everY
ทดลองอ่าน ผมมันไอดอลตัวท็อปของยมโลก เล่ม 1 บทที่ 30-31 #นิยายวาย
บทที่ 31
คำพูดผีเชื่อไม่ได้จริงๆ
ชายหน้าบากพอลงมือก็ใช้อาคมพลิกดวงชะตา ถ้าหากอาคมบนตัวใบปลิวเป็นแผนการของเขาจริงๆ ยังไงก็ไม่น่ามีมนตร์ไร้สาระที่ต้องถามถึง 287 ครั้งจึงจะสิงร่างได้สิ
ระดับความร้ายกาจแบบนี้ทำให้จากลาสต์บอสกลายเป็นตัวเบี้ยไอคิวต่ำที่มีไว้ให้ตัวเอกตบหน้าโดยเฉพาะทันทีเลยนะ
ในนามเจ้าหน้าที่กองตรวจการพิเศษอาวุโส สยงเหมียวสัมผัสได้ทันทีว่าใบปลิวกับชายใส่เสื้อกล้ามพูดเรื่องจริงหรือเปล่า ขณะที่เธอกำลังจะแสดงฝีมือให้ฉยงเหรินได้เห็นความสามารถในการสอบปากคำของกองตรวจการพิเศษ ก็เห็นฉยงเหรินหยิบใบปลิวขึ้นมา ไม่มัวรีรอ ฉีกกระดาษขาดดังแควกๆๆ
ใบปลิวตัวบิดงออย่างบ้าคลั่ง ส่งเสียงร้องโหยหวนด้วยความเจ็บปวดออกมา
“นายมันไม่ปกติ! นายฉีกกระดาษแผ่นนี้ได้ยังไง” ผีเสื้อกล้ามถอยหลังกรูดอย่างหวาดผวา เขาคิดจะหาที่ยึดเหนี่ยวจิตใจเพราะไร้ที่พึ่ง แต่ซ้ายขวาหน้าหลังของเขาถ้าไม่ใช่คนที่มาจับเขา ก็อ่อนแอเสียยิ่งกว่าเขา เขาจึงได้แต่ต้องหาทางเอาตัวรอด โผเข้าไปกอดชายหน้าม้าไว้ดีกว่าไม่มีที่ให้หลบเลย
ฉยงเหรินคิดในใจ เพิ่งจะรู้เหรอว่าผมไม่ปกติ เคยเห็นคนอื่นต่อยผีด้วยมือเปล่าเหรอ อย่าว่าแต่นายไม่เคยเจอเลย แม้แต่ท่านพญายมก็ไม่เคยเจอเถอะ
สมองเจ้าผีตนนี้ไม่ไหวเอาซะเล้ย
“อย่าทรมานฉันอีกเลยนะ ฉันยอมพูดแล้ว!” ใบปลิวกล่าวพลางร้องห่มร้องไห้
ฉยงเหรินไม่พอใจสุดๆ “ผมไม่ได้ทรมานสักหน่อย เขาเรียกว่าลงโทษอย่างยุติธรรมต่างหาก”
หลิ่วฉวนตันมองออกว่าฉยงเหรินปั่นหัวยากมากจริงๆ แถมเขายังไม่อ้อมค้อมอีก ลงมือจัดการทันทีทันใดด้วย มันจึงมีแต่ต้องพูดความจริง
ที่เขาบอกกับฉยงเหรินไปก่อนหน้านี้ไม่ใช่เรื่องโกหกไปเสียทั้งหมด หนังสือเล่มเล็กกับใบปลิวเป็นของที่ชายหน้าบากสร้างขึ้นมา และที่ไม่สามารถออกไปจากรถไฟฟ้าใต้ดินได้ก็เป็นเพราะชายหน้าบากเป็นคนกำหนดไว้ แต่เนื้อหาบนใบปลิวเขาเป็นคนคิดมันขึ้นมาเอง
เป้าหมายคืออยากหาที่พักพิงให้วิญญาณน่าสงสารดวงอื่นๆ ให้พวกเขาสามารถกลับมายังโลกคนเป็นได้อีกครั้ง
