everY
ทดลองอ่าน ผมมันไอดอลตัวท็อปของยมโลก เล่ม 1 บทที่ 34-35 #นิยายวาย
บทที่ 35
ฉยงเหรินคงจะตกใจไปหน่อย ทั้งร่างถึงเกาะอยู่บนตัวเหยียนโม่ วางคางบนไหล่กว้างๆ ของเขา แถมใช้แขนกอดเพื่อนข้างห้องของตัวเองแน่น หลังได้ยินเหยียนโม่รับประกันว่าด้านหลังไม่มีอะไรอยู่แล้วถึงหยุดสั่น
“ทั้งที่ซ้อมมาตั้งขนาดนั้น ทำไมถึงยังกลัวขนาดนี้อีกนะ” ฉยงเหรินรู้สึกไม่ยุติธรรมเอาซะเลย
“เธอทำได้ดีมากแล้ว” เหยียนโม่ยืนยัน “เธอแค่คิดว่าตัวเองกลัว ถึงตกใจวิ่งหนี ที่จริงเธอไม่รู้สึกกลัวแล้ว”
ฉยงเหรินได้ยินน้ำเสียงเยือกเย็นสุขุมของเขา จิตใต้สำนึกก็เชื่อไปแล้วเจ็ดส่วน “จะ…จริงเหรอ”
“อืม จริงๆ”
เหยียนโม่ลูบผมหยักศกของฉยงเหรินเบาๆ มองกล้องที่มีอยู่ทั่วทุกที่ ขมวดคิ้วนิดๆ
รายการวาไรตี้เป็นงานที่สำคัญมากสำหรับฉยงเหริน เขาไม่สามารถพาตัวคนออกไปตามใจได้
แต่ฉยงเหรินไม่ได้รีบร้อนผละออกจากอ้อมแขนเขา เขาก็เลยอนุญาตให้ตัวเองครอบครองฉยงเหรินได้ครู่หนึ่ง
เหยียนโม่ชอบท่านี้มาก ฉยงเหรินแนบอยู่กับตัวเขา น้ำหนักทั้งหมดถูกประคองไว้ด้วยมือของเขา
สำหรับเทพแล้ว ความหนักแค่นี้เป็นแค่เรื่องเล็กน้อยเท่านั้น ทว่ากลับทำให้เขารู้สึกทั้งหนักทั้งเบาแปลกๆ
ความรู้สึกทำให้อารมณ์ของเขาเบาหวิว ทว่าความหนักอึ้งกลับมาอยู่ที่ใจ ทำให้เหยียนโม่รู้สึกถึงความสงบแสนหายากในชีวิตอันแสนยาวนานของตน
ราวกับในที่สุดเขาก็ได้ครอบครองอะไรบางอย่าง
กลิ่นหอมน่าลุ่มหลงแผ่ออกมาจากคอเสื้อ เหยียนโม่อดกลั้นเก็บความคิดชั่ววูบที่จะเข้าไปคลอเคลีย ทำเพียงลอบสูดกลิ่นอายหอมหวานนั้น
อยากกอดให้นานกว่านี้อีกหน่อย
หลังฉยงเหรินกระโจนเข้ากอดเหยียนโม่ ความกลัวก็หายวับ สติสัมปชัญญะฟื้นคืนกลับมาอย่างช้าๆ
เขาค่อยๆ ลงจากตัวเหยียนโม่ พร้อมใบหน้าแดงแจ๋
ถ้าเวลาปกติเจอผีแล้วกระโดดกอดเพื่อนข้างห้องก็ไม่อะไรหรอก แต่วันนี้มีไลฟ์สดนี่ ทำไมเขาถึงไร้สติจนกระโดดเข้าไปกอดแบบนั้นล่ะ!
“อะแฮ่ม” ฉยงเหรินพยายามขายผ้าเอาหน้ารอด “พี่ชายสุดหล่อคนนี้เป็นเพื่อนข้างห้องผม ไม่รู้ทำไมจู่ๆ ก็มาโผล่ที่กองถ่ายรายการได้”
เหยียนโม่สบตาเขา ให้ความร่วมมือทันที “ฉันเป็นเจ้าของอาคารนี้เอง”
ฉยงเหรินหัวเราะแห้ง “ฮ่าๆๆ ดีนะที่คนที่ผมวิ่งออกมากอดเมื่อกี้เป็นคุณ ไม่อย่างนั้นน่าอายแย่เลย บังเอิญมากครับ”
[เลิกแต่งเรื่องเถอะ ฉันอุดปากร้องอย่างปวดร้าว เห็นใบหน้าของเจ้าหนูที่พยายามแต่งเรื่องสุดชีวิตฉันก็เข้าใจแล้ว มัมหมีอวยพรให้พวกเธอ]
[เจ้าหนูเพิ่งยี่สิบนะ อย่าไปเชื่อผู้ชายหน้าเหม็นง่ายๆ สิ!]
[เจ้าคนกะล่อนออกไปให้ห่างจากเมียฉันนะโว้ย เว้นแต่ว่าพวกคุณจะให้ฉันส่องตอนพวกคุณจะ XXX ด้วย]
[พ่อหนุ่มสุดหล่อคนนี้แรงเยอะมากนะ แค่มือเดียวก็อุ้มเจ้าหนูของฉันได้ เพราะฉะนั้นก็สามารถอุ้มมือเดียว แล้วจากนั้นก็…ฟาดแรงๆ]
[น้ำตาฉันไหลลงมาจากมุมปาก]
[มีอาจารย์คนไหนวาดไหม เพื่อนคนนึงของฉันบอกว่าอยากเห็นอะไรซี้ดอาห์ๆ ก่อนตาย]
ฉยงเหรินไม่รู้เลยว่าตอนนี้เขามีเรือคู่ชิปใหม่อีกลำแล้ว เขาแสดงต่อไป “คุณซื้อห้องที่นี่เหรอ”
เหยียนโม่พยักหน้า “เป็นของฉันทั้งอาคารเลย”
ฉยงเหรินหายใจไม่ออกในชั่วพริบตา คุณรู้หรือเปล่าว่าเสื้อกั๊ก* ของคุณขาดรุ่งริ่งหมดแล้ว ขาดจนใส่ไม่ใส่ก็ไม่ต่างกัน อย่าให้ผมพยายามปิดความลับอยู่คนเดียวสิ!
