ทดลองอ่าน ทรราชหวนคืน บทที่ 7-8 #นิยายวาย – หน้า 2 – Jamsai
Connect with us

Jamsai

everY

ทดลองอ่าน ทรราชหวนคืน บทที่ 7-8 #นิยายวาย

2 of 2หน้าถัดไป

บทที่ 8

ในวังหลวงไม่มีความลับ เช้าวันต่อมาไทเฮาก็ได้ยินเรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อคืน พระนางโกรธจัด ให้คนไปเชิญฉู่เซ่าหลิงมาที่ตำหนักฉืออันทันที

ฉู่เซ่าหลิงอยู่กินอาหารเช้ากับไทเฮา ไทเฮามองฉู่เซ่าหลิงด้วยความรู้สึกอับจนหนทางอย่างแสนปวดใจ ต้องกอดเขาไว้เอ่ยทั้งน้ำตา “เด็กจิตใจดีงามอย่างเจ้าจะเขียนอะไรตอนดึกๆ ดื่นๆ แค่เจ้าอยู่ดีมีสุข สุขภาพแข็งแรง ย่าก็ดีใจแล้ว เหตุใดเด็กอย่างเจ้าจึงต้องมาเจอกับเรื่องเช่นนี้…”

ฉู่เซ่าหลิงรีบรับผ้าเช็ดหน้าจากซุนหมัวมัวมาเช็ดน้ำตาให้ไทเฮา พูดด้วยรอยยิ้ม “มีเรื่องให้อ่อนไหวเช่นนี้ที่ใด แค่เมื่อคืน…วุ่นกันดึกไปหน่อย โชคดีที่ภาพอักษรอายุยืนร้อยตัวเขียนเสร็จเรียบร้อย หลานให้หวังมู่หานเอาไปส่งที่โรงทอเพื่อให้ช่างปักตามที่หลานเขียนขึ้นมาเป็นผ้าดิ้นทองลายอักษรอายุยืนร้อยตัว เสร็จเมื่อไรเสด็จย่าจะได้ใช้เป็นผ้าห่ม”

ฟังแล้วไทเฮายิ่งแสนปวดใจ พูดเสียงเบาลง “เด็กดีของย่า…ย่ารู้ว่าเมื่อคืนเจ้าถูกรังแก แต่เจ้าวางใจเถอะ วันนี้ย่าจะต้องเอาคืนให้เจ้า”

ฉู่เซ่าหลิงหลุบตาลง หัวเราะเบาๆ ไทเฮามอบของให้เขาอีกหลายชิ้นและปลอบใจเขาอย่างดี

หลังอาหารเช้าฉู่เซ่าหลิงไปที่สำนักศึกษาหลวง จากนั้นอีกครึ่งชั่วยามให้หลังสนมนางในทุกคนก็ไปคารวะไทเฮาที่ตำหนักฉืออัน ลี่กุ้ยเฟยมาด้วยอาการตัวสั่นงันงก ไทเฮากวาดตามองทุกคนหนึ่งรอบ พูดเสียงเรียบ “ได้ยินว่าเมื่อคืนมีเรื่องยุ่งๆ กันเช่นนั้นหรือ”

ซูเฟยได้ยินเรื่องวุ่นวายเมื่อคืนแล้วจึงอดทิ้งหินลงบ่อ ไม่ได้ “ก็ไม่เชิงเพคะ ได้ยินว่าองค์ชายใหญ่อยากถวายพระพรไทเฮาจึงทำพิธีอาบน้ำรมเครื่องหอมทุกวัน วันนั้นหม่อมฉันยังพูดเลยว่าองค์ชายใหญ่สมแล้วที่เป็นแบบอย่างที่ดีของเหล่าองค์ชาย เสียดาย…”

ซูเฟยปรายตาไปมองลี่กุ้ยเฟย ถอนหายใจก่อนเอ่ยต่อ “เกรงว่าเรื่องวุ่นวายเมื่อคืนคงทำให้องค์ชายใหญ่เสียใจ ทั้งที่ตั้งใจจะถวายพระพรไทเฮาเงียบๆ ไม่บอกใคร เพราะไม่ได้ปรารถนาในบำเหน็จรางวัล แต่กลับถูกคนเข้าใจผิดคิดว่าใช้วิชามาร กลายเป็นน้ำค้างแข็งเดือนหก** เรียกได้ว่าลำบากองค์ชายใหญ่แล้ว…”

