everY
ทดลองอ่าน ตื่นมารับภารกิจพิชิตหัวใจคุณสามี เล่ม 1 บทที่ 11-12 #นิยายวาย
บทที่ 12
ท่องจำ
เหล่าหยางแสนอับจนปัญญา “ได้ๆๆ คืนให้ๆ เอาตามดอกเบี้ยเงินฝากของธนาคารคือสองเปอร์เซ็นต์ ดอกเบี้ยสิบปีได้ศูนย์จุดเจ็ดเหมา รวมเป็นสี่จุดสองหยวน”
ว่าจบสมองอัจฉริยะของลู่อวี๋ก็ได้รับเงินโอนสี่จุดสองหยวน แล้วก็อดจุปากชื่นชมไม่ได้ “โห คณิตศาสตร์ของนายตอนนี้ใช้ได้เลยนี่ คำนวณเป๊ะสุด”
หยางเฉิน “ไสหัวไปเลย ข้าเคยคณิตศาสตร์ไม่ดีด้วยเหรอ”
“ฮิๆ รวยแล้วๆ ” ลู่อวี๋โอบคอเหล่าหยางอย่างสุขใจ “ไปๆๆ มื้อเที่ยงฉันเลี้ยงไอติมโบราณนายสามแท่งเลย”
“ฉันไปทำกรรมอะไรมาหรือไงถึงได้มาเจอคนแบบนาย” เหล่าหยางบ่นว่าไม่หยุด
สุดท้ายทั้งสามก็ไม่ได้กินอะไรดีๆ นัก เพราะว่าอาทิตย์หน้าก็ต้องเปิดไลฟ์สตรีมแล้ว งานที่ต้องเตรียมมีเยอะเหลือเกิน เหล่าหยางยุ่งจนส้นเท้ากระแทกท้ายทอย* กินข้าวรองท้องที่โรงอาหารเสร็จก็ต้องวิ่งวุ่นกลับไปทำงาน
ภายในออฟฟิศยามบ่าย ลู่อวี๋หมกตัวอ่านหนังสือนิยายอยู่ในห้องทำงานของหมิงเยี่ยน
เขาต้องรีบอ่าน ‘ทะลวงหมาป่าสวรรค์’ นิยายสี่ล้านตัวอักษร เหลือเวลาไม่ถึงเจ็ดวัน วันหนึ่งต้องอ่านหกแสนตัวอักษร กล่าวตามหลักแล้วมันเป็นภารกิจที่ไม่มีทางทำให้สำเร็จได้เลย โชคดีที่เป็นนิยายที่ตัวเองเขียน เขารู้ว่าตรงไหนคือใจความสำคัญ ตรงไหนคือบทไร้สาระ อ่านผ่านๆ ได้สิบบรรทัดในพริบตา
หมิงเยี่ยนมองเจ้าคนที่ซุกอยู่บนโซฟาอย่างกับไม่มีกระดูกอย่างไรอย่างนั้น “ทำไมนายถึงไม่ไปอ่านที่ห้องทำงานตัวเองล่ะ”
ลู่อวี๋เงยหน้าขึ้นฉีกยิ้มยิงฟัน “ทำการบ้านด้วยกันสองคนประสิทธิภาพสูงกว่า ถ้าทำคนเดียวแอบอู้ง่าย”
อ่านนิยายขนาดนี้ ยังจะอู้อะไรอีก หมิงเยี่ยนเอือมระอา จากนั้นก็ไม่สนใจเขาอีก โฟกัสกับการวาดรูปของตัวเอง
ตัวละครและฉากในเครื่องจำลองจำเป็นต้องวาดไว้ล่วงหน้า ระดับความละเอียดก็ต้องสูงมากเช่นกัน เฉินอวี๋มีทีมอาร์ตที่ใหญ่มากหนึ่งทีม ทุกๆ วันต้องทำงานล่วงเวลาเพื่อวาดรูป และดราฟต์ที่สำคัญทั้งหมดก็ต้องเอามายื่นให้หมิงเยี่ยนอนุมัติ สั่งแก้ เพื่อให้สไตล์ภาพออกมาในทางเดียวกัน
