everY
ทดลองอ่าน ตื่นมารับภารกิจพิชิตหัวใจคุณสามี เล่ม 1 บทที่ 5-6 #นิยายวาย
บทที่ 6
ข้อตกลง
ลู่อวี๋สังเกตการณ์เด็กสองคนนี้ แล้วก็ค้นพบว่าลูกโป่งนี่เหมือนจะมีจุดที่สามารถขยับได้อย่างจำกัด โดยขยับได้แค่สองจุดเท่านั้น
ลูกโป่งเงือกลู่ตงตงขยับได้แค่หางกับมือข้างที่ถือตรีศูล เจ้าประธานบริษัทเสิ่นไป๋สุ่ยก็ขยับได้แค่แขนสองข้าง เพราะฉะนั้นน้องรองจึงสามารถทำท่ามาตรฐานของ ‘บุคคลผู้ประสบความสำเร็จ’ อย่างท่ากอดอกได้
บัดนี้เวลานี้เจ้าพี่คนโตสะบัดหางป้าบๆ แล้วเจ้าน้องรองก็เหวี่ยงสองแขนเสียดุดันอย่างกับลมพยัคฆ์คำราม
กล่าวตามหลักแล้ว เจ้าเด็กสองคนนี้ตีกันไปยังไงก็ไม่ได้รุนแรงนัก แต่คาแร็กเตอร์ของลู่ตงตงคือเป็นสายต่อสู้ ชีวิตของเขาอยู่ในโลกที่พลังวิญญาณถูกปลุกให้ตื่น มีสัตว์ประหลาดอยู่ทุกที่ ผู้มีพลังพิเศษใช้อำนาจบาตรใหญ่ หากไม่ต่อสู้ก็เอาตัวไม่รอด
พี่ใหญ่ที่คมดาบอาบเลือด เข่นฆ่าฝ่าฟันจากก้นบึ้งสู่จุดสูงสุดกระทั่งกลายเป็นเทพ กับน้องรองที่เป็นประธานบ้าอำนาจที่ใช้ชีวิตในยุคสมัยสงบสุขนั้นอยู่คนละระดับกันเลย ลู่ตงตงรำคาญกับเสียงร้องอ้อแอ้ของน้องรองเต็มที จึงหมุนตัวตวัดหางฟาดน้องรองกระเด็นตัวปลิว
“โอ๊ย!” น้องรองส่งเสียงร้องโหยหวนอยู่กลางอากาศคล้ายกับมนุษย์จริงๆ
ลู่อวี๋ยื่นมือออกไปรับ แต่ร่างกายนี้เคลื่อนไหวเชื่องช้า เขาหวิดจะรับไม่ได้อยู่แล้ว แต่โชคดีที่ตัวลู่อวี๋การตอบสนองยังว่องไว พลาดไปครั้งแรกแต่ก็ก้มลงโผเข้าคว้าไว้อีกรอบ จนในที่สุดก็รับตัวเจ้าน้องรองมาไว้ในอ้อมอกได้ทัน แล้วกอดหัวทุยไล่จุ๊บแรงๆ ไปหนึ่งฟอด
น้องรองที่กำลังชูมือหมายจะโต้เถียงต่อเป็นต้องนิ่งตัวแข็งค้างในพริบตา ก่อนจะเปลี่ยนไปชี้ลู่อวี๋ “นะ…นะ…นาย ฉันขอเตือนไว้เลยนะ ห้ามมาจุ๊บฉันซี้ซั้ว ไม่งั้นฉันจะทำให้นายเสียใจทีหลังแน่”
ลู่อวี๋ได้ยินแล้วก็มุมปากกระตุก บทพูดมาตรฐานของประธานจอมบงการนี่เขาไม่ได้เป็นคนเขียนแน่นอน เจ้าเด็กคนนี้คงเข้าอินเตอร์เน็ตไปค้นหาบทพูดคลาสสิกของประธานเผด็จการมาอ้างอิงแน่
จะดัดนิสัยเจ้าลูกหมีซึนเดเระ* ก็ต้องใช้วิธีการเมินคำพูดงุ้งงิ้งของเขานั่นแหละถูกต้องแล้ว
ลู่อวี๋ชูลูกโป่งท่านประธานขึ้น ยิ้มตาหยีพลางเอ่ย “เฉียนเฉียน ถึงปะป๊าจะยังเขียนไม่ถึงหนู แต่ปะป๊าก็รักหนูนะ มั้วะๆๆ” พูดพลางจุ๊บแก้มเจ้าลูกโป่งท่านประธานอีกสามรอบ
