ทดลองอ่าน ตื่นมารับภารกิจพิชิตหัวใจคุณสามี เล่ม 1 บทที่ 3-4 #นิยายวาย – หน้า 2 – Jamsai
Connect with us

Jamsai

everY

ทดลองอ่าน ตื่นมารับภารกิจพิชิตหัวใจคุณสามี เล่ม 1 บทที่ 3-4 #นิยายวาย

2 of 2หน้าถัดไป

บทที่ 4

เชวียเต๋อ

 

“งะ…งั้น” ลู่อวี๋ไม่รู้จะพูดยังไง ได้แต่งั้น งั้น งั้น เป็นครึ่งวัน ก็ยังพูดอะไรที่มีสาระออกมาไม่ได้ “งั้นเอาเถอะ”

ลืมไปแล้วว่ามีเรื่องเข้าตลาดหลักทรัพย์ไม่สำเร็จด้วย ตั้งแต่อดีตจนปัจจุบันเขาไม่เคยเจอบุตรแห่งโชคชะตาคนไหนที่ล้มเหลวกับการยื่นเรื่องเข้าตลาดหลักทรัพย์มาก่อนเลย น่าขายหน้าจริงๆ เลยโว้ย! ถ้าเกิดมีปาร์ตี้ผู้ทะลุมิติ แต่ละคนคงพูดว่า ‘ฉันย้อนอดีตไปยุคโบราณแล้วได้เป็นฮ่องเต้ที่หาได้ยากในรอบพันปี’ ‘ฉันทะลุมิติโลกอนาคตแล้วได้เป็นจอมพลระหว่างดวงดาว’ จากนั้นทุกคนก็มองมาทางลู่อวี๋เป็นตาเดียว แล้วถามด้วยสายตาว่านายทะลุมิติไปเป็นอะไรเหรอ ‘ฮ่าๆๆ ฉันข้ามเวลาไปเป็นประธานบ้าอำนาจที่เข้าตลาดหลักทรัพย์ไม่ได้…’

หมิงเยี่ยนมองสีหน้าที่เต็มไปด้วยอารมณ์หลากหลายของอีกฝ่าย จากนั้นก็พบว่ามือข้างนั้นที่แอบกุมมือเขาเหงื่อแตกท่วมฝ่ามือ เขาเลิกคิ้วเล็กน้อยพลางคิดว่าสมกับเป็นเด็กน้อยอายุสิบแปดจริงๆ “แต่ว่าที่นายพูดก็มีเหตุผล เรื่องนี้ถ้าฝั่งผู้ลงทุนรู้เข้าคงไม่ดี คนก็รู้จักนายไม่ใช่น้อยๆ ด้วย”

ตอนที่ลู่อวี๋เขียนนิยายระดับขึ้นหิ้งอย่าง ‘เงือกจอมราชัน’ ขึ้นมา เขาเองก็หน้าตาดีไม่ใช่เล่น ได้โปรโมตกับเว็บไซต์ เคยถูกสัมภาษณ์มามากมาย ถึงขั้นเคยออกรายการวาไรตี้บนสถานีโทรทัศน์ผ่านดาวเทียมด้วย

หลังเงียบใคร่ครวญไปครู่หนึ่งหมิงเยี่ยนก็เปิดสมองอัจฉริยะ “ฉันจะนัดเวลากับหมอส่วนตัว”

หลังจากผ่านไปหลายขั้นตอน อีกฝั่งก็พูดด้วยใจบริการดีเยี่ยมว่า “ขออภัยค่ะ นัดตรวจผู้ป่วยนอกของหมอเชวียวันนี้เต็มแล้ว เร็วสุดคือพรุ่งนี้หลังบ่ายสองโมงค่ะ หากคุณผู้ชายรีบ สามารถเข้ามาทำการตรวจเบื้องต้นได้ แล้วพรุ่งนี้ก็เข้ารับการวินิจฉัยต่อหน้าได้เลย แน่นอนว่าแทรกคิวได้ค่ะ แต่จำเป็นต้องเก็บค่าบริการเพิ่มเติมด้วย”

