ทดลองอ่าน ตื่นมารับภารกิจพิชิตหัวใจคุณสามี เล่ม 1 บทที่ 3-4 #นิยายวาย – Jamsai
Connect with us

Jamsai

everY

ทดลองอ่าน ตื่นมารับภารกิจพิชิตหัวใจคุณสามี เล่ม 1 บทที่ 3-4 #นิยายวาย

หน้าที่แล้ว1 of 2

ทดลองอ่านเรื่อง  ตื่นมารับภารกิจพิชิตหัวใจคุณสามี เล่ม 1

ผู้เขียน :  ลวี่เหยี่ยเชียนเฮ่อ (绿野千鹤)

แปลโดย :  qMondae

ผลงานเรื่อง : 再少年 (Zai Shao Nian)

ถือเป็นลิขสิทธิ์ของสำนักพิมพ์เอเวอร์วายในการเผยแพร่ผลงาน

จัดพิมพ์และจัดจำหน่ายในประเทศไทยแต่เพียงผู้เดียว

หากผู้ใดละเมิดลิขสิทธิ์จะถูกดำเนินคดีตามกฎหมาย

– – – – – – – – – – – – – – – – – 

Trigger Warning

นิยายเรื่องนี้เป็นเรื่องที่แต่งขึ้นจากจินตนาการของผู้เขียน

ไม่มีความเกี่ยวข้องกับบุคคล สถานที่ หรือเหตุการณ์จริงใดๆ

   

เนื้อหามีประเด็นอ่อนไหวเกี่ยวกับความรุนแรง ซึ่งอาจส่งผลกระทบทางจิตใจ

         

สำหรับผู้อ่านที่มีอายุ 18 ปีขึ้นไป

โปรดใช้วิจารณญาณในการอ่าน

 

** หมายเหตุยังไม่ใช่ต้นฉบับที่เสร็จสมบูรณ์ **

– – – – – – – – – – – – – – – – –

บทที่ 3

หย่า

 

“เธอคือลู่ตงตง?” ลู่อวี๋หัวเราะด้วยอารามฉุนเฉียว “แม่งพูดเหลวไหลให้น้อยๆ หน่อยเถอะ เธอรู้ไหมว่าลู่ตงตงเป็นใคร ถ้าเธอเป็นลู่ตงตง ฉันแม่งก็เป็นซุนหงอคงแล้ว!”

ลู่ตงตงเป็นตัวละครหลักใน ‘เงือกจอมราชัน’ นิยายเรื่องยาวเรื่องแรกของเขา สำหรับเขาแล้วลู่ตงตงไม่ใช่แค่ตัวละครในนิยาย แต่ยังเป็นเพื่อนสนิทคนหนึ่งของเขา เพื่อนที่เขาฝากฝังความเจ็บปวด การไม่ยอมแพ้ และความปรารถนาในวัยเยาว์ของเขาไว้ ไม่มีใครแทนที่ได้

เจ้าหุ่นยนต์นี่คงสวมบทลู่ตงตงนานเกินไป เลยคิดว่าตัวเองเป็นคนกระดาษ* จริงๆ ไปแล้ว

ลู่อวี๋ยิ่งคิดก็ยิ่งโมโห คว้าเชือกถ่วงน้ำหนักของลูกโป่งเงือกหมับ “เธอคือลู่ตงตงใช่ไหม มาๆ แสดงอิทธิฤทธิ์ผู้อภิบาลลมพายุให้ฉันดูหน่อยสิ”

นั่นเป็นพลังเวทพื้นฐานของลู่ตงตง สามารถควบคุมพายุฝนได้ ทำให้ฟ้าแจ่มใสฝนกระหน่ำ แผ่นดินเกิดพายุคลั่ง

ลูกโป่งเงือกส่ายหาง พูดเสียงเรียบ “ที่นี่ไม่ใช่โลกของผม ไม่มีพลังวิญญาณ และไม่มีธาตุเวทมนตร์ด้วย นี่คือโลกของคุณ ท่านพ่อ”

