ทดลองอ่าน ท่วงทำนองฝัน วันของดวงดาว เล่ม 3 บทที่ 51 #นิยายวาย – Jamsai
Connect with us

Jamsai

everY

ทดลองอ่าน ท่วงทำนองฝัน วันของดวงดาว เล่ม 3 บทที่ 51 #นิยายวาย

ทดลองอ่านเรื่อง ท่วงทำนองฝัน วันของดวงดาว เล่ม 3

ผู้เขียน :  จื้อฉู่ (稚楚)

แปลโดย : ปราณหยก

ผลงานเรื่อง : 恒星时刻 (Heng Xing Shi Ke)

ถือเป็นลิขสิทธิ์ของสำนักพิมพ์เอเวอร์วายในการเผยแพร่ผลงาน

จัดพิมพ์และจัดจำหน่ายในประเทศไทยแต่เพียงผู้เดียว

หากผู้ใดละเมิดลิขสิทธิ์จะถูกดำเนินคดีตามกฎหมาย

– – – – – – – – – – – – – – – – – 

Trigger Warning

นิยายเรื่องนี้เป็นเรื่องที่แต่งขึ้นจากจินตนาการของผู้เขียน

ไม่มีความเกี่ยวข้องกับบุคคล สถานที่ หรือเหตุการณ์จริงใดๆ

   

เนื้อหามีประเด็นอ่อนไหวเกี่ยวกับการบรรยายถึงเลือดและสภาพศพ

การบูลลี่ บาดแผลทางใจในวัยเด็ก ความรุนแรงในครอบครัว

การทำร้ายทางร่างกายและจิตใจ อาการป่วยทางจิต

ความรุนแรง การสะกดรอยตาม มีการกล่าวถึงการฆ่าตัวตาย

และความหลากหลายของกิจกรรมทางเพศ

ซึ่งอาจส่งผลกระทบทางจิตใจ

         

สำหรับผู้อ่านที่มีอายุ 18 ปีขึ้นไป

โปรดใช้วิจารณญาณในการอ่าน

 

** หมายเหตุยังไม่ใช่ต้นฉบับที่เสร็จสมบูรณ์ **

– – – – – – – – – – – – – – – – –

บทที่ 51 เบาะแส

 

ในสัปดาห์ที่สองพอรายการเครซี่แบนด์ออนแอร์ได้สองอีพี ในอินเตอร์เน็ตก็มีประเด็นร้อนระลอกใหม่

เกณฑ์การคัดเลือกสุดโหดทำให้กลุ่มซีได้คะแนนความสงสารและความสนใจจากแฟนคลับกลุ่มใหญ่ โดยเฉพาะวงโบรกเคนสเนกส์กับวงอีเทอร์นัลวู้ด แฟนคลับส่วนใหญ่มาคอมเมนต์ในเวยป๋อออฟฟิเชียล เรียกร้องให้เอาพวกเขากลับเข้ามาแข่งอีกครั้งอย่างเอาเป็นเอาตาย

ส่วนวงเดอะเกรตโมเมนต์ที่เอาชีวิตรอดมาจากการแข่งขันแบบห้าผ่านหนึ่งได้กระแสเหนือวงดนตรีทุกประเภทและทุกวง กลายเป็น ‘ม้ามืด’ ที่น่าจับตามองที่สุดหลังรายการออนแอร์

ตอนประกาศไลน์อัพอย่างเป็นทางการ พอเห็นชื่อของฉินอีอวี๋ ทุกคนก็ทึกทักเอาเองว่านี่คือวงดิสออเดอร์คอร์เนอร์เวอร์ชั่นใหม่ เป็นแค่สปริงบอร์ดให้ฉินอีอวี๋คืนวงการ ประกอบกับฉินอีอวี๋ออกจากวงดิสออเดอร์คอร์เนอร์ไปแบบไม่สวย แฟนคลับของวงดิสออเดอร์คอร์เนอร์ที่มีจำนวนมหาศาลเลยวิจารณ์วงเดอะเกรตโมเมนต์ไปในด้านลบอย่างที่สุด

แต่หลังจบการแสดงสดสเตจแรกกระแสกลับตีกลับ

 

‘เพลงละเมอสุดยอดมาก แค่เปิดฉากก็ทิ้งไพ่โจ๊กเกอร์เลย!

ดูลีลาของสี่คนนี้แล้ว คิดไม่ถึงเลยว่าจะแสดงได้เยี่ยมขนาดนี้ นักร้องนำร้องเพลงเข้าคู่กันได้ทรงพลังมาก!

พูดถึงเรื่องเข้าคู่กัน จนถึงตอนนี้ฉินอีอวี๋ยังไม่ได้เล่นกีตาร์เลย ดูเหมือนตอนออดิชัน เขาก็ไม่ได้เล่นเหมือนกัน มีแฟนคลับคนไหนรู้ไหมว่ามันเกิดเรื่องอะไรขึ้น’

ฉันเป็นแฟนคลับรุ่นแรกของ qyy* ฉันสงสัยเหมือนกันว่าทำไมเขาถึงไม่เล่นกีตาร์ น่าจะเก็บไม้เด็ดเอาไว้ก่อนล่ะมั้ง?

แต่ฉันคิดว่าเป็นเพราะ qyy ไม่มีกีตาร์มากกว่า มือเบสของวงเดอะเกรตโมเมนต์เยี่ยมมาก สร้างบาลานซ์ได้ดี บางทีพวกเขาคงจงใจให้เป็นแบบนี้กันล่ะมั้ง?

แต่ฉันอยากดู qyy เล่นกีตาร์จริงๆ นะ ถ้าเขายืนคู่กับหนานอี่แบบหันหลังชนกันแล้วเล่นกีตาร์จะต้องได้ฟีลแฝดราศีเมถุนแหงๆ!

 

ความสวีตในรายการสัปดาห์ที่สองมาแรงมากทำให้คู่จิ้นฉินอีอวี๋กับหนานอี่กระโดดขึ้นไปเป็นคู่จิ้นสามอันดับแรก

 

ฉันฟินจริงๆ ตั้งแต่พวกเขาสองคนแอบขี่มอเตอร์ไซค์หนีตามกันออกจากค่ายเครซี่แบนด์ตอนเช้าตรู่ ฉันก็เริ่มบ้าแล้ว! สมกันอย่างกับคู่ฟ้าประทาน! เครซี่แบนด์ไลฟ์สดยี่สิบสี่ชั่วโมงเลยได้ไหม ขอไมค์ตัวใหญ่ๆ ให้ฉันด้วย! เอาไปจ่อที่หน้างานเลี้ยงปลากับพระเอก* เลย พี่สาวคนนี้ยอมจ่ายเงินดูสดเลยจ้า!