ฉยงเหรินได้ฟังก็หมดคำจะพูด “อย่าพูดเอาดีเข้าตัวหน่อยเลย ผมรู้ว่าคุณคือใคร”
เขาโชว์หน้าเสิร์ชบนโทรศัพท์ให้ใบปลิวดู
หลิ่วฉวนตันเป็นคนเมืองหยางเฉิง มาที่เมืองหลงเฉิงเมื่อสิบปีก่อน เพราะเขาติดเหล้าติดพนัน ทั้งยังก่อกรรมทำชั่ว ภรรยาจึงขอหย่ากับเขา หอบลูกกลับบ้านพ่อแม่ไป
เพื่อแก้แค้นอดีตภรรยา เขาจึงบุกเข้าบ้านอดีตภรรยายามวิกาล คิดจะฆ่าทุกคนรวมทั้งลูกชายแท้ๆ ของตัวเองด้วย
โชคดีที่วันนั้นมีคนที่เขาไม่ได้คาดการณ์ไว้อยู่ที่นั่นด้วย
พ่อตาเคยเป็นทหารมาก่อน และมีเพื่อนร่วมรบคนหนึ่งที่ประจำอยู่ในกองทัพมาเยี่ยมเขา และคืนนั้นเขานอนในห้องนอนแขกพอดี หลิ่วฉวนตันบุกเข้ามาทางหน้าต่างหลังบ้าน นายทหารรุ่นเก๋าตื่นตัวกลางดึก ตัดสินใจลุกขึ้นออกไปจับตัวโจรทันที และคว้าเอาเก้าอี้ในห้องครัวตัวหนึ่งมาเป็นอาวุธป้องกันตัว
หลิ่วฉวนตันเห็นนายทหารรุ่นเก๋า ก็นึกว่าเป็นคนรักใหม่ของอดีตภรรยา เขาเที่ยวซ่องได้ แต่อดีตภรรยาห้ามมีผู้ชายคนอื่น แม้ว่าจะหย่าร้างกับเขาแล้วก็ตาม
จิตสังหารของเขาพลุ่งพล่านทันที อยากจะฆ่านายทหารคนนั้นด้วย แต่นายทหารเคยผ่านศึกมาแล้วหลายครั้ง คนที่จิตใจคิดแต่เรื่องผู้หญิงกับเหล้าอย่างเขาจะเทียบชั้นได้ยังไง
หลิ่วฉวนตันฟันมีดพร้าลงไป นายทหารรุ่นเก๋ายกเก้าอี้ขึ้นมากัน มีดพร้าก็ติดแหง็กอยู่กับเก้าอี้ หลิ่วฉวนตันจะดึงมีดออก แต่เขาออกแรงมากเกินไป เมื่อดึงออกมาได้สันมีดพร้าก็เหวี่ยงมาโดนหว่างคิ้วของตัวเอง มันฝังเข้าไปในหัวสองเซนติเมตร เขาหงายหลังล้มลง หัวไปกระแทกกับโต๊ะหินอ่อนจนตายคาที่ทันที
เรียกได้ว่าเป็นตัวอย่างของคำว่ากรรมใดใครก่อ กรรมนั้นย่อมคืนสนอง
เพราะอดีตภรรยาเลี้ยงแมวด้วย จึงติดตั้งกล้องส่องแมวไว้ในบ้านสองสามตัว โชคดีที่ถ่ายติดภาพตอนที่เขาบุกเข้ามาเอามีดปักหัวตัวเองไว้ได้ทั้งหมด
สิ่งที่นายทหารทำเป็นการป้องกันตัวเองอย่างสมเหตุสมผล ทั้งยังยืนหยัดเพื่อความถูกต้อง จึงได้รับเหรียญรางวัล อดีตภรรยาเองไม่นานก็ลืมความเจ็บปวดที่ได้รับจากเขา และพบเจอกับความสุขครั้งใหม่
คนอย่างหลิ่วฉวนตันเลวเกินเยียวยา คนอย่างเขาเนี่ยนะจะมีแก่ใจอยากช่วยเหลือวิญญาณดวงอื่นกลับสู่โลกคนเป็น
