ทดลองอ่าน ตื่นมารับภารกิจพิชิตหัวใจคุณสามี เล่ม 1 บทที่ 9-10 #นิยายวาย – Jamsai
Connect with us

Jamsai

everY

ทดลองอ่าน ตื่นมารับภารกิจพิชิตหัวใจคุณสามี เล่ม 1 บทที่ 9-10 #นิยายวาย

หน้าที่แล้ว1 of 2

ทดลองอ่านเรื่อง  ตื่นมารับภารกิจพิชิตหัวใจคุณสามี เล่ม 1

ผู้เขียน :  ลวี่เหยี่ยเชียนเฮ่อ (绿野千鹤)

แปลโดย :  qMondae

ผลงานเรื่อง : 再少年 (Zai Shao Nian)

ถือเป็นลิขสิทธิ์ของสำนักพิมพ์เอเวอร์วายในการเผยแพร่ผลงาน

จัดพิมพ์และจัดจำหน่ายในประเทศไทยแต่เพียงผู้เดียว

หากผู้ใดละเมิดลิขสิทธิ์จะถูกดำเนินคดีตามกฎหมาย

– – – – – – – – – – – – – – – – – 

Trigger Warning

นิยายเรื่องนี้เป็นเรื่องที่แต่งขึ้นจากจินตนาการของผู้เขียน

ไม่มีความเกี่ยวข้องกับบุคคล สถานที่ หรือเหตุการณ์จริงใดๆ

   

เนื้อหามีประเด็นอ่อนไหวเกี่ยวกับความรุนแรง ซึ่งอาจส่งผลกระทบทางจิตใจ

         

สำหรับผู้อ่านที่มีอายุ 18 ปีขึ้นไป

โปรดใช้วิจารณญาณในการอ่าน

 

** หมายเหตุยังไม่ใช่ต้นฉบับที่เสร็จสมบูรณ์ **

– – – – – – – – – – – – – – – – –

บทที่ 9

หนี้สิน

 

ไม่รอให้จ้าวเยียนชิงเข้าใจ เลขาฯ กับหยางเฉินก็มารับช่วงต่อ ดันตัวเขาออกจากห้องประชุมไป

เขาเพียงรู้สึกเหมือนมีลมโบกผ่าน ตามองประตูใหญ่ของห้องประชุมปิดดัง ‘ปัง’ จนเมื่อสติกลับมาตัวก็อยู่นอกห้องไปแล้ว

“ประธานจ้าว เชิญทางนี้ครับ” น้องชายเลขาฯ รักษาองศารอยยิ้มได้อย่างสมบูรณ์แบบ เชิญประธานจ้าวไปยังห้องรับรอง

เลขาฯ ดูท่าทางอย่างกับหุ่นยนต์ ทำอะไรก็เพอร์เฟ็กต์ไปหมดทุกสิ่ง ประหนึ่งว่าคำนวณมาแล้วทุกองศา เขารินน้ำชาให้จ้าวเยียนชิงแล้วก็ยกของว่างมาให้หนึ่งจาน ก่อนเอ่ยแนะนำอย่างใส่ใจ “ผมถามผู้ติดตามของคุณแล้ว คุณชอบกาแฟบลูเมาน์เทนอุณหภูมิหกสิบองศาเซลเซียสและบิสกิตแบบเค็ม บริษัทของเราไม่มีกาแฟบลูเมาน์เทน มีแต่เมล็ดกาแฟทั่วไป ทว่าก็รักษาอุณหภูมิไว้ที่หกสิบองศาครับ รบกวนดื่มแทนไปก่อนนะครับ”

จ้าวเยียนชิงยกแก้วกาแฟขึ้นดื่มหนึ่งอึก ก่อนพยักหน้าแบบนับว่าพึงพอใจ “เมื่อกี้ประธานลู่ของพวกนายเรียกฉันว่าประธานซีเหมินใช่หรือเปล่า เขาหมายความว่าไง” เขารู้สึกว่าคำนี้ไม่ได้หมายถึงอะไรดีๆ แน่

เลขาฯ หน้าไม่เปลี่ยนสี องศามุมปากไม่มีความเปลี่ยนแปลง “ได้ยินผิดแล้วล่ะครับ เขาบอกให้คุณไปทางประตูตะวันตก*