ฉายา ‘พระเอก’ นี่มาจากไหนเหรอ ขาจรแค่อยากรู้ ไม่ได้มีเจตนาไม่ดี’

การดวลในสัปดาห์แรกหนานอี่เป็นคนแรกที่ยื่นคำท้า ตอนนั้นมีคนเยาะว่าเขาคือ ‘คุณพระเอก’ ลูกท่านหลานเธอ** คิดไม่ถึงว่าพออีพีต่อไปออนแอร์กลับกลายเป็นว่าเขามีฝีมือเหนือกว่าคนอื่นอย่างมาก แถมยังพูดต่อหน้าทุกคนว่าตัวเองฟอร์มวงขึ้นมาเพื่อ qyy ทำเอารายการเครซี่แบนด์ระเบิดตูม กลายเป็นเรียลลิตี้หาคู่ซะงั้น ในรายการความรักมันต้องมีพระเอกกับพระรองไม่ใช่เหรอ ทุกคนเลยเรียกเขาว่าคุณพระเอกกันตั้งแต่นั้น คิกๆๆ’

ฉันย้อนดูซีนหนีตามกันไม่รู้กี่รอบต่อกี่รอบ! ช็อตที่ฟินที่สุดคือตอนที่หนานอี่ทำตัวสองมาตรฐาน คุณพระเอกเย็นชากับทุกคน เก๊กสะบัด แต่กลับยอมให้ฉินอีอวี๋หมดทุกอย่างจริงๆ ขนาดเพิ่งหลับแล้วถูกปลุกขึ้นมาให้หนีไปด้วยกัน เขาก็ไม่อิดออด ขี่รถพาพี่ชายหนีไปเลย!

ตอนกลับมาจากหนีตามกันแล้วถูกสั่งห้ามพูดโคตรขำ ฉันคิดไม่ถึงเลยว่าหนานอี่จะใช้ภาษามือเป็น ใครเข้าใจบ้างไหมว่าฉันตกหลุมเสน่ห์มือของหนานอี่ ตอนเล่นเบสว่าเท่แล้ว ตอนใช้ภาษามือยิ่งเท่ดับเบิ้ล! ฉันนึกภาพมือเบสถูกทำจนเสียงแหบ แล้วต้องใช้ภาษามือบอก qyy ให้หยุด เพราะพรุ่งนี้มีโชว์ได้เลย

qyy คงแกล้งไม่เข้าใจ แล้วทำแรงกว่าเดิม’

เขาอาจไม่ได้แกล้งไม่เข้าใจก็ได้ แต่ไม่เข้าใจจริงๆ ขนาดหนานอี่ด่าเขาว่าโง่ ฉินอีอวี๋ยังทำหน้าระรื่น’

ภาษามือที่ด่าว่า ‘โง่’ นี่ตกฉันอย่างจัง! ด่าอะไรไม่ด่า ดันด่าเขาว่าโง่! ขอโทษทีนะคะ สาวๆ อย่างพวกเรามีภาษาเป็นของตัวเอง เพราะสำหรับพวกเราคำว่าโง่มันแปลว่า ‘ฉันรักเธอ’!’

แต่ซีนที่ทำฉันฟินอาจไม่เหมือนของพวกเธอ เพราะฉันรู้สึกจริงๆ ว่าพวกเขาจูบกันแล้ว ยังไม่ต้องพูดถึงเรื่องอื่น นับตั้งแต่เข้ามาในรายการเครซี่แบนด์ ปากของ qyy แตกตลอด ทั้งที่วันก่อนจะหนีตามกันยังดีๆ อยู่เลย แต่พอวันที่สองก็เริ่มแตก แถมเมื่อสองสามวันก่อนฉันเห็นรูปที่แฟนคลับไปซุ่มถ่ายมาจากประตูหน้าค่ายเครซี่แบนด์ ปากของเขาก็แตกซ้ำ! ตำแหน่งเดียวกับรอบก่อนเป๊ะ!’

qyy อาจจะชอบฉีกปากเล่นล่ะมั้ง’

ถ้างั้นเรื่องปากของคุณพระเอกจะอธิบายว่ายังไง ในรูปที่ผู้ช่วยช่างแต่งหน้าโพสต์เมื่อสองสามวันก่อน ปากของพวกเขาสองคนแตกเหมือนกัน นอกจากเธอจะบอกว่าพวกเขาสองคนนั่งหันหน้าแกะหนังริมฝีปากให้กันอยู่ในห้องพัก’

ขำกลิ้ง ทำไมเครซี่แบนด์ถึงไม่กล้าเอากล้องไปติดในห้องพักนะ พวกเขากลัวอะไร’

พวกเธอดูเบื้องหลังตอนที่วงอีเทอร์นัลวู้ดลงจากเวทีไปไหม ลองซูมดูนะ ดูเหมือนคุณพระเอกจะเอาหน้าผากชนกับงานเลี้ยงปลาอยู่ในมุมเล็กๆ นั่นด้วย!

แม่เจ้า เรื่องจริงเหรอ’

จริง!!! ฉันวนดูตั้งหลายรอบ คุณพระเอกเข้าไปชิดเลย!

ขายหนักเกินไปหน่อยไหม นี่วงดนตรีนะ ไม่ใช่บอยแบนด์ ขายจิ้นกันแบบนี้ไม่ดีเลย สู้ตั้งใจเขียนเพลงให้ดี ร้องสดให้เพราะดีกว่า!’

สเตจเพลงละเมอนี่ยังไม่ดีพออีกเหรอ เพลงนั้นสอยให้กลุ่มเอสกลายเป็นที่สอง เก็บทรงหล่อนไว้ให้ดีเถอะย่ะ เมื่อกี้หล่อนยังไปโพสต์ในเพจออฟฟิเชียลของดิสออเดอร์คอร์เนอร์ว่าหาเพื่อนไปดูคอนฯ ด้วยกันอยู่เลยนี่ เมื่อก่อนวงดิสออเดอร์คอร์เนอร์ก็ขายจิ้นไม่แพ้วงเดอะเกรตโมเมนต์เหมือนกันนั่นแหละ สมัยที่คู่จิ้นอวี๋ซือแตก พวกเธอเล่นงาน qyy ด่าว่าเขาเป็นแบดบอย ตอนนี้จะมาแสดงละครอะไรอีก อย่ามายัดบทดราม่าให้วงน้องใหม่ของเราเลย’

ทุกคนเขารู้กันทั้งนั้นว่าพอวงดิสออเดอร์คอร์เนอร์ไม่มีฉินอีอวี๋ก็ไม่เหลือ ‘คอร์เนอร์ (พื้นที่)’ อีก มีแต่ ‘ดิสออเดอร์ (ความยุ่งเหยิงวุ่นวาย)’ ทัวร์ครั้งล่าสุดร้องเพลงอะไรไม่รู้ เละเทะไปหมด’

แค่ดูก็รู้ว่าเมนต์บนไม่ได้ดูสเตจเพลงละเมอ การแสดงสดมันว้าวกว่าที่เม้าท์กันเยอะ…มีนักร้องนำที่ไหนร้องเพลงแบบเอาหน้าผากชนกัน แถมเมกอัพยังได้คะแนนเต็ม ใครหนอช่างคิดได้ มองผ่านๆ ฉันนึกว่าหนานอี่คือ qyy สมัยเพิ่งเข้าวงการ’

