ทดลองอ่าน ทะเลคลั่งภวังค์วิปลาส เล่ม 1 บทที่ 9-10 #นิยายวาย – Jamsai
Connect with us

Jamsai

everY

ทดลองอ่าน ทะเลคลั่งภวังค์วิปลาส เล่ม 1 บทที่ 9-10 #นิยายวาย

หน้าที่แล้ว1 of 2

ทดลองอ่าน เรื่อง ทะเลคลั่งภวังค์วิปลาส เล่ม 1 

ผู้เขียน :  เหลียงฉาน

แปลโดย : mykLiu

ผลงานเรื่อง : ทะเลคลั่งภวังค์วิปลาส

ถือเป็นลิขสิทธิ์ของสำนักพิมพ์เอเวอร์วายในการเผยแพร่ผลงาน

จัดพิมพ์และจัดจำหน่ายในประเทศไทยแต่เพียงผู้เดียว

หากผู้ใดละเมิดลิขสิทธิ์จะถูกดำเนินคดีตามกฎหมาย

– – – – – – – – – – – – – – – – –

 

Trigger Warning

เนื้อหามีประเด็นอ่อนไหวเกี่ยวกับการทำร้ายทางร่างกายและจิตใจ

มีการกล่าวถึงเลือด สภาพศพ สถานการณ์อันน่าขยะแขยง

กล่าวถึงการข่มขืนและการใช้ความรุนแรง

ซึ่งอาจส่งผลกระทบทางจิตใจ

    

สำหรับผู้อ่านที่มีอายุ 18 ปีขึ้นไป

โปรดใช้วิจารณญาณในการอ่าน

 

** หมายเหตุยังไม่ใช่ต้นฉบับที่เสร็จสมบูรณ์ **

– – – – – – – – – – – – – – – – –

บทที่ 9 เลือดและไวน์ 09

เซี่ยจื่อจิงลุกขึ้นจากโซฟาอย่างระมัดระวัง

เขาไม่เคยเห็นร่างวิญญาณกระต่ายที่ตัวเล็กขนาดนี้มาก่อน มันดูเหมือนก้อนขนปุกปุยที่ถือไว้ได้ด้วยมือเพียงข้างเดียว

ร่างวิญญาณนั้นประสาทสัมผัสเฉียบไว แค่เขาเลื่อนประตูตรงระเบียงออกมาได้เพียงนิดเดียว เจ้ากระต่ายก็หันหัวกลับมาจ้องเขาด้วยดวงตากลมดิก

เซี่ยจื่อจิงอดไม่ไหวจนต้องหัวเราะออกมา ขนของกระต่ายตัวนี้ทั้งหนาทั้งยาว ใบหน้าของมันเหมือนถูกปกคลุมมิดชิดเหลือไว้เพียงจมูกกับดวงตาที่โผล่ออกมาด้านนอก ดูราวกับปลอมตัวเป็นลิงหิมะตัวน้อยขนยาวสีขาว

“ชู่ว…” เซี่ยจื่อจิงกระดิกนิ้วให้มัน “ฉันเป็นคนดีนะ”

เมื่อมองผ่านกระจกที่คั่นกลางออกไปก็เห็นเจ้ากระต่ายเริ่มถอยห่าง อุ้งเท้าทั้งสี่ หาง และหูของมันสั่นเทา ขนหนาสีขาวของก็มันสั่นเทาเช่นกัน

เซี่ยจื่อจิงสงสัยว่าบนใบหน้าของตัวเองเขียนคำว่า ‘นักฆ่ากระต่าย’ เอาไว้หรือเปล่า

เขาไม่คิดว่านอกจากเจ้ากระต่ายนี่จะตัวเล็กแล้วยังขี้อายจนน่าแปลกใจอีกด้วย

หลังจากถอยไปจนสุดระเบียงเจ้ากระต่ายก็พบว่ามันไม่สามารถถอยหลังได้อีกแล้ว ฉับพลันดวงตาที่เต็มไปด้วยความหวาดกลัวก็มีน้ำตาไหลออกมา

เซี่ยจื่อจิง “…?”