ไทเฮาผงกศีรษะพลางยิ้มเย็น “จริงสิ ข้าเองก็เพิ่งได้ยินข่าวใหม่ข่าวนี้ แต่ยังไม่ได้ทำการตรวจสอบด้วยตัวเองเลยไม่ค่อยกระจ่าง ลี่กุ้ยเฟย เจ้าเล่ามาให้ข้าฟังหน่อยซิ”

ลี่กุ้ยเฟยเหงื่อเย็นๆ แตกพลั่กไปทั้งตัว พอได้ยินก็รีบลุกจากที่นั่ง ทรุดตัวลงคุกเข่า พูดเสียงสั่น “หม่อมฉัน…หม่อมฉันได้ยินเรื่องไม่สมควร เกรงว่าองค์ชายใหญ่จะเดินผิดทางจึงลองกราบทูลฝ่าบาท คิดไม่ถึงว่าฝ่าบาทจะทรง…”

“คิดไม่ถึงอะไร?! ความหมายของเจ้าคือทั้งหมดเป็นความผิดของฮ่องเต้ใช่หรือไม่!” ไทเฮาย่อมรู้อยู่แล้วว่าเรื่องเมื่อคืนเกิดขึ้นจากความมุทะลุของฮ่องเต้ แต่ต่อให้ได้ยินเรื่องไม่สมควรมาอย่างไรก็ต้องส่งคนไปสืบข่าวก่อน มิใช่ออกไปด้วยตัวเองจนกลายเป็นฝ่ายถูกตบหน้า ทว่าผู้เป็นมารดาย่อมมีใจเข้าข้างบุตร ต่อให้ฮ่องเต้ทำผิด ไทเฮาก็ยังอดโยนความผิดทั้งหมดนั้นไปให้ลี่กุ้ยเฟยไม่ได้ “หากไม่ใช่เพราะเจ้ายุยง ฮ่องเต้จะรู้เรื่องวิชามารได้อย่างไร?! ถึงตอนนี้แล้วยังจะกล้าเถียงข้างๆ คูๆ อีก!”

ลี่กุ้ยเฟยมีสีหน้าตื่นตระหนก นางคิดไม่ถึงว่าไทเฮาจะบริภาษนางต่อหน้าธารกำนัลเช่นนี้ เวลานี้จะพูดก็ผิด ไม่พูดก็ผิด นางจึงร้องไห้โฮอย่างอดไม่อยู่ “ไทเฮา…หม่อมฉันไม่ได้ตั้งใจจริงๆ เพคะ…”

ไทเฮาหัวเราะเสียงเย็น “ประเสริฐ เจ้าไม่ได้ตั้งใจแต่กลับใส่ร้ายองค์ชาย ยุยงให้ฝ่าบาทเสด็จไปอุทยานปี้เทากลางดึก โชคดีที่หลิงเอ๋อร์รู้จักหนักเบาเลยยอมอดทนอดกลั้น หากเขาเป็นเด็กที่ใจร้อนกว่านี้ เกรงว่าเมื่อคืนคงได้หัวร้างข้างแตกตายไปแล้ว! ขืนปล่อยสตรีชั้นต่ำช่างใส่ไคล้อย่างเจ้าไว้! เกิดพลาดเมื่อใดเจ้าจะเอาสิ่งใดมาชดใช้ข้า ชีวิตขององค์ชาย เจ้ามีปัญญาใช้คืนหรือ?!”

ยิ่งคิดไทเฮายิ่งเดือดดาล พระนางตวาดกร้าว “เจ้ายังกล้าบอกว่าไม่ได้ตั้งใจ?! มีผู้ใดบ้างไม่รู้ว่าเจ้าทำเพื่อให้ฮ่องเต้เอาใจออกห่างจากหลิงเอ๋อร์ ที่ผ่านมาข้าเห็นแก่ที่เจ้าปรนนิบัติดูแลฮ่องเต้มานานและยังให้กำเนิดหร่วนเอ๋อร์จึงยอมไว้หน้าเจ้าหลายอย่าง ผู้ใดจะรู้ว่าเจ้าจะมีความคิดต่ำทรามถึงเพียงนี้!”