ยิ่งจูบกันเยอะจะยิ่งถอดแบบได้เหมือนขึ้นไปอีก’

ตอนใช้เขี้ยวคาบปิ๊กคือเซ็กซี่มาก ฉันนึกภาพเขาช่วย qyy กัดซองถุงยางบนเตียงได้เลย ลาภปากฉินอีอวี๋จริงๆ!’

qyy ชอบทำอะไรบ้าๆ เวลาอยู่บนสเตจ เมื่อก่อนตอนอยู่วงดิสออเดอร์คอร์เนอร์เขาก็ทำตัวเพี้ยนๆ แบบนี้ ฉันเลยไม่เคยคิดว่าเขาจะสนใจคุณพระเอก’

จริงอยู่ที่สมัยอยู่วงดิสออเดอร์คอร์เนอร์ฉินอีอวี๋ก็ทำอะไรเพี้ยนๆ แต่พอมาอยู่วงเดอะเกรตโมเมนต์เขาก็แสดงออกว่ารู้สึกดีกับหนานอี่ไม่ใช่เหรอ สายตาคอยมองตลอด แถมยังเอาสีมาป้ายเป็นน้ำตาให้ทั้งคู่ด้วย เธอได้ฟังเนื้อเพลงประโยคนั้นหรือเปล่า ความรักคือหยดน้ำตาแห่งความปรารถนา ถ้านี่ไม่ใช่การบอกรักแล้วมันคืออะไร! ฉันจิ้นกระจาย!’

อย่ามาบอกว่าเขาไม่คิดอะไรให้ฉันขำหน่อยเลย จำห่วงปากที่ฉินอีอวี๋ใส่ในสเตจแรกได้หรือเปล่า เขาใส่มาตั้งแต่ตอนอยู่วงดิสออเดอร์คอร์เนอร์ พวกแฟนคลับรุ่นแรกรู้กันทั้งนั้นว่ามันเป็นห่วงปากที่แม่ของฉินอีอวี๋ให้มา เป็นงานสั่งทำ เลขบนขอบเพชรเป็นวันเกิดของเขา ในทีเซอร์กับภาพถ่ายจากพวกแฟนคลับโชว์ว่าฉินอีอวี๋เปลี่ยนห่วงปาก เพราะห่วงปากอันนี้ไปอยู่ที่หูขวาของหนานอี่แทน…’

งานเลี้ยงปลาคลั่งรักมาก ของแบบนี้ก็ให้ได้…’

จี๊ดมาก แบบนี้เท่ากับเป็นการใช้ห่วงปากไปจูบติ่งหูภรรยาเหรอ’

ตอนไปเข้าค่ายประกวดรอบสอง พวกเขาสองคนยิ่งน่ากลัว ปกติฉินอีอวี๋ใส่เสื้อผ้ามีสีสัน แต่ครั้งนี้เขาใส่สีดำทั้งชุด มองจากด้านหลังเลยดูเหมือนคุณพระเอกในอีกเวอร์ชั่นหนึ่ง’

ในคลิปมีแฟนคลับตะโกนคุยกับพวกเขาสองคน คู่นี้เขาแชร์ตู้เสื้อผ้ากัน! ยิ้มจนปากหุบไม่ลงแล้วฉัน’

ด้อมฉินหนานของพวกเธอนี่ชอบซูมภาพพวกเขาเอาหน้าชิดกันจริงๆ ทำฉันเขินจนวางตัวไม่ถูกแล้ว’

เวลาจิ้นใครฉันไม่เคยสนเรื่องจริง ความเห็นของฉันคือประกาศิต จงขายโมเมนต์ให้ฉัน!’

โชคดีเหลือเกิน ฮือๆ เพื่อนสนิทฉันอิจฉาแทบบ้า ไอดอลสองคนที่เธอจิ้นไม่ค่อยมีใครลงเรือด้วย แต่ประเด็นคือพวกเขาเป็นคู่จิ้นแบบเหมือนจะมีเรื่องฟาดปากกันเป็นการส่วนตัว ไม่ใช่ฟาดปากกันบนเตียงนะ แต่ฟาดปากกันแบบต้องให้หมอเย็บจริงๆ…’

เอ๋? ดูเหมือนคุณพระเอกจะเจ็บตาหรือไม่สบายอยู่นะ วันนี้มีแฟนคลับไปดักที่หน้าประตูใหญ่ของค่ายเครซี่แบนด์ เห็นเขาลาป่วยไปหาหมอ’

ฉันเห็นข่าวแล้วเหมือนกัน สวรรค์ เขาใส่ที่ปิดตา (ถึงฉันจะรู้ว่าการที่เขาเป็นแบบนี้มันไม่ดี แต่หนานอี่ลุคนี้เทพมากจริงๆ ยิ่งผิวขาว ใส่ที่ปิดตาสีขาวอีก หัวใจแตกสลาย) หวังว่าเขาจะดีขึ้นไวๆ จะได้มาถ่ายการดวลรอบสอง!’

เบาหน่อย อย่าทำให้ฉันขำจะตายแบบนี้ แต่ทำไมถึงต้องใส่รองเท้าแตะกับชุดนอนไหมพรมวิ่งออกไปส่งด้วยล่ะ! นายเป็นสามีนะ!’

นี่ หนานอี่มัดผมขึ้น แต่ทำไมถึงติดดอกไม้ดอกเล็กๆ ไว้ที่ด้านหลัง’

ฮะฮ่า เจอคลิปแล้ว! ดูเจ้าตัวไม่รู้เลยจริงๆ จนแฟนคลับที่ถ่ายคลิปช่วยเตือน! คงไม่ได้มีใครรวบผมให้เขาหรอกใช่ไหม’

มิน่า ฉันถึงว่าวันนี้คุณลูกมัดผมไม่สวย…’

หึๆๆ เธอจะไปรู้อะไร เมะบ้านฉันมัดผมให้เคะย่ะ’

ดอกไม้นี่ดูคุ้นๆ นะ ใช่ดอกกุหลาบที่ฉินอีอวี๋ถือในภาพเบื้องหลังการถ่ายทำวงเดอะเกรตโมเมนต์ที่เวยป๋อออฟฟิเชียลปล่อยออกมาหรือเปล่า’

ฉันไปเสิร์ชมา ดูเหมือนดอกไม้นี้จะมีชื่อว่า ‘ลีโอเฟร์เร่’* สวรรค์ qyy นายนี่คลั่งรักจริงๆ…’

 

หนานอี่ที่นั่งรถไปโรงพยาบาลหันหน้าไปมองกระจกมองหลังอยู่นาน กว่าจะเห็นดอกไม้ที่พวกแฟนๆ พูดถึงเมื่อกี้

มีดอกไม้ดอกจิ๋วหนึ่งดอก สีแบบออมเบร เกสรเป็นสีขาวบริสุทธิ์ดุจหิมะ ค่อยๆ ไล่สีออกไปเป็นสีชมพู ขอบกลีบเป็นสีชมพูกุหลาบเร่าร้อนติดอยู่บนยางรัดผม หนานอี่นิ่งงันมองอยู่นาน ไม่ว่าจะเป็นรูปแบบของดอกไม้ที่มีความสลับซับซ้อนหรือโทนสีอันเร่าร้อน ล้วนแตกต่างจากตัวเขาอย่างสิ้นเชิง

ดอกไม้นี้เหมือนเป็นร่างย่อส่วนของฉินอีอวี๋ที่เขาพาออกมา

มิน่าอีกฝ่ายถึงจะมัดผมให้เขาก่อนออกจากที่พักให้ได้

‘ฉันหัดมาแล้วจริงๆ รับรองว่าจะมัดให้สวยเลย!’

