ทดลองอ่าน ทะเลคลั่งภวังค์วิปลาส เล่ม 1 บทที่ 11-12 #นิยายวาย – หน้า 2 – Jamsai
Connect with us

Jamsai

everY

ทดลองอ่าน ทะเลคลั่งภวังค์วิปลาส เล่ม 1 บทที่ 11-12 #นิยายวาย

2 of 2หน้าถัดไป

บทที่ 12 เลือดและไวน์ 12

การตายของทารกคนแรกในมือของไช่หมิงเยวี่ยเป็นสิ่งที่ไม่คาดคิด

เนื่องจากคลอดยากและมีสายสะดือพันรอบคอ หลังเด็กเกิดมาได้ไม่นานก็เสียชีวิตลง ตอนนั้นเธอยังอายุน้อยมาก ตอนเห็นครอบครัวของหญิงที่เพิ่งคลอดวิ่งมาเธอยังคิดว่าตนเองจะต้องถูกด่าทอหรือถูกทุบตีอย่างแน่นอน

แต่ไม่มีอะไรเกิดขึ้นเลย

ชายชรากุมมือของเธอไว้พลางพูดขอบคุณเสียงเบาไม่หยุด

เด็กคนนั้นเป็นทารกเพศหญิง นิ้วมือขาดไปสองนิ้ว พ่อของเธอเป็นคนข่มขืนแม่ของเธอซึ่งมีอายุเพียงสิบหกปีเท่านั้น บนโลกนี้ไม่มีใครต้องการเธอ

‘ในเมื่อตายแล้วก็ช่างมันเถอะ’ พวกเขาพูดเสียงเบา ‘หมอไช่ คุณเป็นคนดีจริงๆ พวกเราจะขอบคุณคุณไปชั่วชีวิตเลย’

นานวันเข้าก็มีคนมาหาไช่หมิงเยวี่ยมากขึ้นเรื่อยๆ ทารกที่ร่างกายไม่สมบูรณ์ เพศไม่ถูกต้อง เป็นมนุษย์พิเศษ…พวกเขาล้วนไม่ต้องการ

แผนกสูติ-นรีเวชกับไช่หมิงเยวี่ยและพยาบาลสองสามคนได้ร่วมมือกันเก็บงำความลับนี้ไว้

“จริงๆ แล้วไม่ได้มากเท่าไร…ไม่ใช่ว่ามีใครมาขอฉันก็ตอบรับทั้งหมด…” เสียงของไช่หมิงเยวี่ยแหบแห้ง ความทุกข์ทรมานที่เกิดขึ้นบั่นทอนพลังชีวิตส่วนใหญ่ของเธอไป แต่เธอยังคงพยายามแก้ต่างให้ตนเองและยังจับมือของฉินเกอไว้แน่น ไม่ยอมให้เขาถอยไปไหนเลยสักก้าว “ฉันเองก็เลือกนะ”

ในบรรดาเด็กเหล่านั้น เด็กที่ไม่เป็นที่ต้องการของครอบครัวหรือเด็กที่เจ็บป่วยมาตั้งแต่เกิดจะถูกเลือกได้ง่ายที่สุด

บางครั้งก็เป็นคนที่ตั้งครรภ์เองที่ขอร้องไช่หมิงเยวี่ย เธอไม่ต้องการลูกจริงๆ บางคนลังเลจึงมาทำแท้งไม่ทันเนื่องจากผ่านไปหลายเดือนแล้ว บางคนตอนแรกก็อยากมีลูก แต่พอพบความผิดปกติหลังคลอดก็ไม่อยากมีลูกแล้ว สรุปคือมาจากความลำบากใจหลายๆ อย่าง เธอไม่สามารถเพิ่มภาระให้กับชีวิตที่เต็มไปด้วยความทุกข์ทรมานและยากลำบากได้อีกแล้ว

บางครั้งก็เป็นสามีของคนที่ตั้งครรภ์หรือครอบครัวของพวกเขา มันลำบากเกินไป สมาชิกภายในบ้านเยอะเกินไป มันยากเกินไป มันเจ็บปวดเกินไป มนุษย์พิเศษน่ากลัวเกินไป…สำหรับพวกเขาแล้วเด็กไม่ได้นำมาซึ่งความสุข แต่กลับนำความทุกข์ทรมานมาให้แทน

“พวกเขาทำอะไรผิดล่ะ” ไช่หมิงเยวี่ยถามเสียงสั่น “ล้วนแต่เป็นคนน่าสงสาร…มีความผิดอะไรกัน…เด็กหลายคนหากเกิดมาก็ต้องเจอแต่ความลำบาก…ฉันช่วยพวกเขา ฉันไม่ได้ทำอะไรผิด”