ส่วนตัวละครหลักอย่างฮวาเหวินหย่วนนั้นหมิงเยี่ยนจะเป็นคนวาดด้วยตัวเอง
เม้าส์ปากกาตวัดวาดลงบนหน้าจอ แม่ทัพหนุ่มในชุดสีแดงง้างคันธนูเตรียมปล่อยลูกศร ความมุ่งมั่นฮึกเหิมเต็มเปี่ยม สองนิ้วกางออก ซูมเข้าไปดูในรูป ตรงปลายโลหะของคันธนูถูกวาดดอกไม้เล็กๆ หนึ่งดอก เมื่อซูมออกมาก็มองไม่เห็นดอกไม้เล็กๆ ที่ถูกซ่อนไว้ดอกนั้นแล้ว
หมิงเยี่ยนพอใจมาก ทว่าเมื่อเงยหน้าขึ้นก็ต้องสะดุ้งตกใจ
ลู่อวี๋ที่ควรจะอ่านหนังสืออยู่บนโซฟากลับมาหมอบเกาะฝั่งตรงข้ามของโต๊ะทำงานเขาตั้งแต่เมื่อไหร่ไม่รู้ แล้วยังมองเขาตาเป็นประกายอีก
หมิงเยี่ยนเหลือบมองเขา “ทำอะไร”
ลู่อวี๋มองแพขนตาเรียวยาวของหมิงเยี่ยน หัวใจคันยุบยิบ “รุ่นพี่ พี่กับลู่ต้าอวี๋ไม่ได้มีอะไรในกอไผ่กันจริงๆ เหรอ”
“นายคิดว่าไงล่ะ” หมิงเยี่ยนก้มหน้า เติมเต็มรายละเอียดในรูปต่อ
ลู่อวี๋เบะปาก “เขาไม่น่าจะห่วยแตกขนาดนี้นะ สิบปีแล้วยังจีบไม่ติดอีก”
หมิงเยี่ยนมือชะงัก “ความคิดของคนเปลี่ยนไปได้เสมอ นายตอนสิบแปดชอบฉัน ตอนสิบเก้าก็อาจจะไม่ได้ชอบแล้ว”
“ไม่มีทาง!” ลู่อวี๋เถียงกลับโดยไม่แม้แต่จะคิด “ถึงอายุเก้าสิบแปดผมก็ยังจะชอบพี่!”
หมิงเยี่ยนเหลือบสายตาขึ้นมองเขา
ลู่อวี๋จู่ๆ ก็เงียบกริบ หน้าเขาค่อยๆ ขึ้นสีแดง เขาเพิ่งมารู้สึกตัวกับ ‘ตอนสิบแปด ชอบฉัน’ ที่แท้ตอนนั้นเทพบุตรก็รู้อยู่แล้วว่าเขาชอบอีกฝ่าย
ที่จริงตอนนั้นเขาเคยเล่าให้เหล่าหยางฟังว่าที่หมิงเยี่ยนยอมรับคอมมิชชั่นจากเขาก็เพราะชอบเขา เขาแค่โม้ไปอย่างนั้น ไม่ได้มั่นใจเลยว่าเทพบุตรเข้าใจสิ่งที่เขาสื่อออกไปหรือเปล่า บางทีอาจจะมองว่าเขาเป็นแค่ลูกค้าที่มาจ้างคนหนึ่งจริงๆ ทว่าแท้จริงแล้วหมิงเยี่ยนกลับรู้หมดทุกอย่าง
ความสุขที่ไม่อาจหาคำมาบรรยายได้แผ่ซ่านไปทั้งหัวใจ ไม่รอให้ลู่อวี๋ลุกขึ้นอายม้วน ปลายจมูกแดงแจ๋จู่ๆ ก็ถูกปากกาเคาะเบาๆ
“ถ้าโกหกจมูกจะยาวขึ้นนะ” หมิงเยี่ยนยกแขนหนึ่งข้างขึ้นเท้าคาง เหมือนจะยิ้มแต่ไม่ได้ยิ้ม
