everY
ทดลองอ่าน ตื่นมารับภารกิจพิชิตหัวใจคุณสามี เล่ม 1 บทที่ 7-8 #นิยายวาย
ทดลองอ่านเรื่อง ตื่นมารับภารกิจพิชิตหัวใจคุณสามี เล่ม 1
ผู้เขียน : ลวี่เหยี่ยเชียนเฮ่อ (绿野千鹤)
แปลโดย : qMondae
ผลงานเรื่อง : 再少年 (Zai Shao Nian)
ถือเป็นลิขสิทธิ์ของสำนักพิมพ์เอเวอร์วายในการเผยแพร่ผลงาน
จัดพิมพ์และจัดจำหน่ายในประเทศไทยแต่เพียงผู้เดียว
หากผู้ใดละเมิดลิขสิทธิ์จะถูกดำเนินคดีตามกฎหมาย
– – – – – – – – – – – – – – – – –
Trigger Warning
นิยายเรื่องนี้เป็นเรื่องที่แต่งขึ้นจากจินตนาการของผู้เขียน
ไม่มีความเกี่ยวข้องกับบุคคล สถานที่ หรือเหตุการณ์จริงใดๆ
เนื้อหามีประเด็นอ่อนไหวเกี่ยวกับความรุนแรง ซึ่งอาจส่งผลกระทบทางจิตใจ
สำหรับผู้อ่านที่มีอายุ 18 ปีขึ้นไป
โปรดใช้วิจารณญาณในการอ่าน
** หมายเหตุ: ยังไม่ใช่ต้นฉบับที่เสร็จสมบูรณ์ **
– – – – – – – – – – – – – – – – –
บทที่ 7
เบาะแส
สุดท้ายลู่อวี๋ก็ไม่ได้รับอนุญาตให้เข้าห้องนอน เขาเบิกตามองประตูห้องหมิงเยี่ยนที่ถูกปิดอย่างโหดร้ายตรงหน้า จากนั้นก็เดินหน้าม่อยคอตกกลับห้องตัวเอง
ได้นอนบนเตียงใหญ่ๆ ขนาดหกฟุตแท้ๆ แต่ทำไมถึงนอนไม่สบายเลย พอนอนแนวขวาง ไม่มีหัวเตียงแล้วรู้สึกเหมือนจะมีมือผีมุดออกจากใต้เตียงมาคว้าผมเขา พอนอนแนวตั้งก็รู้สึกสังเวชใจ เตียงดับเบิ้ลกว้างขวางขนาดนี้กลับมีเขานอนอยู่แค่คนเดียว เหมือนแต่งงานกับความเหงาเลย
กลางดึกของสิบปีให้หลังนี้ ในที่สุดลู่อวี๋ก็เข้าใจนัยแท้จริงของประโยคนั้นของคุณหลู่ซวิ่น* ที่กล่าวว่า ‘จะแนวขวางแนวตั้งข้าพเจ้าก็นอนไม่หลับ’
เขาตัดสินใจลองทำตามนักเขียนชื่อก้องโลก ลุกขึ้นมาเดิน
ตอนแรกคิดว่าแค่หลับตาลืมตาหนึ่งทีก็ได้เป็น CEO แต่งงานกับมิสเตอร์เพอร์เฟ็กต์ ยืนอยู่บนจุดสูงสุดของชีวิต แต่ความจริงคือเขาเป็น CEO จริง แต่เป็นบริษัทที่กำลังเผชิญหน้ากับวิกฤตร้ายแรง แต่งงานกับมิสเตอร์เพอร์เฟ็กต์จริง แต่แต่งงานกันด้วยข้อตกลง สามปีแล้วก็ยังไม่ได้แอ้มสักคำ ส่วนยืนอยู่บนจุดสูงสุดของชีวิตนั้น…