ฉินเกอก้มหน้าลงมองแววตาของไช่หมิงเยวี่ย

“ทำไมพวกเขาต้องให้คลอดก่อนถึงค่อยมาจัดการ ถ้าไม่อยากมีตอนแรกก็มีโอกาสตั้งมากมาย ถึงจะใช้เวลานานแต่ก็ยังตัดสินใจทัน”

“คนที่ไม่มีโอกาสได้เลือกนั้นมีเสมอ…” ไช่หมิงเยวี่ยคร่ำครวญ “หรือ…ในตอนแรกพวกเขาอาจไม่รู้ว่ากำลังจะมีลูก…หรือพวกเขาไม่อยากมี…คนน่ะมีเหตุผลเสมอถึงได้ตัดสินใจแบบนั้น…มันไม่ง่ายเลย จริงๆ นะ…ไม่ว่าจะเป็นฉันหรือพวกเขาเอง…ฉันเข้าใจดี…”

เขาเหนื่อยล้าและอ่อนเพลียมาก โดยหลังจากล่องเรือในอาณาเขตทะเลที่ผิดปกติ ผลเสียที่ได้รับคือสมองของเขาจะสั่นไหวตลอดเวลา ความรู้สึกรังเกียจทวีความรุนแรงมากยิ่งขึ้นเมื่อได้รับฟังเรื่องราวของไช่หมิงเยวี่ย มันทำให้เขารู้สึกเหมือนกับว่าในคอเหนียวหนืดไปด้วยเลือด กลิ่นเหม็นของมันทำให้เขาพูดออกมาได้อย่างยากลำบาก

แต่เขาจำเป็นต้องปลอบใจตัวเองและเกลี้ยกล่อมให้ไช่หมิงเยวี่ยพูดออกมามากกว่านี้

“ถ้าไม่มีใครผิด…” เขาพูดเสียงเบา “แล้วเด็กที่ถูกฆ่าตายพวกนั้นล่ะ”

ไช่หมิงเยวี่ยร้องไห้เงียบๆ

“คุณตัดสินพวกเขา” เขามองตรงไปที่ไช่หมิงเยวี่ย “เพราะพวกเขาไม่มีทางเลือก คุณตัดสินเด็กพวกนี้ ในบรรดาพวกเขามีใครทำอะไรผิดกัน พวกเขาเลือกที่จะมาเกิดบนโลกนี้เองงั้นเหรอ”

ดวงตาที่แลดูเศร้าซึมของหญิงชราเริ่มสั่นเทาก่อนจะมีน้ำตาไหลออกมา

มือของฉินเกอถูกเธอกุมไว้จนรู้สึกเจ็บ “หมอไช่ครับ หากคุณคิดว่าตัวเองไม่ได้ทำอะไรผิดจริงๆ อาณาเขตทะเลของคุณจะไม่เป็นแบบนี้ หากไม่ต้องการเด็กแล้วล่ะก็มันมีอีกหลายวิธี ถ้าทำในเวลาที่ถูกต้องก็จะไม่มีใครตำหนิ…แต่หากไม่ทัน เขาคลอดออกมาแล้ว แค่เพราะ ‘ความไม่ต้องการ’ ก็สามารถฆ่าพวกเขาได้เลยเหรอ หมอไช่ นอกจากความตายแล้วเด็กพวกนี้ไม่มีทางเลือกอื่นเลยเหรอ บนโลกใบนี้ไม่มีพื้นที่ให้เด็กพวกนี้แล้วเหรอ”

ไช่หมิงเยวี่ยอยากหาเหตุผลมาตอบกลับไป “ไม่…ฉันรู้ ถ้าเด็กพวกนี้เกิดมาพวกเขาจะทุกข์กว่าเดิม ฉันรู้ดี…”

“ทุกข์ของเด็กหรือทุกข์ของคนที่อยู่รอบตัวเด็กล่ะ” ฉินเกอรู้สึกว่าคำพูดพวกนี้ไม่ได้มาจากเขา แต่เหมือนกับว่ามีใครอีกคนหนึ่งพูดอยู่ในร่างของเขา ยืมเสียงของเขากล่าวโทษด้วยความเจ็บปวด เขายิ่งรู้สึกปวดศีรษะหนักกว่าเดิมและไม่สามารถควบคุมอารมณ์ได้อีกต่อไป “คุณมีสิทธิ์อะไรมาตัดสิน มีสิทธิ์อะไรไปฆ่าพวกเขา คุณใช้ความ ‘ทุกข์’ ของเด็กมาเป็นข้ออ้างเพื่อให้การกระทำของตัวคุณเองถูกต้อง ถ้าคุณบริสุทธิ์ใจจริง งั้นคุณจะมีอะไรให้เสียใจอีก”