จ้าวเยียนชิงไล่สายตามองเลขาฯ ตัวน้อยหัวจรดเท้า เห็นว่าอีกฝ่ายหน้าตาสมส่วนดูดี สุภาพเรียบร้อย “…หัวไวดีนี่ ชื่ออะไรล่ะ”

“คุณเรียกผมว่าเสี่ยวเจียงก็ได้ครับ”

ประธานจ้าวดื่มกาแฟอีกหนึ่งคำ “ไม่สนใจมาทำงานที่ชิงฉวีแคปิตอลเหรอ ฉันจะให้เงินเดือนเยอะกว่าที่นี่หนึ่งจุดห้าเท่าเลย แถมยังได้ทำโปรเจ็กต์ด้วย เป็นไง”

เลขาฯ เสี่ยวเจียงดันแว่นพลางลุกขึ้นยืนช้าๆ “ขอบคุณสำหรับความกรุณาครับประธานจ้าว แต่ว่าผมเป็นคนของประธานเสิ่น ผมจะไม่ไปจากที่นี่ครับ”

“หืม?” จ้าวเยียนชิงอึ้ง เขาไม่เคยเห็นแซ่เสิ่นในรายชื่อบอร์ดบริหารระดับสูงของเฉินอวี๋เลย แล้วประธานเสิ่นนี่โผล่มาจากไหนกัน

 

อีกฝั่ง ในห้องประชุม

สิ่งที่เรียกว่าประชุมหารือเรื่องการระดมทุนนั่น ตอนนี้ก็มีแค่พวกเขาสามคนเท่านั้นที่เข้าร่วมประชุม

ลู่อวี๋ยังคงทำท่าเหมือนเดิม เกาะพนักพิงแล้วบ่นอุบ “เจ้าคนแซ่จ้าวนี่ดูยังไงก็ไม่ใช่คนดี”

“นั่นสิ” เหล่าหยางเห็นด้วย

หมิงเยี่ยนตบๆ แขนของลู่อวี๋ออก บอกให้เขาไปนั่งดีๆ “ยังไงเขาก็เป็นเสาทองคำของสถาบันการเงิน พวกนายต้องเกรงใจเขาหน่อย”

ลู่อวี๋เอาแขนออกอย่างไม่เต็มใจ แล้วทรุดนั่งลงข้างหมิงเยี่ยน หยิบจดหมายสอบถามบนโต๊ะขึ้นมาอ่าน พอได้เห็นเนื้อหาในนั้นชัดเจนสีหน้าก็ย่ำแย่ขึ้นมาทันใด “พี่จะหย่ากับผมเพราะไอ้นี่น่ะเหรอ”

“พวกเราจำเป็นต้องมีเงินก้อนนี้” หมิงเยี่ยนไม่ปฏิเสธ เพียงสั่งให้สมองอัจฉริยะฉายตารางการเงินออกมา “เครื่องจำลองที่นายทำใช้เงินทุนเยอะมาก พวกเรากู้เงินมาแล้ว แถมยังออกหุ้นกู้ของบริษัทด้วย”

สมองอัจฉริยะวงสีแดงที่คอลัมน์เงินกู้กับหนี้สินบริษัทโดยอัตโนมัติ แล้วก็วงช่องกำไรรายเดือนกับเงินฝากด้วยสีน้ำเงิน

หลังจากวงเสร็จ ไม่รอให้หมิงเยี่ยนเอ่ยปาก เจ้าสมองอัจฉริยะเสี่ยวไป๋ก็แสดงผลการคำนวณอย่างละเอียดตรงพื้นที่ว่างข้างๆ อย่างควบคุมตัวเองไม่ได้ และส่งเสียงของเสิ่นไป๋สุ่ยออกมา “จากการคำนวณ กำไรของเดือนนี้ยังคงเพียงพอที่จะชำระเงินกู้ที่จะครบกำหนดในเดือนนี้ได้ แต่ถ้าหากว่ากำไรของทุกเดือนไม่เพิ่มขึ้น ด้วยสถานะทางการเงินในตอนนี้จะไม่สามารถใช้หนี้บริษัทที่จะครบกำหนดในอีกสามเดือนข้างหน้าได้”