ฉยงเหริน “ถึงอาคมพวกนั้นของคุณจะเป็นขยะ แต่ก็สามารถผูกมัดวิญญาณไว้บนรถไฟฟ้าใต้ดินได้จริงๆ คุณไม่ได้คิดจะทำให้ตัวเองแข็งแกร่งขึ้นเลยสักนิด แล้วก็ไม่ได้คิดจะช่วยพวกเขาหาตัวตายตัวแทนด้วย คุณแค่อยากเอาวิธีการหาตัวตายตัวแทนมาใช้เป็นกลอุบายเพื่อตัดวงจรวัฏสงสารของพวกเขา ผมพูดถูกหรือเปล่า”
หลิ่วฉวนตันไม่คิดว่าจะถูกฉยงเหรินอ่านทะลุขนาดนี้ เขาคิดจะเล่นลิ้น แต่ทันทีที่เห็นฉยงเหรินเริ่มชูกำปั้น เขาก็เปลี่ยนคำพูดทันที “คุณพูดถูกแล้วครับ คุณเป็นคนที่ฉลาดที่สุดเท่าที่กระผมเคยเจอมาเลยครับ”
สยงเหมียวถึงกับเหม่อ ถึงแม้กองตรวจการพิเศษจะมีคำพูดติดปากว่า ‘คุณไม่มีสิทธิ์ที่จะเงียบ หากคุณไม่พูด เราจะป้อนยาสารภาพความจริงให้คุณ’ แต่วิธีการสอบปากคำด้วยความรุนแรงแบบฉยงเหรินก็เป็นอะไรที่พวกเขาไม่เคยเจอมาก่อนเลยจริงๆ
ไม่มีทางก๊อปปี้ได้เช่นกัน
สยงเหมียวมาส่งฉยงเหรินถึงกองถ่าย ตลอดการเดินทางครั้งนี้ มันรู้สึกเหมือนตัวเองเลเวลอัพแล้ว มันได้เรียนรู้อะไรเยอะมาก
มันอยากกลับไปถกเรื่องวิธีการทำงานแบบใหม่กับเพื่อนร่วมงานเดี๋ยวนั้น ฉยงเหรินเขาเป็นแค่ประชาชนธรรมดา ไม่รับเงินก็ยังจับผีได้ แล้วพวกเขามีเหตุผลอะไรที่จะไม่ขยันทำงานด้วย
ผีทั้งสามตนถูกสยงเหมียวพาตัวกลับไป หลังจากให้การชัดเจนแล้ว ก็ค่อยให้ยมทูตมารับตัวไปส่งพิจารณาความผิดที่ยมโลก
กู้เมิ่งซังหลังจากลงรถแล้วก็รู้สึกสับสนงงงวยไปหมด เขาเป็นใคร เขาอยู่ที่ไหน ทำไมสยงเหมียวไม่ไปส่งเขาที่สตูดิโอถ่ายรูปบ้าง เป็นประชาชนเหมือนกัน ทำไมถึงปฏิบัติไม่เท่าเทียมกัน
ฉยงเหรินเห็นร่างของเหยียนโม่ เพื่อนข้างห้องของเขาขี้กังวลจริงๆ ผีพวกนั้นอ่อนแอไม่มีใครเกิน ไม่มีทางทำอะไรเขาได้เลยสักนิด
“คุณมาได้ไงครับ”
เหยียนโม่ “ห่วงว่าเธอจะกลัว”
กู้เมิ่งซังตะลึงกับความหล่อของเหยียนโม่จนหกล้มหกคะเมน จากนั้นก็พูดอะไรไม่ออก เมื่อกี้คุณว่าใครกลัวนะ ฉยงเหรินน่ะเหรอกลัว พวกคุณสองคนช่วยเข้าใจสถานการณ์กันหน่อยได้ไหม ฉยงเหรินต่างหากที่ทำให้ผีกลัว เข้าใจไหม
ฉยงเหรินชูนิ้วโป้งกับนิ้วชี้ ทำมือบอกว่าเล็กน้อย “กลัวนิดๆ ครับ แต่ก็พอไหว คงเป็นเพราะเปลี่ยนทีวีใหม่ ฝึกพิเศษเลยได้ผลดีกว่าเดิมล่ะมั้งครับ”