ทันใดนั้นขนยาวและหูของเจ้ากระต่ายก็เริ่มเกิดการเปลี่ยนแปลง หมอกสีขาวกลุ่มเล็กๆ ลอยขึ้นมาจากตัวมัน ดูเหมือนว่ามันกำลังจะกลับไปหาฉินเกอ เซี่ยจื่อจิงจึงรีบคว้าอูคูเลเล่ที่อยู่ข้างโซฟาขึ้นมาดีดสองที

“ฉันเป็นคนดีนะ เจ้าตัวน้อย” เขาดีดเป็นทำนองเบาๆ และใช้เสียงที่เบามากพูดกับมัน “ถ้าเธอไม่กลัว ฉันจะร้องเพลงให้ฟังนะ”

เมื่อได้ยินเสียงเครื่องดนตรีที่คุ้นเคยเจ้ากระต่ายก็สูดจมูก ดวงตามองไปที่เครื่องดนตรีเล็กๆ นั้น

มือซ้ายของเซี่ยจื่อจิงจับที่หัวของเครื่องดนตรี กดสายไว้แน่น ส่วนมือขวาก็เริ่มดีดจนเกิดเสียงเบาๆ

เขานึกไม่ออกว่าจะร้องเพลงอะไรเลยเริ่มฮัมเพลงมั่วๆ ออกมา “เจ้ากระต่ายน้อยเด็กดี”

เจ้ากระต่ายน้อยหยุดตัวสั่นแล้ว แต่ดูเหมือนว่าจะยังกลัวอยู่เล็กน้อย มันค่อยๆ เอาอุ้งเท้าที่มีขนหนามาปิดหน้าไว้โดยโผล่ออกมาเพียงดวงตากลมสองข้าง ก่อนจะจ้องไปยังมือที่กำลังดีดอูคูเลเล่ของเซี่ยจื่อจิง

เซี่ยจื่อจิงรู้สึกหนาวเล็กน้อยจากลมเย็นที่พัดเข้ามาผ่านทางประตู เสื้อผ้าที่เขาสวมใส่ค่อนข้างบาง อีกทั้งลมในตอนกลางคืนก็ค่อนข้างเย็น เขาไม่คิดมาก่อนว่าจะต้องมานั่งยองๆ อยู่ที่ประตูระเบียงเพื่อเล่นอูคูเลเล่อย่างระมัดระวังให้กระต่ายขนยาวฟัง

เขาอยากเข้าไปใกล้มันมากกว่านี้ เขาอยากเข้าไปลูบมัน เขาชอบสิ่งที่ดูอบอุ่นและสามารถส่งความอบอุ่นไปที่หน้าอกของเขาได้ ขนหนาๆ พวกนั้นเหมือนกับทุ่งหญ้าเขียวชอุ่มของเดือนสุดท้ายในฤดูใบไม้ผลิ

สายตาขี้อายของเจ้าตัวน้อยนั่น เขาดูออกว่ามันยังกลัวเขาอยู่ หากแต่ก็อยากรู้อยากเห็นด้วยเช่นกัน

ร่างวิญญาณสะท้อนถึงภาวะส่วนลึกของเซนติเนลและไกด์ ในแง่หนึ่งเซี่ยจื่อจิงก็นึกขำ แต่ในอีกแง่หนึ่งก็อดที่จะอยากรู้ไม่ได้ว่าอาณาเขตทะเลของฉินเกอนั้นเชื่อมโยงกับเจ้านี่แบบใด

เขากลัวฉัน? สนใจฉัน?…เขาขี้อายขนาดนั้นเลยเหรอ

เขาไม่อยากปลุกฉินเกอให้ตื่นขึ้นมา จึงพึมพำเล็กน้อยหลังจากหยุดดีดอูคูเลเล่ เจ้ากระต่ายดูเหมือนจะไม่พอใจ มันขยับหูไปมา หัวเล็กๆ นั่นเงยหน้าขึ้นมองเซี่ยจื่อจิง