“อ๊ากกก! ใครชื่อเฉียนเฉียน อย่ามาตั้งชื่อให้คนอื่นซี้ซั้วนะ!” เสิ่นไป๋สุ่ยสติแตกไปแล้ว
รอจนในที่สุดลู่อวี๋ก็ยอมปล่อยมือ ลูกโป่งท่านประธานก็รีบลอยฉิวออกไปไกล “อย่าคิดว่าได้จุ๊บฉันแล้วตัวเองจะพิเศษกว่าใครล่ะ ฉันเสิ่นไป๋สุ่ย ไม่ใช่คนที่จะยอมเรียกใครว่าพ่อง่ายๆ! นายเป็นแค่ผู้สร้างสรรค์ฉันขึ้นมา ไม่ใช่พ่อของฉัน”
ลู่อวี๋ไม่สนใจคำประกาศกร้าวของประธานจอมบงการที่เต็มไปด้วยหลักปรัชญา ได้แต่เดินเตาะแตะตามหมิงเยี่ยนไปอาบน้ำ ระหว่างเดินผ่านก็แวะขยี้หัวลูกโป่งท่านประธานไปหนึ่งที
พอเสิ่นไป๋สุ่ยโวยวายใส่ ความตื่นเต้นเมื่อกี้นี้ก็มลายหายไปหมดสิ้น ทว่าเมื่อทั้งคู่เดินมาถึงหน้าประตูห้องอาบน้ำ ลู่อวี๋ก็อดไม่ได้ที่จะกลับมาหูแดงแจ๋ เขาเพิ่งจะพัฒนาไปถึงขั้นจับมือเอง แป๊บเดียวก็กระโดดข้ามไปถึงระดับเปลือยกายเปลือยใจแบบนี้ มันจะไม่ข้ามขั้นเกินไปหน่อยเหรอ
“คือว่า…ไม่งั้นพี่อาบก่อนดีกว่า” ลู่อวี๋เอ่ยด้วยความสุภาพบุรุษ แต่พอพูดจบก็มารู้สึกเสียใจภายหลัง เทพบุตรให้โอกาสมาแล้ว แต่ตัวเองกลับมัวละล้าละลัง จะโดนมองเหยียดหรือเปล่านะ สู้ไอ้ขี้ขลาดลู่ต้าอวี๋ไม่ได้เลย
หมิงเยี่ยนยื่นเสื้อคลุมอาบน้ำให้เขา “นี่เสื้อคลุมนาย” พูดจบก็หมุนตัวเดินไปห้องอาบน้ำห้องของมาสเตอร์เบดรูมฝั่งตรงข้ามอย่างเป็นธรรมชาติ
ลู่อวี๋ตะลึงงัน “ไอ้เรื่องมีห้องนอนสองห้องน่ะช่างเถอะ แต่ทำไมถึงมีห้องน้ำสองห้องด้วยล่ะ สามีสามีแยกกันอาบน้ำ มันใช่เรื่องเหรอ”
สุนัขรับใช้ลู่ตงตงลอยเข้ามา “นั่นสิ”
ลู่อวี๋มองลูกโป่งเงือกที่ตามตูดตัวเองต้อยๆ ก่อนจะหันหลังไปทันที แล้วเห็นเสิ่นไป๋สุ่ยกำลังเดินตามหมิงเยี่ยนจึงรีบเรียกไว้ “เฮ้ เจ้าเด็กนี่ เข้าห้องน้ำปะป๊าได้ไง ออกมาเลย ออกมา! ลูกชายโตแล้วต้องเลี่ยงแม่ ลูกสาวโตแล้วต้องเลี่ยงพ่อ เข้าใจรึเปล่า”
เสิ่นไป๋สุ่ยลอยเข้ามา สองแขนสั้นๆ กอดอก “มองฉันสิ ฉันเป็นผู้ชาย หมิงเยี่ยนก็เป็นผู้ชาย”
ลู่อวี๋ดีดนิ้วใส่หน้าลูกโป่งท่านประธาน “ตั้งแต่วันนี้นายก็เป็นผู้หญิงแล้ว ไปแม่สาวน้อย ไปเล่นกับพี่ชายทางนู้นนะ ปะป๊าจะไปอาบน้ำก่อน”
น้องรองที่จู่ๆ ก็ถูกเปลี่ยนเพศโมโหขึ้นสมอง วิ่งไปกระแทกประตูนอกห้องอาบน้ำ “ถ้านายไปประกาศบนเว็บไซต์นิยายว่าเสิ่นไป๋สุ่ยความจริงแล้วเป็นผู้หญิง เปลี่ยนเซ็ตติ้งมั่วซั่ว นายต้องโดนนักอ่านถล่มตายแน่นอน!”