เหยียนโม่ได้ฟังก็ทอดถอนใจอยู่ในใจ
น่ารักมาก
ถึงฉยงเหรินจะไม่กลัวเท่าเมื่อก่อน แต่ก็ไม่ชอบความรู้สึกที่ทำให้ขนลุกขนชันแบบนี้อยู่ดี “ขอแตะหน่อยได้ไหม”
เหยียนโม่พยักหน้า ฉยงเหรินก็แตะหลังมือเขาเบาๆ ก่อนเงยหน้าขึ้นมายิ้มพร้อมพูด “ตอนนี้ไม่รู้สึกกลัวแล้วครับ”
เหยียนโม่อดถอนหายใจไม่ได้
น่ารักจัง
ฉุดเขากลับยมโลกตอนนี้เลยได้ไหม ไม่ปล่อยเขาออกมาตลอดชีวิตเลยได้หรือเปล่า
เขาเอามือไว้ข้างหลัง ควบกลั่นกลีบดอกบัวขนาดเท่าข้อนิ้วออกมากลีบหนึ่ง มันมีสีแดงเข้ม และสัมผัสร้อนกรุ่น ราวกับสลักขึ้นมาจากพลอยทับทิมทั้งชิ้น
เหยียนโม่วางกลีบดอกบัวไว้บนฝ่ามือของฉยงเหริน “แค่พกมันติดตัวไว้ จากนี้เธอก็จะไม่กลัวอีกต่อไป”
‘ฉยงเหรินปรากฏตัวในกอง ‘พัดดอกท้อ’ ยันบทหมิงเฉินตกเป็นของฉยงเหรินแน่นอน นี่จะเป็นไอดอลที่ผันตัวมาเป็นนักแสดงอีกคนหรือไม่’
ฉยงเหรินตื่นมาแต่เช้า ก็เจอคนแชร์ลิงก์ข่าวนี้มา
ในใจเขาดีใจครึ่งกลุ้มครึ่ง
ที่ดีใจเพราะไม่นึกว่าจะมีคนโพสต์ข่าวของเขา เพราะนี่สามารถบอกได้ว่าเขาเริ่มมีชื่อเสียงเล็กๆ แล้ว ที่กลุ้มก็เพราะกลัวกองถ่ายจะยื่นกิ่งมะกอก* มาให้เขามากกว่าเดิม
เขาแสดงหนังไม่เป็นจริงๆ ถึงจะอยากใช้ทางลัดโดยการเอาผลงานภาพยนตร์มาส่งเสริมงานไอดอล แต่ก็กลัวว่ามันจะให้ผลตรงกันข้าม
ต้องโทษที่ตอนเขาไปถ่ายบทของหมิงเฉิน จางเฮ่าเอ่ยปากชมเขาเสียยกใหญ่ จนทำให้คนไม่น้อยเข้าใจผิดว่าเขามีความสามารถในการแสดงจริงๆ
ในบทหมิงเฉินจะได้ยินข่าวว่านิตยสาร ‘Today Music’ ฉบับที่ตัวเองขึ้นปกให้นั้นขายไปได้แล้วหลายแสนเล่ม โดยเขาก็ไม่ได้ลำพองแต่ก็ไม่ได้ถ่อมตัวเกินไป เพียงหัวเราะเบาๆ แล้วพูดว่า ‘ไม่ต่างจากที่คิดไว้เท่าไหร่’
จางเฮ่าคิดว่ามู้ดอารมณ์ของบทพูดนี้แสดงออกมาได้ยากมาก แต่ฉยงเหรินกลับถ่ายทอดออกมาได้อย่างตรงจุด ทั้งยังลงตัวด้วย
จากเฮ่ารู้สึกเซอร์ไพรส์มาก เอ่ยชมเขาไม่หยุดปาก สำหรับผู้กำกับที่บอกให้ถ่ายฉากเดียวกันหลายๆ ร้อยเทค แต่สุดท้ายก็เลือกหยิบเทคแรกมาใช้อย่างเขาแล้ว ระดับความพึงพอใจที่เขามีต่อฉยงเหรินสูงจนน่าตกใจ