นี่ไม่ใช่บทพูดจากในหนังสือ เป็นบทบรรยายดั้งเดิมที่ตรรกะชัดเจน ซ้ำยังไม่หลุดคาแร็กเตอร์เลยสักนิด อย่างกับคนจริงๆ กำลังพูดอยู่ในเนื้อหนังลูกโป่งนั่น ถ้าเกิดเป็นแค่การสวมบทจริงๆ AI ไม่น่าจะสร้างบทพูดขึ้นมาเองได้ มีแต่จะหาบทพูดที่มีอยู่แล้วมาใช้เท่านั้น

ลู่อวี๋เริ่มทำการระดมความคิด

หรือว่าเจ้านี่จะเป็นลู่ตงตงจริงๆ คนกระดาษอัพเกรดเป็นหุ่นยนต์แล้ว?

ในเมื่อเขายังข้ามเวลามาได้ งั้นคนกระดาษจะมีชีวิตขึ้นมาก็ไม่ใช่อะไรน่าแปลกนี่นา อธิบายได้พอดีว่าทำไมอีกฝ่ายถึงเป็น ‘สมองอัจฉริยะที่ไม่เหมือนใคร’

ถ้าเกิดว่านี่คือลูกชายคนกระดาษของเขา…

หัวใจลู่อวี๋พลันร้อนเร่า หันมองลู่ตงตงอย่างตื้นตันใจ ลู่ตงตงยิ้มหน้ากะล่อนออกมา

ลู่อวี๋ “…”

ลู่ตงตง “ถ้าเกิดว่าคุณแสดงวิชาตีลังกาดั้นเมฆ** ได้ บางทีผมอาจจะลองใช้ท่าผู้อภิบาลมรสุมดู”

แม่ง โดนสมองอัจฉริยะเล่นแล้วไง!

ลู่อวี๋รู้สึกโมโหปรี๊ดขึ้นมาจากหัวใจ เกรี้ยวกราดจนถุงน้ำดีโต คว้าหมอนอิงบนโซฟาขึ้นมา “ฉันจะแสดงโทสะของบิดาให้แกดูก่อนเลย!”

ลูกโป่งเงือกสะบัดหางลอยหนี ลู่อวี๋สับเท้าไล่ตามหลัง ไล่ตามเสียจริงจังเกินจนไม่ได้ยินเสียงเปิดประตู เขาวิ่งทะลุห้องรับแขกปราดเข้าโถงประตู แล้วชนเข้ากับหมิงเยี่ยนที่เพิ่งเปิดประตูเข้ามาเสียเต็มรัก

ตัวจริงเสียงจริง เทพบุตรตัวอุ่นๆ!

“ตุ้บ” หมอนอิงร่วงลงพื้น

ความงดงามที่จู่โจมในระยะประชิดทำให้ลู่อวี๋ลืมหายใจ เขากลั้นหายใจจนเวียนหัวถึงตั้งสติได้ กลืนน้ำลายอึกหนึ่ง แล้วรีบคลายมือออก แต่ก็กลัวหมิงเยี่ยนจะยืนไม่อยู่ อยากแตะต้องแต่ก็ไม่กล้า ร้อนรนจนเดินหมุนไปหนึ่งรอบ เหมือนลูกหมาที่ได้กลิ่นกระดูกแสนหอมหวาน แต่ถ้าไม่ได้รับคำสั่งจากเจ้านายก็ไม่กล้าลงมือแทะ

หมิงเยี่ยนสวมเสื้อสูท เสื้อเชิ้ตปลดกระดุมคอสองเม็ด คลายเนกไทคล้องคอไว้หลวมๆ ยืนตระหง่านอยู่ใต้แสงไฟสว่างจ้าหน้าโถงประตู เทียบกับใบหน้าอ่อนๆ สมัยเป็นเดือนมหาวิทยาลัยแล้ว หน้าตาและออร่าของเขาอัพเกรดขึ้นเป็นทวีคูณ เสมือนแสงจันทร์เยือกเย็นกลายเป็นดวงอาทิตย์เจิดจ้าเปล่งประกาย ถึงขั้นสามารถทะลวงหัวใจหนุ่มน้อยลู่อวี๋ได้ในเสี้ยววินาที