ลี่กุ้ยเฟยโขกศีรษะไม่หยุดพลางร่ำไห้ “หม่อมฉันมิกล้า ขอไทเฮาโปรดไว้ชีวิตหม่อมฉัน…”

“เจ้าจะหาว่าข้าใส่ร้ายเจ้าเช่นนั้นหรือ” ไทเฮาหัวเราะเสียงเย็นชา “จริงสิ มิใช่ว่าข้าใส่ร้ายเจ้า ข้าเกือบลืมไปแล้วว่าเจ้าจะต้องรู้แต่แรกว่าหลิงเอ๋อร์ต้องการอวยพรข้า เจ้าถึงได้เดือดเนื้อร้อนใจจนต้องรีบไปหาเรื่องทำลายคำอวยพรที่มีให้ข้า!”

ความผิดอุกฉกรรจ์กระทงแล้วกระทงเล่าได้ถูกไทเฮากดทับลงมา เป็นเหตุให้ลี่กุ้ยเฟยต้องร้องโหยหวนในใจไม่หยุด เวลานี้นางไม่อาจแก้ต่างได้ เพราะเรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อคืนทำให้นางไม่มีหน้าเหลืออีกแล้ว หลังออกจากอุทยานปี้เทา ฮ่องเต้ไม่สนใจนางอีกเลยจนกลับถึงวังเฉิงเฉียน ลี่กุ้ยเฟยรู้ว่าฮ่องเต้กริ้วนาง และตอนนี้นางไม่สามารถช่วยเหลือตัวเองได้อีกต่อไป

ไทเฮากล่าวกับทุกคนในตำหนักด้วยน้ำเสียงเยือกเย็น “หลังฮองเฮาจากไป ธุระในฝ่ายในไร้ผู้ดูแล จึงได้มอบหมายให้ลี่กุ้ยเฟยเป็นตัวแทนถือครองตราหงส์เป็นการชั่วคราว แต่ดูท่า…จะเป็นการให้ความหวังอย่างไม่ควรจะมี วันนี้ข้าจะขอประกาศไว้ ณ ที่นี้ว่าจะยังไม่มีการแต่งตั้งฮองเฮา หรือถ้าต่อไปจะมี ก็ต้องเป็นคนดี มีความสามารถ มากน้ำใจ! หากบกพร่องเรื่องคุณธรรม วาจา รูปโฉม และความสามารถแล้วไซร้ ก็จงเลิกคิดไปได้เลย ก่อนหน้านี้ข้าเคยคิดว่าพวกเจ้าต่างมีชาติกำเนิดสูงส่ง น่าจะเข้าใจเหตุผลกันได้เองจึงไม่อยากพูดให้โจ่งแจ้งเกินไป แต่ดูท่าข้าจะคิดผิด”

ไทเฮามองลี่กุ้ยเฟยด้วยสายตาเดียดฉันท์ “ลี่กุ้ยเฟย เจินซื่อ ไร้คุณธรรมความสามารถ ขี้อิจฉา ขี้ระแวง ไม่เหมาะทำงานสำคัญ นับจากวันนี้เป็นต้นไปให้ปลดออกจากตำแหน่งกุ้ยเฟย ลดลงไปเป็นลี่เฟย ริบตราหงส์คืน มอบหมายธุระฝ่ายในให้ซูเฟยกับเสียนเฟยดูแลแทน”

ซูเฟยกับเสียนเฟยรีบคุกเข่ารับคำสั่ง ไทเฮากล่าวเสียงเรียบ “ข้าให้พวกเจ้าดูแลหกตำหนักเพราะเชื่อว่าพวกเจ้าจะสามารถธำรงความยุติธรรม ไม่เอนเอียง ข้าไม่อยากเห็นเรื่องที่เกิดขึ้นอย่างในวันนี้อีก”

ซูเฟยกับเสียนเฟยผงกศีรษะ รับคำสั่งสอน

หลังได้ระบายโทสะไทเฮาก็รู้สึกดีขึ้นไม่น้อย พระนางมองลี่เฟยที่คุกเข่าตัวสั่นอยู่บนพื้น พูดเสียงเรียบนิ่ง “เห็นแก่หร่วนเอ๋อร์ ข้าจึงลงโทษสถานเบาเพื่อให้เข็ดหลาบ เจ้าจงสำนึกตนเอาไว้ด้วย”