เซี่ยจื่อจิงยื่นมือออกไปกวักเรียกมันจากตรงประตู

ตอนที่เขายื่นมือออกไปเจ้ากระต่ายก็ตกใจอีกครั้ง แต่มันไม่ได้หายไป กลับรีบยื่นอุ้งเท้าออกมาจับหูแล้วดึงลงมาปิดตาตรงๆ หลังจากนั้นครู่หนึ่งมันก็ใช้ช่องว่างระหว่างหูแอบมองมาที่เซี่ยจื่อจิง

เซี่ยจื่อจิง “…”

ตอนที่เขารู้สึกว่าตนเองกำลังจะกลายเป็นเซนติเนลคนแรกของเมืองที่ถูกแช่แข็งตายอยู่ตรงระเบียงเพราะมัวแต่เล่นกับร่างวิญญาณในเวลาตีสอง ในที่สุดเจ้ากระต่ายก็ปล่อยหูออกแล้วเคลื่อนตัวมาข้างหน้าหนึ่งเซนติเมตร

 

การมีเซี่ยจื่อจิงซึ่งนับเป็นสิ่งมีชีวิตที่แปลกประหลาดจากภายนอกมาอยู่ในห้องนั้น เดิมทีฉินเกอคิดว่ามันจะต้องเป็นคืนที่เขารู้สึกกังวลจนนอนไม่หลับ

แต่ไม่ใช่เลย

ไม่เลยสักนิด เขานอนหลับสนิท แถมยังฝันดีมากด้วย

ในฝันมีคนมาลูบที่ศีรษะของเขาพลางพูดเสียงเบา มือของอีกฝ่ายอุณหภูมิกำลังดี แรงกำลังได้ที่ ทุกสัมผัสนั้นทั้งอ่อนโยนและนุ่มนวล อีกฝ่ายทำให้ฉินเกอรู้สึกเหมือนกับว่ากำลังยืนอยู่บนเขาสูงที่มีลมแรงพัดผ่านจนตัวโยกไปมา ทว่าไม่ได้ทำให้รำคาญแต่อย่างใด

ฉินเกอยืนอยู่ตรงกลางอาณาเขตทะเลของตัวเอง ยืนอยู่ที่จุดสูงสุดของภูเขา เขาตื่นขึ้นมาตรงบริเวณรากของต้นไม้ต้นหนึ่ง เสียงลมคล้ายกับเสียงคน เสียงแผ่วเบาของเครื่องดนตรีปลุกเขาให้ตื่นจากภวังค์ในความฝัน ดวงดาวหลายล้านดวงประดับประดาอยู่เต็มท้องฟ้าสีคราม แสงสีเงินโคจรไปรอบท้องฟ้าที่เต็มไปด้วยดวงดาว ลมพัดผ่านใบไม้ ยอดไม้ เสื้อผ้าที่เขาสวมใส่ ผิวหนัง เส้นผม และปลายนิ้วของเขา ก่อนจะพัดผ่านไปจนถึงขอบฟ้า

กระต่ายของเขาขี้อายมาก มันมีเปลวไฟแห่งจิตวิญญาณที่ภักดี ซึ่งตอนนี้มันกำลังนอนซบอยู่ที่หน้าอกของเขา ร้อนรุ่มเหมือนกับหัวใจที่รุ่มร้อน

ฉินเกอมองเห็นดวงดาวที่ตกลงมาจากจุดสูงสุดจนดูเหมือนกับฝน

เหล่าดวงดาวที่เปล่งประกายอยู่บนท้องฟ้าตกลงมาบนจุดสูงสุดของยอดเขาอย่างแม่นยำ

ภูเขาทุกลูกมีประกายของเปลวเพลิง ดวงไฟจำนวนนับไม่ถ้วนส่องประกายอยู่ในอาณาเขตทะเล ลมพัดพาเสียงเปียโนจากจุดที่เกิดเปลวไฟลอยเข้ามา