ลู่อวี๋ได้ยินก็อึ้งเบาๆ “นี่มันคลินิกเถื่อนอะไรกันเนี่ย มีการชักจูงให้ลูกค้าจ่ายเงินแทรกคิวด้วย ดีนะพวกเราไม่รีบ”

หมิงเยี่ยน “จ่ายครับ ขอคิววันนี้ให้ผมเลย”

ลู่อวี๋ “…”

พนักงาน “รับทราบค่ะ”

จากนั้นลู่อวี๋ก็ถูกลากออกจากห้องอย่างไม่เต็มใจประหนึ่งเด็กน้อยที่ถูกผู้ปกครองลากไปฉีดวัคซีน

โรงจอดรถใต้ดินเป็นโรงจอดรถส่วนบุคคลขนาดเล็กสำหรับครอบครัว โรงจอดรถบ้านพวกเขามีที่จอดรถสำหรับสี่คัน แต่มีรถจอดอยู่เพียงสองคัน หมิงเยี่ยนกดเปิดรถพอร์ชอย่างคล่องตัว บ่งบอกให้ลู่อวี๋ขึ้นรถ

“ทำไมไม่ขับเบนต์ลี่ย์คันนั้นล่ะ” ลู่อวี๋ชี้เบนต์ลี่ย์สีน้ำเงินคันข้างๆ ในใจก็ไหววูบหนึ่งที อย่าบอกนะว่านั่นเป็นเบนต์ลี่ย์ที่ลู่ต้าอวี๋ขับประจำ แต่ให้เมียขับแค่พอร์ชคันเล็กอะนะ? นั่นมันก็ไม่ใช่คนแล้ว

หมิงเยี่ยนส่ายหน้า “เบนต์ลี่ย์บอบบางเกินไป ซ่อมทีหนึ่งต้องใช้เงินเยอะมาก จะขับเฉพาะตอนต้องออกไปคุยธุรกิจ”

ทำไมลู่อวี๋ถึงไม่คิดถึงเหตุผลนี้เลยนะ มันแย่เกินกว่าที่เขาคาดอีก ต้องบอกก่อนว่าหมิงเยี่ยนโตมาในครอบครัวคนรวย เคยต้องกังวลเรื่องอะไรแบบนี้ซะที่ไหน พอแต่งงานกลับต้องมาวางแผนการเงินอย่างถ้วนถี่ นี่มันอย่างกับคนสวย รวย ขาว มาแต่งงานกับชายหงส์* แล้วคุณภาพชีวิตตกฮวบๆ ชั่วขณะหนึ่งเขารู้สึกผิดจนไม่รู้จะรู้สึกผิดยังไง “เจ้าลู่ต้าอวี๋ไร้ประโยชน์เกินไปแล้ว!”

หมิงเยี่ยนเห็นเขากัดฟันกรอดๆ ก็อดหัวเราะไม่ได้ “ไร้ประโยชน์ยังไง”

ลู่อวี๋กระฟัดกระเฟียด “ถ้าเป็นผมนะ ต้องหาเงินให้ได้เยอะๆ แล้วเราก็ซื้อรถหรูจอดให้เต็มโรงจอดใต้ดิน ขับหนึ่งคันทิ้งหนึ่งคันไปเลย”

หมิงเยี่ยนหัวเราะกับความตลกของเขา “ถึงมีเงินแค่ไหนก็ใช้แบบนั้นไม่ได้หรอกนะ ต้องรู้จักมัธยัสถ์สิถึงจะร่ำรวย”

ฟังแล้วมีเหตุผลมาก แต่ในใจลู่อวี๋ก็ยังคงไม่สบายใจแปลกๆ เขายั้งมือหมิงเยี่ยนที่กำลังเปิดประตูรถ “ผมขับแล้วกัน”

หมิงเยี่ยน “นายมีใบขับขี่เหรอ”

ลู่อวี๋ยืดอก “มีสิ ผมไปสอบตั้งแต่เพิ่งบรรลุนิติภาวะได้หมาดๆ”