หนานอี่รู้สึกว่าถูกอีกฝ่ายดึงผมไปทั้งหัว ‘…’

‘เป็นไง’ ฉินอีอวี๋เอากระจกไปส่องหน้าหนานอี่ ‘เพอร์เฟ็กต์เลยใช่ไหม’

‘คุณว่าใช่ก็ใช่’ หนานอี่ใส่ที่ปิดตา ‘ผมไปล่ะ’

‘เดี๋ยวสิ ฉันอุตส่าห์ช่วยมัดผมให้นาย จะไม่มีรางวัลให้ฉันหน่อยเหรอ’

หนานอี่มองสีหน้าคาดหวังของฉินอีอวี๋แล้วแกล้งทำเป็นไม่เข้าใจ มือจับที่เปิดประตูห้องอาบน้ำ ‘เดี๋ยวผมจะส่งอั่งเปาให้ทางวีแชต…’

‘อั่งเปาอะไรเล่า’ ฉินอีอวี๋พูดเสียงเบา ตวัดแขนไปโอบเอวหนานอี่อย่างคล่องแคล่ว เพราะรู้ว่าหนานอี่บ้าจี้ ฉินอีอวี๋เลยจงใจออกแรงมากหน่อยจนเหมือนรัดเอวอีกฝ่าย ฉินอีอวี๋กดร่างหนานอี่แนบกับประตู ทาบตัวเข้าชิดโดยไม่สนใจสิ่งอื่นใด ก่อนจะประทับจูบรสมิ้นต์

หนานอี่แหงนหน้าขึ้นรับจูบนี้ทั้งที่ในใจรู้สึกผิดอยู่บ้าง สำหรับคนที่ให้ความสำคัญเรื่องเวลาเหนือสิ่งอื่นใดอย่างเขา เป็นเรื่องยากมากที่จะไม่ลุกลน แต่พอถูกโอบล้อมด้วยกลิ่นส้มหอมละมุน หนานอี่ก็ค่อยๆ กลายเป็นอัมพาต ฉินอีอวี๋ไม่ยอมเปิดโอกาสให้เขาได้พักหายใจ หนานอี่เลยแกล้งทำเป็นหอบเสียงดัง

ระหว่างความรู้สึกที่เหมือนจะขาดอากาศหายใจนั้นก็มีความร้อนพุ่งขึ้นมาอย่างรวดเร็วทำให้หนานอี่ตัวแข็งทื่อขึ้นมาทันควัน เหมือนสายเบสที่พร้อมจะขาดผึง

เขาผลักฉินอีอวี๋ออกห่างอย่างแรง เปิดประตูไล่อีกฝ่ายออกจากห้องก่อนปิดประตูดังปัง กันไว้นอกห้องน้ำ

จนเวลาผ่านไปพักใหญ่หนานอี่ถึงเปิดประตูอีกครั้ง ฉินอีอวี๋นั่งอยู่ริมเตียงอย่างไม่อินังขังขอบ ถามเขายิ้มๆ ‘จัดการตัวเองเสร็จแล้วเหรอ’

หนานอี่หน้าดำทะมึน ‘…ผมอยากจัดการคุณมากกว่า’

‘เสี่ยวอี่ นี่มันเป็นเรื่องปกตินะ แสดงว่านายมีใจให้ฉันเหมือนกัน’ ฉินอีอวี๋วางท่าเป็นพี่ใหญ่ ‘เอางี้ นายขอทางรายการพาฉันไปหาหมอด้วยสิ ฉันจะได้สอนนายเพิ่มอีกหน่อย’

‘คุณควรไปพบแพทย์จริงๆ แต่คนละแผนกกับผม คุณไปขอลาป่วยเองเถอะ’ ก่อนหนานอี่จะผลักประตูห้องนอนออกไป เขาเอ่ยเตือนอย่างเย็นชาว่า ‘อีกอย่างโควตาวันนี้ของคุณมีแค่ครั้งเดียว’

‘เมื่อกี้ฉันจูบไปทีเดียวเองนะ!’ ฉินอีอวี๋กดเสียงเบา ‘ยังไม่ครบสามครั้งนายก็ไม่ไหวแล้วเหรอ ยังเหลืออีกสองครั้งนะ!’

หนานอี่สุดจะทน ‘แสดงว่าคนที่ฉวยโอกาสตอนที่ผมยังไม่ตื่นแอบมาจูบผมนี่คือผีเหรอ’

‘…’ ให้ตายสิ ฉินอีอวี๋ก็ไม่ยอมรับ ‘นายอาจจะฝันอีโรติกไปเอง ฉันสาบานได้ว่าไม่ได้ทำ’

มือเบสหนุ่มถูกยั่วโมโหจนขำ

หนานอี่หัวเราะเสียงเย็นชา ผงกศีรษะ ‘แล้วคุณจะรู้ว่าใครกันแน่ที่ฝันอีโรติก คอยดู’

พอคิดมาถึงตรงนี้หนานอี่ก็รู้สึกแปลกๆ ตรงที่ว่า…

เขากับฉินอีอวี๋มาถึงขั้นนี้กันได้ยังไง

 

“ดอกไม้นี่จะเอาออกไหมครับ” แท็กซี่ยิ้มพลางปรายตามองหนานอี่แวบหนึ่ง “เพื่อนแกล้งละสิ”

มุมปากหนานอี่ยกโค้ง ไม่ตอบอะไร เขายกมือขึ้นดึงดอกไม้ลงมาจากหลังศีรษะ ใช้นิ้วจับกระเปาะดอกไม้หมุนครึ่งรอบ มองจ้องมันอยู่ครู่หนึ่ง

“ถังขยะติดรถอยู่เบาะหลังนะ” แท็กซี่เตือน

หนานอี่ขานรับแต่กลับเก็บดอกไม้ใส่กระเป๋าเสื้ออย่างระมัดระวัง ก่อนจะหันหน้าไปดูวิว

 

เมื่อมาถึงโรงพยาบาลที่คุ้นเคย หนานอี่ไปตรวจเช็กร่างกายแต่ไม่ได้อยู่รอผลก็เดินออกจากโรงพยาบาล มือเบสหนุ่มเดินอ้อมแผนกผู้ป่วยในไปที่ทางเดินสายเล็กที่อยู่ด้านข้าง มีรถยี่ห้อจีลี่สีขาวหนึ่งคันจอดรออยู่ เขาจึงเดินไปเปิดประตูรถมุดเข้าไปนั่งที่เบาะหลัง