ลู่อวี๋สูดลมหายใจ อยากจะหยุดการโชว์สกิลอย่างอิสระของลูกคนรองมาก เขาเหลือบสายตาขึ้นมองเหล่าหยางที่สีหน้ายังคงเหมือนเดิม แล้วปิดปากอย่างสงบใจ

เขาเพิ่งจะนึกขึ้นได้ว่าข้อมูลดั้งเดิมของลู่ตงตงกับเสิ่นไป๋สุ่ยก็เป็นเหล่าหยางนี่แหละที่ปั้นขึ้นมากับมือ อีกฝ่ายย่อมเข้าใจถึงความแตกต่างที่ไม่เหมือนสมองอัจฉริยะตัวอื่นของเด็กสองคนนี้ดี

“ถ้าเกิดว่าครบกำหนดชำระแล้วเรายังได้เงินไม่พอ ก็จะตกอยู่ในวิกฤตหนี้สิน เครดิตของบริษัทต้องเจ๊งแน่” มือของหมิงเยี่ยนที่วางทับกันอยู่บนโต๊ะกำแน่น “และชิงฉวีแคปิตอลก็เป็นกลุ่มสถาบันการเงินเดียวที่ยื่นกิ่งมะกอก* มาให้เรา”

ในห้องประชุมตกอยู่ในความเงียบชั่วคราว

ลู่อวี๋ใช้สองนิ้วคีบจดหมายสอบถามใบนั้น “แล้วตอนนี้พวกเขาคิดอะไรอยู่ อยากให้พวกเราหย่ากัน?”

หยางเฉินเอื้อมมือไปหยิบจดหมายมาอ่าน “ก็แค่ถามแหละมั้ง ไม่ได้บอกนี่ว่าถ้าพวกนายไม่หย่าก็จะไม่ช่วยลงทุน”

หมิงเยี่ยนวิเคราะห์อย่างสงบ “ในเมื่อฝั่งผู้ลงทุนต้องการให้ไม่มีผู้ตัดสินใจร่วมกัน การหย่าก็น่าจะเซฟกว่าอยู่แล้ว”

“ฉันไม่เห็นด้วย! ไม่เห็นเคยได้ยินมาก่อนเลยว่าสามีภรรยาจะทำงานบริษัทเดียวกันไม่ได้ เมียของเศรษฐีอันดับหนึ่งของโลกยังเป็นผู้ถือหุ้นรายใหญ่ของบริษัทเขาด้วยซ้ำ” ลู่อวี๋พูดแล้วก็เลือดขึ้นหน้า ชี้ไปทางห้องรับรองแล้วอ้าปากด่ากราด “ฉันว่าไอ้เจ้าซีเหมินชิ่งนั่นใช้อำนาจในทางที่มิชอบ!”

หมิงเยี่ยนกำมือซ้ายแน่นจนปลายนิ้วเป็นสีขาว พูดขึ้นเสียงเล็กน้อย “เราแต่งงานกันด้วยเหตุผลทางธุรกิจ งั้นตอนนี้ถ้าหย่ากันเพื่อเหตุผลทางธุรกิจจะมีปัญหาอะไร แถมตกลงกันไว้ตั้งแต่แรกว่าสามปี ตอนนี้ก็ใกล้จะครบกำหนดแล้ว”

“ถ้าครบกำหนดแล้วพี่อยากหย่าเราก็มาปรึกษากันใหม่ได้ แต่จะหย่าเพราะถูกเขาขู่ไม่ได้ มันเป็นเรื่องของหลักการ!” ลู่อวี๋โมโหจนเส้นเลือดคอปูด ชี้จดหมายสอบถามฉบับนั้น “วันนี้เขาใช้มันทำให้เราสองคนหย่ากันได้ พรุ่งนี้ก็ทำให้พี่แต่งกับเขาได้ มะรืนก็ทำให้เหล่าหยางคลอดลูกให้เขาได้!”

