ทดลองอ่าน ผมมันไอดอลตัวท็อปของยมโลก เล่ม 1 บทที่ 32-33 #นิยายวาย – หน้า 2 – Jamsai
Connect with us

Jamsai

everY

ทดลองอ่าน ผมมันไอดอลตัวท็อปของยมโลก เล่ม 1 บทที่ 32-33 #นิยายวาย

2 of 2หน้าถัดไป

บทที่ 33

 

“เขยิบหน่อย เขยิบหน่อยซี่!” ยมทูตสองตนตะโกน “ฟอลโลว์มี! เฮอร์รี่อัพพึ”

วิญญาณกลุ่มหนึ่งลอยตามหลังยมทูตขาวและดำ ถึงจะผิวเหลืองตาขาวเหมือนกัน แต่ฉยงเหรินคิดว่าพวกเขาต่างไปจากวิญญาณทั่วไปนิดหน่อย

ผีสาวตนหนึ่งกุมอกพร้อมอุทาน “OMG! What happened? Why are there so many living persons?” (โอ้พระเจ้า เกิดอะไรขึ้น ทำไมที่นี่ถึงมีคนเป็นเยอะขนาดนี้)

ชายชราร่างท้วมข้างๆ เธอมองซ้ายมองขวา “Are they shooting a TV show?” (พวกเขาถ่ายรายการทีวีกันอยู่เหรอ)

ชายฉกรรจ์มองฉยงเหริน สีหน้าอึ้งทึ่ง “Wow, man! He is such a beautiful boy, like Narcissus.” (ว้าว เขาเป็นเด็กหนุ่มที่สวยมาก อย่างกับนาร์ซิสซัส* เลย)

ฉยงเหรินที่ตัวแนบกำแพงเขยิบทางให้เหล่าวิญญาณเงียบๆ ชักจะคุมสีหน้าไม่อยู่

ทำไมพวกเขาถึงพูดภาษาอังกฤษล่ะ

ผีหนุ่มในชุดยูนิฟอร์มที่ตัวแนบกำแพงขยับทางให้ยมทูตเหมือนกันมองเห็นแววตกใจบนสีหน้าของฉยงเหริน ก็อธิบายด้วยความหวังดี

“พวกเขาเป็นชาวจีนโพ้นทะเลที่เกิดในต่างประเทศ ถึงสัญชาติจะไม่ได้อยู่ที่นี่ แต่ตราบใดที่นับถือความเชื่อเดียวกัน หลังตายวิญญาณก็ต้องกลับบ้านเก่าอยู่ดี

ยมโลกของพวกเราจะส่งยมทูตไปรับวิญญาณลูกหลานชาวจีนที่ต่างประเทศกลับมาทีเดียวหลายๆ ดวง ก่อนจะส่งไปพิจารณาบาปในนรก ก็จะพาไปสอนภาษาจีนง่ายๆ เล็กๆ น้อยๆ ให้พวกเขาที่สถานทูตประจำแดนหยาง หลังจากนี้พวกเขาจะได้ใช้ชีวิตอยู่ในนรกได้”

มีมนุษยธรรมมากเลย! ตอนมีชีวิตรัฐก็รับดูแลผู้อพยพชาวจีนกลับบ้าน พอตายแล้วยังรับพาวิญญาณกลับมาลงนรกที่ประเทศบ้านเกิดด้วย!

เจียงอี้หมิงที่เห็นฉยงเหรินจู่ๆ ก็หมุนเอาตัวไปแนบกับกำแพงตอนคุยกับเขาชะงักเล็กน้อย จากนั้นอยู่ๆ ก็รู้สึกเย็นวาบไปทั้งร่าง ราวกับกระโดดลงสระว่ายน้ำที่ไม่ได้เปิดตัวปรับอุณหภูมิ

เขามองสายตาของฉยงเหรินที่พิศจ้องไปยังมวลอากาศว่างเปล่าจุดหนึ่ง สีหน้าเหมือนกำลังตั้งใจฟังอยู่ แล้วความใจกล้าที่แสดงออกมาก่อนจะเข้าสู่ตึกร้างก็เริ่มพังทลาย