ลู่อวี๋เดินเข้าห้องหนังสือ ห้องที่เขาตื่นขึ้นหลังจากข้ามเวลามา
ไฟในห้องสว่างอัตโนมัติเมื่อเขาเดินเข้ามา แสงจากหลอดไฟทั้งสองแถวส่องกระทบชั้นหนังสือที่สูงจรดเพดาน ชั้นหนังสือสูงตระหง่านติดตั้งบันไดไม้แบบเลื่อนได้ ทั้งหรูหราและคลาสสิก นี่เป็นห้องหนังสือในฝันของเขา เพียงแต่ไม่ได้มีหนังสือปกแข็งที่เลิกตีพิมพ์แล้วเต็มผนังแบบในจินตนาการ เพราะชั้นหนังสือทั้งสองฝั่งถูกคลุมด้วยผ้าคลุมทึบแสง
ลู่ตงตงวิ่งเข้ามา ส่ายหางดุกดิก “ปะป๊าพูดว่า ‘ตงตง กรุณาเปิดผ้าคลุม’ สิ รีบพูดเร็ว รีบพูดเร็ว”
ลู่อวี๋มุมปากกระตุก ทำตามอย่างหน่ายใจ “ตงตง กรุณาเปิดผ้าคลุม”
ลูกโป่งเงือกน้อยหยุดส่ายหางทันที แสร้งทำเป็นสมองอัจฉริยะทั่วไป ลอยตัวตรงแหน็วกลางอากาศ ดวงตาไร้แวว “รับทราบครับ”
ผ้าคลุมตรงหน้าถูกเก็บอย่างรวดเร็วเหมือนกับบาเรียแสงในหนัง sci-fi เผยโฉมหน้าที่แท้จริงของชั้นหนังสือในพริบตา
จากนั้นเขาก็เห็นคีย์บอร์ดเต็มผนัง!
“อู้ฟู่จริงๆ ” ลู่อวี๋อึ้งเล็กน้อย อดเอ่ยค่อนขอดไม่ได้ “เอาไปเปิดเป็นร้านขายคีย์บอร์ดได้เลยนะเนี่ย”
คีย์บอร์ดทั้งหมดล้วนถูกจับตั้งขึ้นโชว์อยู่บนชั้น มีทุกรูปแบบ ทุกสีสัน ดูแล้วเหมือนจะเป็นคีย์บอร์ดแบบคัสตอมหมดเลยด้วย ลู่อวี๋สุ่มหยิบขึ้นมา น้ำหนักจากโลหะหนักอึ้งจนเขาเกือบจับไม่อยู่ ตัวกรอบเคลือบโลหะเล่นแสงเปลี่ยนสีไปมาเรื่อยๆ ตามการขยับใต้แสงไฟ อย่างกับแสงนีออนในโลกไซเบอร์ ทั้งดูแพงและดูโทรมไปพร้อมกัน
เขายื่นสี่นิ้วไปเคาะแป้น สัมผัสนุ่มมือ เสียงคลิกไพเราะเสนาะหู ปุ่มกดทุกปุ่มมีเสียงเหมือนกันหมด ไม่มีเสียงรบกวนอื่นเลยแม้แต่น้อย จินตนาการได้เลยว่าถ้าเกิดพิมพ์เร็วๆ ติดๆ กันจะกลายเป็นเสียงไวท์นอยส์อันแสนไพเราะ และจะไม่ถูกรูมเมตขอร้องอ้อนวอนให้เปลี่ยนคีย์บอร์ดด้วยความเหลืออดอีก
ลู่อวี๋หัวเราะ โยน ‘เครื่องดนตรี’ โลหะก้อนนั้นกลับเข้าชั้นวาง “เด็กเรียนไม่เก่งมักมีอุปกรณ์การเรียนเยอะ ลู่ต้าอวี๋นี่มันขยะจริงๆ”