เขาคว้ากุญแจรถไปอย่างภาคภูมิ เตรียมจะเปิดประตูฝั่งข้างคนขับให้หมิงเยี่ยน วางแผนในหัวว่าจะคาดเข็มขัดให้ภรรยายังไง แกล้งทำเป็นว่าลื่นแล้วฉวยโอกาสนี้…ฮิๆๆ

หมิงเยี่ยนเอ่ยเตือนสติแบบสบายๆ “สิบปี ใบขับขี่นายหมดอายุแล้ว” จากนั้นก็ฉวยโอกาสตอนที่ลู่อวี๋กำลังนิ่งอึ้งคว้ากุญแจรถกลับมาอย่างง่ายดาย ซ้ำยังลูบหัวบื้อๆ ของอีกฝ่ายหนึ่งที

ลู่อวี๋ถูกลูบหัวก็ว่าง่ายทันที ขึ้นไปนั่งบนเบาะข้างคนขับอย่างชอบใจ แล้วคาดเข็มขัดนิรภัยให้ตัวเองอย่างเชื่อฟัง จนเมื่อรถขับออกไปไกลแล้วถึงเพิ่งคิดได้ “ไม่ใช่สิ ผมใช้ใบขับขี่ของลู่ต้าอวี๋ก็ได้นี่”

“ฮ่าๆๆ…” หมิงเยี่ยนกลั้นไม่อยู่อีกต่อไป ลั่นหัวเราะออกมา

ลู่อวี๋ยกมือข้างหนึ่งปิดตา วันนี้เขาดูโง่เกินไปแล้วจริงๆ เทพบุตรจะรังเกียจเขาหรือเปล่า ด้วยสมองที่ขัดข้องบ่อยๆ แบบนี้ เขาจะเอาอะไรไปช่วยลู่ต้าอวี๋กอบกู้ชีวิตสมรสที่อยู่ในขั้นวิกฤตนี้ล่ะ

ในรถอบอวลด้วยกลิ่นของหมิงเยี่ยนทำให้คนรู้สึกเมามาย ลู่อวี๋นิ่งเงียบไปสามวินาทีแล้วก็ตั้งสติ มองถนนหนทางข้างนอกอย่างสนใจใคร่รู้

เวลาสิบปี เพียงพอแล้วที่จะพลิกโฉมเมืองหนึ่งได้อย่างสิ้นเชิง ลู่อวี๋มองเมืองที่คุ้นเคยและท้องถนนที่แปลกตาข้างนอก “ที่นี่เปลี่ยนไปมากเลย”

หมิงเยี่ยนหยุดรอสัญญาณไฟจราจร ก่อนหันไปมองเขา “ทำไมนายถึงคิดว่าตัวเองข้ามเวลา ไม่ใช่ความจำเสื่อมล่ะ”

ลู่อวี๋ดึงสายตากลับมา ทว่ากลับไม่กล้ามองตาหมิงเยี่ยนเพราะกลัวตัวเองจะสติหลุดอีก เลยต้องจ้องกรอบคางสวยได้รูปนั่นแทน “ผมถามพี่นะ วันที่เก้าพฤศจิเมื่อสิบปีก่อนพี่กำลังทำอะไรอยู่”

หมิงเยี่ยนส่ายหน้า “ฉันจะไปจำได้ได้ไง”

ลู่อวี๋หลุบตาลง “ผมจำได้ วันนั้นผมเขียนนิยายอยู่ในหอ แล้วได้รับรูปลู่ตงตงที่พี่วาดให้ผม ผมจำรายละเอียดได้ทุกอย่าง แน่นอน พี่จะพูดก็ได้ว่าเพราะผมมีความทรงจำกับมันลึกซึ้งเลยจำได้ถึงตอนนี้ แต่เรื่องก่อนวันที่เก้าผมก็ยังจำได้ วันที่เจ็ดผมไปกินหมาล่าผัดกับเหล่าหยาง ใส่มันฝรั่ง ลูกชิ้นกุ้ง ปูอัด ปีกไก่ ผักกาด เหล่าหยางกินข้าวไปสามถ้วย วันที่สิบจะมีควิซ สอบเรื่องพีชคณิตเชิงเส้น สองวันนี้ผมก็เพิ่งจะทบทวนจบ พี่จะลองออกข้อสอบทดสอบความรู้ผมก็ได้”