ลูกโป่งเงือกสะบัดหางลอยเข้าไป ใช้ตรีศูลจิ้มก้นลูกโป่งท่านประธานอย่างสะใจในความทุกข์ของคนอื่น “โถๆ น้องสาว มา พี่ชายจะให้ดูของดี”
เสิ่นไป๋สุ่ยยิ้มเย็น “ฉันไม่ลดตัวไปคุยกับพวกอันธพาล เดี๋ยวระดับรสนิยมฉันตก”
ลู่อวี๋อาบน้ำคนเดียวเหงาๆ แล้วถึงพบว่าบ้านหลังนี้ไม่ปกติมากๆ
ปกติแล้วการออกแบบบ้านที่มีมาสเตอร์เบดรูมสองห้องแบบนี้ห้องน้ำจะใช้ร่วมกัน และจะตั้งอ่างอาบน้ำใหญ่ๆ เจ้าบ้านทั้งสองจะได้สื่อสารแลกเปลี่ยนความรู้สึกกันได้สะดวก ตอนนี้ถูกหั่นเป็นสองฝั่ง มีแต่ต้องอาบน้ำอย่างน่าสงสาร ไม่เหมือนคอนโดฯ หรูเลยสักนิด เหมือนอพาร์ตเมนต์ที่เช่าอยู่ร่วมกันมากกว่า
อาบน้ำเสร็จ ลู่อวี๋เดินเช็ดศีรษะมาหยุดตรงหน้าโต๊ะเครื่องแป้งในห้องเปลี่ยนชุด เป่าผมพลางบ่นอุบ “ห้องนี้แย่เกินไปแล้ว การออกแบบแบบนี้จะทำให้คู่รักแตกแยกชัดๆ ต่อให้รักกันแค่ไหนแต่อยู่นานไปก็ต้องหย่ากันแน่”
ลู่ตงตงหยุดแกว่งหาง พูดจากใจจริง “ตอนแรกห้องนี้มีห้องอาบน้ำห้องเดียว แต่พอพวกคุณสองคนมาอยู่ก็เปลี่ยนเป็นแบบสองห้อง”
“เชี่ย?” ลู่อวี๋ปิดไดร์เป่าผม พอได้ยินคำพูดของลู่ตงตงชัดเจนก็อดด่าไม่ได้ “สมองลู่ต้าอวี๋มีปัญหาหรือไง”
ขณะกำลังพูด หมิงเยี่ยนก็อาบน้ำเสร็จแล้วเดินเช็ดผมออกมา เขาสวมเสื้อคลุมอาบน้ำเนื้อผ้าซับน้ำสีขาว ผูกเชือกหลวมๆ ตรงเอว เดินมาตามทางเดินในห้อง พอให้มองเห็นไหปลาร้าสองท่อนที่รูปร่างงดงามอ่อนโยนดุจหยกได้วับๆ แวมๆ
ลู่อวี๋อดไม่ได้ที่จะเหลือบตามองสองที ก่อนตบเก้าอี้สตูลหนังแท้สีขาวข้างโต๊ะเครื่องแป้ง ชูไดร์เป่าผมในมือ “นั่งนี่สิ ผมเป่าให้”
หมิงเยี่ยนลังเลเล็กน้อย ภาพนี้ซ้อนทับกับภาพในอดีตเมื่อหลายปีก่อน ลู่อวี๋ที่ถือไดร์เป่าผมดวงตาเป็นประกาย ตบเก้าอี้ ‘รุ่นพี่ เดี๋ยวผมเป่าให้’
หมิงเยี่ยนได้สติอีกทีก็ตอนที่อีกฝ่ายมาอยู่ด้านหลังตนเรียบร้อยแล้ว ลู่อวี๋ถือไดร์ไล่เป่าผมให้อย่างละเมียดละไม แล้วยังแอบลูบหูของเขาด้วย
หมิงเยี่ยน “ลู่อวี๋”
ลู่อวี๋ที่กำลังลอบยิ้มเงยหน้าขึ้นมองเขาผ่านกระจก “หืม?”