ลู่อวี๋มองเหม่อ พูดอะไรไม่ออกไปชั่วขณะหนึ่ง ทำได้แค่เดินวนหนึ่งรอบเพื่อมองหาว่าชนสมบัติล้ำค่าคนนี้เสียหายตรงไหนหรือเปล่า

หมิงเยี่ยนมองลู่อวี๋ที่เดินวนรอบตัวเองไปมาอย่างกับลูกหมาก็รู้สึกว่าสภาพเขาวันนี้ดูสบายตาขึ้นมาก ถึงขั้นน่ารักนิดๆ จนอดยื่นมือออกไปหมายจะลูบศีรษะที่มีกลิ่นหอมหลังอาบน้ำไม่ได้ แต่ยื่นมือได้ครึ่งทางกลับชะงัก ก่อนค่อยๆ กำหมัดแล้วเอาไพล่หลัง “พ่อบ้านแจ้งว่าอาการของนายตอนคุยกับเขาไม่ค่อยปกติเท่าไหร่ เกิดอะไรขึ้น”

“เรื่องนี้มันซับซ้อนนิดหน่อย…” ลู่อวี๋ชะงักเล็กน้อย ทำหน้าใสซื่อบริสุทธิ์ “ผมแค่ล้อเขาเล่นเฉยๆ น่ะ ไม่คิดว่าเขาจะไม่มีอารมณ์ขันเลยสักนิด”

เขายังคิดไม่ออกเลยว่าจะอธิบายกับหมิงเยี่ยนเรื่องที่เขาข้ามเวลามายังไงดี คงพูดไม่ได้ว่า ‘สามีพี่เก่าเกินไป ถูกส่งกลับไปซ่อมบำรุงที่โรงงาน ตอนนี้เปลี่ยนไส้ในชั่วคราว เพราะงั้นเลยคุยกับพ่อบ้านไม่รู้เรื่อง’ หรอกนะ ทำได้แค่ต้องโทษว่าพ่อบ้านเป็นคนแข็งกระด้างเคร่งขรึมเกินไป ไม่เข้าใจมุกตลกของเขา

หมิงเยี่ยนถอดเสื้อตัวนอกแล้วเดินไปทางโซฟา “นายให้คนอื่นเรียกตัวเองว่าพ่อ คนปกติเขาไม่ขำกับอะไรแบบนี้หรอกนะ”

“ฮะๆๆๆ” ลู่อวี๋หัวเราะแห้ง ตามหมิงเยี่ยนไปนั่งบนโซฟา แล้วขยับเข้าไปเบียดเขาอย่างสนิทสนม “พี่หิวหรือเปล่า ผมทำอะไรให้กินไหม”

หมิงเยี่ยนมองเขาด้วยสายตาลุ่มลึก “นายเห็นข้อความที่ฉันส่งไปหรือยัง”

ลู่อวี๋มองภรรยาที่สดใหม่จากเตาของตัวเองตาเป็นประกาย พอสบตาคู่สวยนั้นสมองก็ว่างเปล่า ตอบกลับเหมือนคนโง่ “ข้อความอะไร ผมยังไม่ได้ดูเลย สลบไปเพิ่งจะลุกขึ้นน่ะ” ก่อนที่จะถูกความงามแย่งชิงสติสัมปชัญญะทั้งหมดไป เขาพยายามพูดเสริมไปอีกหนึ่งประโยค พยายามดิ้นรนแสดงออกว่าตัวเองไม่ใช่ผู้ชายซกมกที่ต้องรีบอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าถึงจะมีสภาพดูดีแบบนี้ได้

เจ้าเงือกที่เผ่นหนีไปไกลค่อยๆ ลอยกลับมา ฉายจอออพติคอลด้านหลังหมิงเยี่ยน โชว์ข้อความสุดท้ายที่ถูกส่งมา

 

เราหย่ากันเถอะ’

 

หย่า?!