ที่จริงเขากลัวผีมากๆ

ขณะนั้นซย่าหุยก็เดินออกมา

ซย่าหุยลูบข้อมือที่แดงเพราะถูกเจียงอี้หมิงบีบป้อยๆ นัยน์ตาแฝงความน้อยเนื้อต่ำใจอยู่รางๆ รู้สึกเหมือนกำลังกล้ำกลืนความอัปยศเพื่อแบกรับภาระอันหนักอึ้งอยู่

ช่องไลฟ์ของเขาถูกคอมเมนต์ของแฟนๆ ที่ก่นด่าเจียงอี้หมิงอย่างฮึกเหิมสาดเต็มหน้าจอ

 

[จับซย่าซย่ามาขายเซอร์วิสแล้วยังทำให้เขาเจ็บอีก เจียงอี้หมิงน่าขยะแขยงจริงๆ รีบๆ ไปตายสักทีได้ไหม]

[ฉันสงสารเสี่ยวซย่ามากเลย เขาต่อต้านเป็นบ้าเป็นหลังทุกครั้งที่จะขายเซอร์วิส ทั้งเจียงอี้หมิงทั้งค่ายไปตายให้หมด!]

[วันนี้เจียงอี้หมิงตายหรือยัง ตายแล้ว]

[ซย่าที่รัก นิสัยดีเกินไป ถึงได้ถูกคนพวกนี้กลั่นแกล้งบ่อยๆ]

 

ต่อให้เด็กฝึกไม่เห็นคอมเมนต์ ซย่าหุยก็พอจะเดาเนื้อหาได้ เขาหลุบตาลงบดบังความลำพองใจในแววตา

ตลอดมาเขาให้ความร่วมมือกับการขายเซอร์วิสของเจียงอี้หมิงตลอด ซ้ำยังจงใจขยายประเด็นการร่วมมืออย่างจำใจนี้ให้ใหญ่ขึ้น

เมื่อเป็นแบบนี้นอกจากจะทำให้แฟนคลับที่คีปเมนสงสารเขาแล้ว ยังสามารถตัดขาดกับเจียงอี้หมิงอย่างรวดเร็วหลังจากเขาหมดประโยชน์ ถึงตอนนั้นขอแค่แฉข้อมูลว่าเจียงอี้หมิงบังคับให้เขาขายเซอร์วิสออกไป ก็สามารถใช้คำว่าผู้เสียหายมาสวมให้ตัวเองได้

ที่ซย่าหุยมาเข้าร่วมรายการในครั้งนี้ ก็เพราะมีความทะเยอทะยานของตัวเองเหมือนกัน

เขาชินกับผลประโยชน์ที่ได้มาจากความนิยมของคู่ชิปแล้ว เขาจะยืนมองเจียงอี้หมิงค่อยๆ ดับหลังจากจบรายการ และจากนั้นเขาก็เล็งเป้าหมายคู่ค้ารายใหม่ไว้แล้ว

นั่นก็คือฉยงเหริน

ฉยงเหรินใช้รูปแค่รูปเดียว ก็สามารถทำให้ Super Topic คู่ชิประหว่างเขากับดอกบัวแดงในภาพพุ่งทะยานไปถึงท็อปสิบได้ คุณภาพโพสต์ต่างๆ ของแฟนคลับใน Super Topic ก็ดีเยี่ยม ทำให้ซย่าหุยยิ่งเกิดความรู้สึกอิจฉาตาร้อน เขาติดตามสังเกตมาแล้ว ระดับแสงที่ส่องหาฉยงเหรินไม่ได้สูงมาก แต่จำนวนแฟนคลับเพิ่มขึ้นด้วยความเร็วสม่ำเสมอสุดๆ ระดับความรอยัลของแฟนคลับก็สูงเสียยิ่งกว่าแฟนคลับรายการเซอร์ไววัลที่เปลี่ยนเมนตัวเองทุกสามเดือนมาก

เขาจะต้องสร้างความรู้สึกเหมือนพบเจอโชคชะตากับฉยงเหรินในรายการให้ได้ ด้วยเหตุนี้เขาจึงลงทุนเตรียมสร้อยดอกบัวแดงไว้ให้ตัวเองเส้นหนึ่ง เหลือก็แค่หาเวลาเหมาะๆ ค่อยๆ แอบโชว์ออกมา