ครั้นหันหลังไปทางผนังอีกด้านหนึ่ง หางตาก็เหลือบไปเห็นน้องรองที่ยื่นหน้ายื่นคอเข้ามาในประตู
ลู่อวี๋ยกมุมปาก พูดเสียงจริงจัง “เฉียนเฉียน กรุณาเปิดผ้าคลุม”
เสิ่นไป๋สุ่ยที่ฉุนกึกโผล่ออกมาทันใด ก่อนเถียงกลับ “พูดกี่รอบแล้ว ฉันไม่ได้ชื่อเฉียนเฉียน! แล้วฉันก็เป็นสมองอัจฉริยะของหมิงเยี่ยน นายไม่มีสิทธิ์สั่งงานฉัน”
ลู่อวี๋เลิกคิ้ว “โอเค เสี่ยวไป๋ กรุณาเปิดผ้าคลุม”
ลูกโป่งท่านประธานรับคำสั่ง “ครับ”
จากนั้นผ้าคลุมชั้นหนังสือฝั่งนี้ก็ตกลงมาด้วยวิธีเดียวกัน
เขาเดาถูกจริงๆ ด้วย ผู้ช่วยสมองอัจฉริยะเมื่อทำเป็นสินค้าย่อมไม่มีทางปล่อยให้ลูกค้าเรียกชื่อของสมองอัจฉริยะแบบเต็มๆ ทั้งชื่อจริงทั้งนามสกุล ไม่อย่างนั้นจะฟังดูโง่มาก ถ้างั้นสมองอัจฉริยะก็ต้องมีชื่อเล่นอย่าง ‘เสี่ยวอ้าย เสี่ยวตู้’ แน่นอน ของลู่ตงตงก็ชื่อตงตง ส่วนเสิ่นไป๋สุ่ยก็ควรจะชื่อเสี่ยวไป๋
เสิ่นไป๋สุ่ยกอดอกยิ้มเย็น “เหอะ ชั่วช้าเหมือนลู่ต้าอวี๋ไม่มีผิด”
ลูกโป่งเงือกลอยเข้าไปฟาดหางใส่ก้นน้องชาย
ลูกโป่งท่านประธานกระแทกตัวกลับไป “ฉันพูดผิดตรงไหน แต่งงานเพราะข้อตกลง แต่เขากลับหน้าหนามาเปิดสิทธิ์ใช้งานสำหรับคู่สมรส สามารถเปิดสมองอัจฉริยะของหมิงเยี่ยนได้”
“ปะป๊าก็มีสิทธิ์ใช้งานฉันเหมือนกัน ฉันบ่นอะไรหรือยัง”
เจ้าเด็กทั้งสองเริ่มทะเลาะกัน เปิดเข้าสู่โหมดดีเบต
ลู่อวี๋ไม่สนใจพวกเขา เงยหน้ามองชั้นหนังสือฝั่งนี้ ด้านนี้ทั้งหมดล้วนเป็นหนังสือ แต่ส่วนใหญ่เป็นผลงานของลู่อวี๋เอง
ดูอย่างนี้แล้วหลายปีมานี้เขาเองก็เขียนนิยายเรื่องยาวจบไปสามเรื่อง และทุกเรื่องมีความยาวมากกว่าสามล้านตัวอักษร
เขาไล้มือผ่านสันหนังสือช้าๆ จำแนกตัวอักษรบนนั้น
เรื่องแรก ‘เงือกจอมราชัน’ แน่นอนอยู่แล้ว เรื่องนี้มีฉบับตีพิมพ์เป็นรูปเล่มหลายครั้ง และมีอยู่บนชั้นหนังสือนี้ทั้งหมด นอกจากฉบับตีพิมพ์ในประเทศแล้ว ยังมีฉบับแปลภาษาอังกฤษ รัสเซีย ฝรั่งเศส ไทย คงเป็นเพราะหนังสือเล่มนี้มีแบ็กกราวนด์เป็นตำนานคธูลู* จึงเป็นที่นิยมในชาวต่างชาติได้ง่าย