แต่สำหรับฉยงเหริน เขาก็แค่นึกย้อนไปถึงอารมณ์ตอนที่ตัวเองรู้ข่าวว่า ‘รวมเรื่องเครื่องทรมาน’ มียอดขายถึงสิบสองล้านเล่ม จากนั้นก็แสดงออกมาจากประสบการณ์จริงเท่านั้น
เฮ้อ ขนาดเฉินรุ่ยเจ๋อก็ยังคอยมาตะล่อมให้เขาผันตัวไปเป็นนักแสดงทุกวี่ทุกวัน ทำไมถึงรู้สึกว่าอธิบายไปก็ไม่เข้าใจกันนะ
แต่ช่วงนี้ก็ใช่ว่าจะไม่มีเรื่องดีๆ เกิดขึ้นเลย อย่างแรก เถิงเฟยวิดีโอทำงานได้ดี จำนวนคนออนไลน์เพิ่มขึ้นอย่างคงที่
สารคดีที่เขาเลือกส่วนใหญ่ล้วนเป็นสารคดีสัตว์โลกน่ารัก สารคดีอาหารเลิศรส รวมไปถึงสารคดีเผยแพร่วัฒนธรรมท้องถิ่น อบอุ่นหัวใจสุดๆ
ได้ยินว่าแม้แต่ฉินก่วงหวังก็ยังไม่สามารถหนีมนตร์เสน่ห์ของวิดีโอสัตว์เลี้ยงน่ารักได้ และกำลังวางแผนจะซื้อตุ๊กตาผ้ามาไว้สักตัว
เว็บไซต์ของเขามีคนเสนอขอซื้อพื้นที่โฆษณาเป็นครั้งแรก แต่ไม่นึกเลยว่าจะไม่ได้มาจากซ่งตี้หวังหรือท่านพญายม ทว่าเป็นฉู่เจียงหวัง
ฉู่เจียงหวังก็อยากได้รางวัลยมราชยอดเยี่ยมเช่นกัน เขาถือโอกาสตอนที่เพลงกับคลิปโปรโมตของซ่งตี้หวังยังไม่ได้อัพโหลด รีบถ่ายคลิปโปรโมตตัวเองและชิงร่วมงานกับเถิงเฟยก่อน
คลิปโฆษณาสามารถกดข้ามได้ แต่ถ้าหากดูครบ 18 วินาที เว็บไซต์ก็จะได้รับเหรียญนรกหนึ่งเหมา*
ถึงแม้ว่าตอนนี้รายรับของเว็บไซต์จะยังห่างไกลจากรายจ่ายมาก แต่เมื่อเห็นคอมเมนต์ของพลเมืองในยมโลกที่กรี๊ดกร๊าดกับหมาแมวและกระต่ายอย่างมีความสุข ทั้งยังน้ำลายไหลกับภาพอาหารต่างๆ ฉยงเหรินก็รู้สึกว่าเงินทุกไคว่ที่ขาดทุนไปนั้นคุ้มค่าแล้ว
และในเว็บบอร์ดเรื่องผีเมืองหลงเฉิง คลับฉยงเหริน ชาวเน็ตเองก็พากันถกประเด็นกันอย่างเร่าร้อน
[ช่วงนี้เจ้าหนูของฉันทำอะไรแผลงๆ อีกแล้วใช่เปล่า เมื่อคืนฉันฝันว่าปู่ขอให้ฉันเผาแมวสองตัวไปให้เขา แถมบอกว่าอยากกินบะหมี่เนื้อวัวด้วย]
[ทำไมพอมีคนมาเข้าฝันก็โบ้ยให้ฉยงเหรินตลอดเลยล่ะ แต่เอาเถอะ ฉันก็คิดว่าเป็นฝีมือเขาเหมือนกัน ป้าฉันบอกว่าอยากได้หมาอลาสกัน พวกคุณรู้จักคนที่ทำอลาสกันกงเต๊กได้บ้างไหม]
[ฉันเสิร์ชดูในเน็ตแล้ว หาซื้อซามอยด์กระดาษไม่ได้เลยซื้อกระดาษมานั่งทำเอง (หมากระดาษ.JPG)]