ไช่หมิงเยวี่ยน้ำตาไหล เธอไม่พูดอะไรเลยสักคำ

“เพราะคุณรู้ว่าตัวเองทำผิด ดังนั้นคุณเลยกลัว ทุกอย่างภายในอาณาเขตทะเลเป็นสิ่งที่คุณกำหนดมันขึ้นมาและมีเพียงคุณที่จะทำให้มันหายไปได้” ฉินเกอค่อยๆ ใจเย็นขึ้น น้ำเสียงจึงนุ่มนวลขึ้นกว่าเดิม “บอกผมมาเถอะครับ เรื่องอะไรที่ทำให้คุณสำนึก ใช่เด็กที่รอดชีวิตจากมือคุณหรือเปล่า”

 

นั่นเป็นครั้งสุดท้ายที่ไช่หมิงเยวี่ยถูกคนอื่นอ้อนวอนให้ช่วย ‘แก้ไข’ ปัญหา

คนที่มาหาเธอคือคนเป็นสามี…คนที่มาขอร้องเธอส่วนใหญ่ล้วนแต่เป็นสามี ไช่หมิงเยวี่ยพบเห็นจนไม่ได้รู้สึกแปลกอะไรแล้ว

ชายที่มาหาเธอทั้งโมโหและตื่นตระหนก เขาเป็นเพียงมนุษย์ธรรมดาคนหนึ่ง จนกระทั่งวันนี้ที่ภรรยาต้องการมาคลอดลูกที่โรงพยาบาลฯ ที่ 267 เขาถึงได้รู้ว่าภรรยาของตนเองเป็นไกด์

ทั้งสองไม่ได้จดทะเบียนสมรสกัน ฝ่ายชายเลยไม่รู้มาก่อนว่าภรรยาของตนเองเป็นมนุษย์พิเศษ ความหวาดกลัวและความเกลียดชังแทบทำให้เขาเสียสติ

‘ลูกของผมต้องเกิดมาเป็นหนึ่งในพวกประหลาดนั่นใช่ไหม!’

ผลการตรวจดีเอ็นเอแสดงให้เห็นว่าเกิดการกลายพันธุ์ในโครโมโซมของลูกเขา และมีโอกาสที่เด็กจะเกิดมาเป็นไกด์สูงถึงเก้าสิบสองเปอร์เซ็นต์

ผู้เป็นแม่ร้องไห้คร่ำครวญเสียใหญ่โต เธออ้อนวอนขอร้องสามีไม่ให้ทิ้งเธอไป เธอไม่ต้องการเด็กแล้ว แต่เธอยังอยากใช้ชีวิตกับเขาอยู่ ทั้งคู่เหมือนไม่ยินดีที่จะต้อนรับไกด์ตัวน้อย โดยหลังจากไช่หมิงเยวี่ยคุยกับทั้งสองและตรวจสอบข้อมูลทั้งหมดก็ตัดสินใจยอมรับคำขอนี้

ตามมาตรฐานของเธอ เห็นได้ชัดว่าเด็กคนนี้จะไม่ได้รับความสุข เป็นส่วนเกิน และไม่มีใครตั้งตารอให้เกิดมา

แต่สิ่งที่ไม่คาดคิดก็เกิดขึ้น เธอปิดปากและจมูกของเด็ก มองดูจนเห็นว่าเด็กหยุดหายใจไปแล้ว แต่ระหว่างที่ส่งศพให้ชายหนุ่ม จู่ๆ ร่างกายของเด็กก็ขยับและส่งเสียงร้องออกมาอย่างแผ่วเบา

เสียงร้องทำให้ชายหนุ่มหวาดกลัว มือของเขาคลายออก ทำให้ทารกที่อยู่ในห่อผ้าตกลงพื้น

ไช่หมิงเยวี่ยมือไว เธออุ้มเด็กเอาไว้ได้ทัน แต่ตัวเธอเองก็ล้มลงไปบนพื้นอย่างแรง

หลังเกิดความวุ่นวายไช่หมิงเยวี่ยก็ถูกส่งตัวไปตรวจร่างกาย ส่วนเด็กก็ถูกส่งตัวเข้าตู้อบ ตอนไช่หมิงเยวี่ยพบว่าเธอตั้งครรภ์ได้สองเดือน แผนกสูติ-นรีเวชก็พบว่าชายคนนั้นได้หายตัวไปแล้ว