เรื่องที่สอง ‘เรือนทองคำ’ คือเรื่องของเสิ่นไป๋สุ่ย รูปหน้าปกวาดอย่างสวยงามโอ่อ่า แค่เห็นก็รู้แล้วว่ารวย ข้างๆ กันยังตั้งฟิกเกอร์ของเสิ่นไป๋สุ่ยไว้ด้วย เป็นท่าทางของท่านประธานที่นั่งโคลงแก้วไวน์แดงอยู่บนโซฟา
เรื่องสุดท้ายชื่อ ‘ทะลวงหมาป่าสวรรค์**’ เป็นนิยายที่มีเซ็ตติ้งยุคโบราณ ลู่อวี๋หยิบออกมาเปิดเล่นเล่มหนึ่ง หนังสือเล่มนี้ทำออกมาได้ประณีตมาก มันทำเลียนแบบสมุดเย็บสันแบบโบราณ สามารถกางอ่านแบบราบได้เลย
ตัวเอกในเรื่องชื่อว่าฮวาเหวินหย่วน เป็นแม่ทัพหนุ่มที่มีชีวิตในกลียุคซึ่งราชวงศ์กำลังล่มสลาย ประโยคเกริ่นนำของนิยายคือกลอนวรรคหนึ่ง
‘จักน้าวศรสลักโค้งดั่งจันทร์เพ็ญ แลเห็นพายัพ ยิงทะลวงหมาป่าสวรรค์’*
บนชั้นนอกจากหนังสือของเขาเองก็ยังมีผลงานของนักเขียนชื่อดังที่เขาอ่านบ่อยๆ และยังมีถ้วยรางวัลอีกหนึ่งแถว ลู่อวี๋รู้จักแค่อันเดียวคือถ้วยรางวัลจากปีที่เพิ่งเขียน ‘เงือกจอมราชัน’ ที่เว็บไซต์นิยายมอบรางวัล ‘ราชาหน้าใหม่’ ให้กับเขา ถ้วยรางวัลเป็นทรงคทาคริสตัลขนาดสั้นป้อม บนนั้นสลักตัวอักษรใหญ่ๆ ไว้ว่า ‘ราชาหน้าใหม่ จับปลาบนดินแล้ง’ ทั้งเชยทั้งเบียว
‘จับปลาบนดินแล้ง’ เป็นนามปากกาของลู่อวี๋
ถ้วยรางวัลอื่นๆ ลู่อวี๋ไม่เคยเห็นมาก่อน มีทั้งที่เว็บไซต์ให้ แล้วก็มีที่องค์กรอื่นให้ ถึงขั้นมีถ้วยรางวัลจากวงการเกมด้วย
ขณะนั้นเสิ่นไป๋สุ่ยโผล่ออกมาได้จังหวะพอดี เขาชี้ถ้วยรางวัลจากเกมแล้วอวยตัวเอง “นี่คือถ้วยรางวัลของฉัน ‘เรือนทองคำ’ ถูกสร้างเป็นเกม ได้กำไรเยอะมากด้วย ทำให้นายบรรลุ ‘เป้าหมายเล็กๆ’ เป็นครั้งแรกในชีวิต ตอนนี้รู้หรือยังล่ะว่าใครคือแหล่งรายได้ของบ้านหลังนี้ คือประธานเสิ่นอย่างฉันนี่แหละที่เป็นเสาหลักของบ้าน พวกนายควรจะเชื่อฟังฉัน”
ลู่อวี๋พยักหน้ารับ “ใช่ๆๆ เชื่อฟังนาย” แล้วหันไปทางโต๊ะหนังสือ เปิดคอมพิวเตอร์ เขาอยากดูว่าลู่ต้าอวี๋ทิ้งเบาะแสอะไรไว้ให้บ้างหรือเปล่า
ถึงแม้สมองอัจฉริยะจะเป็นที่แพร่หลายแล้ว แต่คอมพิวเตอร์ก็ยังเป็นสิ่งที่ขาดไม่ได้