ลู่อวี๋รูม่านตาสั่นไหวอย่างหนัก

ไม่นึกเลยว่าข้อความสุดท้ายที่ส่งมาจะเป็นข้อความขอหย่า มิน่าล่ะ สายตาที่หมิงเยี่ยนมองเขาถึงได้แปลกๆ คงคิดว่าเขาพยายามประจบประแจงง้อขอคืนดีเพราะเห็นข้อความขอหย่าสินะ

ภรรยาที่เพิ่งจะได้รับมาหมาดๆ ยังไม่ทันหายร้อนก็จะบินหนีไปแล้วเหรอ เขารู้สึกถึงความชั่วร้ายอันน่าสยดสยองของโลกใบนี้

หมิงเยี่ยนถอนหายใจ “ช่างเถอะ พูดต่อหน้าเหมาะสมกว่า”

ลู่อวี๋ “เดี๋ยว!”

หมิงเยี่ยน “เราหย่ากันเถอะ”

ลู่อวี๋ “ผมทะลุมิติมา”

หมิงเยี่ยน “…”

ความเงียบอันแปลกประหลาดปกคลุมทั่วห้อง

ลู่อวี๋กระแอมเสียงแหบ พยายามอธิบาย “คือว่าแบบ ผมข้ามเวลามาจากเมื่อสิบปีก่อน ไม่ใช่ลู่อวี๋ร่างเดิมตอนนี้ พี่จะเรียกผมว่าลู่เสี่ยวอวี๋ก็ได้ ส่วนคนก่อนก็เป็นลู่ต้าอวี๋*

หมิงเยี่ยนนวดหว่างคิ้วด้วยความเหนื่อยล้า “เล่นละครอะไรอีก พล็อตนิยายเรื่องใหม่หรือไง”

นิยายที่ลู่อวี๋เขียนเมื่อก่อนจะชอบเอาตัวเองเข้าไปอยู่ในโลกนั้น แม้แต่วิธีการพูดหรือรูปแบบพฤติกรรมก็เปลี่ยนได้ ถึงขนาดที่ว่าช่วงมหาวิทยาลัยหมอนี่เบียว** มากด้วยซ้ำ ช่วงที่เพิ่งเรียนจบใหม่ๆ ก็กร่าง บ้าอำนาจมาก แต่หลายปีมานี้ลู่อวี๋เขียนนิยายน้อยลง หลังจากเปิดบริษัทก็ยุ่งหัวหมุนจนยิ่งไม่อาจเขียนนิยาย นานมากแล้วที่เขาไม่ได้เป็นแบบวันนี้

“จริงๆ นะ ผมข้ามเวลามาจริงๆ” ลู่อวี๋ทำได้แค่พูดความจริงออกไป “หนึ่งวิฯ ก่อนหน้านี้ผมยังอยู่ในหออยู่เลย ลืมตามาอีกทีก็นอนอยู่ในห้องทำงานนี่แล้ว ไม่รู้ด้วยซ้ำว่าเกิดอะไรขึ้นกันแน่ สรุปคือผมไม่ใช่เขา ผมรับผิดชอบเรื่องการแต่งงานของพวกพี่สองคนไม่ได้ ถ้าจะหย่าก็รอเขากลับมาก่อนแล้วค่อยคุยกับเขาเถอะ”

หมิงเยี่ยนหลับตาลง สูดหายใจเข้าลึกๆ ลมหายใจที่พ่นออกมาขาดห้วง เหมือนพยายามสะกดกลั้นโทสะ “ลู่อวี๋ ฉันเหนื่อยมากจริงๆ ไม่มีแรงมาเล่นกับนายหรอกนะ”