เหล่าหยางที่กำลังเหม่อสะดุ้งโหยง “มะ…ไม่ค่อยเหมาะมั้ง”

ลู่อวี๋สูดหายใจเข้าลึกๆ ถูกเจ้าซีเหมินชิงเอาเงินฟาดหัวขู่ให้หย่าเนี่ยนะ เรื่องแบบนี้มันน่าน้อยใจมากจริงๆ “นอกจากเรื่องเงินทุนแล้ว พวกเรายังมีวิธีอื่นอีกหรือเปล่า”

หยางเฉินพยักหน้า “มีสิ อีกหนึ่งอาทิตย์จะมีไลฟ์ถ่ายทอดสดปรับแก้สินค้าใหม่ ถ้าโปรโมตสินค้าใหม่สำเร็จ พวกเราก็อาจจะได้กำไรสูงพอใช้หนี้ได้”

ในตอนนั้นเองสมองอัจฉริยะของหมิงเยี่ยนก็อดพูดแทรกไม่ได้ “จากการคำนวณของฉัน ขอแค่ยอดขายของน้องสามสูงถึงแปดสิบเปอร์เซ็นต์ของฉันก็สามารถใช้หนี้ที่จะครบกำหนดในอีกสามเดือนได้ แต่ว่านะ เขาเป็นคนยุคโบราณ แล้วยังซื่อบื้อน่ารำคาญ อาจจะขายไม่ดีก็ได้”

ประโยคสุดท้ายเป็นคำพูดของเสิ่นไป๋สุ่ยเอง ไม่มีค่าพอให้ใช้อ้างอิงได้จริง

ลู่อวี๋ตบมือ “ก็แค่นั้นเองนี่ ไป พวกเราไปดูเครื่องจำลองกัน”

หมิงเยี่ยนไม่พูดอะไรอีก ได้แต่เดินตามสองหนุ่มที่ดีอกดีใจออกไปข้างนอกเงียบๆ

เครื่องจำลองที่ว่า ชื่อเต็มของมันคือเครื่องจำลองโลกนวนิยายแบบโฮโลแกรม…รุ่นเฉินอวี๋สเปเชียลอีดิชั่น ทั้งโลกมีแค่เครื่องนี้เครื่องเดียวเท่านั้น ลู่ต้าอวี๋ไปสั่งทำมันกับบริษัทเกมโฮโลกราฟีขั้นสูงจากต่างประเทศ แล้วก็ผ่านการปรับแต่งใหม่อย่างทรงพลังดั่งม้าสวรรค์ทะยานฟ้าจากเขากับหยางเฉิน

ตั้งแต่ที่สมองอัจฉริยะออกมาเปิดตัวต่อชาวโลก ‘โฮโลแกรม’ ที่เห็นได้บ่อยในผลงานแฟนตาซี sci-fi เองก็ถือกำเนิดขึ้นมาตามกัน สามารถทำให้ผู้คนเข้าไปอยู่ในสภาพแวดล้อมเสมือนจริงนั้นด้วยตัวเองได้ พร้อมรับสัมผัสจากทุกด้าน ไม่ว่าจะการมองเห็น การได้ยิน การได้กลิ่น หรือการสัมผัส เพียงแต่ว่าปัจจุบันนี้อุปกรณ์ของเกมโฮโลแกรมยังแพงอยู่มาก มันฮิตอยู่แค่ในกลุ่มเล็กๆ ของเหล่าคนรวยเท่านั้น

“โฮโลแกรมสินะ” ลู่อวี๋ฟังหมิงเยี่ยนกระซิบอธิบายให้เขาฟัง แล้วก็ค่อนข้างตั้งตารอเลยทีเดียว “ลู่ต้าอวี๋ซื้อแคปซูลเกมมิ่งโฮโลแกรมมาปรับแต่งเยอะมากเลยเหรอ” ถ้าเกิดซื้อแค่เครื่องเดียวก็ไม่น่าจะใช้เงินเยอะขนาดนั้น

หมิงเยี่ยนมองเขาด้วยสายตามีความหมายลึกซึ้ง “เขาซื้อเซิร์ฟเวอร์มาทั้งชุด”

เท่ากับว่าขนบริษัทเกมบริษัทหนึ่งกลับมา สุดยอดของสุดยอดเผาผลาญเงิน

“…” ลู่อวี๋มองเซิร์ฟเวอร์ขนาดใหญ่ที่ครองพื้นที่ไปทั้งชั้นตรงหน้านี้ ริมฝีปากสั่นระริก พูดอะไรไม่ออกทั้งนั้น

มิน่าล่ะ ทำไมถึงติดหนี้ก้อนโตขนาดนั้น!