หลังจากเปิดเครื่องจำเป็นต้องใส่รหัส ลู่ตงตงกับเสิ่นไป๋สุ่ยต่างวิ่งเข้ามาหา
ลู่ตงตง “ฉันรู้รหัส ถามฉันสิ”
เสิ่นไป๋สุ่ย “ขอร้องฉันสิ ขอร้องให้ฉันบอกรหัสนาย”
ลู่อวี๋ชำเลืองมองสองคนนั้นก่อนกรอกรหัสที่ใช้เป็นประจำโดยไม่แม้แต่จะคิด แล้วก็ถูกต้องอย่างที่เขาคิดไว้ “คิดว่าฉันจะไม่รู้เหรอว่าตัวเองเป็นคนยังไง สิบปีไม่เคยเปลี่ยนรหัสเลยสักครั้งเดียว”
หน้าเดสก์ท็อปคอมพิวเตอร์รกเละเทะมาก กระจัดกระจายไปด้วยต้นฉบับที่เขียนแบบส่งๆ บางไฟล์มีชื่อ บางไฟล์ไม่มีชื่อ วอลล์เปเปอร์เป็นรูปที่แคปมาจากหนังเก่า มันเป็นฉากจบของเรื่อง ‘ไซอิ๋ว เดี๋ยวลิงเดี๋ยวคน’
นักรบตะวันรอนกับจอมยุทธ์สาวกอดกัน มองแผ่นหลังของซุนหงอคงที่แบกกระบองทองเดินจากไป ก่อนพูดประโยคหนึ่งว่า ‘เขาดูเหมือนสุนัขเลย’
ลู่อวี๋จ้องรูปวอลล์เปเปอร์นั้นครู่ใหญ่ ไม่เข้าใจว่าลู่ต้าอวี๋อยากจะสื่ออะไร เขาไล่เปิดไฟล์เหล่านั้นทีละไฟล์ ส่วนใหญ่ล้วนเป็นไฟล์ที่จดแรงบันดาลใจที่กระจัดกระจาย แต่หลายๆ คำไม่ถ่ายทอดความคิด เรียบเรียงไม่เป็นประโยค มีไฟล์หนึ่งขนาดค่อนข้างใหญ่ ตั้งชื่อไฟล์ว่า ‘แผนการปรับแก้ฮวาเหวินหย่วน’
ในแผนการนั้นเขียนเกี่ยวกับการปรับแก้ฮวาเหวินหย่วน พระเอกของเรื่อง ‘ทะลวงหมาป่าสวรรค์’ ให้กลายเป็นผู้ช่วยสมองอัจฉริยะส่วนตัว ดูเหมือนลู่ต้าอวี๋อยากจะนำฮวาเหวินหย่วนมาโปรโมตเป็นสินค้าใหม่
แต่เห็นได้ชัดว่าไม่ค่อยราบรื่นเท่าไหร่ ลู่ต้าอวี๋คิดต่อไม่ไหว เขาเขียนไม่กี่บรรทัดก็เขียนแทรกสองสามประโยค
‘ไม่มีวิธีปรับเลย ฮวาเหวินหย่วนเป็นคนโบราณ ไม่มีทางยอมรับแนวคิดสมองอัจฉริยะได้ แต่ฉันก็ไม่มีผลงานอื่นแล้ว’
จากนั้นก็เป็นแบบแผนที่ฝืนเขียนขึ้นมา แล้วเขียนอีกสองสามบรรทัด จากนั้นก็เป็นบ้าต่อ เขียนเต็มหน้าว่า
‘หมิงเยี่ยน หมิงเยี่ยน หมิงเยี่ยน หมิงเยี่ยน…’
ลู่อวี๋รู้สึกว่าสิ่งที่ลู่ต้าอวี๋เขียนมีมลพิษต่อจิตใจอย่างรุนแรง เขาอ่านไปพักหนึ่งก็รู้สึกเหมือนตัวเองจะบ้าตามไปด้วย