ตำแหน่งกุ้ยเฟยที่ไขว่คว้ามาได้อย่างยากลำบากถูกริบหายไปในบัดดล เช่นเดียวกับตราหงส์ที่ถูกยึดคืน ลี่เฟยตัวอ่อนยวบ โขกศีรษะพร่ำรำพัน “หม่อมฉันจะปิดประตูตำหนักสำนึกผิด ไม่กล้าทำเรื่องเหลวไหลอีกแล้วเพคะ”

ไทเฮาผงกศีรษะ น้ำเสียงเย็นชา “ดี ช่วงนี้ขอให้ลี่เฟยจงสำนึกตนอยู่ในวังหลินจื่อ หากไม่มีเหตุจำเป็นก็อย่าออกมาสร้างเรื่องข้างนอก แยกย้ายกันได้แล้ว”

สนมทุกคนจึงรีบลุกขึ้นทูลลาจากไป

ไทเฮาอารมณ์ดี แม้ในทีแรกจะเป็นความโกรธจริงๆ แต่วันนี้พระนางแค่อาศัยเรื่องเล็กมาทำเป็นเรื่องใหญ่เพราะไม่ได้เห็นชอบกับการแต่งตั้งลี่เฟยเป็นกุ้ยเฟยมาตั้งแต่ต้น แต่จนใจที่ฮ่องเต้โปรดปรานนางไม่น้อยจึงตั้งใจจะยกย่องนางขึ้นมาให้ได้ และสกุลเจินได้สร้างผลงานไว้ตั้งแต่แผ่นดินก่อน ทำให้ไทเฮาไม่สามารถพูดอะไรได้ มาวันนี้เมื่อลี่เฟยพลาดท่า ยั่วโทสะฮ่องเต้ ไทเฮาย่อมต้องฉวยโอกาสเล่นงานสตรีนางนี้อย่างหนัก

ลี่เฟยจะยิ่งใหญ่อยู่คนเดียวไม่ได้ หากลี่เฟยเป็นใหญ่ นางย่อมทำให้ฉู่เซ่าหร่วนกับคนที่อยู่ข้างกายเขาบังเกิดความคิดที่ไม่สมควร แม้แต่สกุลเจินในแผ่นดินก่อนก็จะเริ่มมีอำนาจมากขึ้น ถึงตอนนั้นสกุลเดิมของไทเฮาอย่างจวนจิ้งกั๋วกง กับท่านตาของฉู่เซ่าหลิงจวนจื่อจวินโหวย่อมต้องกดข่มเขาไว้ หากสกุลของไทเฮากับอดีตฮองเฮาปล่อยให้มารดาของสนมตัวเล็กๆ คนหนึ่งมาเทียบเคียง ผู้อื่นย่อมไม่บอกว่าสกุลเจินเหิมเกริม แต่จะบอกว่าไทเฮาเหวยไร้ความสามารถ

ตามปกติไทเฮาฝักใฝ่ธรรมะ จิตใจผ่องใสเหมือนกระจก แคว้นฉู่ก่อตั้งตัวเองและสืบทอดกันมาหลายสิบรุ่น ฮองเฮาทุกคนถือกำเนิดจากสกุลเหวยแห่งจวนจิ้งกั๋วกง สกุลหลิงแห่งจวนจื่อจวินโหว สกุลจิงแห่งจวนซู่กั๋วกง สองสามสกุลนี้มีสายสัมพันธ์ซับซ้อนกับสกุลฉู่ ต่างฝ่ายต่างพึ่งพาอาศัยซึ่งกันและกัน ยามรุ่งโรจน์ รุ่งโรจน์ด้วยกัน ยามตกอับ ตกอับด้วยกัน ไม่ว่าจะเพื่อสกุลเดิม เพื่อฉู่เซ่าหลิง หรือเพื่อความรุ่งเรืองของตระกูลขุนนางใหญ่ ไทเฮาไม่มีทางยอมให้สตรีแซ่เจินได้เป็นฮองเฮาเด็ดขาด