เมื่อลืมตาขึ้นฉินเกอก็พบว่ามันเป็นเพียงความฝันหนึ่ง แต่อารมณ์ของเขาดีมาก สภาพจิตใจเองก็ดีมากเช่นกัน ดีเสียจนอดไม่ได้ที่จะรู้สึกสับสน หลังจากลุกขึ้นนั่งเขาก็กางฝ่ามือออกเพื่อปล่อยร่างวิญญาณออกมา

“…เมื่อคืนหนูไปทำอะไรมา ทำไมดูดีใจแบบนี้”

เจ้ากระต่ายขนยาวดึงหูตัวเองลงมา ดูเหมือนกำลังจะหลบตา

ฉินเกองุนงงมากขึ้น “หนูเขินอะไร”

เจ้ากระต่ายโผล่ตาออกมาข้างหนึ่งแล้วกะพริบใส่เขา

ใบหน้าของฉินเกอค่อยๆ ซีดเผือด เขากระโดดลงจากเตียง ไม่แม้แต่จะสวมรองเท้า แล้วเดินตรงออกไปเปิดประตู

เซี่ยจื่อจิงอยู่ที่ห้องนั่งเล่น เขาสอดตัวอยู่ในผ้าห่มพลางเล่นเกมในโน้ตบุ๊ก ทั้งยังจามออกมาไม่หยุด

“เซี่ยจื่อจิง! คุณจับกระต่ายของผมเหรอ”

ใบหน้าของเซี่ยจื่อจิงมีแต่รอยยิ้ม “จับแล้ว มันอุ่นมากเลย เหมือนกับถือถุงน้ำร้อนเอาไว้มือ เมื่อวานพวกเรายังดูหนังด้วยกัน มันสนใจมากเลย ถึงจะขี้อายมากก็เถอะ ที่สำคัญมันชอบดูหนังซอมบี้”

ฉินเกอถอยหลังไปหนึ่งก้าว เอาตัวไปพิงกับประตูบานเลื่อน

เซี่ยจื่อจิงเพิ่งจะรู้สึกว่าท่าทางของเขาแปลกไป “กระต่ายของนายห้ามจับเหรอ”

“…จับไม่ได้” ฉินเกอกุมหน้าผากพลางถอนหายใจ “คุณจับมันแล้ว มันจะติดคุณ”

เซี่ยจื่อจิงมองมาทางเขาเพียงไม่กี่วินาทีก็นึกขึ้นมาได้

“โอ้! Lucky!” เขาลูบคางพลางเผยรอยยิ้มที่มองดูแล้วคิดดีไม่ได้เลยออกมา “นายเป็นภูมิแพ้ประเภทที่ว่าพอสัมผัสกับร่างวิญญาณก็จะเกิดการตอบสนองต่ออารมณ์ทางเพศเหรอ”

ฉินเกอ “…ไม่ใช่ ในหัวของคุณใส่อะไรไว้เนี่ย ล้างมันให้สะอาดได้ไหม”

เขากางมือออก หมอกสีขาวลอยขึ้นมาจากฝ่ามือ ก่อนจะควบแน่นจนกลายเป็นกระต่ายขนยาวก้อนกลม หลังจากที่เจ้ากระต่ายออกมาเรียบร้อยแล้วมันก็รีบกระโดดลงจากมือของฉินเกอ ก่อนจะยกขาสั้นๆ ทั้งสี่วิ่งไปทางเซี่ยจื่อจิง…หรือจะพูดว่ากลิ้งไปก็คงไม่ผิด

เซี่ยจื่อจิงอุ้มมันขึ้นมากอด รู้สึกประหลาดใจเล็กน้อย ขณะนั้นฉินเกอเดินไปทางห้องน้ำแล้วหันกลับมาตะโกนว่า “เจ้ากระต่าย มานี่”