ดวงตาของคนสองคนสบกันผ่านกระจกมองหลังหนึ่งวินาที ฉีโม่ที่อยู่ตรงเบาะคนขับใส่หมวกกับมาสก์ทำให้อ่านสีหน้าไม่ออก แต่น้ำเสียงกลับอ่อนโยนมาก “ตาเป็นไงบ้าง”

“ก็งั้นๆ” หนานอี่พิงพนัก ยากนักที่เขาจะได้ผ่อนคลายแบบนี้ “โรคเก่า เจอแสงไม่ได้”

“กลับไปก็ใส่แว่นดำด้วย”

ได้ยินฉีโม่พูดแบบนี้ หนานอี่ลองนึกภาพตามแล้วขำเพราะรู้สึกว่านี่เป็นเรื่องที่ฉินอีอวี๋จะทำ ซึ่งมันทำให้เขาขำจริงๆ

ฉีโม่ประหลาดใจ เขามองอีกฝ่ายผ่านทางกระจกมองหลังอยู่สองสามวินาทีก่อนพูดโพล่งขึ้นว่า “รอบนี้นายดูมีบางอย่างเปลี่ยนไปนะ”

หนานอี่เลิกคิ้ว “เหรอ”

เขาไม่ได้กวน แต่ไม่คิดว่าตัวเองมีอะไรเปลี่ยนไปจริงๆ

“ใช่” น้ำเสียงของฉีโม่มีความขบขัน “ฉันก็บอกไม่ถูก แต่รู้สึกว่า…นายดูมีชีวิตชีวาขึ้น”

แสดงว่าเมื่อก่อนฉันจะต้องทำหน้าตาอึมครึมมาก หนานอี่คิดในใจ

ลมพัดอู้เข้ามาทางหน้าต่างรถจนหนานอี่ลืมตาไม่ขึ้น ตลอดทางมีกลิ่นดอกไม้รวยรื่นพัดมาเรื่อยๆ จนใกล้ถึงจุดหมาย ชายหนุ่มถึงเพิ่งนึกได้ว่ากลิ่นนี้มาจากดอกไม้ในกระเป๋าเสื้อ

บังเอิญว่าเป็นวันทำงาน รถเลยไม่ติด ไม่นานพวกเขาก็มาถึงที่หมาย พอจอดรถในที่ลับตาเสร็จทั้งคู่ก็แทรกตัวเข้าไปในฝูงชน ผ่านตลาดใหญ่แห่งหนึ่งก่อนมาถึงบ้านที่ฉีโม่เช่าไว้ เป็นห้องชั้นใต้ดินชั้นสองเหมือนห้องซ้อมที่หนานอี่เคยเช่า

เพิ่งจะเข้าห้องมาได้ไม่นาน คนที่หนานอี่ติดต่อไว้ก็มา

“นี่คือคนที่ฉันพูดถึง พ่อกับแม่ของเซวียอวี๋” หนานอี่พาทั้งคู่เข้ามาข้างใน ไฟในห้องใต้ดินสาดส่องบนร่างของพวกเขาทำให้เห็นใบหน้าอมทุกข์ได้อย่างชัดเจน

“คุณน้าเซวีย คุณน้าจาง”

ฉีโม่ถอดหมวกทักทายพวกเขาอย่างมีมารยาท

ทุกคนต่างเป็นผู้เสียหายเหมือนกันจึงไม่ต้องโอภาปราศรัยกันมาก ประสบการณ์ที่คล้ายคลึงกันทำให้พวกเขาได้กลิ่นความเจ็บปวดจากร่างกายของแต่ละฝ่าย แค่ดูก็รู้ว่าเป็นพวกเดียวกัน

ฉีโม่เปิดคอมพิวเตอร์แล้วสรุปข้อมูลที่มีอยู่ในตอนนี้อย่างง่ายๆ ด้วยการคลิกรูปหนึ่ง “นี่คือจางจื่อเจี๋ย เป็นเป้าหมายของพวกเราในตอนนี้ เขาเป็นลิ่วล้อของเฉินอวิ้น ทำงานอยู่ที่อู่ซ่อมรถแห่งหนึ่ง แต่ตอนนี้อู่นั้นถูกปิดไปนานแล้ว เพราะหนานอี่หาคนไปก่อกวนพวกเขา จางจื่อเจี๋ยไม่กล้ามีปากเสียง เพราะเขาติดการพนัน เคยเป็นหนี้พนันออนไลน์เลยหนีไปอยู่มาเก๊าสองเดือน เขาติดหนี้อย่างน้อยหกแสน ส่วนใหญ่เป็นเงินกู้ดอกเบี้ยสูง ก่อนหน้านี้เขาไปหลบอยู่ที่เซินเจิ้น เพิ่งกลับมาเมื่อวันก่อน คาดว่าคงตั้งใจจะขอให้เฉินอวิ้นช่วย”

ฉีโม่มองสองสามีภรรยาแล้วเปลี่ยนเรื่องคุยกะทันหัน “ได้ยินเสี่ยวอี่เล่าว่าสมัยเป็นวัยรุ่น พวกคุณรู้จักกันที่ชมรมละคร”

“ใช่ เราเรียนที่เดียวกัน รู้จักกันที่ชมรมละครก็เลยคบกัน” คุณน้าเซวียเล่า

ฉีโม่ผงกศีรษะ “เราต้องอาศัยอิทธิพลของสื่อ…”

“ไม่มีประโยชน์หรอก” คุณน้าจางขมวดหัวคิ้วแน่น “เราเคยไปหาสื่อ พอพวกเขาได้ยินว่าเป็นเรื่องของคนแซ่เซวียก็ไม่กล้าช่วย กว่าพวกเราจะหาสื่อเอกชนเล็กๆ แห่งหนึ่งได้ก็ไม่ง่าย แต่พอออกข่าวได้ไม่นานแพลตฟอร์มก็ถูกปิดไป เสี่ยวอี่เล่าว่าสกุลเฉินเองก็เป็นผู้มีอิทธิพลเหมือนกัน พวกสื่อไม่กล้าแตะต้องพวกเขาหรอก”

ฉีโม่กับหนานอี่อดทนฟังเธอพูดจนจบก็แลกเปลี่ยนสายตากัน หนานอี่บอกว่า “ความหมายของเขาคือสื่อปลอมน่ะครับ”

คุณน้าเซวียงง “สื่อปลอมเหรอ”

ฉีโม่พูดต่อ “ครับ ตอนนี้จางจื่อเจี๋ยติดหนี้เฉินอวิ้นเยอะที่สุด ถ้าไม่เข้าตาจนจริงๆ เขาไม่มีทางแตกหักกับเฉินอวิ้นง่ายๆ เราเลยต้องผลักดันเขาสักหน่อย”

หนานอี่เปิดตารางแผนงานตารางหนึ่งขึ้นมา ช้อนตาขึ้นบอกสองสามีภรรยาว่า “ตอนนี้พวกเราต้องการนักเลงทวงหนี้ปลอมๆ สักคนกับสื่อปลอมสักแห่งเพื่อจัดการเขา”

 

