาสักยก เจ้าเด็กนี่ไม่ได้มีเทคนิคอะไรเลย หลายๆ รูปที่โพสต์ไม่มีรูปไหนเลยที่เล่นท่ายากๆ มีแต่ทำท่าเหยียบสเก็ตบอร์ดถ่ายรูปไปอย่างนั้น บวกกับแคปชั่นทำเป็นเท่ว่า ‘วัยรุ่นผู้เป็นอิสระดุจสายลม’
เขากุมแผลเป็นที่อกด้วยมือเดียว ค่อยๆ กำทั้งห้านิ้วแน่น ขยุ้มชุดนอนผ้าไหมเนื้อนุ่มยับยู่เป็นรูปแฉก
เดิมทีเขาสามารถเข้าเรียนในโรงเรียนมัธยมปลายที่ดีที่สุดได้ แต่เจ้าเด็กนี่ทำให้เขาต้องเข้าสอบทั้งบาดแผล ผลสอบออกมาเละเทะจนเกือบไม่ได้เรียนมัธยมปลาย งั้นถ้าเขาไปหาลู่ถิงเจ๋อวันจันทร์ กระทบการเรียนของหมอนั่นสักหน่อยก็ไม่น่าจะนับเป็นอะไรล่ะมั้ง
อากาศไม่ค่อยดี เก้าอี้หันหน้าไปทางหน้าต่างบานยาวจรดพื้น สะท้อนภาพท้องฟ้าอึมครึมและกรงคอนกรีตของเมืองที่อับชื้นและมืดสลัวข้างนอก ลู่อวี๋นั่งอยู่ในมุมนี้คนเดียว ความคิดด้านลบต่างๆ นานาผุดขึ้นมาในสมอง
“คิดอะไรอยู่ กัดฟันแน่นเชียว”
มือเรียวยาวขาวเนียนข้างหนึ่งประกบทาบลงมาบนมือขวาของลู่อวี๋ที่วางกุมหน้าอกอยู่ เสียงไพเราะรื่นหูกระจ่างดุจน้ำแร่จากภูเขาชะล้างหมอกสีหม่นจางๆ ที่ลอยวนรอบศีรษะเขาทันตา
ลู่อวี๋เงยหน้าขึ้น มองไปทางหมิงเยี่ยนด้วยรอยยิ้มสดใส “ตื่นแล้วเหรอ ทำไมไม่นอนต่ออีกหน่อยล่ะ”
หมิงเยี่ยนเกาะพนักเก้าอี้สูงๆ ใช้น้ำเสียงแบบเดียวกับที่แม่ของตนพูดกับพ่อ “อายุเยอะแล้วน่ะ นอนเยอะแล้วปวดหัวครับ”
ลู่อวี๋ถูกหยอกก็หัวเราะอย่างโง่เง่า “ผมกำลังคิดว่าถ้าเกิดตอนสอบเข้ามัธยมปลายผมไม่ได้สอบตก ก็คงได้เจอพี่ตั้งแต่มัธยมปลาย พวกเราก็จะได้มีรักในวัยเรียนกัน!”
หมิงเยี่ยนมองเขาเงียบๆ รอยยิ้มมุมปากค่อยๆ เลือนหายไป เขาถอนหายใจแผ่วเบา กุมมือขวาลู่อวี๋ที่เริ่มผ่อนคลาย ก่อนเอ่ยเสียงแหบพร่า “อย่าไปหาพวกเขา นายอยากรู้อะไร ฉันบอกนายได้”
* OOC (Out of Character) หมายถึงการที่ตัวละครออกนอกบทบาท มีพฤติกรรมต่างจากต้นฉบับ
Comments