อำนาจที่ลอยหลุดจากมือไปแล้ว หากอยากได้กลับมาย่อมเป็นเรื่องยาก ถ้าลี่เฟยได้เป็นฮองเฮา เกรงว่าตำแหน่งประมุขของฝ่ายในอีกหลายรุ่นต่อไปอาจเป็นแซ่เจิน

ไทเฮาเรียกซุนหมัวมัวให้ไปเชิญฮ่องเต้มากินอาหารที่ตำหนักฉืออัน ตอนเช้าพระนางสั่งสอนลี่เฟยอย่างหนัก ฮ่องเต้ย่อมต้องมีเรื่องพูดคุยกับพระนาง

เมื่อถึงเวลาอาหารกลางวันฮ่องเต้มาตรงตามเวลานัดหมาย หลังคารวะและทักทายกันตามปกติ ไทเฮายังคงแสดงความอารีของมารดา และไม่ได้เอ่ยคำใดในระหว่างกินอาหารกลางวัน

จนนางกำนัลเก็บถ้วยชามและนำชามาตั้งเรียบร้อย ไทเฮาจึงสั่งให้นางกำนัลถอยออกไป เหลือเพียงสองแม่ลูกพูดคุยกันเป็นการส่วนตัว

“เช้านี้แม่ริบตำแหน่งกุ้ยเฟยของลี่เฟย เชื่อว่าฝ่าบาทคงทราบเรื่องแล้ว” ไทเฮาดื่มน้ำชาหนึ่งอึก “พระองค์จะทรงตำหนิแม่หรือไม่”

“มิกล้า” หากเป็นเวลาปกติฮ่องเต้ย่อมไม่ชอบใจแน่นอน แต่พอคิดถึงเรื่องน่าอับอายเมื่อคืน…ฮ่องเต้ก็ผงกศีรษะ “ลี่เฟยกำเริบเสิบสาน สมควรได้รับโทษ”

ไทเฮาวางจอกชาลงบนโต๊ะ น้ำเสียงนุ่มนวล “แม่มิได้จะตำหนิฮ่องเต้ ทีแรกแม่ไม่เห็นด้วยที่พระองค์จะยกย่องลี่เฟยขึ้นมา แต่พระองค์ไม่ทรงฟัง เวลานี้ทรงเห็นแล้ว…ว่าลี่เฟยเห็นแก่ตัว ใจคอคับแคบ เช่นนี้ควรเป็นใหญ่อยู่ในฝ่ายในหรือ นางปราศจากความเป็นกลาง มุทะลุบุ่มบ่าม สามารถเป็นมารดาของแผ่นดินได้หรือ

แม่รู้ว่าฮ่องเต้โปรดปรานนางมาโดยตลอด ดังนั้นหากพระองค์จะยกย่องนางขึ้นมาอีกครั้ง แม่จะไม่พูดอะไรอีก แต่ทุกสิ่งต้องมีขอบเขต พฤติกรรมของลี่เฟยไม่เหมาะทำงานสำคัญ หากฝ่าบาทยังคงยืนกราน เกรงว่าจะยิ่งเป็นการทำร้ายนาง”

ฮ่องเต้รับฟังเงียบๆ เนิ่นนานกว่าจะเอ่ย “ลูกทราบแล้ว ลี่เฟย…คงต้องให้นางไปสำนึกผิด”

ไทเฮาผงกศีรษะ พูดเสียงเนิบ “หลายปีมานี้แม่หลงๆ ลืมๆ มีหลายเรื่องที่ดูแลได้ไม่ทั่วถึง โชคดีที่มีฮองเฮาช่วยจัดการธุระต่างๆ ให้อย่างเรียบร้อย ไม่ปล่อยให้เกิดเรื่องขบขันเช่นนี้ เสียดาย…เรื่องตำแหน่งฮองเฮา ขอให้ฝ่าบาททรงตรึกตรองให้ดี”

ฮ่องเต้รู้ดีว่าตนมีใจเอนเอียงไปทางลี่เฟย ทว่าหลังมอบตราหงส์ให้แก่นาง การดูแลจัดการฝ่ายในก็ผิดแผกไปจากเดิมมาก แม้ฮ่องเต้จะไม่โปรดปรานอดีตฮองเฮา แต่เรื่องดูแลฝ่ายในนั้นหลิงฮองเฮาสามารถช่วยแบ่งเบาภาระของพระองค์ได้อย่างแท้จริง