ทว่าเหยียนโม่กลับใจเย็น ตั้งแต่ฉยงเหรินพุ่งเข้ามาอยู่ในอ้อมแขนเขา เขาก็ไม่อยากทำเรื่องที่ต้องปิดบังอย่างไร้ความหมายอีก
“อ่า…” ฉยงเหรินฉุกนึกขึ้นได้ “สร้อยข้อมือขาดแล้ว โชคดีที่กลีบยังไม่เสียหาย”
เขาที่ไร้สร้อยข้อมือควรเอาชีวิตรอดจากสถานที่ที่มีปริมาณผีเฉลี่ย 0.1 เปอร์เซ็นต์ต่อตารางเมตรยังไง
ถึงเพื่อนข้างห้องจะบอกว่าเขาไม่กลัวแล้ว แต่เขาก็ไม่อยากทดสอบความกล้าของตัวเองต่อหน้ากล้องไลฟ์สดนะ!
ถ้าเกิดเป็นลมขึ้นมาจะทำยังไง แฟนๆ เขาต้องเป็นห่วงมากแน่
“วางใจเถอะ มันไม่มีวันพังหรอก” เหยียนโม่เห็นฉยงเหรินเป็นกังวลเล็กน้อยจึงขบคิดครู่หนึ่ง แล้วกล่าว “รอฉันสักครู่”
เขาเดินสุ่มเข้าประตูห้องหนึ่ง หยิบอุปกรณ์จำพวกคีมทำเครื่องประดับออกมาทำประหนึ่งเป็นเรื่องใหญ่โต โดยแสร้งว่ามีอุปกรณ์พวกนี้วางอยู่ในห้องตั้งแต่แรกแล้ว “ฉันมีสร้อยเปล่าติดตัวมาเส้นหนึ่งพอดี เอาให้เธอใช้ก่อนแล้วกัน”
ด้วยเหตุนี้ผู้ชมทั้งหลายจึงได้รับชมขั้นตอนการซ่อมสร้อยข้อมือของท่านพญายมไปหนึ่งนาที
ระหว่างนั้นกล้องก็ตัดเข้ามาถ่ายโคลสอัพตามคำสั่งอย่างถูกเวลา แต่เพราะตำแหน่งอยู่ผิดที่ จึงถ่ายเห็นแค่กลีบบัวครึ่งกลีบเท่านั้น
“เรียบร้อย” เหยียนโม่พูดเสียงเบา เขาปลดตัวล็อก แล้วช่วยสวมมันให้กับฉยงเหรินเอง
ฉยงเหรินลูบๆ กลีบดอกบัวที่ห้อยพาดอยู่บนไหปลาร้า หัวใจปวดแปลบๆ เพื่อนข้างห้องดีกับเขาขนาดนี้ เขายินดีช่วยปิดความลับของอีกฝ่ายตลอดชีวิต ต่อให้เพื่อนข้างห้องโป๊ะแตก เขาก็จะพยายามทำเป็นตาบอดต่อไป
“ตั้งใจทำงานล่ะ ฉันขอตัวก่อน” เหยียนโม่กดเสียงให้เบามากๆ มีแต่ฉยงเหรินที่ได้ยิน “ฉันดูไลฟ์ตลอด เพราะฉะนั้นไม่ต้องกลัว”
ฉยงเหรินพยักหน้าหงึกๆ ไม่นึกว่าเขาจะรู้สึกอาลัยอาวรณ์เล็กน้อย
เขานึกถึงตอนที่ตัวเองกระโจนเข้าใส่อ้อมแขนเหยียนโม่แล้วกอดเจ้าตัวแน่น เขาได้กลิ่นสตรอเบอรี่มิ้นต์อันแสนคุ้นเคยจากตัวเหยียนโม่ ทั้งๆ ที่เป็นน้ำยาซักผ้ากลิ่นเดียวกัน แต่เมื่ออยู่บนตัวเหยียนโม่แล้ว มันกลับหอมเป็นพิเศษ
เมื่อกี้เขาแอบดมไปตั้งหลายรอบแน่ะ
เหยียนโม่ปรากฏตัวขึ้นกะทันหันและหายไปทันที ราวกับว่ามาที่นี่เพื่อช่วยแก้ไขปัญหาให้ฉยงเหรินเท่านั้น
เมื่อกี้ชาวเน็ตพากันเดาอย่างตื่นเต้นว่านี่จะเป็นเด็กฝึกลับหรือเปล่า หลี่ขุยก็ออกมาแก้ข่าวด้วยตัวเองว่าเหยียนโม่เป็นคนธรรมดาๆ ไม่มีอะไรพิเศษ แค่ผ่านมาแล้วรับตัวฉยงเหรินที่ตกใจกลัวสเปเชียลเอฟเฟ็กต์ในห้องเฉินสือจนแทบบินได้พอดีเฉยๆ
ทุกอย่างเป็นแค่ความบังเอิญ
[หลี่ขุยได้นิยามคำว่า ‘ธรรมดาๆ ไม่มีอะไรพิเศษ’ ใหม่]
[เห็นๆ กันอยู่ว่าเขาไม่ไว้ใจให้ภรรยามาถ่ายรายการลี้ลับ เลยตามมาดูหน้างานโดยเฉพาะ]
[ฉันว่าคุณพูดจริง]
[เจ้าหนูแต่งเข้าบ้านเศรษฐี แต่มัมหมีก็ยังโสดสนิท น้ำตาไหล]
ตั้งแต่ฉยงเหรินวิ่งออกมาจากห้องของเฉินสือ จนถึงตอนที่เหยียนโม่ออกไปจากกล้องแล้ว ทั้งหมดใช้เวลาไม่ถึงสิบนาที แต่ชาวเน็ตก็เอาสิ่งที่เกิดขึ้นในสิบนาทีนี้มาโพสต์กระทู้จนฮอตฮิตไปแล้วนับไม่ถ้วน
กระทู้ที่มีความนิยมสูงสุดสองกระทู้มีชื่อหัวข้อว่า
‘ไม่เข้าใจเลยถาม อันนี้คือการออกจากตู้* หรือเปล่า’
‘ถกประเด็นด้วยเหตุผล พร็อพในห้องเฉินสือเป็นสเปเชียลเอฟเฟ็กต์หรือว่ามีผีจริงๆ’
ชาวเน็ตแต่ละคนกลายเป็นผีสิงกล้องจุลทรรศน์ไปแล้ว พวกเขาต่างวิเคราะห์จากลักษณะท่าทางของฉยงเหรินตอนวิ่งหนีออกมา มีการผลักบางอย่างออกอย่างชัดเจน กล้ามเนื้อแขนและฝ่ามือของเขาเกิดการเปลี่ยนรูปร่าง
ราวกับว่าตรงนั้นยังมีคนที่มองไม่เห็นอีกสองคนยืนอยู่ และฉยงเหรินก็ทำท่านั้นเพื่อผลักพวกเขาออก