“เด็กในท้องตอนนั้นเป็นลูกชายคนเล็กของฉัน ไช่อี้” ไช่หมิงเยวี่ยพูดเสียงแหบ “ครรภ์นั้นของฉันไม่แข็งแรง ใช้เวลาฝากครรภ์ยาวนาน ฉันต้องกินยาและฉีดยาตลอด ฉันกลัวมาก…บนโลกใบนี้อาจมีสิ่งที่เรียกว่ากรรมตามสนอง ตอนหลังพวกเขาบอกฉันว่าเด็กคนนั้นยังมีชีวิตอยู่ สุขภาพแข็งแรง และออกจากโรงพยาบาลไปพร้อมกับแม่ของเขา ในใจของฉันก็คิดว่าจะหยุดแล้วเช่นกัน ฉันจะไม่ช่วยคนอื่นแล้ว”

คำที่พูดว่า ‘ช่วยคน’ นั้นเป็นเพียงข้ออ้าง แต่ในใจของเธอรู้ดีว่าตนเองกำลังฆ่าคน

อย่างไรก็ตามสิ่งที่ทำให้เธอรู้ตัวไม่ใช่ทารกที่ฟื้นขึ้นมาจากความตาย หากแต่เป็นลูกของเธอเอง

หลังไช่อี้เกิดได้ไม่นานฝันร้ายก็เริ่มต้นขึ้น

ตอนแรกเธอฝันถึงมันเป็นครั้งคราวว่าเธอยืนอยู่ในห้องผ่าตัดหมายเลข 6 กำลังลงมือปิดปากและจมูกของทารก สักพักพยาบาลที่อยู่ด้านหลังเธอก็พูดขึ้นว่าเด็ก ‘เสียชีวิตแล้ว’ เมื่อเวลาผ่านไปรายละเอียดในฝันร้ายก็เพิ่มมากขึ้นและเจาะจงมากขึ้น รอจนถึงตอนที่เธอเกษียณ เรื่องราวที่ต้องจัดการมีน้อยลง เธอจึงมีเวลาว่างในการพักผ่อนและนอนหลับมากยิ่งขึ้น

ในเวลานี้เองที่อาณาเขตทะเลได้เข้ามาควบคุมเธออย่างบ้าคลั่ง

ฉินเกอปล่อยมือ

อาการปวดศีรษะทำให้เขาเซยามที่หยัดตัวขึ้น ทัศนวิสัยในการมองเห็นของเขาพร่าเบลอ

“คุณหลุดพ้นแล้ว” คอและเสียงของเขาแหบแห้ง “นอนเถอะครับ…หากคุณนอนได้”

เขาถอยหลังไปสองก้าว เซี่ยจื่อจิงจับมือเขาไว้เบาๆ ตอนที่หันหน้าไปทางเซี่ยจื่อจิง ฉินเกอพยายามทำให้ตัวเองตื่น เขาคว้าคอเสื้อของเซี่ยจื่อจิงไว้พลางพูดเสียงเบา

“คุณได้ยินหมดแล้วใช่ไหม”

“ได้ยินแล้ว” เซี่ยจื่อจิงพยักหน้า “ฉันรู้ว่าต้องทำอะไรต่อไป”

ฉินเกอยังคงไม่วางใจ ไช่หมิงเยวี่ยกำลังร้องไห้ เสียงร้องไห้ทำให้เขาปวดศีรษะจนแทบขาดใจ อาการวิงเวียนศีรษะหนักขึ้นเรื่อยๆ ไม่สามารถกำจัดมันออกไปได้เลย

“คุณจะทำอะไร” เขาต้องบังคับตัวเองให้ถามเซี่ยจื่อจิงออกไปเพื่อที่จะให้หัวสมองแล่นต่อ

เซี่ยจื่อจิงจับไหล่เขาไว้ “ฉันจะไปส่งนายที่ห้อง ให้นายพักผ่อนดีๆ ตอนที่นายพักผ่อนฉันก็จะเขียนรายงานเรื่องนี้ จากนั้นรอนายตื่นแล้วให้นายดูให้ฉันอีกที หัวหน้าฉิน”

ประตูห้องพักผู้ป่วยถูกเปิดออก ไช่อี้ก้าวยาวๆ เข้ามาข้างใน เขามองฉินเกอและเซี่ยจื่อจิงก่อนจะมองไปที่ไช่หมิงเยวี่ยบนเตียงผู้ป่วยอีกที

“เกิดอะไรขึ้น” เขาขมวดคิ้วแน่นขึ้น

“หมอไช่สามารถนอนหลับได้ตามปกติแล้วครับ” ฉินเกอบอก “ผมรับประกัน”

ตอนหันหลังจากไปไช่อี้ก็คว้ามือของเขาเอาไว้ “แล้วเรื่องของอาณาเขตทะเลล่ะ” เขาถาม

“มันเป็นความลับของนักปรับสมดุลทางจิต” ฉินเกอตอบกลับไปทีละคำ “ผมรับรอง”

 

ตอนที่พวกเขาเดินออกมาจากอาคารผู้ป่วยในก็เห็นเหยียนหงวิ่งมาจากอาคารผู้ป่วยนอกแต่ไกล