ไฟสัญญาณเปลี่ยนเป็นสีเขียว หมิงเยี่ยนเหยียบคันเร่งขับข้ามสี่แยก ไม่เล่นตามเขา

เงียบไปครู่ใหญ่ ลู่อวี๋ก็ช้อนตาขึ้นมองอีกฝ่าย “พี่ยังไม่เชื่อเหรอ”

หมิงเยี่ยน “ฉันไม่เคยเรียนเรื่องพีชคณิตเชิงเส้น”

ลู่อวี๋ “…”

ลืมไปว่าคุณภรรยาเป็นเด็กสายศิลป์ สมัยเรียนมหาวิทยาลัยคงไม่มีวิชานี้

“แค่กๆ ” ลู่อวี๋รีบเปลี่ยนเรื่อง “พวกเราแต่งงานกันมานานเท่าไหร่แล้วเหรอ”

“สามปี แต่ไม่ใช่อย่างที่นายคิดหรอกนะ” หมิงเยี่ยนหมุนพวงมาลัยเบาๆ เลี้ยวเข้าพื้นที่ที่ปกคลุมด้วยแมกไม้เขียวขจี ก่อนหยุดจอดหน้าตึกสีขาวสไตล์ตะวันตก

ไม่รอให้ลู่อวี๋ถามคลายความสงสัย หมิงเยี่ยนก็ลงจากรถ พาเขาไปลงทะเบียนจองคิวที่เคาน์เตอร์ ไม่นึกว่าที่นี่จะมีประวัติการรักษาของเขาอยู่แล้ว น้องชายหน้าเคาน์เตอร์เห็นลู่อวี๋ก็เอ่ยทักทาย “คุณลู่ ไม่ได้เจอกันพักนึงแล้วนะครับเนี่ย อันนี้บัตรคิวครับ”

“โรงพยาบาลไม่ใช่ร้านอาหาร ฉันต้องมาทุกวันเลยเหรอ” ลู่อวี๋เสียงไม่สบอารมณ์

พูดจาอะไรของเขา ไม่เป็นมงคลเลย

น้องชายหน้าเคาน์เตอร์ไม่ใส่ใจในท่าทางผิดปกติของลู่อวี๋ เชิญเขาเข้าไปตรวจร่างกายตามโปรแกรมในห้องตรวจก่อนด้วยใบหน้าที่ยังคงประดับรอยยิ้ม

“หมอเชวียเป็นคนต่างชาติ พนักงานที่เขาอบรมก็พูดจาเหมือนเขา บางครั้งจะแปลกๆ นิดหน่อย ไม่ต้องใส่ใจ” หมิงเยี่ยนชี้แจงแถลงไข แล้วเข้าห้องตรวจไปเป็นเพื่อนลู่อวี๋

คนต่างชาติแซ่เชวีย? ลู่อวี๋คิดไม่ออกว่าทำไมนามสกุลคนต่างชาติถึงมีคำที่ออกเสียงแบบนี้ด้วย แต่พอหันหน้ากลับไปก็เห็นชื่อ ‘คลินิกหมอเชวียเต๋อ*’ ตัวเบ้อเริ่มอยู่ตรงเคาน์เตอร์

อ้อ เป็นคนต่างชาติจริงๆ นั่นแหละเนอะ คนปกติที่ไหนจะตั้งชื่อแบบนี้

 

สภาพแวดล้อมในคลินิกดีมาก ไม่เหมือนคลินิก แต่เหมือนกับคลับระดับสูงมากกว่า ที่นี่ทำให้คนมักจะคิดว่าตัวเองไม่ได้อยู่ในสถานพยาบาล กระนั้นก็มีเครื่องมือครบครัน และราคาก็ดีมากด้วย