กระทู้นี้เริ่มหมักจากกลุ่มเล็กๆ ที่เว็บไซต์โต้วเจี่ยว** ก่อน จากนั้นก็ถูกแพร่ขยายกลับมาที่ช่องไลฟ์ ในช่องคอมเมนต์กับซับกระสุนมีคนไม่น้อยที่เริ่มกลัวสุดขีดหลังจากคิดพิจารณาตามกระทู้นั้น
ขณะเดียวกันเจียงอี้หมิงก็เจอยันต์แผ่นหนึ่งในห้องที่ชั้นแรก
เจียงอี้หมิงยื่นยันต์ไปหน้ากล้อง แล้วพูด “ทุกคนเห็นหรือเปล่า พอเห็นยันต์แผ่นนี้ ก็รู้สึกว่าบรรยากาศรอบๆ ลี้ลับขึ้นมาทันทีเลย”
รายการประเภทไขปริศนาแบบนี้ไม่เคยขาดเจ้าพ่อแห่งรายละเอียดมาแต่ไหนแต่ไร ไม่นานก็มีคนเจอเวยป๋อของตัวละครในเนื้อเรื่องครบทั้งสิบคน คนที่โพสต์ภาพยันต์แผ่นนี้ไม่ใช่เจ้าอีที่อยู่ชั้นหนึ่ง แต่เป็นเฉียนเอ้อร์ที่อยู่ชั้นสอง
เวยป๋อของตัวละครเหล่านี้ยังมีอีกหลายจุดที่คุ้มค่าแก่การขุดคุ้ย
รายการดำเนินมาถึงตอนนี้ พล็อตเรื่องก็เริ่มชัดเจนขึ้นมาก เหล่าเด็กฝึกที่อยู่ในเกมไขปริศนายังคงหลงทาง แต่เหล่าผู้ชมกลับเรียบเรียงข้อมูลกันเสร็จเรียบร้อยแล้ว
บ้านสุสานกระดูกเป็นแค่มุกที่ผู้กำกับพูดขึ้นมาเพื่อสร้างบรรยากาศให้น่ากลัว ตึกแห่งนี้ถูกใช้เป็นบ้านสุสานกระดูกมานานจริงๆ แต่เรื่องที่เกิดขึ้นกลับเป็นเรื่องราวหลังจากที่เหยื่อในเรื่องถูกบูลลี่จนเสียชีวิตเพราะชอบเพื่อนเพศเดียวกัน
วิญญาณของเหยื่อกลับร่างเจ็ดวัน ความทรงจำของเด็กที่ใช้ความรุนแรงกลั่นแกล้งทั้งหมดเกิดความสับสน พวกเขารู้ว่าตัวเองฆ่าคน แล้วก็รู้ว่าผู้ที่ตายกลับมาแล้ว แต่กลับไม่รู้ว่าใครคือผู้ตายกันแน่
ท่ามกลางความน่ากลัวแบบนี้ พวกเขาค่อยๆ ทยอยตายกันไปทีละคนๆ คนที่เคยใช้น้ำเย็นราดหัวเหยื่อถูกแช่แข็งอยู่ในตู้เย็นจนตาย คนที่เคยทำร้ายร่างกายเหยื่อก็ถูกคนรุมกระทืบตาย
และที่พิเศษที่สุดในคนเหล่านั้นก็คือผู้ชายที่เหยื่อแอบชอบ เขาฆ่าตัวตาย
เหยื่อก็คือเฉินสือที่เขียนเล่าเรื่องราวที่ตัวเองถูกกลั่นแกล้งและสภาพจิตใจของตนลงบนหนังสือคณิตศาสตร์ ซึ่งคนที่เฉินสือแอบชอบก็คือเฉียนเอ้อร์
จากเนื้อหาในไดอารี่ ความจริงแล้วเฉียนเอ้อร์เองก็ชอบเฉินสือเหมือนกัน อาจเป็นเพราะขี้ขลาดจึงไม่กล้ายอมรับ รูปยันต์บนเวยป๋อของเขามีแคปชั่นว่ายันต์คืนชีพ เมื่อคิดพิจารณาแล้วถึงรู้ว่าเป็นเขาที่ใช้ยันต์นี้ทำให้เฉินสือที่ตายไปแล้วฟื้นคืนชีพ หลังจากฟื้นคืนชีพ เฉินสือก็เริ่มเดินสู่เส้นทางการชำระแค้น
เด็กฝึกลับต้องเป็นคนที่จับสลากได้บทของเฉินสือแน่นอน เพียงแต่ตอนนี้ยังไม่รู้ว่าเป็นใคร
เนื่องจากยอดคนดูรายการ ‘สปิริต 101’ ออนไลน์สูงมาก ตอนนี้ทะลุสิบล้านไปแล้ว มีคนที่สนใจเนื้อหาของรายการเยอะมาก และเมื่อมีคนเอาสรุปเนื้อเรื่องของเจ้าพ่อแห่งรายละเอียดทั้งหลายและหลักฐานที่เกี่ยวข้องกันมาแปะในช่องคอมเมนต์ หลายๆ คนก็รู้สึกสนอกสนใจยันต์แผ่นนั้นอย่างมาก
และพวกเขาก็รู้สึกหดหู่ใจกับชีวิตของเฉินสืออย่างยิ่ง
ฉยงเหรินเองก็เก็บรวบรวมเส้นเรื่องได้ครบแล้ว เขากำลังเดินเตร่ไปเรื่อยเหมือนกำลังค้นหาอยู่
ผีในชุดยูนิฟอร์มว่างสุดๆ เขาลอยลงมาจากชั้นบน เสนอตัวเป็นไกด์นำทางให้ฉยงเหริน
“นี่คือสํานักงานบริหารเงินตราต่างประเทศ ซึ่งก็คือช่องทางการแลกเปลี่ยนเงินตราเหรียญนรกกับเงินในภพภูมิที่แรก ถึงแม้จะจำกัดยอดเงิน แต่ว่าผมสามารถโอนเงินค่าครองชีพกับค่าเรียนให้น้องสาวในฐานะญาติห่างๆ ได้
ทางนี้คือธนาคารเทียนตี้สาขาเมืองหลงเฉิง ธนาคารเทียนตี้สามารถเข้าร่วมยูเนี่ยนเพย์ได้ จะขาดการติดต่อกับฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งไม่ได้เลย คนพวกนี้เป็นพวกบ้างานทั้งนั้น คุณดูความหัวล้านนั่นสิ!”