เขานั่งหน้าคอมพิวเตอร์ เผชิญกับแสงจากหน้าจอที่ส่องสว่าง นิ่งเงียบไปครู่ใหญ่ก่อนตัดสินใจไม่ดู ปิดเครื่อง และนอน
ฟ้าถล่มลงมาก็คิดซะว่าเป็นผ้าห่มคลุมตัว ไม่ว่าลู่ต้าอวี๋จะมีความผิดปกติทางจิตใจอะไร เขาก็ไม่ใช่ลู่ต้าอวี๋คนนั้น
วันต่อมาลู่อวี๋ตื่นขึ้นหลังจากนอนเต็มอิ่ม ไม่นึกเลยว่าขอบตาคล้ำจะหายเกินครึ่ง อาการบวมที่หน้าก็หายไปแล้ว ตัวเขาดูเปล่งปลั่งมีชีวิตชีวา ระดับความน่าดึงดูดอัพเกรดขึ้นมาอีกหนึ่งขั้น
หมิงเยี่ยนเห็นเขาก็พยักหน้าด้วยความพึงพอใจ “แบบนี้ไม่ต้องกลัวโดนคนแอบถ่ายแล้ว”
ถึงจะพูดแบบนั้นหมิงเยี่ยนก็ยังแนะนำให้ลู่อวี๋สวมหน้ากากอนามัย ไม่ให้ใครจำเขาได้เลยจะเป็นการดีที่สุด ประการแรก เพราะว่าลู่อวี๋ขลุกตัวเขียนงานอยู่แต่ในบ้าน กลัวสังคมภายนอกมาก ถ้าถูกนักข่าวมองออกแล้วเข้ามารุมหรือไล่ตามคงลำบาก ประการต่อมา ตอนนี้ลู่อวี๋ยังไม่รู้เรื่องอะไรทั้งนั้น ถ้าถูกนักข่าวถามก็ไม่รู้จะตอบอะไร และถ้าเกิดพูดอะไรพลาดขึ้นมาจะยิ่งวุ่นวายไปใหญ่
“กลัวอะไร ลู่ต้าอวี๋กลัวนักข่าว แต่ผมไม่กลัว” ลู่อวี๋แสยะยิ้มมุมปากพลางเลือกชุดสูทมาสวมอย่างสุขใจ
นี่เป็นถึง ‘ช่วงเวลาของผู้ใหญ่’ ที่เขาใฝ่ฝันมานานเลยนะ ได้สวมชุดสูทราคาแพง ก้าวเท้าอย่างมั่นอกมั่นใจมุ่งสู่จักรวรรดิธุรกิจของตัวเอง เมื่อเจอนักข่าวสายเศรษฐกิจเข้ามาสัมภาษณ์แบบหาเรื่องก็แค่ยิ้มบางๆ ให้ ไม่มีทางลนลานเด็ดขาด
ประธานลู่ผู้ไม่มีทางลนลานเอาเนกไทมาคล้องคอ จากนั้นก็นิ่งจังงัง เขาที่เพิ่งจะบรรลุนิติภาวะผูกเนกไทไม่เป็น!
ลู่อวี๋ดึงปลายเนกไทที่คล้องอยู่บนคอสองฝั่ง ก่อนยื่นมือไปสะกิดหมิงเยี่ยนที่เพิ่งผูกเนกไทเสร็จอยู่ข้างๆ “พี่เยี่ยน ช่วยผมผูกหน่อยสิ”
หมิงเยี่ยนได้ยินคำเรียก ‘พี่เยี่ยน’ มือที่อยู่บนเนกไทก็สั่นอย่างอดไม่ได้ ก่อนหันไปมองลู่อวี๋
ลู่อวี๋ที่ไม่มีขอบตาดำคล้ำดูสะอาดสะอ้าน เข้ากับดวงตาหนุ่มน้อยใสแจ๋วคู่นั้น…ทำตัวน่ารักได้น่าอับอาย! ในฐานะ top มาทำน่ารักแบบนี้ยิ่งน่าอับอายกว่าอะไรดี!