ตอนที่พ่อแม่ของเซวียอวี๋กลับไป พระอาทิตย์กำลังจะตกดิน แต่ภายในห้องใต้ดินซึ่งไร้แสงตะวันทำให้พวกเขาไม่รับรู้การเปลี่ยนแปลงของเวลา

หนานอี่มองตุ๊กตาลูกสุนัขสีขาวที่ห้อยอยู่บนมือถือของฉีโม่แล้วขยับริมฝีปาก แต่กลับไม่ได้พูดอะไรออกไป

แต่ฉีโม่สังเกตเห็นเลยเงยหน้าขึ้นยิ้ม ไฟแขวนด้านบนส่องกระทบไฝที่มุมปากให้เห็นอย่างชัดเจน

“ช่วงนี้เขายังเหมือนเดิม คุณน้าผู้ดูแลบอกว่านิ้วเขาขยับ แต่หมอบอกว่าไม่มีการตอบสนองเลยสงสัยว่าผู้ดูแลจะตาฝาดมองผิดไปเอง”

หนานอี่ยิ้ม “เหมือนที่ฉันเห็นเหรอ”

ฉีโม่จ้องหน้าหนานอี่นิ่งๆ มีโต๊ะหนึ่งตัวกั้นกลาง เขาเงียบไปสองสามวินาทีก่อนเอ่ย “หนานอี่ นายว่าเรื่องนี้จะสำเร็จไหม”

หนานอี่นิ่งสนิท “ทำไมจะไม่สำเร็จ ฉันคิดเอาไว้หลายวิธี คิดทุกวัน ถ้าวิธีนี้ไม่สำเร็จก็ยังมีอีกวิธีหนึ่ง ถ้าวิธีนั้นไม่สำเร็จก็ยังมีวิธีอื่นๆ อีก ตอนนี้ฉันก้าวเท้าเข้ามาในวงการ มีแสงแล้ว เท่ากับงานสำเร็จไปครึ่งหนึ่ง อย่างมากก็เผาหยกผลาญศิลา* กันไปเลย ฉันไม่แคร์”

“แล้วการประกวดล่ะ” ฉีโม่มองตาข้างที่ได้รับบาดเจ็บของเขา รู้ว่ามันต้องเกี่ยวข้องกับเฉินอวิ้น “นายไม่กลัวว่าหมอนั่นจะลอบกัด ทำให้พวกนายถูกคัดออกจากการประกวดเหรอ ด้วยชื่อเสียงกับกระแสความนิยมที่นายรวบรวมมาได้ในตอนนี้มันยังไม่พอจะเผาหยกผลาญศิลาหรอกมั้ง”

หนานอี่นั่งอยู่บนเก้าอี้ ใช้ปลายนิ้วเล่นหยดน้ำบนโต๊ะ พอเขาวางท้องนิ้วลงไปหยดน้ำก็ถูกลากเป็นรอยไปตามนิ้ว

“ฉันกลัวว่าเขาจะไม่ทำอะไรเลยมากกว่า”

ชั้นบนมีการเคลื่อนไหว ไฟแขวนเลยแกว่งไปมา ใบหน้าซีกที่ถูกปิดตาไว้กลืนหายเข้าไปในความมืด ส่วนอีกด้านหนึ่งยังอยู่ในแสงสว่างดูวับแวม

“ถ้าเขาทำให้เราออกจากการประกวดได้คงทำไปนานแล้ว แต่จนถึงตอนนี้เขายังทำได้แค่เล่นลูกไม้ในเรื่องที่ไม่ได้สลักสำคัญ แสดงว่าตำแหน่งคุณชายของเขาเป็นตำแหน่งกลวง”

“การประกวดนี้เป็นการดวลด้านเงินทุน นายอย่าลืมสิว่าค่ายของวงดิสออเดอร์คอร์เนอร์ถูกบริษัทเฉิงหงซื้อไป เท่ากับพวกเขาลงเรือลำเดียวกัน ในเมื่อฉินอีอวี๋เข้าไปอยู่ในวงของนาย พวกเขาไม่มีทางปล่อยพวกนายไป ไม่ช้าก็เร็วเฉินอวิ้นจะต้องให้บริษัทเฉิงหงทำอะไรสักอย่าง”

หนานอี่ผงกศีรษะ “ถูกต้อง ฉันกำลังรออยู่”

ฉีโม่นิ่วหน้า “รอ?”

“การดวลทุน รอให้ผู้เล่นอีกคนลงสนาม” เขาเล่นสนุกพอแล้วเลยเช็ดหยดน้ำบนโต๊ะทิ้ง หันไปมองฉีโม่ “รอให้เขามองว่าวงเดอะเกรตโมเมนต์คือไพ่หมอบและหมากในมือของเขา”

เขา?

ฉีโม่มองหนานอี่แล้วสีหน้าพลันเปลี่ยนไป ในสมองมีภาพของใครคนหนึ่งที่หนานอี่ขอให้เขาช่วยตรวจสอบ

มันทำให้เขาเข้าใจแผนที่อยู่นอกแผนของหนานอี่ทันที

เพียงแต่มีเรื่องหนึ่งที่เขายังไม่มั่นใจ

“แล้วฉินอีอวี๋ล่ะ” ฉีโม่เอ่ยถามหนานอี่

ตอนแรกที่เขารู้ว่าหนานอี่เฝ้าตามหาคนคนนี้มาตลอด ฉีโม่ก็ตั้งใจสืบข้อมูลของคนคนนี้จนรู้ถึงความดังของอีกฝ่ายกับนิสัยบ้าดีเดือด ฉีโม่เลยเข้าใจว่าฉินอีอวี๋คือหมากตัวหนึ่ง ซึ่งเป็นเรื่องปกติสำหรับหนานอี่

แต่ตอนนี้หนานอี่เหมือนจะไม่ได้มีแผนแบบนั้น ที่หนานอี่ตามหาคนคนนี้เป็นเพราะอยากตามตัวฝ่ายนั้นให้พบอย่างเดียวจริงๆ เพื่อฟอร์มวงกับตนเอง

ทว่าฉินอีอวี๋คือคนที่มีประโยชน์ต่อหนานอี่มากที่สุดอย่างไม่ต้องสงสัย

“เขาไม่ได้อยู่ในแผนนี้ใช่ไหม”

ฉับพลันสีหน้าของหนานอี่จอมวางแผนก็เปลี่ยนไป แต่แค่พริบตาเดียวก็กลับเป็นปกติ

“เขาไม่เกี่ยวข้องกับทุกอย่างนี้” หนานอี่พูดเสียงต่ำ “และเขาจะเข้ามายุ่งด้วยไม่ได้”

ฉีโม่เป็นคนรู้กาลเทศะดี ถึงจะดูออกแต่ไม่พูด “โอเค งั้นนายระวังหน่อยละกัน”

 

หลังออกจากห้องใต้ดินแห่งนั้น หนานอี่คิดทบทวนถึงคำพูดของฉีโม่ซ้ำไปซ้ำมา

เขาควรระวังจริงๆ ไม่ใช่ทำเหมือนอย่างตอนนี้ที่ถูกกระสุนเคลือบน้ำตาล* ของฉินอีอวี๋ยิงจนตัวลอย