หลังทำ CT Scan กับ MRI เสร็จ พนักงานบริการก็เชิญพวกเขาไปนั่งรอในห้องรับรอง ก่อนจะยกขนมยกน้ำชามาเสิร์ฟอย่างใส่ใจ

ห้องรับรองเป็นห้องรับแขกเล็กๆ ห้องหนึ่ง เชื่อมต่อกับห้องตรวจ ในห้องปูพรมขนแกะผืนหนา วางโซฟาผ้ากำมะหยี่สีน้ำเงินเข้ม เปิดเสียงไวท์นอยซ์** เป็นเสียงสายฝนพรำคลอไปด้วย บรรยากาศน่าสบายใจมากจริงๆ บนชั้นวางนิตยสารมีวารสารทางการแพทย์และนิตยสารเศรษฐกิจภาษาอังกฤษล้วนวางอยู่ บนผนังเขียนคำปฏิญาณของฮิปโปกราตีส* บนโต๊ะยาวสไตล์พระราชวังยุโรปทางเหนือของห้องตั้งบูชาเทวรูปองค์หนึ่ง ดูดีๆ แล้วเหมือนจะเป็นจางจ้งจิ่ง**

จางจ้งจิ่ง? ลู่อวี๋นึกว่าตัวเองตาฝาด ถึงกับหันขวับไปมองซ้ำอีกสองรอบ

หมิงเยี่ยนเห็นจนชินแล้ว เขายังหยิบเอาธูปสามดอกไปจุดบูชากราบไหว้ท่านนักปราชญ์แห่งการแพทย์อย่างบริสุทธิ์ใจด้วย

ลู่อวี๋ย่นจมูก ยากจะเข้าใจ “แพทย์แผนตะวันตกทำไมถึงบูชาจางจ้งจิ่งด้วยล่ะ”

จังหวะนี้เองประตูห้องตรวจถูกเปิดออกพอดี คุณหมอหนุ่มผมบลอนด์นัยน์ตาเขียวออกมายืนหน้าประตูพร้อมรอยยิ้ม ก่อนพูดภาษาจีนกลางด้วยสำเนียงแปร่งๆ ว่า “การผสานแพทย์แผนจีนและตะวันตกให้ผลการรักษาที่ดี เส้นทางแห่งการแพทย์กว้างใหญ่ไม่มีที่สิ้นสุด ผมยังเคยทำการวิจัยเรื่องอายุรเวชในประเทศ Y มาด้วย แล้วก็เต้นระบำขับไล่สิ่งชั่วร้ายของอเมริกาใต้เป็น อ้อจริงสิ ไวท์นอยซ์ที่เปิดอยู่ตอนนี้ก็เป็นดนตรีบำบัดจากอเมริกาใต้เหมือนกัน เป็นเสียงของกระบอกสร้างเสียงฝนซึ่งทำมาจากต้นกระบองเพชรน่ะ”

เชวียเต๋อพูดพลางยื่นกระบอกทรงยาวให้เขา ก่อนให้เขาเอียงกระบอกไปมา ในกระบอกเหมือนมีเมล็ดข้าวเม็ดเล็กๆ อยู่เยอะมาก มันค่อยๆ ร่วงลงช้าๆ เกิดเป็นเสียงหยาดฝนซ่าๆ เสนาะหู

เชวียเต๋อยิ้มตาหยี “ผมกำลังอยากแนะนำอันนี้ให้คุณ แล้วคุณก็มาพอดีเลย”

ลู่อวี๋ถือกระบอกกระบองเพชรเรียบลื่นในมือด้วยความรู้สึกว่าหมอคนนี้เชื่อถือไม่ได้สุดๆ

 