หมิงเยี่ยนมุมปากขมุบขมิบ ครั้นเห็นใต้ตาดำคล้ำของลู่อวี๋ในกระจกก็กลืนคำพูดลงไป “ช่างเถอะ ค่อยพูดพรุ่งนี้ดีกว่า พรุ่งนี้นายต้องไปบริษัทกับฉัน ช่วงนี้มีเรื่องด่วนเข้ามา ต้องรีบจัดการหน่อย”
ถือโอกาสตอนที่ลู่อวี๋สภาพจิตใจปกติ ยังพอสื่อสารได้ ไปจัดการเรื่องในบริษัทให้เสร็จทั้งหมดรวดเดียวดีกว่า
“ได้สิ” ลู่อวี๋พยักหน้าตกลง
พอเป่าผมแห้งแล้วลู่อวี๋ก็ดึงมือออกจากเรือนผมนุ่มนวลนั่นอย่างไม่อยากจาก เขาถูปลายนิ้วเบาๆ พลางนึกย้อนถึงสัมผัสนั้น พริบตาที่หมิงเยี่ยนหันหลังให้เขาก็แอบยกมือขึ้นดมกลิ่นหอมที่ติดนิ้ว
“จิ๊ๆๆ ” น้องรองมองเขาเงียบๆ แล้วทำเสียงเหยียดหยามออกมา
“เฉียนเฉียน มีความเห็นอะไรหรือไงจ๊ะ” ลู่อวี๋เอียงศีรษะมองลูกโป่งท่านประธาน
เสิ่นไป๋สุ่ยอยากจะเท้าเอว เสียแต่แขนสั้นกุด พอเท้าเอวแล้วอย่างกับถ้วยชาเลยได้แต่ยอมแพ้ “อย่างแรก ห้ามเรียกฉันว่าเฉียนเฉียน ฉันชื่อเสิ่นไป๋สุ่ย อย่างที่สอง นายเสิ่นอย่างฉันทนดูพวกไม่เอาไหนไม่ได้ ให้พี่ชายช่วยสอนวิธีจีบคนให้ไหมล่ะ”
ไอ้เจ้าลูกหมีนี่ เป็นแค่หมูเอาต้นหอมใหญ่เสียบจมูกแสร้งทำเป็นช้าง* พูดประโยคเดียวเปลี่ยนคำเรียกตัวเองไปตั้งหลายรอบเลยนะ
ลู่อวี๋ไม่รู้ว่าตัวเองเขียนเจ้าหมอนี่ออกมาด้วยสภาพจิตใจแบบไหน “โม้ให้มันน้อยๆ หน่อย วิธีจีบหญิงของนายฉันเป็นคนเขียนเองทั้งนั้น นายจะมาสอนอะไรฉัน”
“ปะป๊าอย่าไปฟังน้องรองพูดไร้สาระเลย เรื่องของเขาก็เป็นแบบไม่มีคู่ ตอนจบตกเมียไม่ได้สักคน” ลู่ตงตงเข้ามาซ้ำเติม
น้องรองตวัดสายตาถลึงใส่พี่ชาย “พูดอย่างกับนายมีเมีย”
ลู่ตงตงเอียงตรีศูล ฝืนแบมือข้างที่ชูตรีศูลนั้นอย่างมุ่งมั่นแม้ร่างกายไม่เอื้ออำนวย “ฉันไม่มี แต่ฉันอวดเบ่งหรือไง ท่านพ่อเขียนเลิฟไลน์ไม่เป็นด้วยซ้ำ ฉันกล้าพนันเลยว่าหลังจากนี้ไม่ว่าจะน้องสาม น้องสี่ หรือน้องหมื่นก็ไม่มีทางมีเมียหรอก”