พอเห็นสีหน้าของฉินเกอ เหยียนหงก็กังวลขึ้นมาทันที

“นายจะกลับไปที่บ้านไหม” เขาถามฉินเกอ “คุณลุงกับคุณป้าอยู่บ้านหรือเปล่า”

“ที่บ้านไม่มีคน พวกเขาไปส่งเซี่ยวชวนแข่งที่เซี่ยงไฮ้” ใบหน้าของฉินเกอซีดขาว หน้าผากมีเหงื่อผุดซึมออกมา “ฉันจะกลับคอนโดฯ”

เขาปีนขึ้นไปนั่งที่เบาะหลังชิดกับหน้าต่าง จิตใต้สำนึกทำให้เขาขดตัวเข้าหากันโดยไม่รู้ตัว หัวใจของเขาเต้นแรง เหงื่อออกมาก อีกทั้งมือยังไม่มีแรงจนกำเข้าหากันไม่ได้ นี่เป็นครั้งแรกที่ฉินเกอเข้าไปล่องเรือในอาณาเขตทะเลซึ่งมีความผิดปกติมากขนาดนี้ และผลกระทบที่เกิดขึ้นกับเขานั้นก็รุนแรงกว่าที่เขาจินตนาการไว้

เขาสามารถทนต่อความน่ากลัวในอาณาเขตทะเลของไช่หมิงเยวี่ยได้ แต่ผลกระทบจากความผิดปกติของอาณาเขตทะเลนั้นยังคงรบกวนเขาอยู่ มันเหมือนกับนาฬิกาขนาดใหญ่ที่ตีบอกเวลา ถึงแม้จะตีไปแล้ว แต่แรงสั่นสะเทือนของมันก็ยังคงสั่นสะเทือนอยู่อย่างต่อเนื่อง

ฉินเกออยากปล่อยกระต่ายของตนเองออกมา แต่ฝ่ามือที่สั่นระริกของเขามีเพียงหมอกสีขาวกลุ่มหนึ่งซึ่งไม่สามารถขึ้นรูปได้

เสี่ยงมี่เลี่ยบินมาเปิดประตูรถไว้ครึ่งหนึ่งแล้วแอบอิงแนบชิดอยู่ที่ไหล่ของเขา มันถูไถหูของเขาแล้วร้องเสียงเบาๆ

ใบหน้าของเหยียนหงเต็มไปด้วยความกังวล “เขาเพิ่งเข้าไปล่องเรือในอาณาเขตทะเลของ ผอ.ไช่ มาใช่ไหม”

เซี่ยจื่อจิง “ใช่ เขาบอกว่าต้องดำน้ำลึก พอเขากลับมาก็มีสภาพแบบนี้ นักปรับสมดุลทางจิตหลังจากดำน้ำจะมีสภาพแบบนี้ทุกคนเลยเหรอ”

“ผมก็รู้จักนักปรับสมดุลทางจิตแค่คนเดียวซะด้วยสิ ไม่แน่ใจเลย” เหยียนหงบอกเขา “ตอนนี้ผมยังเลิกงานไม่ได้ พวกคุณอย่าลืมให้ใครสักคนคอยดูเขาไว้นะ ดูเหมือนเขาจะได้รับผลกระทบหนักอยู่”

ไป๋เสี่ยวหยวนเปิดประตูขึ้นไปนั่งที่ฝั่งคนขับ เธออดไม่ได้ที่จะหันไปมอง “ทำไมฉินเกอถึงมีอาการมากขนาดนี้ สภาพของเขาดูเหมือนโดน ‘สึนามิ’ เลย”

‘สึนามิ’ เป็นผลข้างเคียงอย่างรุนแรงที่จะเกิดขึ้นในอาณาเขตทะเลของเซนติเนล โดยเฉพาะเมื่อต้องรับมือกับงานยากๆ หรือภารกิจที่อาจแตะขอบเขตจริยธรรมได้ง่าย เซนติเนลจะต้องเจอกับคลื่นอารมณ์เชิงลบที่รุนแรง

แต่ไม่เคยเห็นมันเกิดขึ้นกับไกด์มาก่อน

เมื่อเหยียนหงได้ยินเธอพูดแบบนี้ก็แสดงอาการประหลาดใจออกมาทางใบหน้า “นี่พวกคุณไม่รู้เหรอว่าทำไมฉินเกอถึงมาเป็นนักปรับสมดุลทางจิต”

คนของแผนกปรับสมดุลทางจิตเวชมองหน้ากันไปมา “เหตุผลอะไร”