ซย่าหุยที่คิดว่าตัวเองถือไข่มุกแห่งปัญญาอยู่ในฝ่ามือ* ก้าวฉับๆ ไปหาฉยงเหริน ใช้สายตาขลาดกลัวเล็กน้อยเหลือบมองเจียงอี้หมิง จากนั้นยิ้มพลางยื่นมือ “สวัสดีครับ ผมชื่อซย่าหุย ผมเคยดูคลิปของคุณด้วย คุณเต้นเก่งมากเลย”

ฉยงเหริน “ขอบคุณครับ คุณก็…”

เขาไม่รู้จริงๆ ว่าซย่าหุยมีผลงานเด่นๆ อะไร ในตอนที่กำลังเค้นสมองว่าควรจะพูดอะไรดี เจียงอี้หมิงก็โพล่งขึ้นก่อน

“ก็ไม่แย่” เจียงอี้หมิงกล่าว “แต่ผมคิดว่าในสายสตรีตแดนซ์แบบรุ่นพี่ฉยงเหริน คนที่เก่งที่สุดควรเป็น PP ที่ได้แชมป์สตรีตแดนซ์ระดับโลกตั้งแต่อายุสิบหก”

เจียงอี้หมิงไม่ค่อยมีพรสวรรค์ เขาจึงพยายามสร้างคาแร็กเตอร์ของคนที่ซ้อมทั้งวันทั้งคืนให้ตัวเอง อย่างนอนวันละสองชั่วโมงเพื่อเอาเวลาไปซ้อมต่อเนื่องเป็นเวลาหนึ่งเดือนเอย หรือมีแต่แผลฟกช้ำทั่วร่างกายเอย ซ้อมร้องเพลงจนเสียงแหบเอย เป็นต้น

มุกนี้ใช้ได้ผลไม่น้อย แฟนคลับขาจรที่ไม่รู้ภูมิหลังอะไรล้วนรู้สึกประทับใจในตัวเขา

คอมเมนต์ก็พากันชมว่าเขามีความทะเยอทะยาน อนาคตจะต้องสดใสแน่นอน

เจียงอี้หมิง “ถึงไลน์เต้นของ PP กับรุ่นพี่ฉยงเหรินจะคล้ายกัน แล้วทั้งคู่ก็อยู่ในสาย XX ที่สร้างขึ้นโดย XX ซึ่งค่อยๆ เป็นที่นิยมในประเทศจีนในตอนหลังเหมือนกัน แม้ความสามารถในการเต้นของรุ่นพี่ฉยงเหรินจะไม่เลว แต่ผมว่า PP มีความเป็นเด็กวัยรุ่นมากกว่า ตอนรุ่นพี่ฉยงเหรินแสดงมันดูประณีตเกินไปหน่อย”

ถึงจะบอกว่าฉยงเหรินเต้นได้ประณีต แต่ความจริงก็มีความหมายไม่ต่างกับการด่าฉยงเหรินว่ายังเต้นขาดความเป็นศิลปะ ไม่มีจิตวิญญาณมากพอ

“บางท่าของรุ่นพี่ฉยงเหรินก็เหมือนกับเขามาก คุณนับถือเขามากเลยใช่ไหม”

ความไม่พอใจปรากฏในแววตาของซย่าหุยชั่วครู่ ทำไมเจียงอี้หมิงต้องสร้างเรื่องในเวลาแบบนี้ตลอดด้วย คำพูดแบบนี้ต่างอะไรกับการหาว่าฉยงเหรินขโมยความคิดคนอื่น

เจียงอี้หมิงเห็นสีหน้าของฉยงเหรินค่อยๆ แปลกไปหลังจากได้ยินคำพูดของเขา ก็คิดว่าตนเอ่ยแทงใจดำฉยงเหรินได้ถูกจุด ก่อนเอ่ยสรรเสริญต่อ “PP เป็นนักเต้นที่ผมนับถือที่สุด เคารพที่สุด และชอบที่สุด น่าเสียดายที่เขาไม่เต้นมาหลายปีแล้ว ที่เขาว่ากันว่าในยุคที่ไร้ซึ่งวีรบุรุษ เด็กธรรมดาไร้ชื่อก็กลายเป็นยอดคนได้ ผมรู้สึกปวดใจทุกทีที่คิดถึงเรื่องนี้”