อุ้งเท้าอ่อนนุ่มของกระต่ายขนยาวเหยียบอยู่บนนิ้วมือของเซี่ยจื่อจิง มันไม่ขยับตัวเลยสักนิด ดวงตาทั้งสองข้างจ้องไปที่ซอมบี้กลุ่มหนึ่งกับคำว่า ‘Game Over’ บนหน้าจอโน้ตบุ๊ก

เซี่ยจื่อจิง “…”

หลังฉินเกอล้างหน้าเสร็จก็เดินออกมา ก่อนจะเห็นว่าเจ้ากระต่ายเปลี่ยนตำแหน่งแล้วแต่ยังคงอยู่ในอ้อมแขนของเซี่ยจื่อจิง

“ก็คือ…หมายถึงแบบนี้” ฉินเกอบอก “มันขี้อายมาก แต่ถ้าใครได้ลูบมันแล้วมันไม่กลัว นั่นแสดงว่ามันชอบคนคนนั้น”

เซี่ยจื่อจิง “งั้นก็แสดงว่านายชอบคนคนนั้น”

ฉินเกอ “กระต่ายคือกระต่าย ผมคือผม”

เซี่ยจื่อจิง “กระต่ายคือนาย นายคิดว่าฉันไม่เคยเรียน ‘ความรู้พื้นฐานของไกด์’ หรือไง”

ฉินเกอหัวเราะออกมา “สหายเซี่ย ที่คุณเรียนน่าจะเป็น ‘ความรู้พื้นฐานของเซนติเนล’ นะ”

เซี่ยจื่อจิง “เนื้อหาไม่ต่างกันมาก เนื้อหาเรื่องปฏิกิริยาตอบกลับของร่างวิญญาณเหมือนกันทุกอย่าง”

ตอนที่เขากำลังพูดจู่ๆ ก็รู้สึกเจ็บที่มือขึ้นมา และเมื่อก้มลงไปดูก็พบว่าเจ้ากระต่ายตัวนั้นกำลังกัดนิ้วของเขา

ฟันเล็กๆ นั่นกัดอย่างจริงจังราวกับกำลังแทะหัวไช้เท้า

ฉินเกอหยิบขนมปังนมออกมาวางไว้ตรงหน้าเซี่ยจื่อจิง และในที่สุดก็อดหัวเราะออกมาไม่ได้

“คุณบอกว่ามันชอบดูซอมบี้ใช่ไหม งั้นเปิดซอมบี้ให้มันดูแล้วก็ลูบหูกับหลังของมัน” เขาบอก “ทำแบบนี้แล้วมันจะไม่กัดคุณ”

เซี่ยจื่อจิง “…กระต่ายของนายไม่เหมือนใครจริงๆ”

ฉินเกอ “ห้ามหยุด ลูบต่อไป ถ้าหยุดมันจะกัดคุณ”

เซี่ยจื่อจิงลูบไปพลางถามไปพลาง “ว่ากันว่าสัตว์ก็เหมือนกับเจ้าของ แล้วนายล่ะจะกัดฉันไหม”

ฉินเกอตกตะลึงไปสักพัก ไม่อาจชี้ชัดได้ว่าอีกฝ่ายกำลังพูดจาลามกเพื่อแหย่ตนเองหรือไม่ จึงทำได้เพียงเตือนแบบรวมๆ เท่านั้น

“…เซี่ยจื่อจิง คุณเข้าใจไหมว่าอะไรที่เรียกว่าใช้ชีวิตใต้ชายคาของคนอื่นน่ะ”

เซี่ยจื่อจิงปิดปาก

แต่เซี่ยจื่อจิงแหย่ฉินเกอจนติดเป็นนิสัยแล้ว ฉินเกอที่เปลี่ยนเสื้อผ้าเรียบร้อยแล้วยืนอยู่หน้าตู้เย็น ขณะที่กำลังหยิบอาการเหลือออกมาก็ชวนเขาคุยอีก

“ฉินเกอ นายแปลกมาก”

ฉินเกอ “…”

เขาคิดในใจ ขอโทษนะ ผมเป็นแค่ลูกน้องของคนแปลกๆ ส่วนคุณเป็นคนแปลกๆ มาตั้งแต่ต้น ไม่มีใครเทียบกับคุณได้หรอก