“ฉินเกอสามารถดูดซับอารมณ์และความรู้สึกด้านลบของอาณาเขตทะเลที่ผิดปกติได้” เหยียนหงที่ถูกคั่นกลางด้วยกระจกรถมองไปที่ฉินเกอ “ถ้าเขาเข้าไปล่องเรือในอาณาเขตทะเลที่ปกติจะไม่เกิดปัญหาอะไร แต่หากเข้าไปในอาณาเขตทะเลที่ผิดปกติเขาจะดึงดูดสิ่งที่…แปลกประหลาดเข้ามาโดยอัตโนมัติ โดยหลังจากล่องเรือเสร็จอาณาเขตทะเลของคนคนนั้นจะสงบขึ้น แต่ตัวฉินเกอเองจะรู้สึกแย่มาก”

เซี่ยจื่อจิงเพิ่งเข้าใจตอนนี้เองว่าทำไมฉินเกอถึงบอกไช่หมิงเยวี่ยว่าเธอสามารถนอนหลับได้ปกติแล้ว

“นี่เป็นความสามารถพิเศษของฉินเกอซึ่งตัวเขาเองไม่สามารถควบคุมมันได้” เหยียนหงมองทุกคนอย่างลังเล “ยี่สิบสี่ชั่วโมงต่อจากนี้สำคัญมาก ผมยังไปไม่ได้ พวกคุณต้องดูแลเขาแล้ว คุยกับเขาเยอะๆ ห้ามให้เขาอยู่คนเดียวตามลำพัง”

 

ระหว่างทางไปส่งฉินเกอที่คอนโดฯ เขาพิงเซี่ยจื่อจิงแล้วหลับไปช่วงสั้นๆ

เขาหลับได้ไม่ค่อยสนิทนัก เหงื่อไหลออกมาไม่หยุด มือจับกันแน่น ถังชั่วปล่อยแพนด้าออกมาให้มันอยู่ข้างกายฉินเกอ ดูเหมือนร่างวิญญาณที่ไร้เดียงสานี้จะสัมผัสได้ว่าฉินเกอรู้สึกไม่สบาย มันค่อยๆ เข้าไปกอดขาของเขาเหมือนกับกอดต้นไม้

ความจริงแล้วไกด์สามารถชะล้างสิ่งที่ไม่ดีออกไปได้ แต่ไม่ว่าจะเป็นเหยียนหงหรือถังชั่ว พวกเขาก็ไม่สามารถช่วยฉินเกอแก้ปัญหาได้เลย

เซี่ยจื่อจิงใช้ร่างกายของตนเองพยุงฉินเกอไว้ เขาเล่าสิ่งที่ฉินเกอต้องการและเหตุการณ์ที่ไช่หมิงเยวี่ยพบเจอให้กับไป๋เสี่ยวหยวนและถังชั่วฟังด้วยคำพูดที่กระชับและเข้าใจได้ง่ายที่สุด

ถังชั่วตกตะลึงไปแล้ว “…นี่มันน่ากลัวเกินไปแล้วนะ มันจะซ่อนไว้ยังไงกัน ไช่อี้เป็นบ้าไปแล้วเหรอ!”

ไป๋เสี่ยวหยวนสงบนิ่งกว่าถังชั่วมาก “ฉินเกอหัวไว ไม่อย่างนั้นพวกเราคงตกหลุมพรางของไช่อี้แล้ว เซี่ยจื่อจิง นายรู้ใช่ไหมว่าต้องเขียนรายงานยังไง”

เซี่ยจื่อจิง “จริงๆ แล้วฉันก็ไม่ค่อยรู้หรอก เธอสอนฉันสิ พวกเราต้องใช้วิธีการที่รวดเร็วเพื่อไม่ให้ไช่อี้มีเวลาโต้กลับ”

ไป๋เสี่ยวหยวนมองเขาผ่านกระจกมองหลัง “งั้นนายดูแลฉินเกอ ส่วนเรื่องรายงานเดี๋ยวฉันเขียนเอง”

 

หลังส่งฉินเกอไว้ที่ชั้นล่าง ไป๋เสี่ยวหยวนและถังชั่วก็ตัดสินใจกลับไปที่สำนักงานวิกฤตการณ์

“ถังชั่ว นายกลับไปที่ห้องเก็บเอกสาร ตามหาเอกสารที่บันทึกเกี่ยวกับโรงพยาบาลฯ ที่ 267 เมื่อสามสิบปีก่อน ฉันจะไปถามเรื่องอื่นอีกสักหน่อย” ไป๋เสี่ยวหยวนลดกระจกรถลงแล้วโผล่ศีรษะออกมาบอกกับเซี่ยจื่อจิง “เจอกันเย็นนี้”

ฉินเกอรู้ว่าพวกเขาจะมาดูแลตนเองเลยรีบยกมือขึ้นโบก “ไม่ต้อง…”