ฉยงเหรินเกาหัวแกรกๆ “ก็พอได้ ผมคิดว่า PP ไม่ได้เก่งขนาดนั้น การเต้นหลายปีก่อนของเขายังมีปัญหาหลายจุด บางทีคุณควรพิจารณาชอบคนอื่นดูบ้าง ผมคิดว่าสไตล์การเต้นของเขาไม่ค่อยเหมาะกับคุณ”

คอมเมนต์กระสุนในช่องไลฟ์ของเจียงอี้หมิงเริ่มพ่นคำด่าทันที

 

[ไอ้แป้กนี่ตลกชิบ ยังมีหน้ามาแนะนำให้ผัวฉันไปชอบคนอื่นอีก คิดว่าตัวเองเป็นใคร]

[ไอ้แป้กนี่ต้องไม่รู้จักกระทั่ง PP แน่ ก็ดังจากการมีเดียเพลย์นี่เนอะ]

[ขอเล่าเรื่องตลกหน่อย ไอดอลที่ดังเพราะมีเดียเพลย์บอกว่าการเต้นของแชมป์โลกมีปัญหาว่ะ]

 

เจียงอี้หมิงยังคิดที่จะพยายามแสดงต่อไปอย่างไม่ลดละ แต่ซย่าหุยจะนั่งเฉยมองคู่ค้าในอนาคตของตัวเองถูกรังแกได้ยังไง ถึงเขาจะไม่รู้ว่า PP คือใคร แต่ก็ไม่ส่งผลอะไรกับคำพูดตอกกลับแบบแอ๊บใสของเขา

“ถ้าเลิกเต้นไปตั้งหลายปีแล้ว งั้นก็แปลว่าความรักในการเต้นของเขาหายไปแล้วน่ะสิ คนแบบนี้จะมาเป็นไอดอลให้เราได้ไงล่ะครับ” ตาลูกกวางของซย่าหุยส่องแสงบลิงก์ๆ “ผมว่ารุ่นพี่ฉยงเหรินตอนพยายามเพื่อความฝันตัวเองดูเปล่งประกายมากเลย ผมนับถือคุณมากครับ”

เขาพูดจบ ก็เหลือบมองและยิ้มให้เจียงอี้หมิง “นายก็พยายามมาตลอดเหมือนกันไม่ใช่เหรอ”

คราวนี้ฉันน่าจะได้ความประทับใจจากฉยงเหรินมาบ้างแล้วนะ ซย่าหุยคิดอย่างมั่นใจ ขอแค่หาทางสกินชิปและสบตาหวานเยิ้มกับเขา เรือคู่ชิปก็จะตระหง่าน! ควรตั้งชื่อแบบไหนดี ฉยงซย่า ฉยงหุย

ช่องไลฟ์ของซย่าหุยเต็มไปด้วยเสียงร้องตะโกนของแฟนๆ สาดเข้ามาอย่างบ้าคลั่งว่าซย่าซย่าเป็นนางฟ้าแสนดีหนึ่งเดียวในวงการ

เหล่าชิปเปอร์ก็ระริกระรี้เช่นกัน พวกเธอวิเคราะห์ ดูภายนอกอาจจะเหมือนซย่าหุยกำลังชมฉยงเหริน แต่จริงๆ กำลังชมเจียงอี้หมิงอ้อมๆ ว่าเขาขยัน ซย่าหุย แกรักเขามากเลยอะ

ฉยงเหรินที่อยู่ใจกลางพายุรู้สึกจากเบื้องลึกของจิตใจว่าเทียบกับผีแล้ว คนเป็นคุยด้วยยากกว่าเยอะ

เขาหันไปยิ้มหวานๆ ให้ทั้งคู่

เขารู้ว่าตัวเองหน้าตาดีมาก ยิ่งยิ้มก็ยิ่งดูดี เขาน่าจะหาจังหวะหนีไปเงียบๆ ตอนสองคนนี้กำลังเหม่อได้

แล้วซย่าหุยกับเจียงอี้หมิงก็เหม่อกับรอยยิ้มของเขาไปชั่วขณะหนึ่งจริงๆ ฉยงเหรินรีบสาวเท้าขึ้นชั้นสองไปทันที