รอยยิ้มบนใบหน้าลู่อวี๋ค่อยๆ เลือนหาย

เห็นสีหน้าแบบนั้นของเขาแล้วหมิงเยี่ยนก็แสนปวดใจ ลอบด่าในใจว่า ลู่ต้าอวี๋ นายมันรู้จักแต่ทำความชั่ว ไปหนึ่งที ถึงไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นกันแน่ แต่ด่าลู่อวี๋ก็เป็นสิ่งที่ถูกแล้ว

เงียบไปครู่หนึ่ง ลู่อวี๋ก็ดึงเนกไทที่พันอยู่บนข้อมือหมิงเยี่ยนเบาๆ “ผมไม่ได้เล่นนะ ผมพูดความจริงทั้งหมดเลย รุ่นพี่”

เมื่อได้ยินคำเรียกที่ไม่ได้ยินมานานหมิงเยี่ยนก็ลืมตาขึ้น สบกับนัยน์ตากระจ่างใสจนเห็นก้นบึ้ง แล้วก็ต้องตะลึง นี่ไม่มีทางเป็นแววตาที่ลู่อวี๋วัยยี่สิบแปดปีจะมีแน่นอน

หลายปีที่เริ่มทำธุรกิจ หมิงเยี่ยนเคยพบเจอคนหน้าไหว้หลังหลอกมาหลายรูปแบบ เขารู้ว่าแววตาเป็นสิ่งที่ปลอมแปลงได้ยากที่สุด ถ้าหากลู่อวี๋แสดงได้ถึงขั้นนี้ ยังจะต้องเขียนนิยายอะไรอีก ไปเป็นราชาจอเงินซะเลยดีกว่า

“ท่านพ่อไม่ได้แสดงละครนะครับ” ลูกโป่งเงือกลอยเข้ามาช่วยอธิบายให้พ่อของตน “ก่อนที่คุณจะกลับมา เขาก็กรี๊ดใส่ทั้งกระจก กล้ามหน้าท้อง แล้วก็โปรเจ็กเตอร์ แถมยังวิ่งพล่านไปทั่วห้อง ขว้างสลิปเปอร์ กลับหัวปัสสาวะ…”

“ฉันไม่ได้กลับหัวฉี่! อย่ามาพูดบ้าๆ นะเจ้านี่!” ตอนแรกลู่อวี๋ก็ยังรู้สึกซาบซึ้งใจอยู่หรอก แต่ยิ่งฟังก็ยิ่งไม่ใช่ เขาดึงเจ้าลูกโป่งเงือก พยายามจะอุดปากของมัน

ไอ้เจ้าลูกเต่า บังอาจมาทำลายภาพลักษณ์ของเขาต่อหน้าเทพบุตร!

หมิงเยี่ยนเห็นท่าทางของเขา มุมปากก็ยกขึ้นอย่างอดไม่ได้ “เขาพูดผ่านสมองอัจฉริยะของนาย ปิดปากไปก็ไร้ประโยชน์”

ลู่อวี๋เก็บมือกลับมาอย่างกระอักกระอ่วน ตีก้นเจ้าเงือกไปหนึ่งฉาด “นิสัยเจ้านี่เหมือนกับเจ้าเด็กเวรลู่ตงตงเปี๊ยบเลย อ้าปากทีก็พูดแต่อะไรเหลวไหล”

ลู่ตงตงในนิยายเรื่อง ‘เงือกจอมราชัน’ เดิมเป็นคุณชายน้อยที่ชีวิตมั่งคั่ง วันหนึ่งโลกเกิดความเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ พลังวิญญาณตื่นจากการหลับใหล สัตว์ประหลาดป่ายปีนขึ้นมาจากใต้พิภพและก้นสมุทร และสายเลือดมนุษย์เงือกในตัวเขาก็ตื่นขึ้น คนในครอบครัวกลัวเขาที่พลังตื่นขึ้นมาจึงขับไล่เขาออกจากบ้าน จากนั้นเขาก็เร่ร่อนไร้ที่อยู่มานาน จนกลายเป็นคนที่จงเกลียดจงชังโลกอันขมขื่น โหดเหี้ยมอำมหิต ชั่วช้ามากเล่ห์