ศีรษะล้านแวววาววิบวับศีรษะหนึ่งเงยขึ้น สีหน้าไร้อารมณ์ “ล้านแล้วทำไม ฉันหัวล้านแล้วก็แกร่งขึ้นด้วย ตั้งแต่ผมร่วงหมดหัว ฉันก็ไม่ต้องพะวงว่าจะทำโอทีจนหัวล้านอีก นายไม่เข้าใจหรอก” เขามองมาทางฉยงเหรินด้วยสีหน้าอ่อนโยน “คนไร้ผมอย่างพวกเราต้องการคนมีพรสวรรค์อย่างคุณมาก คุณสนใจหรือเปล่า บางทีคุณอาจจะเปลี่ยนมุมมองของผู้คนที่มีต่อคนหัวล้านได้นะ ทำให้พวกเขาเข้าใจว่าหัวล้านต่างหากถึงจะเป็นจุดเริ่มต้นของชีวิตอันยอดเยี่ยม”
ฉยงเหรินเดินหนีออกมาอย่างแน่วแน่ จุดเริ่มต้นแบบนี้เก็บไว้ให้คนอื่นดีกว่า ตอนนี้เขาพึงพอใจกับผมหยักศกของตัวเองมากๆ!
แต่ว่าผีในชุดยูนิฟอร์มตนนี้ว่างจริงๆ เลย สถานที่ที่ทุกคนในยมโลกต่างทำงานกันอย่างบ้าคลั่งทำไมถึงได้มีพนักงานที่ลอยชายไปมาแบบนี้อยู่ด้วยล่ะ
คงเพราะความสงสัยบนใบหน้าเขาปรากฏชัดเกินไป ผีชุดยูนิฟอร์มจึงกล่าวอย่างเริงร่า “ผมเกษียณแล้วน่ะ พรุ่งนี้ก็จะไปเกิดใหม่แล้ว ตอนแรกนึกว่าจะไม่มีโอกาสได้เจอคุณแล้ว ได้ยินว่าคุณมาก็เลยรีบบึ่งมาดู อย่าเพิ่งรำคาญกันเลยนะ”
รำคาญน่ะไม่รำคาญหรอก แค่รู้สึกแปลกๆ เฉยๆ
ผีชุดยูนิฟอร์มใบหน้าประดับรอยยิ้ม “ผมน่ะนะ ชีวิตไม่ดี โดนฆ่าตอนขับรถรับส่งรอบดึก ต่อให้ท่านพญายมบอกว่าชาติหน้าผมจะได้เกิดมามีวาสนาดี แต่ในใจก็รู้สึกเคียดแค้นอยู่ดี คุณว่าไหมล่ะ ผมใช้ชีวิตของผมอยู่ดีๆ ก็ตายซะอย่างงั้น แล้วหลังจากนั้นผมก็ต้องขอบคุณคุณมาก”
ฉยงเหรินเบิกตากว้าง “?”
ผีชุดยูนิฟอร์มเผยสีหน้าหวนรำลึก
“ที่จู่ๆ คุณก็มาปรากฏตัวในเครือข่ายอินเตอร์เน็ตของยมโลก ผมรู้สึกสนใจใคร่รู้มากก็เลยติดตามคุณ เข้าไปส่องเวยป๋อคุณ ฟังเพลงของคุณทุกวัน ไม่รู้ทำไมใจผมถึงได้เบาสบายขึ้นมาก รู้สึกเหมือนว่าความพยาบาทในใจลดน้อยลงไปมาก ความกังวลใจว่าชาติหน้าจะถูกฆ่าตายกะทันหันอีกจนไม่กล้าไปเกิดใหม่สักทีเลยทำงานใช้ชีวิตอยู่ในนรกไปวันๆ ก็หายไป ตอนนี้น้องสาวผมแต่งงานแล้ว ผมก็คิดตกแล้ว ผมว่าผมรีบๆ ไปเกิดใหม่ดีกว่า
อย่าทำหน้าเศร้าขนาดนั้นซี่ ตอนนี้ผมมีความสุขมาก ไม่แน่ว่าชาติหน้าผมอาจจะเป็นแฟนคลับตัวน้อยของคุณอีกก็ได้ ตอนนั้นผมจะได้เป็นแฟนคลับตัวน้อยของคุณจริงๆ สักที”
รายการค่อยๆ นับเวลาถอยหลัง
เจียงอี้หมิงดวงดีมาก ถึงจะไขรหัสหีบเบาะแสไม่ได้ ทว่าเป็นเด็กฝึกที่รวบรวมเส้นเรื่องได้ครบก่อนเป็นคนแรก
เขาถือยันต์กับกล่องติดรหัส แล้วต่อสายยื่นคำร้องขอความช่วยเหลือนอกสนามอย่างระริกระรี้
[พูดแบบไม่ปิดบังเลยนะ ฉันรอดูภาพนี้มานานมาก]
[เหมือนกัน]
เมนเทอร์รับสายเร็วมาก เสียงน่าฟังลอดออกมาจากปลายสาย “ฮัลโหล ต้องการความช่วยเหลืออะไรครับ”
เจียงอี้หมิงรู้สึกเหมือนหูชาหนึบ หน้าแดงร้อนอย่างคาดไม่ถึง หัวใจเต้นตูมตามไปหลายวินาทีถึงค่อยมารู้สึกตัวทีหลังว่า
เสียงนี้โคตรคล้ายกับเสียงของฉยงเหรินเลยนี่!