หลังจากอ่านรายงานผลตรวจทั้งหมดเสร็จแล้ว เชวียเต๋อก็หยิบไม้เล็กๆ มาชี้แผ่นฟิล์มเอ็กซเรย์ “ตอนนี้ยังไม่เจอปัญหาใหญ่อะไร แค่อาการที่กระดูกต้นคอมีการเปลี่ยนแปลงนิดหน่อย แต่มันเป็นโรคเก่าของเขาอยู่แล้ว ครั้งนี้รู้สึกไม่สบายตรงไหนล่ะ ทำไมถึงตรวจเยอะขนาดนี้”

ลู่อวี๋ “วันนี้ผมหมดสติน่ะ”

หมิงเยี่ยน “เขาบอกว่าเขาข้ามเวลามา”

ลู่อวี๋ “…” เรื่องนี้บอกคนอื่นได้ด้วยเหรอ

เชวียเต๋อเงยหน้าขึ้นจากรายงานผู้ป่วย มองสายตาลู่อวี๋ที่พยายามส่งซิกให้ภรรยาตัวเองเป็นบ้าเป็นหลังอย่างละเอียด แล้วเอ่ยชมเปาะ “ว้าว มหัศจรรย์จริงๆ”

หมิงเยี่ยน “…”

หลังฟังเหตุการณ์คร่าวๆ จบ เชวียเต๋อก็ถามลู่อวี๋น้ำเสียงจริงจัง “คุณแน่ใจได้ยังไงว่าคุณข้ามเวลามาจากอดีต ไม่ใช่ความจำเสื่อม บางทีคุณอาจจะแค่สูญเสียความทรงจำช่วงสิบปีนี้ไปก็ได้”

ลู่อวี๋ได้แต่เอาคำพูดที่เพิ่งพูดกับหมิงเยี่ยนมาพูดซ้ำอีกครั้ง “หมอจำได้หรือเปล่าล่ะว่าวันที่เก้าพฤศจิเมื่อสิบปีที่แล้วตัวเองกำลังทำอะไรอยู่”

เชวียเต๋อครุ่นคิด “จำได้สิ”

ลู่อวี๋ “…” ทำไมคนคนนี้ถึงไม่เดินตามเกมเขาเลย

เชวียเต๋อไหวไหล่ “อ่า ถามเรื่องนี้กับผมไปก็ไม่มีความหมาย เพราะผมเป็นอัจฉริยะ เป็นโรคความจำดี* ระดับต้น แต่ผมก็เข้าใจสิ่งที่คุณอยากจะสื่อนะ คุณจะบอกว่าคุณจำเรื่องก่อนจะข้ามเวลาได้อย่างชัดเจนมากใช่ไหมครับ”

ลู่อวี๋พยักหน้า “ผมเพิ่งจะทบทวนเรื่องพีชคณิตเชิงเส้นจบ หมอจะลองตั้งคำถามทดสอบผมก็ได้”

เชวียเต๋อหยิบกระดาษกับปากกาออกมา ครุ่นคิด แล้วก็วางปากกาลง “ผมไม่เคยเรียนพีชคณิตเชิงเส้น”

ลู่อวี๋ “เป็นไปได้ไง หมอเป็นนักเรียนแพทย์ไม่ใช่เหรอ”

เชวียเต๋อแบมือ “คณะแพทย์ของเมืองนอกไม่ต้องเรียนพีชคณิตเชิงเส้น แต่ผมคิดว่าที่คุณพูดก็มีเหตุผล โจทย์คณิตที่ซับซ้อนแบบนี้ผ่านไปสิบปีก็ไม่น่าจะจำได้ ถึงเป็นโรคความจำดีก็เป็นไปไม่ได้ คณิตศาสตร์นี่ฝืนธรรมชาติของมนุษย์จริงๆ”

“ใช่ไหมล่ะ” ลู่อวี๋รู้สึกอย่างลึกซึ้งว่าตนเจอเพื่อนรู้ใจแล้ว เขาจึงคุยกับเชวียเต๋ออย่างสุขใจ

หมิงเยี่ยน “…” คนคนนี้เชื่อถือไม่ได้จริงๆ ด้วย

 

 

* ชายหงส์ เป็นคำสแลง หมายถึงผู้ชายฐานะต่ำที่ศึกษาเล่าเรียนด้วยความมานะจนได้ทำงานที่ดีและได้แต่งงานกับผู้หญิงชาวกรุง