ลู่อวี๋ที่ถูกจิ้มจมูกรู้สึกชาวาบๆ ตรงนั้น แต่ในใจกลับไม่สบอารมณ์นัก รุ่นพี่ที่เขารู้จักเป็นคุณชายหยิ่งยโสนิสัยไม่ดีที่เข้าหายาก หน้าตาหล่อทะลุฟ้าแต่กลับไม่มีใครกล้าเข้าไปขอวีแชต ตอนนี้กลับเป็นพี่ชายข้างบ้านที่มักควบคุมอารมณ์อยู่เสมอ ถึงขั้นดูมีความขี้กังวลอยู่หลายส่วนด้วย มันไม่ถูกต้องเลย
ถ้าเป็นเมื่อก่อน อันธพาลแก่อย่างจ้าวเยียนชิงคงถูกคุณชายหมิงสาดกาแฟใส่ไปนานแล้ว
เขายอมให้หมิงเยี่ยนดุเขา ไล่เขาให้ไสหัวไปเล่นไกลๆ ดีกว่าจะต้องมาเห็นหมิงเยี่ยนพูดจาหดหู่เศร้าสร้อย สร้างบรรยากาศเหมือนกล่อมเด็กแบบนี้
ไอ้เจ้าลู่ต้าอวี๋รู้จักแต่ทำความชั่ว!
ลู่อวี๋วางแผนจะถามกับใครสักคนว่าตกลงหลายปีที่ผ่านมาเกิดอะไรขึ้นบ้าง คนที่เหมาะกับหน้าที่นี้ที่สุดคือเหล่าหยาง แต่ถ้าจู่ๆ โผล่หน้าไปถามแบบนั้นเหล่าหยางต้องรู้สึกว่าเขาเป็นโรคอัลไซเมอร์แน่ แต่ก็บอกว่าตัวเองข้ามเวลามาจากอดีตก็ไม่ได้อีก ต้องมอมเหล่าหยางแล้วหลอกถามข้อมูล!
แต่ว่าก็ต้องรอให้เขาอ่าน ‘ทะลวงหมาป่าสวรรค์’ จบก่อน เรื่องนี้เป็นเรื่องด่วนมากเหลือเกิน
“ฮัดชิ่ว” หยางเฉินที่เร่งเขียนโค้ดอย่างบ้าคลั่งอยู่ในห้องข้างๆ จู่ๆ ก็จามออกมา “รู้สึกเหมือนโดนอะไรสักอย่างหมายหัวเลยอะ”
ลู่อวี๋ไม่รบกวนหมิงเยี่ยนอีก หมอบเกาะโต๊ะหมิงเยี่ยนแล้วอ่านหนังสือเงียบๆ
อ่านเอาโครงเรื่องคร่าวๆ ก่อน
ฮวาเหวินหย่วนเป็นคุณชายน้อยจากตระกูลขุนนางที่เป็นแม่ทัพ สกุลฮวาประกาศกับภายนอกเสมอว่าเขาร่างกายไม่ดี มีอายุขัยได้ไม่พ้นสิบแปด ที่จริงก็เพราะว่าสกุลฮวาไม่อยากให้เขาไปสนามรบ ท่านลุง ท่านพี่หลายๆ คนของเขาล้วนสิ้นชีพบนสนามรบทั้งสิ้น และในยุคสมัยนั้นราชสำนักก็ไร้คุณธรรม บ้านเมืองเต็มไปด้วยปัญหาทั้งนอกและใน ประชาราษฎร์ตกทุกข์ได้ยาก
จุดเริ่มต้นของเรื่องคือฮวาเหวินหย่วนได้กลับมาเกิดใหม่อีกครั้ง เขารู้ว่าราชวงศ์นี้กำลังมาถึงทางตันแล้ว เขาจะต้องยึดอำนาจทางการทหารมาไว้ในมือให้ได้ก่อนจะจัดการปัญหาภายในแล้วค่อยรับมือกับศัตรูภายนอก เขาจะไม่เป็นขุนนางโง่เง่าผู้จงรักภักดีคนนั้นอีก ในเมื่อสังคมนี้ไม่ให้เขามีชีวิต ไม่ให้ราษฎรอยู่รอด เช่นนั้นเขาจะก่อกบฏลุกขึ้นโค่นบัลลังก์สวรรค์เพื่อสร้างความสงบสุขให้ใต้หล้าเอง!