สาบานจากใจเลยว่าเจียงอี้หมิงที่วิเคราะห์ไม่ต่ำกว่าสามรอบว่าฉยงเหรินเป็นเมนเทอร์หรือเปล่าชาเหน็บไปหมดทั้งตัว เขาแทบอยากจะขุดหลุมโคลนแล้วฝังตัวเองเข้าไปในนั้น เทปูนกลบแล้วหายไปจากโลกอันแสนน่ากลัวนี้ตลอดกาล
เขากล่าวตะกุกตะกัก “ผะ…ผมอยากเชิญเมนเทอร์มาช่วยเปิดหีบคับ”
พูดจบก็ชักกังวลว่าฉยงเหรินจะปฏิเสธเขาหรือเปล่า
“โอเค รอสักครู่”
น้ำเสียงฉยงเหรินไม่มีความเปลี่ยนแปลงใดๆ แม้แต่น้อย เป็นงานเป็นการสุดๆ ทำให้เจียงอี้หมิงจู่ๆ ก็เกิดความรู้สึกโมโหขึ้นมารางๆ
เขาเผลอล่วงเกินฉยงเหรินไปตั้งหลายครั้ง ทำไมอีกฝ่ายถึงไม่มีปฏิกิริยาอะไรเลยล่ะ
เพราะรู้สึกดูแคลนเขางั้นเหรอ
ผ่านไปครู่หนึ่งฉยงเหรินก็มาถึง เขาไม่พูดพร่ำทำเพลง “โอกาสขอความช่วยเหลือมีแค่ครั้งเดียวเท่านั้น คุณจะเปิดใบไหน”
เจียงอี้หมิงลังเลมาก สองกล่องนี้กล่องหนึ่งมีรอยแกะสลักที่คล้ายคลึงกับยันต์คืนชีพ อีกกล่องหนึ่งก็มีคำใบ้บางอย่างที่ข้อมูลคำใบ้ใกล้เคียงกับตัวเขามาก
ฉยงเหรินชำเลืองมองเวลา แล้วกล่าว “กรุณาตัดสินใจโดยเร็วที่สุดครับ”
ตอนแรกเจียงอี้หมิงก็หงุดหงิดใจอยู่แล้ว พอได้ยินคำพูดเขา ก็เอ่ยอย่างมีน้ำโห “ขอคิดหน่อยไม่ได้หรือไง”
ฉยงเหรินเหลือบมองเวลาบนโทรศัพท์ ไม่เพียงไม่โกรธ แต่กลับยิ้มบางๆ “ได้สิ”
ขณะนั้นด้านบนช่องไลฟ์ของเจียงอี้หมิงก็แสดงเวลาคงเหลือ ยังเหลืออีกสามสิบวินาที
เจียงอี้หมิงเห็นเขายิ้มก็เหม่อลอย เหม่ออยู่หลายวินาทีถึงกลับมาคิดต่อได้
ควรเลือกอันไหนดีล่ะ
เจียงอี้หมิงละล้าละลัง หยิบเอายันต์ออกมาเทียบกับลายบนกล่อง ไม่แน่ว่าบนยันต์อาจจะมีข้อมูลอะไรซ่อนอยู่
เพียงช่วงเวลาสั้นๆ ที่ลังเลอยู่นั้น เวลาของเจียงอี้หมิงก็ได้หมดลง
เสียงวิทยุกระจายเสียงดังขึ้นเป็นครั้งแรก “เด็กฝึกเจียงอี้หมิง เด็กฝึกอูฮว่า ได้ใช้เวลาหมดแล้ว กรุณาออกจากสถานที่แข่งขัน”
“ว่าไงนะ” เจียงอี้หมิงอ้าปากค้าง จู่ๆ เขาก็ฉุกนึกถึงคำเตือนของฉยงเหรินเมื่อกี้ “ในเมื่อคุณรู้ว่าเวลาของผมจะหมดแล้ว ทำไมไม่พูดตรงๆ ล่ะ”
ฉยงเหรินยังคงรักษารอยยิ้ม “ก็เตือนไปแล้วไม่ใช่เหรอครับ” จะว่าไปเขาก็รู้สึกประหลาดใจจริงๆ นั่นแหละ เขาจึงถามเจียงอี้หมิง “ทั้งที่คุณโกงแล้ว ไม่เคยคิดบ้างเหรอว่าคนที่ไม่ผ่านการทดสอบจะเป็นตัวเอง”
เจียงอี้หมิงเพิ่งรู้ว่าเนื้อหาของการทดสอบคืออะไร เขาวิงเวียนศีรษะทันที ผิวบนใบหน้าร้อนฉ่าๆ ทั้งร้อนลวกทั้งเจ็บแสบ
ตอนนี้เขาเพิ่งจะเข้าใจ ว่ารอยยิ้มของฉยงเหรินเป็นรอยยิ้มเย้ยหยันเขา
ตอนนี้เขาคิดแต่อยากออกไปจากตึกนี้ให้เร็วๆ ระหว่างกำลังจะเดินออก ก็เห็นเงาควันดำๆ ลอยออกมาจากยันต์เล็กน้อย เขานึกว่าตัวเองตาฝาด แต่เมื่อมองดีๆ เงาควันดำๆ ที่สั่นวูบไหวไปมาจู่ๆ ก็ใหญ่ขึ้น
นี่มันอะไรกันเนี่ย