“แค่กๆ” ลู่อวี๋ลูบจมูก ที่ลูกชายทั้งหลายของเขาไม่มีเมียกันก็เป็นความผิดเขาเองจริงๆ นั่นแหละ เกย์คนหนึ่งอย่างเขาเขียนนิยายหมวดหมู่สำหรับผู้ชาย ไม่รู้จริงๆ ว่าจะเขียนเรื่องความสัมพันธ์ชายหญิงยังไง ก่อนจะเขียนเรื่อง ‘เงือกจอมราชัน’ เขาก็เคยลองเขียนเรื่องสั้นที่มีฉากเกี่ยวกับความรักอยู่หรอก แต่ผลกลับโดนถล่มด่าเละเทะซะงั้น
[บทพูดระหว่างพระเอกกับนางเอกอย่างแข็งอะ รู้สึกเหมือนทั้งสองคนยังไม่สนิทกันเลยด้วยซ้ำ]
[นักเขียนแม่งแต่งอะไรออกมาวะ อาวุธของนางเอกคือค้อนเหล็กเนี่ยนะ ลองอ่านเองสิ แบบนี้มันเข้าท่าเหรอ?]
[ขอร้องล่ะ อย่าเขียนซีนโรแมนติกเลย เห็นพวกเขาสองคนรักกันแล้วรำคาญอะ เอาแบบทางใครทางมัน อยู่ใครอยู่มันไม่ได้เหรอ]
พอลองหลายๆ เรื่อง ลู่อวี๋ก็ยอมแพ้ให้กับฉากโรแมนติกไปโดยสมบูรณ์ และในที่สุดก็บรรลุธรรมกับประโยคที่ว่า ‘อยากบำเพ็ญเป็นยอดวรยุทธ์ ต้องตอนตัวเองเสียก่อน’ ในนิยายกำลังภายในพวกนั้น เลยเขียนให้พระเอกละทิ้งเรื่องรักๆ ใคร่ๆ ในชีวิต หัวใจใฝ่แต่สัจธรรม มุ่งมั่นบรรลุเป็นเทพช่วยเหลือสรรพสิ่ง แล้วคาแร็กเตอร์นี้ก็เสน่ห์พุ่งปรี๊ด ยังเขียนไม่จบก็ดังระเบิดไปนอกวงการ
“ตงตงจ๋า ปะป๊าขอโทษนะ” ลู่อวี๋ดึงลูกโป่งเงือกเข้ามากอดแล้วตบปุๆ
หมิงเยี่ยนมองปฏิสัมพันธ์ของสามพ่อลูกก็เผลออมยิ้ม ลู่อวี๋ในวัยสิบแปดปีสดใสร่าเริงมากจริงๆ แถมเต็มไปด้วยความรักต่อผลงานของตัวเอง เขาถอนหายใจแผ่ว หันหลังเดินเข้าห้องนอน “รีบนอนเถอะ”
ได้ยินคำนี้ลู่อวี๋ก็หน้าแดงทันที “โอเค”
เขาปล่อยลูกโป่งเงือกในอ้อมแขน ส่องกระจกจัดการทรงผมตัวเองอย่างรีบๆ แล้ววิ่งเหยาะๆ ตามไปภายในสองก้าว
ลู่อวี๋ก้าวกระย่องกระแย่งตามหมิงเยี่ยนไป จับหูเกาแก้มคิดครู่หนึ่งว่าจะทำยังไงดี ในฐานะสามีสามีที่ถูกต้องตามกฎหมาย ก็ต้องปฏิบัติหน้าที่ของสามีสามี แต่เขาไม่มีประสบการณ์ เดี๋ยวพอขึ้นเตียงแล้วต้องรู้จักถ่อมตัวหน่อย ไม่งั้นอาจทำให้ท่านเทพบุตรที่รักบาดเจ็บได้
เท้าซ้ายเพิ่งจะก้าวเข้าห้อง หมิงเยี่ยนที่อยู่ข้างหน้าพลันหันหลังมา “นายจะตามฉันมาทำไม”