“ผมก็คือลู่ตงตง ปะป๊า คุณบอกพ่อทีสิ” ลูกโป่งเงือกลอยมาตรงหน้าหมิงเยี่ยน เอ่ยฟ้องกระเง้ากระงอด

หมิงเยี่ยนใคร่ครวญครู่หนึ่ง “ตงตงเป็นสินค้าหลักของบริษัทเรา”

สินค้า? ภาพเงือกเวอร์ชั่นจิบิถูกวางอยู่บนแผงสินค้าลอยเข้ามาในหัวลู่อวี๋ ลู่ต้าอวี๋ในสภาพเหี่ยวเฉานั่งยองตะโกนขายของอยู่ข้างๆ ‘พ่อแม่พี่น้องที่ผ่านไปผ่านมา บ้านฉันยากจนหิวโหยไม่มีอันจะกิน ทำได้แต่ต้องเอาลูกชายมาขาย เสนอราคาได้นะครับ’

ลู่อวี๋ตบเท้าแขนโซฟาทันที “ทำแบบนี้ได้ยังไง ฉันลู่อวี๋ ต่อให้ต้องปักป้ายขายหัวตัวเองก็ไม่มีทางขายลูกสาวลูกชายเด็ดขาด!”

หมิงเยี่ยน “…สินค้าเราคือผู้ช่วยสมองอัจฉริยะส่วนตัว ผู้ช่วยตงตงเป็นหนึ่งในรุ่นที่ได้รับความนิยมมากที่สุด”

ลูกโป่งเงือกรีบแจ้นไปประจบเอาใจทันที เขาเปิดโฆษณาผลิตภัณฑ์ของเฉินอวี๋เทคโนโลยีช่วงหนึ่ง ในโฆษณานั้นผู้ใช้งานคนหนึ่งยกสมองอัจฉริยะในมือขึ้นมา เสียงของลู่ตงตงดังออกมาจากหน้าปัด “สวัสดี ฉันคือผู้ช่วยตงตง เมื่อไหร่ที่คุณต้องการความช่วยเหลือจากฉัน กรุณาเรียกชื่อฉันว่า ‘ตงตง’ เทพแห่งเจ็ดคาบสมุทร ประมุขแห่งเผ่าวิปลาส ผู้ช่วยส่วนตัวที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในปฐพี พร้อมให้บริการท่านตลอดเวลา”

ประโยคก่อนหน้านี้ออกจะดูแข็งกระด้างไปนิด แต่ประโยคหลังนี่เบียวสุดปรอท อย่างกับเอานิสัยของตงตงมาสวมทับแม่แบบทั่วไปของผู้ช่วยสมองอัจฉริยะ

หมิงเยี่ยนชี้เจ้าหนูที่แอบชูตรีศูลขึ้นมาเขี่ยๆ ผมของลู่อวี๋ “เขาเป็นซอร์ซโค้ด* ของลู่ตงตง เป็นตัวรับรองข้อมูลทั้งหมดของลู่ตงตง แล้วยังถูกนาย…อืม ถูกลู่ต้าอวี๋เลี้ยงเหมือนคนจริงๆ มาสามปี เทรนการโต้ตอบบทสนทนาด้วยทุกวัน หรือในแง่หนึ่งเขาก็คือลู่ตงตงจริงๆ ฉันอธิบายเข้าใจหรือเปล่า”

ที่จริงหมิงเยี่ยนไม่ค่อยเข้าใจหลักการในนั้นสักเท่าไหร่ ยังไงเขาก็เป็นแค่เด็กวิจิตรศิลป์ที่อ่อนแอไร้ที่พึ่งคนหนึ่งเท่านั้น