ฮวาเหวินหย่วนถนัดอาวุธธนูเป็นพิเศษ ฝีมือการยิงธนูของเขาโดดเด่น และยังเป็นเทพนักธนูอันดับหนึ่งในใต้หล้า เขาซื่อตรงกล้าหาญ สง่างาม และเด็ดขาด หักเป็นหักไม่มีงอ…
ลู่อวี๋ลูบคาง เขาคิดว่าบทบรรยายของตัวละครนี้มีนัยบางอย่างแฝงอยู่ ไม่รู้ว่าตอนนั้นลู่ต้าอวี๋เขียนด้วยอารมณ์แบบไหน เขาอยากกระตือรือร้นทะเยอทะยานก่อตั้งกิจการขยายอาณาเขต ก็เลยสร้างแม่ทัพหนุ่มที่กล้าหาญไม่กริ่งเกรงต่อสิ่งใดแบบนี้ออกมา หรือว่าเขาในชีวิตจริงเป็นพวกไม่เด็ดขาด ยืดเยื้อ จู้จี้จุกจิก ก็เลยหวังว่าตัวเองจะเด็ดขาดเหมือนกับฮวาเหวินหย่วน
นี่เป็นเรื่องสุดท้ายที่ลู่ต้าอวี๋เขียน บางทีในย่อหน้าเหล่านี้เขาอาจจะค้นพบสาเหตุที่ทำให้เจ้าหมอนี่กลายเป็นคนหมดอาลัยตายอยากในตอนหลังก็ได้
เมื่อคิดได้แบบนั้นลู่อวี๋ก็อ่านใหม่ตั้งแต่แรก
ต้นเรื่องเปิดด้วยเรื่องของชาติที่แล้ว
ปลายราชวงศ์โจว ภัยพิบัติเกิดขึ้นไม่ขาดสาย ภายนอกมีศัตรูแกร่งจ้องโจมตี ภายในก็เต็มไปด้วยขันทีมากอำนาจและขุนนางกังฉิน ราษฎรทุกข์ยาก ในฐานะที่ฮวาเหวินหย่วนเป็นแม่ทัพผู้ครองดินแดน เขายืนหยัดปกป้องด่านสำคัญนานถึงสามปี ทว่ากลับถูกปองร้ายโดยคนทรยศ ฮ่องเต้มีราชโองการมาถึงเขาเก้าฉบับติดต่อกัน สั่งให้เขากลับไปรับการไต่สวนที่เมืองหลวงโดยด่วน เสบียงอาหารถูกตัดขาดเส้นทาง กองทัพเริ่มอ่อนล้า เขาจึงควบม้าออกไปจากประตูเมืองด้วยความมุ่งมั่น และสุดท้ายแม่ทัพเทพแห่งธนูก็ถูกลูกธนูนับพันทะลวงร่างอยู่ท่ามกลางพายุหิมะนอกด่าน แม้ตายก็ยังไม่อาจหลับตาลง
ตื่นขึ้นมาอีกครั้งเขาก็ย้อนกลับมาในคืนก่อนที่จะถูกตระกูลบังคับแต่งภรรยาในวัยสิบหกปี…
ลู่อวี๋อ่านแล้วเลือดลมสูบฉีด ตื่นเต้นจนลืมตัว อดไม่ได้ที่จะอุทานออกมาดังลั่น “เขียนโคตรดีเลย คนแต่งนี่มันอัจฉริยะชัดๆ สำนวนการเขียนโคตรสุดอะ!”