ต่างจากเจ้าพนักงานในสถานทูตที่ล่องหนจนคนธรรมดาไม่มีทางมองเห็น เงาสีดำนี้ปรากฏอยู่ในกล้องอย่างชัดเจน
คนที่คอยควบคุมกล้องรีบถ่ายตามไปด้วยสัญชาตญาณความกระหายภาพที่ประหลาดนี้ ด้วยเหตุนี้ยันต์และเงาดำบนนั้นจึงปรากฏอยู่บนหน้าจออย่างชัดเจนแจ่มแจ้ง
[นี่ฉันตาฝาดหรือเปล่า ทำไมฉันเหมือนเห็นอะไรดำๆ ในหน้าจอด้วย]
[คุณไม่ได้ตาฝาด อันนี้ก็สเปเชียลเอฟเฟ็กต์ของรายการอีกแล้วเหรอ]
[พวกคุณยังไม่เคยอ่านกระทู้ขนหัวลุกนั่นใช่ไหม ในกระทู้กำลังถกกันว่าในตึกนั้นมีผีอยู่จริงๆ หรือเปล่า]
ชั่ววินาทีที่เงาดำได้รับความสนใจจากทุกคน มันก็ขยายใหญ่ขึ้นมาก
เหยียนโม่ที่กำลังสำรวจความงอนของขนตาฉยงเหรินผ่านไลฟ์อย่างขะมักเขม้นอยู่ๆ หางตาก็ชำเลืองไปเห็นเงาดำจากมุมหนึ่ง เขาขมวดคิ้ว เคลื่อนย้ายตัวเองไปยังห้องที่ใกล้ที่สุด ก้าวขายาวๆ สามก้าวไปยังข้างกายเจียงอี้หมิง บังตัวฉยงเหรินไว้ด้านหลัง คว้ายันต์หมับ แล้วเผามันให้เป็นเถ้าถ่าน
ทว่าเงาดำกลับใหญ่ยิ่งกว่าเดิม
ถึงยันต์ถูกทำลายไป ก็ไม่ส่งผลอะไรกับมันเลย
เหยียนโม่มุ่นคิ้ว ประหลาดมาก วิธีเขียนยันต์แบบนี้ไม่มีคนใช้มาอย่างน้อยหนึ่งพันปีแล้ว ไม่รู้ว่าทีมงานกองถ่ายไปหาของแบบนี้มาจากไหน
แม้ในกลุ่มเงาดำนั้นจะมีความแค้นและไอชั่วร้าย ทว่ากลับไม่ใช่วิญญาณ หรือพวกดวงจิตอาฆาตเลย แล้วก็ไม่ใช่ปีศาจด้วย มันรู้โดยสัญชาตญาณว่าเหยียนโม่แข็งแกร่งขนาดไหน จึงมุ่งที่จะหนีออกไป แต่จะหนีออกจากเขตแดนที่เหยียนโม่วาดไว้ได้อย่างไร ทำได้แค่พุ่งชนซ้ายชนขวาอยู่ข้างในนั้น
เขาหันมาร้องโหยหวนกับฉยงเหรินและเหยียนโม่ไม่หยุด เพียงแต่ไม่มีเสียงออกมาจากตัว
เจียงอี้หมิงตกใจกลัวจนเป็นลม ฉยงเหรินเขย่งเท้า ก่ายคางกับไหล่เหยียนโม่ ชะเง้อหน้ามอง “มันคืออะไรเหรอ”
เหยียนโม่ส่ายหน้า เป็นการบอกว่ายังไม่แน่ใจ
เขาเพ่งดวงจิต เงาดำตรงหน้าก็ถูกทำลายสลายหายไปกลายเป็นไอหมอกสีดำ แต่เพียงชั่วครู่มันก็หวนกลับมาเป็นเหมือนเดิม
เหล่าผู้ชมนิ่งอึ้ง คนในช่องไลฟ์ของคนอื่นก็พรูกันเข้ามาดูช่องไลฟ์ของฉยงเหริน
เงาดำที่พิสูจน์ไม่ได้ทำให้ทุกคนเหลอหลากันไปหมด หรือว่าสุดหล่อที่ชื่อเหยียนโม่คนนี้จะไม่ใช่แค่คนที่ผ่านมา แต่เป็นตัวละครจำพวกนักสืบในหนังสยองขวัญที่รับบทเป็นปรมาจารย์ชั้นฟ้าในพล็อตเรื่องนี้
คนบางกลุ่มที่อ่านกระทู้วิเคราะห์ต่างๆ นานารู้สึกว่าอาคารนี้มีผีสิงร้อยเปอร์เซ็นต์ เงาดำนี้ผุดออกมาจากยันต์คืนชีพในเนื้อเรื่องนี่แปลว่าอะไร ก็แปลว่าพล็อตเรื่องนี้ต้องเอาเรื่องจริงมาใช้แน่นอน ในยันต์นั่นคือวิญญาณของเฉินสือ!
เฉินสือกลับมาแล้ว!
หลี่ขุยงงเป็นไก่ตาแตกไปแล้ว ทำไมถึงเป็นแบบนี้ไปได้
ที่นี่เป็นที่ที่เขาสำรวจมาดีแล้วนะว่าไม่เคยเกิดเรื่องลี้ลับใดๆ มาก่อน แล้วก็ไม่เคยมีคนกระโดดตึกด้วย เขาถึงได้ตัดสินใจเลือกสถานที่นี้!