แต่ลู่อวี๋กลับเข้าใจ

สิ่งที่เขาขายให้กับลูกค้าเป็นแค่ข้อมูลส่วนหนึ่งของลู่ตงตงเท่านั้น รูปแบบการให้บริการจะคล้ายๆ กับ Siri หรือเสี่ยวตู้ที่ ‘ถ้าไม่ถามก็ไม่ตอบ’

และแหล่งข้อมูลของ AI…ก็คือลู่ตงตงที่อยู่ในสมองอัจฉริยะของเขาตัวนี้มีความทรงจำของลู่ตงตงในหนังสือ แล้วยังถูกนักเขียนเทรนพฤติกรรมของมนุษย์จริงๆ ด้วย นอกจากใช้เวทมนตร์ไม่ได้ เขาก็ใกล้เคียงกับคนกระดาษนั้นอย่างไร้ข้อจำกัดแล้ว

ลู่อวี๋ผ่อนลมหายใจโล่งอก “ที่แท้ก็ไม่ได้ทะลุออกมาจากหนังสือ แต่เป็นซูเปอร์เทคโนโลยีสุดโหดสินะ”

ลูกโป่งเงือกเห็นเขาเข้าใจได้สักทีก็ส่ายหางดุกดิกอย่างมีความสุข

“คิดอะไรอยู่ ต้องเชื่อในวิทยาศาสตร์สิ” หมิงเยี่ยนดึงข้อมือลู่อวี๋ขึ้นมา “ไปเถอะ พวกเราไปโรงพยาบาลกัน”

“หา? ผม…ผมไม่ไป ผมไม่ได้ป่วย” ลู่อวี๋กำลังจมอยู่กับการอภิปรายทางวิชาการ ทว่าจู่ๆ ก็มีการสัมผัสกันทางผิวหนังกะทันหัน สมองของเขาเลยดังวิ้งหนึ่งทีแล้วโอเวอร์โหลด เริ่มมีควันผุดออกมา

เห็นได้ชัดว่าหมิงเยี่ยนยังไม่เชื่อเขา แต่เมื่อเผชิญหน้ากับลู่อวี๋ที่จิตใจและสติปัญญาย้อนกลับไปสิบปี เขาจึงได้แค่กล่อมอีกฝ่ายด้วยความอดทน ยื่นมือไปลูบหน้าผากที่เริ่มขึ้นสีแดงของเจ้าตัว “หน้าแดงขนาดนี้ไข้ขึ้นแล้วแน่ๆ ต้องไปตรวจดู”

ลู่อวี๋คลอเคลียกับฝ่ามือนุ่มเบาๆ แล้วถึงเอา ‘ฮีตเตอร์ต้มน้ำ’** เรียวยาวและขาวผ่องที่แตะหน้าผากข้างนั้นลงมาได้ ก่อนแอบกุมไว้ในมือ “แค่ก ไม่มีไข้ แค่ตื่นเต้นนิดหน่อย ไปโรง’บาลไม่ได้ เรื่องทะลุมิติจะมีหมอคนไหนวินิจฉัยได้ เขาต้องบอกว่าผมบ้า แล้วถ้าเกิดเรื่องแพร่ออกไป พรุ่งนี้หุ้นบริษัทร่วงระนาวแน่ๆ”

หมิงเยี่ยน “…บริษัทเรายังเข้าตลาดหลักทรัพย์ไม่ได้ ไม่มีมูลค่าหุ้นหรอก”

 

* คนกระดาษ หมายถึงตัวละครการ์ตูนสองมิติหรือในเกม

** วิชาตีลังกาดั้นเมฆ คือวิชาเหาะเหินของซุนหงอคง พญาวานรในวรรณกรรมเรื่องไซอิ๋ว ซึ่งการตีลังกาหนึ่งครั้งสามารถเคลื่อนที่ไปได้ไกลถึงหนึ่งแสนพันแปดลี้