[คุ้นชื่อไอดีคห. บนมาก คุณใช่พี่สาวที่เจอฉยงเหรินจับผีบนรถไฟฟ้าใต้ดินสองครั้งหรือเปล่า]
[ใช่ ฉันเอง]
[ฮ่าๆๆๆ ตลกเป็นบ้า ไม่กี่วันก่อนฉยงเหรินจับผีสองตนบนรถไฟฟ้าใต้ดิน เขาคงคิดว่าตัวเองปิดเรื่องนี้มิด ไม่มีใครรู้ว่าเป็นเขาแน่เลย จริงๆ วันนั้นสาวๆ ในคลับฉยงเหรินนัดไปกินเลี้ยงกัน พวกเราก็ได้ดูการจับผีบนรถไฟฟ้าใต้ดินของเขาตลอดทางเลย]
[จริงอะ อิจฉา อยากย้อนเวลาได้ชะมัด ฉันก็อยากเห็นเจ้าหนูจับผีบ้าง]
[ฉันก็อยู่ในเหตุการณ์นะ คลับฉยงเหรินของพวกเรามีพี่สาวคนหนึ่งที่มีดวงตาหยินหยาง เธอบอกว่าฉยงเหรินต่อยผีร้องไห้เลย ฉันขำแทบบ้า เจ้าหนูของฉันโหดจริงๆ]
[เขาคิดว่าแค่ปิดหน้าใส่หมวกพวกเราก็จำไม่ได้แล้วสินะ ขำมาก ต่อให้เขาพันตัวเป็นมัมมี่ฉันก็มองสัดส่วนรูปร่างเขาออกน่า พวกเราก็แค่อยากชมการแสดงของเขาเงียบๆ หรอก]
[นั่นสิ อ่านที่พี่สาวพิมพ์รายงานสถานการณ์สดๆ ในกระทู้ตลอด ต่อให้เจ้าหนูแค่เหวี่ยงหมัดใส่อากาศเฉยๆ ก็ยังน่ารัก ฮือๆๆ กำอุ้งมือน้อยๆ แน่นมาก อยากหยุม]
[คห. บนตื่นจ้า เจ้าหนูของเธอได้สมญานามว่าฉยงหมัดเหล็กแล้วเหอะ อย่ามโนเอาเองว่าเป็นอุ้งมือแมวน้อยๆ ได้ป้ะ]
[อุ้งมือแมว! หูแมว! ลูกแมว! อร๊าย ฉันสิ้นแล้ว]
[ออกทะเลแล้ว ฉันขอถามหน่อย ที่ไหนมีแบบทำกระดาษกงเต๊กรูปแมวบ้าง ขอด่วน]
เว็บบอร์ดเรื่องผีเมืองหลงเฉิงเป็นหนึ่งในเว็บบอร์ดเรื่องลี้ลับที่ใหญ่ที่สุด ไม่กี่เดือนก่อนเพราะเรื่องฮอตเสิร์ชของฉยงเหริน ทำให้เกิดการถกเถียงกันอย่างเร่าร้อนสุดๆ เพราะเหตุการณ์นี้จึงมีคนตกหลุมรักฉยงเหรินเยอะมาก เจ้าของเว็บบอร์ดจึงสร้างห้องคลับของฉยงเหรินแยกออกมา
นับว่าเป็นสวัสดิการอย่างหนึ่งของคนดังอันดับต้นๆ
กู้เมิ่งซังติดการไถกระทู้เว็บบอร์ดทุกครั้งก่อนนอน เมื่อเห็นกระทู้ในห้องแยก ก็อดปวดใจไม่ได้
ที่แท้บนรถไฟฟ้าใต้ดินแสนเงียบเชียบวันนั้นก็มีคนตั้งเยอะแยะแอบจับตามองพวกเขาอยู่ แถมคนพวกนี้ก็ไม่มีใครจำเขาได้เลยสักคน
บัดซบเอ๊ย! กู้เมิ่งซังเซ็งจนนอนไม่หลับ กดเปิดเพลง ‘นักล่าแสง’ เงียบๆ กล่อมเข้านอน
“ทาดา ทาดา ทา ทาดาดาดา”
อ๊ากกก แล้วทำไมต้องไปฟังเพลงคู่แข่งที่เอาชนะตัวเองได้ก่อนนอนด้วยเล่า!!