สถานที่มงคลแบบนี้มีอยู่ที่เดียวในหลงเฉิงเท่านั้น ทำไมพอเขามาถ่ายรายการ ก็เกิดเรื่องลี้ลับขึ้นทันทีเลยล่ะ
เขามองเงาดำลอยไปมา กดต่อสายหาฉยงเหริน “ทางนั้นเกิดอะไรขึ้น”
ฉยงเหรินปิดไมค์ไปนานแล้ว เขาคำรามได้อย่างไม่ต้องกังวล “ยังถามผมอีกเหรอ จะทำพร็อพก็ทำไปสิ เอายันต์ของจริงมาใช้เพื่อ?”
หลี่ขุยรู้สึกว่าตัวเองถูกใส่ความ “ฉันกลัวจะไปสร้างของจริงออกมาน่ะสิ ยันต์นี่ฉันไม่ได้วาดเองด้วยซ้ำ แต่ไปเซฟจากเน็ตแล้วพริ้นต์มาต่างหาก ฉันเห็นว่ามันน่าสนใจดีก็เลยถือโอกาสโยนให้ทีมเขียนบท ให้เธอได้แสดงความสามารถ ไม่รู้จริงๆ ว่าในนั้นจะมีผีซ่อนอยู่”
ฉยงเหรินสูดหายใจเข้าลึก “คุณมันยอดอัจฉริยะจริงๆ! ส่งรูปมาให้ผมด้วย” หลังจากเขาได้รับรูป ก็หันไปถามเหยียนโม่ “ยันต์นี้มันเอาไว้ใช้ทำอะไรเหรอ”
เหยียนโม่ส่ายหน้า “โครงสร้างยันต์ในลัทธิเต๋าซับซ้อนมาก และมีอักขระศักดิ์สิทธิ์กับลวดลายที่สร้างขึ้นเองมากมาย นอกจากประเภทที่เห็นได้บ่อยๆ ยันต์พวกนี้จะจำแนกยากมาก”
“แล้วทำไงดีล่ะครับ” มีเหยียนโม่อยู่ ต้องไม่มีปัญหาเรื่องความปลอดภัยแน่ แต่ถ้าไม่รีบแก้ไขปัญหาเฉพาะหน้านี้ให้ได้ รายการจะดำเนินต่อไปได้ยังไง
ฉยงเหรินที่มีใจรักงานเต็มร้อยร้อนอกร้อนใจ
ตอนนี้กล้องของช่องไลฟ์ทั้งของเขากับของเจียงอี้หมิงล้วนถ่ายจ่อเจียงอี้หมิงที่เป็นลมล้มพับ แจ้งกับคนนอกว่าเกิดความขัดข้องทางเทคนิค สัญญาณขัดข้อง
เงาดำพลันส่งเสียงอ่อนระโหยโรยแรงออกมาราวกับทารกที่เพิ่งพูดอ้อแอ้เป็น ไม่นานเขาก็พูดประโยคแรกออกมาได้ครบประโยค “ฉัน…จะ…ฆ่าพวกแก”
พลังที่เพิ่มขึ้นอย่างรวดทำให้เงาดำรู้สึกมั่นใจอย่างมาก เขาคิดออกแล้วว่าจะถลกเนื้อหนังสองคนตรงหน้านี้อย่างไร
น่าเสียดายที่ฉยงเหรินไม่รู้สึกรู้สาอะไรกับการข่มขู่แบบเดิมๆ ที่ไม่มีอะไรใหม่เลย เหยียนโม่กำมือหนึ่งที กดปิดเสียงเงาดำนั่นไป
เงาดำโกรธจัดทันทีเพราะทำอะไรพวกเขาไม่ได้ มันถูกคุมขังอยู่ในกรงที่มองไม่เห็น ร้องอย่างบ้าคลั่ง แต่คนสองคนตรงหน้ามันกลับไม่แม้แต่จะเหลือบมอง
เกินไปแล้วนะ ช่วยเคารพตัวร้ายกันหน่อยได้หรือเปล่า!
ความหยิ่งในศักดิ์ศรีของเงาดำที่เข้าใจถึงบทบาทที่อธิบายไม่ได้ของตัวเองอย่างดีถูกลดความน่าเชื่อถือลงอย่างแรง
“นึกออกแล้ว!” จู่ๆ ฉยงเหรินก็ผุดไอเดีย
ในเมื่อเซฟมาจากในเน็ตได้ งั้นจะหาที่มาของรูปควรใช้วิธีอะไรถึงจะสะดวกที่สุดล่ะ ก็ต้องเว็บค้นรูปออนไลน์น่ะสิ!