เซี่ยจื่อจิงปิดปากเขา หลังจากบอกไป๋และถังสองคนนี้เรื่องที่พักของฉินเกอแล้วเขาก็ประคองฉินเกอเข้าไปในลิฟต์

เมื่อกลับมาอยู่ในพื้นที่ที่คุ้นเคยฉินเกอก็ผ่อนคลายลงครู่หนึ่ง จากนั้นร่างกายของเขาก็กลับมาสั่นมากขึ้นกว่าเดิม เขาไม่กล้ากลับเข้าไปนอนในห้อง จึงได้แต่นอนขดตัวอยู่บนโซฟา ในมือถือถ้วยน้ำร้อนเอาไว้ เขาขดตัวด้วยความหนาวขณะมองไปยังบรรยากาศนอกระเบียง

เขารู้สึกว่าระยะการมองเห็นของตนเองถูกบีบให้แคบลง ทั้งห้องดูเหมือนจะสั่นและหมุนไปมา อาการคลื่นไส้ชัดเจนขึ้นทุกที แต่ภายในท้องนั้นว่างเปล่าจนทำให้เขารู้สึกเสียดท้อง ความร้อนภายในร่างกายเหมือนจะถูกสูบออกไปจนหมดโดยมีเพียงความหนาวเย็นที่เพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ

กระต่ายยังไม่สามารถรวมตัวเป็นรูปร่างได้ ฉินเกอนึกถึงไฟดวงน้อยที่นอนอยู่บนหน้าอก

“หนาว…” เขาพึมพำ

แต่อุณหภูมิภายในห้องอยู่ที่ยี่สิบห้าองศา เซี่ยจื่อจิงเอาห่มผ้ามาคลุมไหล่ให้เขา ทั้งยังเช็ดเหงื่อบนหน้าผากของเขาด้วย

“กระต่ายล่ะ” เขาถามเสียงนุ่ม “ให้มันออกมาอยู่เป็นเพื่อนนายสิ”

“…ไม่ได้…มันออกมาไม่ไหว” ไม่รู้ว่าทำไมตอนที่ฉินเกอพูดประโยคนี้เขากลับรู้สึกอยากร้องไห้ ความรู้สึกหดหู่และสูญเสียอย่างรุนแรงทำให้เขามีความคิดอย่างหนึ่งผุดขึ้นมาในหัว เขาต้องเสียกระต่ายไปแล้วแน่ๆ…ครั้งนี้อาณาเขตทะเลผิดปกติมาก บางทีกระต่ายของเขาอาจจะไม่อยู่แล้ว

ไม่ใช่ว่าจะเป็นไปไม่ได้…เขาคิดไปเรื่อย สิ่งที่เลวร้ายที่สุดมักเกิดกับคนเราในช่วงเวลาที่เลวร้ายที่สุดเสมอ

“งั้นนายชอบแพนด้าไหม หรือว่าแมวทรายดี” เซี่ยจื่อจิงนั่งอยู่ข้างๆ คอยลูบผมของเขา ก่อนจะขยับเข้าไปใกล้ศีรษะของฉินเกอแล้วเอ่ย “เดี๋ยวพวกเขาสองคนก็มาแล้ว ถึงตอนนั้นจะให้มาอยู่เป็นเพื่อนนาย”

จู่ๆ ฉินเกอก็นึกถึงร่างวิญญาณของเซี่ยจื่อจิง

“สิงโตของคุณล่ะ”

“…มันตัวใหญ่แล้วก็ดุมาก” เซี่ยจื่อจิงคิดว่าฉินเกอสับสนจนลืมสามัญสำนึกเบื้องต้นไปแล้ว “แล้วร่างวิญญาณของเซนติเนลก็ไม่สามารถปลอบนายได้”

“ผมไม่กลัวหรอก” ฉินเกอมองมาทางเขา “ผมอยากเจอมัน”

เขาพูดอย่างชัดเจนว่าหนาว แต่เหงื่อของเขากลับไหลลงมาจนถึงคางแล้ว ดวงตาของเขาเหมือนกับกระต่ายที่เปียกฝน ไร้ซึ่งที่พึ่งพิง ในเวลานี้เซี่ยจื่อจิงไม่สามารถปฏิเสธความต้องการของฉินเกอได้เลย

เขาลูบศีรษะของฉินเกอ “ถ้ากลัวก็กอดฉันเอาไว้”

หมอกหนาลอยขึ้นมาจากร่างของเซี่ยจื่อจิง มันม้วนตัวอยู่ในพื้นที่เล็กๆ และในที่สุดก็ทอดตัวลงที่ฝั่งหนึ่งของโซฟาข้างๆ ฉินเกอ