หมิงเยี่ยนรับเนกไทมาผูกปมอย่างชำนาญพร้อมกำชับเสียงเบา “ตรงทางเข้าบริษัทอาจมีนักข่าวมาดักรอกันเป็นกอง พยายามอย่าไปตอบคำถามนักข่าว พวกเขาแค่มาดูเรื่องน่าตลกเฉยๆ”
ลู่อวี๋จ้องลำคอขาวผ่องที่เผยออกมาเล็กน้อยเพราะเจ้าตัวก้มหน้า เส้นเลือดสีเขียว ลูกกระเดือกงดงาม ไม่มีส่วนไหนไม่สมบูรณ์แบบ ยั่วยวนให้หมาป่าชั่วร้ายกระโจนเข้าใส่แล้วขย้ำแรงๆ หนึ่งคำ ทิ้งรอยฟันลึกไว้สองแถว เขากลืนน้ำลายบรรเทาความแห้งผากในลำคอ ถามอย่างใจไม่อยู่กับเนื้อกับตัว “ดูเรื่องน่าตลกอะไร”
ผูกเนกไทเสร็จแล้ว หมิงเยี่ยนยังช่วยเขาจัดปกเสื้อ ก่อนอธิบายอย่างใจเย็น “นายมีชื่อเสียงตั้งแต่อายุยังน้อย แล้วในช่วงที่อยู่บนจุดสูงสุดก็เปลี่ยนสายงานไปทำอุตสาหกรรมที่เติบโตขึ้นใหม่ที่สุด พวกนั้นไม่เชื่อว่านายจะทำได้ดี และยินดีจะยืนยันการคาดการณ์ของตัวเอง หวังว่าจะเห็นนายโชคไม่ดี”
ลู่อวี๋ลูบคาง ถ้ายืนอยู่ในมุมของลู่ต้าอวี๋ก็น่าเวทนา บริษัทเจอกับคอขวด ภรรยาก็ใกล้จะครบกำหนดเวลา แต่ในสายตาของเขาไม่เหมือนกันเลยสักนิด “งั้นพวกเขาต้องผิดหวังแล้วล่ะ ต่อให้เข้าตลาดหลักทรัพย์ไม่ได้ นั่นก็เป็นบริษัทที่มีคุณสมบัติในการจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ และ ‘กำลังจะเข้าตลาดหุ้นเร็วๆ นี้’ ด้วย ฉันยังอายุน้อย ประสบความสำเร็จในอาชีพ มีทั้งเมียทั้งเงิน มีทั้งลูกสาวลูกชาย เชิญพวกเขาอิจฉาตายไปเลย!”
ว่าจบก็เดินเชิดหน้าอย่างมุ่งมั่นกล้าหาญองอาจออกจากบ้านไป
เสิ่นไป๋สุ่ยลอยมาอยู่ข้างหมิงเยี่ยน “เขาบอกมีเมียกับลูกสาว อย่าบอกนะว่าหมายถึงพวกเราน่ะ”
หมิงเยี่ยนหยิบหน้าปัดนาฬิกาออกมาติดบนข้อมือ “หมายถึงเธอ”
* หลู่ซวิ่น เป็นนามปากกาของโจวจางโซ่ว หนึ่งในนักเขียนชาวจีนคนสำคัญของคริสต์ศตวรรษที่ 20 โดยมากจะเขียนวรรณคดีจีนสมัยใหม่ รวมทั้งวรรณคดีคลาสสิกจีน
* ตำนานคธูลู (The Cthulhu Mythos) คือจักรวาลเทพสมมติที่ H.P. Lovecraft เป็นผู้สร้างสรรค์และมี August William Derleth เป็นผู้เชื่อมโยงจักรวาลเข้าด้วยกันอย่างสมบูรณ์ โดยคธูลูเป็นตัวละครจากเรื่อง The Call of Cthulhu ซึ่งภายหลังจักรวาลนี้ทรงอิทธิพลจนกลายเป็นแรงบันดาลใจและแนวคิดให้นักเขียนหลายๆ ท่าน
** หมาป่าสวรรค์ หรือดาวเทียนหลาง เป็นชื่อของดาวโจร ดาวฤกษ์ที่สว่างที่สุดในตอนกลางคืนและสามารถมองเห็นได้ด้วยตาเปล่า คนโบราณเชื่อว่าดาวโจรเป็นสัญลักษณ์ของความอัปมงคลและความโหดเหี้ยม ในบทกวีมักถูกใช้เป็นสัญลักษณ์แทนศัตรูหรือภัยคุกคามจากแดนตะวันตกเฉียงเหนือ
* มาจากบทกวี ‘บุตรแห่งเจียงเฉิง ออกล่าในมี่โจว’ ประพันธ์โดยซูซื่อ กวีสมัยราชวงศ์ซ่ง บทกวีบรรยายถึงท่าทางองอาจยามน้าวคันธนูของทหารกล้า โดยผสมผสานความรู้สึกอยากปกป้องบ้านเมืองอันกล้าหาญของกวีเข้าไปด้วย
Comments