หมิงเยี่ยนตกใจกับเสียงตะโกนจนมือกระตุก เผลอเติมหนวดให้ฮวาเหวินหย่วนไปข้างหนึ่ง เขาวางเม้าส์ปากกาลงอย่างเหลืออด ก่อนไล่เจ้าปีศาจน่ารำคาญตรงหน้าออกไป
ลู่อวี๋ถูกโยนออกนอกห้องทำงานและไม่กล้ากลับเข้าไปอีก ได้แต่หน้าม่อยหนีมาอยู่ในห้องฟิตเนสภายในของบริษัท ฟังหนังสือเสียงไปด้วยออกกำลังกายไปด้วย โดยที่เปิดเครื่องอ่านหนังสือให้เล่นเร็วแบบสามเท่า ความเร็วลู่วิ่งของลู่อวี๋ก็เลยจังหวะเร็วขึ้นตามไปด้วย
จนหมิงเยี่ยนเลิกงานออกมาตามหาเขา ลู่อวี๋ก็นอนแหมะตัวเหลวอยู่บนเครื่องซิตอัพ นิ่งไม่ไหวติงอย่างกับผ้าขนหนูเปียก แต่ก็ยังคงท่องอย่างยืนหยัดไม่ยอมแพ้ว่า “8335927 รุ่นพี่ชอบกินไก่ทอดกรอบโรยเกลือ 6421970 ฮวาเหวินหย่วนบุกโจมตีเมืองเฟิ่งหวงใต้แสงจันทร์ ขันทีจางหย่งเผาเสบียงทหารและหญ้าม้า พานชีทหารชั้นผู้น้อยสร้างคุณูปการครั้งใหญ่…”
หมิงเยี่ยนได้ยินแล้วปวดกะโหลกจึงถาม “ตัวเลขที่นายท่องมันคืออะไร”
ลู่อวี๋นอนเงยหน้ากลับหัวมองเขา “เลขหวยไง จากที่ผมวิเคราะห์กับหมอเชวียเต๋อมา ถ้าเกิดว่าลู่ต้าอวี๋ย้อนกลับไป งั้นอีกไม่นานเราสองคนก็จะถูกสลับกลับไปที่เดิม พอผมกลับไปแล้วมันก็จะเป็นเงินถังแรกของผม เดี๋ยวถึงตอนนั้นผมซื้องวดแรก เหล่าหยางซื้องวดที่สอง แล้วพวกเราก็จะรวยด้วยกัน ฮิๆๆ”
แผนเยอะจริงเชียว
หมิงเยี่ยนเดินไปตรงหน้าเขา ก้มลงยิ้มพลางมองอีกฝ่าย “ถ้าได้เงินก้อนมาแล้วนายคิดจะทำอะไร”
ลู่อวี๋ยกมือขึ้นหักนิ้วนับ “ก่อนอื่นก็เอาเงินคืนตระกูลลู่ก่อน จากนั้นก็ซื้อบ้านสักหลังมาอยู่กับพี่ ขอมอร์นิ่งคิสทุกเช้า ฮิๆๆ…โอ๊ย ผมจะขาดอากาศหายใจแล้ว!”
ลู่อวี๋ที่กำลังหัวเราะได้ใจพลันหัวเราะไม่ออก เขาดิ้นพล่านเป็นหนอนแมลงวันอยู่บนเครื่องซิตอัพกว่าจะพยายามสูดลมหายใจเข้าได้สักเฮือก ก่อนตะโกนด่าอย่างเจ็บแค้นใจ “ลู่ต้าอวี๋ไอ้เศษขยะไร้ค่าเอ๊ย!”
หมิงเยี่ยนมองลู่เสี่ยวอวี๋ที่พลังเหลือล้น นัยน์ตาก็สั่นไหวเบาๆ “งั้นถ้ากลับไปไม่ได้ล่ะ”
“ถ้ากลับไปไม่ได้…” ลู่อวี๋แหงนหน้ามองเขา พลันยื่นมือออกไปคล้องรอบคอหมิงเยี่ยน “งั้นผมจะขอคิสๆ ตอนนี้เลย!”
* ส้นเท้ากระแทกท้ายทอย หมายถึงยุ่งมากจนไม่มีเวลาได้พัก
โปรดติดตามตอนต่อไป…
Comments