* เสี่ยว แปลว่าเล็ก เป็นการบอกว่าเขาเป็นลู่อวี๋ในวัยเด็ก ต้า แปลว่าใหญ่ เป็นการบอกว่าลู่อวี๋ในอนาคตคือลู่อวี๋ตอนโต

** เบียว หรือโรคจูนิเบียว เป็นคำบรรยายถึงวัยรุ่นในภาวะที่คิดว่าตนเองแตกต่างจากมนุษย์ทั่วไป มีพลังลึกลับที่ซ่อนอยู่ รอวันเปล่งประกาย

* ซอร์ซโค้ด (Source Code) หรือรหัสต้นฉบับ เป็นชุดคำสั่งที่โปรแกรมเมอร์เขียนขึ้นด้วยภาษาคอมพิวเตอร์ที่มนุษย์อ่านออก ก่อนที่จะถูกแปลงไปเป็นรหัสเครื่องในรูปเลขฐานสองเพื่อให้คอมพิวเตอร์ทำงาน

** ฮีตเตอร์ต้มน้ำ (Immersion Heater) คืออุปกรณ์ทำความร้อนที่ใช้สำหรับให้ความร้อนกับของเหลวชนิดต่างๆ ทำมาจากฮีตเตอร์สแตนเลสนำมาดัดเป็นตัวยูแล้วเชื่อมเข้ากับหัวเกลียวหรือหน้าแปลน ในที่นี้หมายถึงฝ่ามือของหมิงเยี่ยน

หน้าที่แล้ว1 of 2

Comments

comments

No tags for this post.
Continue Reading

More in everY

บทความยอดนิยม

everY

ทดลองอ่าน เขตห้ามรักฉบับเบต้า เล่ม 1 Chapter 2.1-2.2 #นิยายวาย

ทดลองอ่าน เรื่อง เขตห้ามรักฉบับเบต้า เล่ม 1 ผู้เขียน : MINTRAN แปลโดย : ทันบี ผลงานเรื่อง : 배타적 연애 금지구역 ถือเป็นลิขสิทธิ์...

ทดลองอ่าน

ทดลองอ่าน เชิดรักมังกรซ่อนเงาหงส์ บทที่ 1-2

บทที่ 1 เสียงเคาะระฆังบอกโมงยามดังขึ้นครั้งแล้วครั้งเล่า เสียงอันคุ้นเคยเตือนให้คนเก่าคนแก่ในวังตระหนักได้ว่าเพลานี้เป็น...

ชาตินี้ข้าจะรักท่านให้มาก

ทดลองอ่าน ชาตินี้ข้าจะรักท่านให้มาก บทที่ 1-2

บทที่ 1 ต้นฤดูใบไม้ร่วง ท้องฟ้าสีฟ้าคราม สายลมโชยอ่อนพัดแผ่ว ม่านโปร่งบนศาลาริมน้ำขยับไหว ที่อยู่หลังม่านโปร่งคือโฉมสะคร...

ทดลองอ่าน

ทดลองอ่าน สานวาสนากับท่านอาของอดีตคู่หมั้น บทที่ 1-2

บทที่ 1 เวลาเช้าตรู่กู้เจี้ยนหลีรออยู่หน้าโรงจำนำเป็นเวลานานมากแล้ว ในมือของนางกำปิ่นรูปผีเสื้อคู่ประดับพู่ระย้าไว้อันหน...

ทดลองอ่าน

ทดลองอ่าน เชิดรักมังกรซ่อนเงาหงส์ บทที่ 3-4

บทที่ 3 เนี่ยชิงหลินได้ยินคำพูดเช่นนี้จึงเงยหน้าขึ้นเหลือบมองสีหน้าเย็นชาเข้มงวดของเว่ยเหลิ่งเหยาปราดหนึ่ง นางลังเลอยู่ช...

community.jamsai.com