อย่างนี้ก็เท่ากับว่าเขาแพ้ราบคาบไม่เหลือชิ้นดีเลยสิ
กู้เมิ่งซังร้องไห้น้ำตานองเปียกชื้นไปถึงจอนผม แล้วก็หลับปุ๋ยไปทั้งน้ำตา
วันรุ่งขึ้น กู้เมิ่งซังก็ได้รับตารางงานที่ผู้จัดการส่งมาให้ แล้วก็ประหม่าอยู่คนเดียวเงียบๆ
“ทำไมต้องรับงานถ่ายรายการ ‘สปิริต 101’ ให้ผมล่ะ”
ผู้จัดการ “รายการของหลี่ขุยได้กระแสดีแล้วก็มีประเด็นน่าติดตามเพียบมาตั้งแต่ไหนแต่ไร นายอยากยืนอยู่จุดสูงสุดมาตลอดเลยนี่? ฉันว่าตัวนายยังขาดจุดขายอยู่ รูปแบบของรายการนี้แปลกใหม่มาก แล้วนายยังเคยบอกฉันด้วยว่าอยากวัดกับฉยงเหรินตรงๆ สักตั้ง ฉันเลยคิดว่านี่น่าจะเป็นโอกาสดี”
กู้เมิ่งซัง “…”
เขาล่ะคิดถึงตัวเขาเมื่อก่อนจริงๆ ตัวเขาที่ใสซื่อบริสุทธิ์และไม่ประสีประสา
ผู้จัดการ “ในหมู่คนที่เข้าแข่งอีพีแรก นายคือคนที่ดังที่สุด จากนั้นก็เหมียวเจ๋อเหยียนกับฉยงเหริน จำนวนแฟนคลับนายเอาชนะพวกเขาได้เห็นๆ วางใจเถอะ ความนิยมของนายต้องได้ที่หนึ่งแน่นอน”
กู้เมิ่งซังวางใจไม่ลง
ผ่านไปไม่กี่วัน รายการเซอร์ไววัลแข่งร้องเต้นสุดลี้ลับและระทึกขวัญขนาดใหญ่ที่ชื่อเดิมว่า ‘เด็กฝึกลึกลับ’ ในชื่อใหม่อย่าง ‘สปิริต 101’ ก็เริ่มต้นขึ้น
ตอนที่หนึ่ง ‘บ้านสุสานกระดูก’
ฉยงเหรินกับผู้เข้าแข่งขันเก้าคนยังไม่ทันเจอหน้ากัน แต่ละคนต่างก็ถูกปิดตา แล้วพาไปยังหน้าตึกร้างขนาดใหญ่แห่งหนึ่ง
* ยื่นกิ่งมะกอก หมายถึงการแสดงความเต็มใจที่จะผูกมิตรหรือสมานฉันท์
* เหมา คือค่าเงินของจีน ซึ่งมีมูลค่าน้อยกว่าหยวน โดย 10 เหมาเท่ากับ 1 หยวน
โปรดติดตามตอนต่อไป…