หลังจากเขาตรงดิ่งมาชั้นสองได้ ก็เผลอแสดงสีหน้าขอบคุณฟ้าดิน

แฟนรายการสนุกสนานกันใหญ่

 

[555555 ฉยงเหรินซื่อตรงดีจัง ฉันได้ยินคนพูดแอ๊บใสซื่อแบบนั้น ก็อยากวิ่งหนีเหมือนกัน]

[ใส่กุญแจล็อกซย่าหุยกับเจียงอี้หมิงไว้ด้วยกันจนตายไปเลยเหอะ เหมาะสมกันสุดๆ]

[อยากเห็นสีหน้าพวกเขาตอนรู้ว่าฉยงเหรินเป็นเมนเทอร์]

 

เด็กฝึกทั้งหลายได้รับรู้ความสำคัญของเมนเทอร์จากกฎของรายการแล้ว จะการช่วยเหลือนอกสนามหรือคำใบ้เบาะแสก็ช่างเถอะ สิ่งที่ทำให้รู้สึกสิ้นหวังที่สุดคือเมนเทอร์สามารถหักเวลาค้นหาเบาะแสได้

อุตส่าห์ได้มาออกรายการที่จะได้โชว์ตัวแบบร้อยเปอร์เซ็นต์ทั้งที ถ้าโดนหักเวลาขึ้นมา ก็โคตรจะเสียเปรียบเลย

ตามเกณฑ์โดยปกติของรายการเซอร์ไววัล เมนเทอร์ถ้าไม่ใช่คนที่มีตำแหน่งในวงการสูง ก็เป็นคนที่มีหน้ามีตาและศีลธรรมสูงส่ง

เมนเทอร์ที่ทุกคนคาดเดาคำตอบไม่ต่างกันมาก ไม่ใช่กู้เมิ่งซัง ก็ต้องเป็นเหมียวเจ๋อเหยียน

ผู้ชมทั่วไปรับชมอย่างสนุกสนาน เฝ้ารอคอยช่วงที่ฉยงเหรินเปิดเผยตัวตน แต่แฟนคลับที่คีปเมนร้อนใจจนแทบร้องขอชีวิต อยากจะตรงดิ่งไปที่ตึกร้างแล้วบอกพี่ชายของตัวเองว่าฉยงเหรินคือเมนเทอร์ เลิกเลียขาผิดคนได้แล้ว!

ฉยงเหรินถึงชั้นสอง ก็สวมบทบาทเด็กฝึกต่อ ครั้งนี้เขารอบคอบมากขึ้นก่อนที่จะเข้าประตูบานไหน

ผีหนุ่มในชุดยูนิฟอร์มลอยขึ้นมาจากชั้นหนึ่ง เขาที่รับชมเหตุการณ์อยู่ห่างๆ เข้าใจสุดๆ ว่าฉยงเหรินกลัวอะไรอยู่ จึงรีบเข้าไปดูลาดเลาให้ จากนั้นก็ลอยออกมาบอก “ข้างในไม่มีคนครับ”

ฉยงเหรินถึงได้เข้าห้องไปอย่างเบาใจ

ภายในห้องนี้มีรูปหมู่รวมสิบคนแขวนอยู่ ฉยงเหรินแกะรูปภาพลงมา ด้านหลังรูปเขียนตามลำดับว่าเจ้าอี เฉียนเอ้อร์ทำนองนี้ไปจนถึงเฉินสือ

ชื่อของสิบคนนี้สอดคล้องกับชื่อของเด็กฝึกทั้งสิบ เพื่อให้ผู้ชมจำได้ง่ายๆ รายการจึงจงใจเรียงลำดับตามตำราร้อยสกุลชาวจีนและตัวเลขจะได้เป็นมิตรต่อผู้ชมที่จำชื่อไม่เก่ง

ฉยงเหรินพลิกรูปกลับมา แล้วเริ่มสำรวจคนในรูป ในตอนนั้นเองไฟในห้องก็เริ่มกะพริบ

ปัง!