แต่เขาไม่สามารถปฏิเสธคำข้อร้องของฉินอีอวี๋ได้เลย

สมมติว่าวันหนึ่งเขาถูกฉินอีอวี๋จับได้แล้วรู้เรื่องพวกนี้ น่ากลัวว่าฉินอีอวี๋จะต้องประหลาดใจมาก ถึงขั้นหวาดผวา เพราะตอนนี้ความสัมพันธ์ของพวกเขาไม่ธรรมดาเลย คนที่ฉินอีอวี๋จูบอยู่ทุกวันมีเบื้องหลังเป็นจอมอาฆาตที่วางแผนแก้แค้นอย่างแยบยล

เรื่องนี้ย่อมไม่ต่างจากเรื่องสยองขวัญ

ไม่สิ มันออกแนวโรคจิตด้วยซ้ำ โรคจิตที่หายากขนาดต้องขุดดินลึกลงไปสามฉื่อถึงหาตัวเขาพบ

ทันใดนั้นมีเสียงหนึ่งดังขึ้นมาในใจของหนานอี่

เล่าให้เขาฟังสิ บอกเขาว่านายหาตัวเขาเจอได้ยังไง ฉินอีอวี๋ไม่ชอบถูกใครสอดแนม เขาอาจเลิกกิ๊กกับนายทันทีเลยก็ได้ นี่คือสิ่งที่นายต้องการไม่ใช่เหรอ

จะพูดแบบนี้ก็ไม่ผิด

หนานอี่ก้มหน้าสูดกลิ่นหอมจากดอกกุหลาบสีชมพูดอกนั้น รู้สึกว่าตัวเองเหมือนกำลังทำเรื่องงี่เง่า

แบบเดียวกับที่รู้ว่าควรโยนดอกไม้ดอกนี้ทิ้ง แต่กลับเก็บมันเอาไว้

 

ในขณะที่คนมอบดอกไม้ให้หนานอี่ไม่ได้รู้เรื่องรู้ราวอะไรเลย พอซ้อมเพลงเสร็จ ตกลงเรื่องคอร์ดกับพวกเหยียนจี้และอาซวิ่นคร่าวๆ เรียบร้อยก็กลับไปพักผ่อนที่ห้อง ตอนนี้มืดค่ำแล้วฉินอีอวี๋เช็กเวลาประเทศสวิตเซอร์แลนด์ก่อนตัดสินใจฉวยโอกาสตอนที่หนานอี่ไม่อยู่โทรหาโจวไหว

โจวไหวไม่รับสาย แต่ตั้งใจวิดีโอคอลล์กลับมาแทน

“จงใจไม่รับสายฉันเหรอ” ฉินอีอวี๋นอนอยู่บนเตียง เอามือเท้าคาง “จะอวดแฟนให้ฉันดูหรือไง”

“อวดพ่อนายสิ” โจวไหวเปลี่ยนไปใช้กล้องหลังถ่ายภาพหม้อชีสฟองดู “อาหารฝรั่งโคตรเลี่ยน ตอนนี้ฉันอยากหนีไปกินหม้อไฟเนื้อแกะชะมัด”

“นายอย่าพูดสิ ฉันอยากกินเหมือนกัน”

กล้องเปลี่ยนกลับมาถ่ายหน้าโจวไหวอีกครั้ง “โทรหาฉันทำไม รีบพูดรีบวาง!”

ฉินอีอวี๋ไม่ได้พูดพล่ามอย่างที่เคย แต่พูดเข้าประเด็นว่า “เมื่อก่อนฉันมีลังใบหนึ่ง ของข้างในเป็นพวกของใช้สมัยมัธยมปลาย เก็บไว้ที่บ้านนาย นายจะกลับเมื่อไหร่ ไปเอาให้ฉันหน่อยสิ”

“กล่องใหญ่ขนาดนั้นนายจะให้ฉันเอาไปให้เนี่ยนะ ใหญ่โตเหลือเกินนะ!”

ฉินอีอวี๋จุปาก “งั้นนายเปิดลัง ข้างในมีหนังสือชื่อ Decisive Moments in History นายถ่ายรูปส่งมาให้ฉันที ข้างในมีของสอดไว้ ห้ามทำหายเด็ดขาด”

“ไว้ฉันกลับก่อน” โจวไหวรับปาก ก่อนจะกินขนมปังฟองดูคำโตแล้วทำหน้ายู่ “นายเป็นไง กับมือเบสสุดหล่อคงไปได้สวยล่ะสิ!”

“ฉันขอเตือนว่านายอย่าเอาแต่เรียกเขาว่าสุดหล่อดีกว่า เขาเป็นใคร นายถึงเรียกมั่วซั่วได้ คนเขามีชื่อนะ”

ระหว่างที่พวกเขาคุยกันมีเสียงหนึ่งแทรกเข้ามา “มือเบส? หล่อมากเหรอครับ ผมอยากเห็นหน้า”

กล้องหันไปหาคนพูด ที่แท้เขาคือแฟนหนุ่มของโจวไหว ผิวพรรณขาวสะอาด หน้าตาสะสวย

“มีรูปนะ เดี๋ยวฉันหาให้” ภาพของโจวไหวตัดไปทำให้ฉินอีอวี๋ได้ยินแต่เสียง

แฟนฉันจะไม่หล่อได้เหรอ ฉินอีอวี๋อยากอวดจนตัวสั่น แต่เขารับปากหนานอี่ไว้ว่าจะไม่เล่าให้ใครฟังเลยต้องห้ามใจไว้

ฉินอีอวี๋ได้ยินแฟนหนุ่มของโจวไหวอุทานตามคาด “หล่อมากจริงด้วย อย่างกับนายแบบเลย! แต่หน้าตาแบบนี้…ทำไมดูคุ้นๆ”

“นายเคยเจอเขาเหรอ”

ในจอภาพใบหน้ายิ้มอย่างเจ้าเล่ห์ของโจวไหวโผล่มาให้เห็นอีกครั้ง “คงไม่ได้ใช้แอพฯ ใช่ไหม”

ฉินอีอวี๋ตั้งท่าจะอาละวาด แต่คิดไม่ถึงว่าแฟนหนุ่มของโจวไหวจะชิงปฏิเสธก่อนว่า “ไม่ใช่ครับ! ผมว่าผมเคยเห็นเขาเมื่อไม่นานมานี้…”

ไม่นานมานี้? เป็นไปได้ไง ช่วงนี้หนานอี่น่าจะเพิ่งออกจากโรงพยาบาลมาถึงจะถูก

“ผมนึกออกแล้ว! ขอผมยืมมือถือหน่อยนะครับ!”