และในฐานะที่เป็นผู้ลงทุนในอนาคต ประธานจ้าวเองก็โชคดีได้มาเข้าชมที่นี่ด้วย

หยางเฉินเอ่ยแนะนำความสามารถของเครื่องจำลองนี้อย่างง่ายๆ “พูดง่ายๆ ก็คือเราสามารถจำลองโลกในนิยายออกมาได้ โดยการสร้างเป็นภาพโฮโลแกรม ถ้าใช้ควบคู่กับแคปซูลเกมมิ่งก็สามารถมีปฏิสัมพันธ์หรือพูดคุยกับตัวละครในนิยายได้”

“พวกคุณผลาญเงินไปมากมายเพื่อสิ่งนี้น่ะเหรอ” จ้าวเยียนชิงในฐานะที่เป็นคนนอกวงการที่ทำงานด้านการเงินคนหนึ่งไม่ค่อยจะเข้าใจเท่าไหร่นัก

“เดี๋ยวสักพักเปิดเครื่องให้ดูคุณก็จะเข้าใจเอง มันคุ้มค่าแน่นอน” เหล่าหยางตื่นเต้นมาก เขามองเซิร์ฟเวอร์ที่เหมือนสัตว์ประหลาดยักษ์พวกนี้ราวกับมองยอดคนงามแห่งใต้หล้าอะไรทำนองนั้น

พอได้ดูเซิร์ฟเวอร์แล้วทุกคนก็มายังห้องปฏิบัติการ ที่นี่ต่างจากห้องเครื่องที่มืดทึบเงียบสงัดมาก มันสว่างจ้าและประณีต ในห้องปูพรมหนา จัดวางแคปซูลรูปทรงไข่หลายเครื่อง โครงสร้างโค้งมนลู่ลม เปี่ยมล้นด้วยความล้ำยุค

เมื่อได้เห็นสิ่งนี้จ้าวเยียนชิงก็เริ่มสนอกสนใจ “เดี๋ยวผมเข้าไปลองด้วยสักหน่อย”

เหล่าหยางมองเขาด้วยสายตารังเกียจ “ได้ๆๆ อย่าเสียใจทีหลังแล้วกันครับ”

“ประธานหยางของพวกเราต้องการจะสื่อว่าเครื่องจำลองทำงานร่วมกับแคปซูลเกมมิ่งทำให้อาจจะมีการสะเทือนจิตใจนิดหน่อย หวังว่าคุณจะเตรียมใจให้พร้อมครับ” เสี่ยวเจียงแปลความหมายให้อย่างใส่ใจ

จ้าวเยียนชิงได้ฟังแล้วรู้สึกสบายใจขึ้นมา เขาเหลือบมองรายชื่อผู้บริหารระดับสูงอีกครั้ง หลังมั่นใจว่าไม่มีประธานเสิ่นที่ว่านั่นก็ปักใจไปแล้วว่าเสี่ยวเจียงแค่หาข้ออ้างปฏิเสธเขา เขาจึงตัดสินใจแน่วแน่แล้วว่ารอเข้าชมเสร็จจะขอดึงตัวเสี่ยวเจียงไปทำงานด้วยกับหมิงเยี่ยนตรงๆ

ขณะกำลังคิดแบบนั้นเขาก็ขยับเข้าใกล้หมิงเยี่ยน “ประธานหมิงช่วยนั่งใกล้กับผมหน่อยได้ไหมครับ”

ลู่อวี๋เข่นเขี้ยว ยกเท้าขึ้นหมายจะเข้าไปต่อยคน แต่ก็ถูกหยางเฉินรั้งไว้ “อย่าใจร้อน เดี๋ยวค่อยเข้าไปต่อยในนิยาย ฉันเลือกโลกของตงตงไว้ เอาให้มันฉี่ราดไปเลย!”