* เชวียเต๋อ (阙德) พ้องเสียงกับคำว่าเชวียเต๋อ (缺德) ที่หมายถึงไร้ศีลธรรม

** ไวท์นอยส์ (White noise) คือเสียงรบกวนที่มีคลื่นความถี่สม่ำเสมอ ทำให้ผู้ฟังรู้สึกถึงความสงบนิ่ง

* ฮิปโปกราตีส (Hippocrates) เป็นแพทย์ชาวกรีกโบราณ ได้รับการยกย่องจากชาวตะวันตกว่าเป็น ‘บิดาแห่งการแพทย์’

** จางจ้งจิ่ง เป็นแพทย์ชาวจีนในสมัยราชวงศ์ฮั่นตะวันออก หนึ่งในหมอเทวดาแห่งเจี้ยนอัน เป็นผู้ก่อตั้งหลักการ ‘วินิจฉัยและจำแนกกลุ่มอาการของโรคเพื่อกำหนดวิธีการรักษา’ ซึ่งถือเป็นหลักการรักษาขั้นพื้นฐานของแพทย์แผนจีน

* โรคความจำดี หรือไฮเปอร์ธีมีเซีย (Hyperthymesia) คือโรคที่สมองของผู้ป่วยมีระบบเก็บความทรงจำแบบอัตโนมัติ สามารถจดจำเรื่องต่างๆ ที่ประสบพบเจอในชีวิตอย่างชัดเจน ถึงขั้นจดจำรายละเอียดในเหตุการณ์นั้นๆ ได้อย่างไม่มีวันลืม

2 of 2หน้าถัดไป

Comments

comments

No tags for this post.
Continue Reading

More in everY

บทความยอดนิยม

everY

ทดลองอ่าน เขตห้ามรักฉบับเบต้า เล่ม 1 Chapter 2.1-2.2 #นิยายวาย

ทดลองอ่าน เรื่อง เขตห้ามรักฉบับเบต้า เล่ม 1 ผู้เขียน : MINTRAN แปลโดย : ทันบี ผลงานเรื่อง : 배타적 연애 금지구역 ถือเป็นลิขสิทธิ์...

ทดลองอ่าน

ทดลองอ่าน เชิดรักมังกรซ่อนเงาหงส์ บทที่ 1-2

บทที่ 1 เสียงเคาะระฆังบอกโมงยามดังขึ้นครั้งแล้วครั้งเล่า เสียงอันคุ้นเคยเตือนให้คนเก่าคนแก่ในวังตระหนักได้ว่าเพลานี้เป็น...

ชาตินี้ข้าจะรักท่านให้มาก

ทดลองอ่าน ชาตินี้ข้าจะรักท่านให้มาก บทที่ 1-2

บทที่ 1 ต้นฤดูใบไม้ร่วง ท้องฟ้าสีฟ้าคราม สายลมโชยอ่อนพัดแผ่ว ม่านโปร่งบนศาลาริมน้ำขยับไหว ที่อยู่หลังม่านโปร่งคือโฉมสะคร...

ทดลองอ่าน

ทดลองอ่าน สานวาสนากับท่านอาของอดีตคู่หมั้น บทที่ 1-2

บทที่ 1 เวลาเช้าตรู่กู้เจี้ยนหลีรออยู่หน้าโรงจำนำเป็นเวลานานมากแล้ว ในมือของนางกำปิ่นรูปผีเสื้อคู่ประดับพู่ระย้าไว้อันหน...

ทดลองอ่าน

ทดลองอ่าน เชิดรักมังกรซ่อนเงาหงส์ บทที่ 3-4

บทที่ 3 เนี่ยชิงหลินได้ยินคำพูดเช่นนี้จึงเงยหน้าขึ้นเหลือบมองสีหน้าเย็นชาเข้มงวดของเว่ยเหลิ่งเหยาปราดหนึ่ง นางลังเลอยู่ช...

community.jamsai.com