“นายนอนไม่ปิดไฟ” เซี่ยจื่อจิงพูด “นายกลัวความมืดใช่ไหม ฉันนอนเป็นเพื่อนนายได้นะ”

ฉินเกอเอาอาหารเหลือที่เจี่ยงเล่อหยางให้มาไปอุ่นร้อน ก่อนจะซาวข้าวเพื่อเตรียมหุง

เมื่อไม่ได้รับการตอบกลับจากฉินเกอ เซี่ยจื่อจิงก็ตัดสินใจเปลี่ยนวิธี “ฉินเกอ นายเป็นคนประเภทที่ชอบเก็บสุนัขจรจัดกลับบ้านใช่ไหม”

ฉินเกอ “ไม่ ผมเห็นสุนัขจรจัดก็เดินอ้อมแล้ว”

เซี่ยจื่อจิง “แต่นายถ่ายรูปแล้วโพสต์ลงเวยป๋อ* หรือเว็บบอร์ดเพื่อช่วยพวกมันหาเจ้าของได้”

ฉินเกอ “…”

ฉินเกอตัดสินใจที่จะไม่สนใจอีกฝ่ายอีกต่อไป แต่สิบวินาทีให้หลังเซี่ยจื่อจิงก็มาตะโกนเสียงดังจากด้านหลังเขา

“อาหารที่นายเอามาเมื่อวานอร่อยมาก ฉันก็อยากเอาไปกินที่ทำงานเหมือนกัน”

ฉินเกอ “คุณไปกินที่โรงอาหารสิ”

“ตั้งแต่ขึ้นมหา’ลัยฉันก็กินอาหารที่โรงอาหารมาตลอด กินมาหลายปีแล้ว นับๆ ดูก็…” เขาพูดต่อแล้วเริ่มยกมือข้างที่ไม่ได้ลูบเจ้ากระต่ายขึ้นมานับ

ฉินเกอ “ไม่ต้องนับแล้ว เดี๋ยวห่อให้!”

หลังจากฉินเกอหุงข้าวเสร็จ เขาก็เอากับข้าวใส่ลงในกล่องข้าวสองกล่องแล้วหันไปมองเซี่ยจื่อจิงที่นอนอยู่บนโซฟา ดูเหมือนว่าตาของเซี่ยจื่อจิงกำลังจะปิด โน้ตบุ๊กที่ถูกเปิดไว้วางอยู่บนโต๊ะ เจ้ากระต่ายที่นอนอยู่ในอ้อมแขนของอีกฝ่ายกำลังจดจ่ออยู่กับหนังเรต R ที่ซอมบี้และคนกำลังระเบิดศีรษะกัน เซี่ยจื่อจิงใส่หูฟังหลับตานอน แต่มือข้างหนึ่งยังคงวางอยู่ที่หลังของเจ้ากระต่ายและลูบมันเป็นครั้งคราว

เมื่อสัมผัสได้ว่าฉินเกอกำลังเดินเข้ามาใกล้ เซี่ยจื่อจิงก็ลืมตาขึ้นแล้วชี้ไปที่เจ้ากระต่าย “ต้องลูบอีกนานแค่ไหน”

“ลูบไปจนกว่ามันจะไม่อยากให้คุณลูบ”

เซี่ยจื่อจิง “…งั้นนายเอามันกลับไปได้ไหม”

ฉินเกอ “นานแล้วที่ไม่เจอคนที่สามารถเข้ากับมันและเล่นกับมันได้ ผมทนไม่ได้หรอก”

ฉินเกอตั้งใจที่จะไม่เรียกเจ้ากระต่ายกลับเข้าไป แต่ตอนที่กำลังจะก้าวออกไปจากประตูในที่สุดเซี่ยจื่อจิงก็อ้อนวอนขอความเมตตาจากเขา แถมยังเอานิ้วของตนเองที่ถูกกัดให้ฉินเกอดู ฉินเกอจึงรู้ว่าเขาหาทางควบคุมบังคับเซี่ยจื่อจิงได้แล้ว