เพราะแบบนี้ฉินอีอวี๋จึงได้เห็นหน้าตาร้านอาหารที่โจวไหวกับแฟนหนุ่มนั่งอยู่ในจอภาพที่กำลังสั่นไหว เป็นร้านที่ดูอบอุ่น พื้นที่ไม่กว้าง ตกแต่งด้วยโทนสีขาวกับไฟสีเหลืองอ่อนโยน โต๊ะแต่ละตัวอยู่ใกล้กันมาก ลูกค้าส่วนใหญ่เป็นคนผิวขาว

แฟนหนุ่มของโจวไหวเดินมาถึงประตูก็หยุด หันกล้องไปถ่ายผนังที่ใช้ติดรูปถ่ายตรงโซนรับแขก

“นายยังจะถ่ายรูปที่ระลึกอีกเหรอ” โจวไหวบ่นกระปอดกระแปดอยู่ข้างๆ “ตอนเข้ามาก็ร้องจะถ่าย…แต่ฉันบอกแล้วไงว่ากินเสร็จค่อยถ่าย”

“ไม่ใช่ครับ” มือเรียวขาวที่อยู่ในจอชี้ไปที่รูปถ่ายใบหนึ่งที่ติดอยู่บนผนัง แฟนของโจวไหวซูมภาพ “คุณดูรูปนี้สิครับ”

มันเป็นภาพคู่รักผิวขาวคู่หนึ่ง ดูเหมือนพนักงานจะช่วยถ่ายให้ หญิงสาวยิ้มหวานขณะเอนตัวพิงชายหนุ่ม

“นี่มันอะไร” โจวไหวชะโงกหน้าเข้าไปดูชัดๆ อยู่สักพักใหญ่แล้วก็ตกตะลึง “แม่เจ้า!”

“ใช่เขาหรือเปล่าครับ คนนี้คือมือเบสที่คุณให้ผมดูเมื่อกี้ใช่ไหม ตาเขาเหมือนกันเป๊ะเลยใช่หรือเปล่า”

ฉินอีอวี๋ที่อยู่ในสายเองก็อึ้งงันไปเหมือนกัน เพราะคนคนนั้นคือหนานอี่จริงๆ ไม่ต้องพูดถึงเรื่องอื่น แค่ต่างหูเป็นแถวนั่นก็ไม่มีทางเป็นคนอื่นได้

เขานั่งอยู่ที่โต๊ะสำหรับสองคนตรงมุมห้องและเผลอถูกถ่ายติดมาในภาพคู่รักด้วย

แต่โฟกัสของโจวไหวไม่ได้อยู่ตรงนี้

“ไม่สิ คนที่นั่งตรงข้ามเขานั่นมันพี่ชายฉันหรือเปล่า”

แฟนหนุ่มของโจวไหวงง “เขาหันหลังให้กล้อง คุณยังอุตส่าห์จำได้อีกเหรอครับ”

“นาฬิกาข้อมือแบบนี้ โอเวอร์โค้ตแบบนี้ แถมไฝตรงหลังคออีก นี่มันพี่ชายต่างแซ่ของฉันชัดๆ!” โจวไหวมึนตึ้บ เนื่องจากหนานอี่กับพี่ชายของเขาเป็นคนสองคนที่ไม่ได้มีอะไรเกี่ยวข้องกันเลย

โจวไหวดึงภาพใบนั้นลงมาดูให้แน่ใจอีกครั้ง

“ฉินอีอวี๋ ทำไมหนานอี่ถึงมากินข้าวกับหลินอี้ชิง”

 

* qyy ย่อมาจาก Qin Yi Yu ชื่อภาษาอังกฤษของฉินอีอวี๋

* งานเลี้ยงปลากับพระเอก ภาษาจีนออกเสียงใกล้เคียงกับชื่อของฉินอีอวี๋และหนานอี่ เป็นการเรียกชื่อให้เพี้ยนเพื่อหลบกองเซ็นเซอร์ของรัฐบาลจีนที่ไม่สนับสนุนคู่รัก lgbtq+

** ลูกท่านหลานเธอ เป็นสแลงในอินเตอร์เน็ต หมายถึงคนที่ได้รับสิทธิพิเศษในเกม การแข่งขัน หรือแม้แต่ในรายการวาไรตี้

* ลีโอเฟร์เร่ (Leo Ferre) เป็นกุหลาบพุ่มสายพันธุ์ฝรั่งเศสที่มีลักษณะเด่นคือดอกสีขาวอมเหลืองครีม ซึ่งเมื่อดอกบานเต็มที่ขอบกลีบดอกจะเป็นสีชมพูอมแดง

* เผาหยกผลาญศิลา เป็นสำนวน หมายถึงทำลายทุกสิ่งโดยไม่แยกแยะว่าดีหรือไม่ดี

* กระสุนเคลือบน้ำตาล เป็นสำนวน หมายถึงการล่อลวงด้วยคำพูดหวานๆ หรือใช้ผลประโยชน์เพื่อทำให้ฝ่ายตรงข้ามตายใจ

  

โปรดติดตามตอนต่อไป

Comments

comments

No tags for this post.
Continue Reading

More in everY

บทความยอดนิยม

everY

ทดลองอ่าน เขตห้ามรักฉบับเบต้า เล่ม 1 Chapter 2.1-2.2 #นิยายวาย

ทดลองอ่าน เรื่อง เขตห้ามรักฉบับเบต้า เล่ม 1 ผู้เขียน : MINTRAN แปลโดย : ทันบี ผลงานเรื่อง : 배타적 연애 금지구역 ถือเป็นลิขสิทธิ์...

ชาตินี้ข้าจะรักท่านให้มาก

ทดลองอ่าน ชาตินี้ข้าจะรักท่านให้มาก บทที่ 67-68

บทที่ 67 ถึงจะเป็นช่วงพักกลางวัน ทว่าหวาหยางกลับไม่อาจข่มตาหลับ นางนอนอยู่บนเตียงร่วมกับชีฮองเฮา ประเดี๋ยวก็พูดจาอิงแอบอ...

ทดลองอ่าน

ทดลองอ่าน สานวาสนากับท่านอาของอดีตคู่หมั้น บทที่ 71-73

บทที่ 71 จีเสวียนเค่อใช่ว่าจะมีวรยุทธ์เก่งกาจ ทว่าเขาพาคนมามากมาย คนจากสำนักบูรพาเห็นสถานการณ์ไม่สู้ดีนักจึงล่าถอยอย่างร...

ทดลองอ่าน

ทดลองอ่าน สานวาสนากับท่านอาของอดีตคู่หมั้น บทที่ 80-81

บทที่ 80 เสียงของกู้เจี้ยนหลีค่อยๆ เบาลงเรื่อยๆ ถึงท้ายประโยคก็แทบไม่ได้ยินแล้ว นางก้มหน้าลง มือกำชายเสื้ออย่างเก้อกระดา...

ทดลองอ่าน

ทดลองอ่าน สานวาสนากับท่านอาของอดีตคู่หมั้น บทที่ 74-76

บทที่ 74 กู้เจี้ยนหลีละล่ำละลักพูด “หากยังไม่กลับอีกจะสายเกินไปแล้ว ท่านพ่อ ครั้งหน้าลูกจะไปเยี่ยมที่จวนอ๋องนะเจ้าคะ จี้...

community.jamsai.com