ลู่อวี๋เหลือบมองหน้าจอ

 

‘กำลังดาวน์โหลดโลก เงือกจอมราชัน…’

 

ลู่อวี๋ยื่นมือไปคว้าหลังคอเสื้อซีเหมินชิงที่จะเข้าไปเกาะแกะหมิงเยี่ยน “คุณไปนั่งข้างเหล่าหยางครับ”

หยางเฉินลงไปนั่งที่เครื่องข้างๆ ประธานจ้าวอย่างกระตือรือร้น แล้วคาดเข็มขัดนิรภัยให้อีกฝ่ายด้วยใบหน้าไม่สบอารมณ์โดยไม่รอฟังคำอธิบายใดๆ “เรานั่งด้วยกันดีกว่า ผมค่อนข้างคุ้นเคยกับเจ้าเครื่องนี้ จะได้ดูแลคุณได้”

ว่าจบเหล่าหยางก็ลุกขึ้นติดตั้งอุปกรณ์ให้หมิงเยี่ยนกับลู่อวี๋ แล้วก็นั่งกลับลงไป หยิบหมวกกันน็อกโฮโลแกรมขึ้นมาเตรียมจะสวมใส่ พลันนึกอะไรขึ้นได้ก็วางมันลง แล้วเอื้อมตัวเข้าไปกระซิบกับประธานจ้าว

“คือว่า ผมหัวล้านกรรมพันธุ์นะครับ มันส่งต่อไปถึงรุ่นลูกได้”

ประธานจ้าวไม่ค่อยเข้าใจนัก “พูดเรื่องนี้กับผมทำไมครับ”

เหล่าหยาง “แค่กๆ ไม่มีอะไร แค่ฉีดวัคซีนกันไว้ก่อน คุณรู้ไว้ก็พอแล้วครับ”

ประธานจ้าว “???”

 

* ‘ไปทางประตูตะวันตก’ ออกเสียงว่า ‘ซีเหมินโจ่ว’ (西门走) ซึ่งคล้ายกับคำว่า ‘ซีเหมินจ่ง’ (西门总) ที่หมายถึงประธานซีเหมิน

* ยื่นกิ่งมะกอก หมายถึงการแสดงความพร้อมที่จะเจรจาหรือสมานฉันท์

หน้าที่แล้ว1 of 2

Comments

comments

No tags for this post.
Continue Reading

More in everY

บทความยอดนิยม

everY

ทดลองอ่าน เขตห้ามรักฉบับเบต้า เล่ม 1 Chapter 2.1-2.2 #นิยายวาย

ทดลองอ่าน เรื่อง เขตห้ามรักฉบับเบต้า เล่ม 1 ผู้เขียน : MINTRAN แปลโดย : ทันบี ผลงานเรื่อง : 배타적 연애 금지구역 ถือเป็นลิขสิทธิ์...

ทดลองอ่าน

ทดลองอ่าน เชิดรักมังกรซ่อนเงาหงส์ บทที่ 1-2

บทที่ 1 เสียงเคาะระฆังบอกโมงยามดังขึ้นครั้งแล้วครั้งเล่า เสียงอันคุ้นเคยเตือนให้คนเก่าคนแก่ในวังตระหนักได้ว่าเพลานี้เป็น...

ชาตินี้ข้าจะรักท่านให้มาก

ทดลองอ่าน ชาตินี้ข้าจะรักท่านให้มาก บทที่ 1-2

บทที่ 1 ต้นฤดูใบไม้ร่วง ท้องฟ้าสีฟ้าคราม สายลมโชยอ่อนพัดแผ่ว ม่านโปร่งบนศาลาริมน้ำขยับไหว ที่อยู่หลังม่านโปร่งคือโฉมสะคร...

ทดลองอ่าน

ทดลองอ่าน สานวาสนากับท่านอาของอดีตคู่หมั้น บทที่ 1-2

บทที่ 1 เวลาเช้าตรู่กู้เจี้ยนหลีรออยู่หน้าโรงจำนำเป็นเวลานานมากแล้ว ในมือของนางกำปิ่นรูปผีเสื้อคู่ประดับพู่ระย้าไว้อันหน...

ทดลองอ่าน

ทดลองอ่าน เชิดรักมังกรซ่อนเงาหงส์ บทที่ 3-4

บทที่ 3 เนี่ยชิงหลินได้ยินคำพูดเช่นนี้จึงเงยหน้าขึ้นเหลือบมองสีหน้าเย็นชาเข้มงวดของเว่ยเหลิ่งเหยาปราดหนึ่ง นางลังเลอยู่ช...

community.jamsai.com