“งั้นคุณก็ต้องเชื่อฟังผม” ฉินเกอคว้าเจ้ากระต่ายที่กำลังกัดนิ้วก้อยของเซี่ยจื่อจิงขึ้นมา จากนั้นก็จับมันทำท่าทางชี้ไปที่เซี่ยจื่อจิง “ไม่งั้นผมจะปล่อยมันมากัดคุณ”

เซี่ยจื่อจิง “งั้นฉันจะปล่อยสิงโตออกมาเลียนาย”

กระต่ายหายไปแล้ว ฉินเกอหันหลังกลับด้วยความโมโห “คุณยังอยากไปนอนที่ป้อมยามอยู่ไหม”

 

วันนี้เซี่ยจื่อจิงยังคงไปลองกินเจียนปิ่งกั่วจือร้านอื่นๆ ที่อยู่แถวสำนักงานวิกฤตการณ์ ระหว่างนั้นคิ้วของเขาก็ขมวดเข้าหากันมากขึ้นเรื่อยๆ ครั้งนี้เขาสั่งเจียนปิ่งกั่วจือที่ราคาแพงเป็นพิเศษโดยเพิ่มน่องไก่หนึ่งชิ้นและแฮมสองแผ่น ซึ่งมีราคาสูงถึงยี่สิบหยวน แต่ครั้งแรกที่เอาเข้าปากเซี่ยจื่อจิงก็อยากโยนมันทิ้งแล้ว

เขากินมันอย่างฝืนทนเพราะเจ็บใจกับเงินยี่สิบหยวนที่เสียไป

ส่วนฉินเกอที่มาถึงแผนกปรับสมดุลทางจิตเวชก่อนเขากำลังคุยโทรศัพท์อยู่กับเหยียนหง

เหยียนหงบอกฉินเกอว่าวันนี้ลูกชายของไช่หมิงเยวี่ยมาที่โรงพยาบาลฯ ที่ 267 อีกทั้งยังระบุว่าต้องการพบฉินเกอด้วย

“ฟังจากความหมายของเขาแล้ว ดูเหมือนเขาจะรู้แล้วว่าพวกนายเตรียมที่จะสอบสวนไช่หมิงเยวี่ย” เหยียนหงบอก “สีหน้าของเขาดูย่ำแย่มาก”

ไป๋เสี่ยวหยวนยังมาไม่ถึง ฉินเกอเลยรีบร้อนไปทำเรื่องยืมรถด้วยตนเอง แต่เขากลับได้รับแจ้งว่าการยืมรถจะต้องส่งคำร้องล่วงหน้าอย่างน้อยยี่สิบสี่ชั่วโมง

“ครั้งก่อนที่ไป๋เสี่ยวหยวนมายืมก็สามารถยืมได้เลยในวันนั้นนะ” ฉินเกอพยายามอธิบาย

“หัวหน้าฉิน เรื่องพวกนี้วันหลังคุณก็ให้ไป๋เสี่ยวหยวนเป็นคนมาทำก็พอแล้ว ลงทุนน้อยแต่ได้มาก” เสี่ยวหลิวของแผนกธุรการกล่าวกับเขายิ้มๆ “เธอคุ้นเคยกับขั้นตอนแบบนี้ อีกอย่างพวกเราแผนกธุรการทุกคนยังเป็นหนี้บุญคุณกับเธอ ยังต้องใช้เวลาตอบแทนเธออีกนาน”

ฉินเกอเชื่อครึ่งไม่เชื่อครึ่ง แต่หลังจากไป๋เสี่ยวหยวนมาถึงเธอก็ยื่นคำร้องขอยืมรถมาได้สำเร็จ ฉินเกอรู้สึกว่านี่มหัศจรรย์มาก แล้วในเวลาเดียวกันเขายังรู้สึกอีกด้วยว่าตัวเขาเองไม่รู้จักวิธีการทำสิ่งต่างๆ ของที่นี่เลย