ประตูปิดลงฉับพลัน หน้าต่างของห้องนี้ไม่นึกเลยว่าจะเป็นแค่ของตกแต่ง ไม่มีแสงลอดเข้ามาได้เลย ห้องทั้งห้องกลายเป็นมืดมิด มีแค่แสงโคมไฟแบบเก่าสลัวๆ ที่กะพริบแวบๆ มอบความสว่างอันน้อยนิดให้

ผู้ชมไม่น้อยต่างตกใจ

เสียงหัวเราะเบาๆ ดังขึ้น จู่ๆ หลังม่านหน้าต่างก็ปรากฏเงาเงาหนึ่ง เธอค่อยๆ เดินมาจากด้านข้าง เงาเคลื่อนเข้ามาอย่างเชื่องช้า

เสียงหัวเราะเบาๆ สะท้อนไปมาอยู่ในห้อง

 

[แม่ง! ทำไมฉันต้องใส่หูฟังด้วยเนี่ย!]

[ฉันลาล่ะ]

[ฉันตายแล้ว ห้ามเรียกฉัน]

 

ฉยงเหรินมองพิจารณาสถานการณ์ ก็รู้สึกว่าตัวเองควรจะรู้สึกกลัวเป็นมารยาทสักหน่อย

ด้วยเหตุนี้เขาจึงถอยหลังสองก้าว กุมอก พยายามทำเป็นกลัวสุดความสามารถ พูดด้วยน้ำเสียงโมโนโทนไม่มีจังหวะจะโคนออกมาว่า

“อา น่ากลัวจังเลย ในนี้มีผีจริงๆ เหรอเนี่ย อา กลัวจังเลย”

นักแสดงที่แสดงเป็นผีนิ่งค้าง

หมายความว่าไง นี่จะเยาะเย้ยว่าฉันแสดงไม่ดีเหรอ

 

* นาร์ซิสซัส เป็นเทพในตำนานกรีก ซึ่งเป็นที่เลื่องลือด้านความงดงาม

* ถือไข่มุกแห่งปัญญาอยู่ในฝ่ามือ เป็นการอุปมาว่ามีปัญญาสูงส่ง สามารถรับมือได้กับทุกปัญหา

 

  

โปรดติดตามตอนต่อไป

2 of 2หน้าถัดไป

Comments

comments

No tags for this post.
Continue Reading

More in everY

บทความยอดนิยม

everY

ทดลองอ่าน เขตห้ามรักฉบับเบต้า เล่ม 1 Chapter 2.1-2.2 #นิยายวาย

ทดลองอ่าน เรื่อง เขตห้ามรักฉบับเบต้า เล่ม 1 ผู้เขียน : MINTRAN แปลโดย : ทันบี ผลงานเรื่อง : 배타적 연애 금지구역 ถือเป็นลิขสิทธิ์...

จุติรัก พลิกชะตาร้าย

ทดลองอ่าน จุติรัก พลิกชะตาร้าย บทที่ 1-2

บทที่ 1 ฮ่องเต้หญิง   “ท่านพี่นำร้อง น้องหญิงคลอรับ ท่านพี่เสียงเพิ่งลับ น้องหญิงสลับขึ้นเวที เป็นมารดาอารี มีบุตรีกตัญญ...

ทดลองอ่าน

ทดลองอ่าน ร้อยเรียงรักเคียงฤทัย บทนำ – 1.2

บทนำ ความหลังของต้าลี่ 1   ฤดูหนาวในรัชศกต้าลี่ปีที่สิบเอ็ด โม่เป่ย ตำบลค่งหม่า สถานที่แห่งนี้คือประตูด่านสำคัญสุดท้ายทา...

จุติรัก พลิกชะตาร้าย

ทดลองอ่าน จุติรัก พลิกชะตาร้าย บทที่ 7-8

บทที่ 7 ค่าเดินทาง เมื่อภูตสุนัขดำคืนร่างเป็นสุนัขธรรมดาตัวหนึ่ง ภูตบุปผาสองตนนั้นก็ไม่อาจทำการใหญ่ ต่อให้ชาวหมู่บ้านป่า...

จุติรัก พลิกชะตาร้าย

ทดลองอ่าน จุติรัก พลิกชะตาร้าย บทที่ 3-4

บทที่ 3 เกิดใหม่   เวิ้งฟ้าดำสนิทปานน้ำหมึก เพียงมีดวงดาวบางตากระจัดกระจายบนม่านฟ้า ทอรัศมีอ่อนจางประเดี๋ยวเผยประเดี๋ยวเ...

community.jamsai.com