ลู่อวี๋อึ้งมึนงง เขาเกือบจะชนอีกฝ่ายอยู่แล้วจึงรีบเบรกเอี๊ยด ยันกรอบประตูมือเดียว “ก็นอนไง”
หมิงเยี่ยนชี้ไปยังห้องมาสเตอร์เบดรูมที่อยู่อีกฝั่งของห้องแต่งตัว “ห้องนายอยู่นู่น”
ลู่อวี๋มองมือเรียวยาวของคนเย็นชาไร้หัวใจที่ชี้ห้องฝั่งตรงข้ามอย่างตะลึงงัน “พวกเราสองคนไม่ได้นอนด้วยกันเหรอ” เขารู้ว่ามันเป็นคอนโดฯ แบบสองมาสเตอร์เบดรูม แต่การออกแบบแบบนี้มีไว้ให้เจ้าบ้านทั้งสองคนนอนแยกกันได้ไม่รบกวนกันในสถานการณ์พิเศษ ไม่ใช่นอนแยกกันทุกวันเหมือนเป็นแค่รูมเมตแบบนี้
มันไม่ใช่การปฏิบัติที่ชายแต่งงานแล้วคนหนึ่งควรได้รับเลย!
“ฉันเคยพูดแล้ว” หมิงเยี่ยนหน่ายใจนิดหน่อย หลุบตามองพื้น “การแต่งงานของพวกเราไม่ได้เป็นอย่างที่นายคิด”
ประโยคนี้อีกแล้ว เมื่อตอนเช้าเขายังไม่ทันได้ถามจริงจังเลย “หมายความว่าไง”
หมิงเยี่ยนค่อยๆ เงยหน้าขึ้นสบตาใสกระจ่างคู่นั้น “พวกเราแต่งงานกันตามข้อตกลง เพื่อผลประโยชน์ทางธุรกิจเท่านั้น”
แต่งงานก็แต่งงานสิ มีแต่งงานด้วยข้อตกลงอะไรที่ไหน ไม่ใช่นิยายประธานจอมเผด็จการสักหน่อย! ลู่อวี๋ขมวดคิ้ว ไม่เข้าใจอย่างยิ่ง
หมิงเยี่ยนเหลือบมองลู่ตงตงที่ยืนหลบมุม “ผู้ช่วยสมองอัจฉริยะนั้นถูกใช้กันทั่วโลก เพราะสินค้าจะต้องขายในต่างประเทศ ทางนั้นมีเงื่อนไขด้านลิขสิทธิ์สูงมาก แล้วนายก็ตามหาฉัน บอกว่าจะยกหุ้นให้ฉัน แล้วเอาลิขสิทธิ์ของรูปพวกนั้นมาอยู่ภายใต้บริษัทถาวร”
ลู่อวี๋จับประเด็นได้ “อะไรคือตามหาพี่”
“…”
“พวกเราไม่ได้คบกันเจ็ดปี แล้วแต่งงานกันอย่างราบรื่น” เขาหันไปมองลูกโป่งรูปร่างคนที่ยืนเบียดอยู่ด้วยกัน “สามปีมีลูกสองหรอกเหรอ”
* ซึนเดเระ เป็นคำที่ใช้เรียกคนที่มีบุคลิกปากไม่ตรงกับใจ
* หมูเอาต้นหอมใหญ่เสียบจมูกแสร้งทำเป็นช้าง หมายถึงคนธรรมดาที่โอ้อวด แสร้งทำตัวมีฐานะหรือความสามารถ ทั้งที่ความจริงไม่ได้เป็นแบบนั้น
โปรดติดตามตอนต่อไป…
Comments