“ฉันมีประโยชน์ใช่ไหมล่ะ” ไป๋เสี่ยวหยวนนั่งประจำอยู่บนที่นั่งคนขับเช่นเคย เธอกำลังยิ้มอย่างมีความสุข

พวกเขาขับรถตรงไปที่โรงพยาบาลฯ ที่ 267 ขณะที่หนังตาของฉินเกอกระตุกไม่หยุด

เขาไม่รู้ว่ามันเป็นเรื่องร้ายหรือดี

 

การตอบสนองต่ออารมณ์ทางเพศ จะเกิดขึ้นเมื่อเซนติเนลหรือไกด์ถูกฝั่งตรงข้ามหรือร่างวิญญาณของอีกฝ่ายดึงดูด โดยร่างกายจะเกิดการตอบสนองโดยอัตโนมัติ ซึ่งการตอบสนองนี้ไม่สามารถควบคุมและคาดเดาช่วงเวลาที่จะเกิดได้ จึงจำเป็นที่จะต้องกินยาระงับเพื่อควบคุมเอาไว้ ทั้งนี้การตอบสนองทางเพศแบ่งออกเป็น 3 ระดับ ได้แก่ ระดับเริ่มต้น ระดับกลาง และระดับสูง เมื่อเกิดการตอบสนองในระดับที่สูงขึ้น การตอบสนองระดับสูงก็จะเข้ามาแทนที่การตอบสนองในระดับที่ต่ำกว่า และการตอบสนองแต่ละระดับจะไม่เกิดขึ้นพร้อมกัน แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นการตอบสนองทางร่างกายโดยอัตโนมัติไม่ถือว่าเป็นความรัก ดังนั้นแล้วระหว่างการศึกษาและการนำไปใช้จำเป็นที่จะต้องแบ่งแยกให้ชัดเจน

 

* เวยป๋อ เป็นแพลตฟอร์มโซเชียลมีเดียอย่างหนึ่งของจีน คล้ายกับเฟซบุ๊ก

หน้าที่แล้ว1 of 2

Comments

comments

No tags for this post.
Continue Reading

More in everY

บทความยอดนิยม

everY

ทดลองอ่าน เขตห้ามรักฉบับเบต้า เล่ม 1 Chapter 2.1-2.2 #นิยายวาย

ทดลองอ่าน เรื่อง เขตห้ามรักฉบับเบต้า เล่ม 1 ผู้เขียน : MINTRAN แปลโดย : ทันบี ผลงานเรื่อง : 배타적 연애 금지구역 ถือเป็นลิขสิทธิ์...

ทดลองอ่าน

ทดลองอ่าน แม่ทัพฉางหนิง ขุนศึกหญิงพิทักษ์นครา บทที่ 62-63

บทที่ 62 เพียงตวัดตามอง สีหน้าของซู่เซิ่นฮุยก็เคร่งเครียดขึ้นทันที เขาหมุนตัวเดินกลับเข้ามาข้างในแล้วแกะตราครั่งภายใต้แส...

ทดลองอ่าน

ทดลองอ่าน แม่ทัพฉางหนิง ขุนศึกหญิงพิทักษ์นครา บทที่ 66-67

บทที่ 66 ผืนฟ้าเหนือฉางอันมืดลง ม่านราตรีคลี่คลุมอีกครั้ง เสียงย่ำกลองแจ้งเวลาวิกาลลอยมาจากหอกลอง หลังกำแพงสูงตระหง่านขอ...

ทดลองอ่าน

ทดลองอ่าน แม่ทัพฉางหนิง ขุนศึกหญิงพิทักษ์นครา บทที่ 64-65

บทที่ 64 จวงไท่เฟยหลบร้อนมาพักอยู่บนเขาเซิ่งซานทางตอนเหนือของเมือง วันนี้ซู่เซิ่นฮุยขี่ม้าออกจากที่พักตั้งแต่ฟ้ายังไม่สา...

community.jamsai.com