“ยังมีอีกเรื่องหนึ่ง” ไทเฮากล่าวยิ้มๆ “หลิงเอ๋อร์เป็นเด็กที่มีความกตัญญูอย่างที่สุด เพียงแต่ไม่ชอบพูด ไม่รู้ว่าจะเอาใจพระองค์อย่างไร เรื่องเมื่อวานกระทบกระเทือนจิตใจเขามาก พระองค์ก็ช่วยไปปลอบเขาหน่อยเถิด เกิดเป็นพ่อลูกกัน ไม่มีเรื่องใดที่คุยกันไม่ได้หรอกนะ”

ฮ่องเต้ผงกศีรษะ “วันนี้ลูกให้คนเอาอัญมณีจำนวนไม่น้อยไปที่อุทยานปี้เทาเพื่อให้รางวัลแก่ความกตัญญูขององค์ชายใหญ่”

ไทเฮายิ้มน้อยๆ “สมควรแล้ว”

ฮ่องเต้อยู่คุยกับไทเฮาอีกครึ่งวันก่อนจะกลับไปที่ท้องพระโรงเพื่อหารือเรื่องตำแหน่งผู้บัญชาการค่ายเซียวฉีที่คุยกันค้างไว้ จื่อจวินโหวทำตามกฎคือสนับสนุนเว่ยจั้นแห่งค่ายเซียวฉี แต่บิดาของลี่เฟย เสนาบดีกรมปกครองเจินจยาซินสนับสนุนเฝิงเต๋อแห่งหน่วยอวี๋หลิน ฮ่องเต้ลังเลอยู่พักหนึ่งก่อนจะตัดสินใจเลือกเว่ยจั้น

 

โปรดติดตามตอนต่อไป

ติดตามบทที่ 9-10 ได้ในวันที่ 12 .. 64

2 of 2หน้าถัดไป

Comments

comments

No tags for this post.
Continue Reading

More in everY

บทความยอดนิยม

everY

ทดลองอ่าน เขตห้ามรักฉบับเบต้า เล่ม 1 Chapter 2.1-2.2 #นิยายวาย

ทดลองอ่าน เรื่อง เขตห้ามรักฉบับเบต้า เล่ม 1 ผู้เขียน : MINTRAN แปลโดย : ทันบี ผลงานเรื่อง : 배타적 연애 금지구역 ถือเป็นลิขสิทธิ์...

จุติรัก พลิกชะตาร้าย

ทดลองอ่าน จุติรัก พลิกชะตาร้าย บทที่ 1-2

บทที่ 1 ฮ่องเต้หญิง   “ท่านพี่นำร้อง น้องหญิงคลอรับ ท่านพี่เสียงเพิ่งลับ น้องหญิงสลับขึ้นเวที เป็นมารดาอารี มีบุตรีกตัญญ...

ทดลองอ่าน

ทดลองอ่าน ร้อยเรียงรักเคียงฤทัย บทนำ – 1.2

บทนำ ความหลังของต้าลี่ 1   ฤดูหนาวในรัชศกต้าลี่ปีที่สิบเอ็ด โม่เป่ย ตำบลค่งหม่า สถานที่แห่งนี้คือประตูด่านสำคัญสุดท้ายทา...

จุติรัก พลิกชะตาร้าย

ทดลองอ่าน จุติรัก พลิกชะตาร้าย บทที่ 7-8

บทที่ 7 ค่าเดินทาง เมื่อภูตสุนัขดำคืนร่างเป็นสุนัขธรรมดาตัวหนึ่ง ภูตบุปผาสองตนนั้นก็ไม่อาจทำการใหญ่ ต่อให้ชาวหมู่บ้านป่า...

จุติรัก พลิกชะตาร้าย

ทดลองอ่าน จุติรัก พลิกชะตาร้าย บทที่ 3-4

บทที่ 3 เกิดใหม่   เวิ้งฟ้าดำสนิทปานน้ำหมึก เพียงมีดวงดาวบางตากระจัดกระจายบนม่านฟ้า ทอรัศมีอ่อนจางประเดี๋ยวเผยประเดี๋ยวเ...

community.jamsai.com