ฉินเกอตาโต จิตใต้สำนึกบอกให้เขาปิดจมูก น่าจะเป็นเพราะความอ่อนแอหรือเป็นเพราะความแข็งแกร่งของเซี่ยจื่อจิงที่มากเกินไป เขาได้กลิ่นฟีโรโมนที่ไม่คุ้นเคยขึ้นมาทันที มันแห้งเหมือนกับลมร้อนที่แผดเผาในทะเลทรายซึ่งแผ่ออกมาจากเซนติเนลเพียงหนึ่งเดียวในห้องนี้

ในที่สุดหมอกก็ควบรวมกลายเป็นสิ่งมีชีวิตขนาดใหญ่ตัวหนึ่ง สิงโตที่ตัวใหญ่กว่าสัตว์วงศ์แมวที่ฉินเกอเคยเห็นพลันปรากฏตัวขึ้นมาตรงหน้าเขา

มันมีดวงตาสีทองคู่หนึ่งซึ่งถูกล้อมรอบด้วยวงแหวนสีแดงเข้มรอบรูม่านตา มันจ้องมองไปทางเหยื่อด้วยท่าทางดุร้าย

ตอนที่หันหัวกลับมา มันก็มองสำรวจฉินเกอขึ้นๆ ลงๆ อย่างละเอียด

เซี่ยจื่อจิงเป็นกังวลเล็กน้อย “มัน…ไม่ค่อยรู้มารยาทเท่าไร”

ฉินเกอได้กลิ่นฟีโรโมนของเซี่ยจื่อจิงแล้ว กลิ่นนี้ทำให้เขาค่อยๆ สงบลง เขายื่นมือออกไปหาสิงโต

หลังจากนั้นไม่นานสิงโตก็เขย่าขนแผงคอที่หนาเกินปกติของมัน ก่อนจะยกอุ้งเท้าขึ้นอย่างเชื่องช้าแล้ววางลงบนฝ่ามือของฉินเกออย่างแผ่วเบา

 

  

ติดตามเรื่องราวทั้งหมดได้ใน ทะเลคลั่งภวังค์วิปลาส เล่ม 1

วางจำหน่ายแบบรูปเล่มที่เว็บไซต์ Jamsai Store, ร้าน Jamclub และร้านหนังสือทั่วไป

 

รวมถึงในรูปแบบอีบุ๊กที่

Meb / OOKBEE / Fictionlog / Naiin App / SE-ED / Hytexts / comico และ ARN

 

2 of 2หน้าถัดไป

Comments

comments

No tags for this post.
Continue Reading

More in everY

บทความยอดนิยม

everY

ทดลองอ่าน เขตห้ามรักฉบับเบต้า เล่ม 1 Chapter 2.1-2.2 #นิยายวาย

ทดลองอ่าน เรื่อง เขตห้ามรักฉบับเบต้า เล่ม 1 ผู้เขียน : MINTRAN แปลโดย : ทันบี ผลงานเรื่อง : 배타적 연애 금지구역 ถือเป็นลิขสิทธิ์...

จุติรัก พลิกชะตาร้าย

ทดลองอ่าน จุติรัก พลิกชะตาร้าย บทที่ 7-8

บทที่ 7 ค่าเดินทาง เมื่อภูตสุนัขดำคืนร่างเป็นสุนัขธรรมดาตัวหนึ่ง ภูตบุปผาสองตนนั้นก็ไม่อาจทำการใหญ่ ต่อให้ชาวหมู่บ้านป่า...

จุติรัก พลิกชะตาร้าย

ทดลองอ่าน จุติรัก พลิกชะตาร้าย บทที่ 5-6

บทที่ 5 สังหารภูต   หลี่เจาเกอกลั้นหายใจเพ่งสมาธิ นิ้วมือวางบนด้ามกระบี่ ท่ามกลางหมู่ใบไม้แว่วเสียงความเคลื่อนไหวดังแซกซ...

คืนลมพัดต้องเหมยงาม

ทดลองอ่าน คืนลมพัดต้องเหมยงาม บทที่ 1-2

บทที่ 1 ลมตะวันตกพัดมา สุริยันจมลับประจิม แสงสายัณห์สาดส่องขอบฟ้า เสิ่นเฉียนเปลี่ยนม้าไปตัวหนึ่งแล้วในจุดพักม้า เช่นนี้จ...

จุติรัก พลิกชะตาร้าย

ทดลองอ่าน จุติรัก พลิกชะตาร้าย บทที่ 87-88

บทที่ 87 ข้อห้าม กู้หมิงเค่อถูกหลี่เจาเกอยั่วโมโหจากไปแล้ว นางอมยิ้มรับช่วงหลักฐาน เอ่ยกับผู้ใต้บัญชาที่ติดตามนางมา “จงข...

community.jamsai.com