ฉยงเหรินอัพโหลดรูปภาพให้เว็บประมวลผล ไม่นานก็เจอรูปต้นทางอยู่บนเว็บไซต์ที่ชื่อว่า ‘เว็บไซต์แหล่งเรียนรู้สามพันอาคมเอาชีวิตคุณ’ แล้วยังมีอธิบายรายละเอียดว่าสรรพคุณเป็นยังไงด้วย
ฉยงเหรินกวาดสายตาอ่าน แล้วเอ่ย “มันคือยันต์ฮ่วนเจิน สามารถก่อร่างความคิดให้เป็นสิ่งที่มีอยู่จริงได้ ตำนานเล่าว่ายุคราชวงศ์ฮั่น ปีที่ข้าวยากหมากแพง ปรมาจารย์ชั้นฟ้าจางเต้าหลิง* เคยใช้ยันต์นี้ปลดปล่อยความทุกข์ยากของประชาชนผู้แร้นแค้น”
ฉยงเหรินเข้าใจทันทีว่าเงาดำนี่คืออะไรกันแน่ เขาโทรหาหลี่ขุย “ยันต์นี้สามารถเปลี่ยนสิ่งที่คิดให้กลายเป็นจริงได้ มีคนดูไลฟ์เยอะขนาดนี้ อาจจะมีคนคิดว่าตึกนี่มีผีจริงๆ เมื่อกี้พวกเขาก็เพิ่งเห็นยันต์ฮ่วนเจินพร้อมกันด้วย ก็เลยกระตุ้นให้เกิดเงาดำนี้ขึ้นมา”
ฉยงเหรินพูดแล้วเบนสายตาไป ก่อนจะพบว่าเงาดำเริ่มค่อยๆ มีรูปร่างหน้าตาเหมือนคนขึ้นมารางๆ ถึงจะยังเห็นหน้าไม่ชัดเจน แต่เสื้อผ้าบนตัวของเขาก็คล้ายคลึงกับชุดนักเรียนในรูปถ่ายรวมสิบคนมาก
“รีบปิดกล้อง! พวกเขานึกว่าเงาดำพวกนี้คือเฉินสือ”
เฉินสือในพล็อตเป็นวิญญาณร้ายที่เต็มไปด้วยใจประทุษร้าย นี่เป็นการสร้างฆาตกรออนไลน์! แล้วยังมาเป็นเวอร์ชั่นสยองขวัญเหนือธรรมชาติอีก
หลี่ขุยตอบตกลงทันที
เหยียนโม่กลับกล่าว “ไม่ได้ เธอต้องออกกล้องตามปกติ ถ้าไลฟ์ของเธอถูกปิด พวกเขาก็ยังเชื่อว่ามีผีอยู่ที่นี่จริงๆ”
ฉยงเหริน “งั้นควรทำยังไงดีล่ะ”
เสียงของเหยียนโม่สงบนิ่งและใจเย็น “ถ้าถูกกระตุ้นจากความคิดได้ ก็ถูกทำลายจากความคิดได้เหมือนกัน ตราบใดที่ใช้สิ่งที่ดึงดูดความสนใจผู้ชมได้มาหันเหความสนใจออกจากมัน มันก็จะหายไปเอง”
หลังจากไลฟ์ของฉยงเหรินกับเจียงอี้หมิงขึ้นว่าเกิดความขัดข้องทางเทคนิคไปหลายนาที เหล่าผู้ชมที่เริ่มกังวลว่าพวกเขาสองคนจะถูกเฉินสือจัดการหรือเปล่าในที่สุดก็ได้เห็นใบหน้าฉยงเหริน
คอมเมนต์ร้องไห้ฟูมฟายโหยหวนต่างๆ นานาถูกสาดเต็มหน้าจอในชั่วพริบตา ไม่ใช่แค่แฟนคลับของฉยงเหริน คนอื่นๆ ที่เริ่มรู้สึกประทับใจฉยงเหรินเพราะรายการนี้ก็เป็นห่วงความปลอดภัยของเขามากเช่นกัน
ถึงคนส่วนมากจะไม่เชื่อว่ามีผี ทว่าเรื่องที่เกิดขึ้นกะทันหันนี้ทำให้สติของพวกเขาหลุดลอย และซับกระสุนกับสังคมออนไลน์ต่างถูกเร่งให้เกิดปฏิกิริยาภายใต้ความตื่นตะหนก ราวกับเกิดโรคระบาด
กล้องถูกตัดไปที่ฉยงเหรินกับเหยียนโม่ เงาดำนั่นเหมือนเป็นแบ็กกราวนด์เบลอๆ
ผู้คนกลั้นหายใจอย่างจดจ่อ มีความรู้สึกหวาดกลัวด้วยไม่รู้ว่าจะเกิดอะไรขึ้นต่อไป แล้วก็ได้ยินเสียงเหยียนโม่พูด
“ฉยงเหริน” เหยียนโม่หยุดครู่หนึ่ง ก่อนพูดต่อ “ความจริงแล้วฉันมีบางอย่างในใจที่อยากบอกเธอมาโดยตลอด”
ฉยงเหรินเบิกตากว้าง เขาไม่ได้นัดบทพูดกับเพื่อนข้างห้องไว้ แล้วตอนนี้เพื่อนบ้านของเขายังสีหน้าเคร่งขรึมขนาดนี้อีก คงไม่ได้อยากเปิดเผยตัวกลางไลฟ์หรอกนะ
เพื่อนข้างห้องครับ ตั้งสติหน่อย คุณจะบอกว่าตัวเองเป็นพญายมราชแค่เพราะอยากอำพรางเรื่องเหนือธรรมชาติพวกนี้ไม่ได้นะ แล้วทุกคนก็ไม่มีทางเชื่อแน่!
ทว่าตอนนี้หน้าจอเต็มไปด้วยคอมเมนต์ Yooooo~
[เชี่ยยย ฉันนึกว่าฉันมาดูเหตุการณ์ลุ้นระทึกซะอีก ทำไมถึงกลายเป็นเหตุการณ์ออกจากตู้พร้อมขอแต่งงานได้ล่ะเนี่ย]
[ลูกสาวต้องใจเย็น ห้ามขึ้นเรือผู้ชายหน้าเหม็นง่ายๆ นะ มัมหมีใจจะขาดแล้ว]
เงาดำที่ค่อยๆ เป็นรูปเป็นร่างกำลังลำพองใจ จู่ๆ ก็รู้สึกว่าพลังของตัวเองพลันไหลหายไป คล้ายว่าพวกคนที่เผลอจินตนาการว่าตัวตนของเขามีจริงตอนนี้เริ่มไม่สนใจเขาแล้ว
เงาดำคำรามด้วยความโกรธเกรี้ยวท่ามกลางกรงไร้รูปร่าง แต่ก็ไม่สามารถส่งเสียงใดๆ ออกมาได้เลย
ทำไมล่ะ ฉันเป็นสัตว์ประหลาดที่น่ากลัวที่สุดในเรื่องเลยนะ ทำไมพวกเขาไม่สนใจฉัน!
เหล่าผู้ชมเห็นเหยียนโม่เริ่มล้วงกระเป๋ากางเกง ก็ยิ่งพากันสูดลมหายใจเย็นเฉียบ
[เชี่ย ฉากขอแต่งงานจริงๆ ด้วย!]
[ทิศทางการดำเนินรายการแบบนี้ฉันชักไม่เข้าใจแล้ว]
[รายการของหลี่ขุยปกติเป็นงี้เหรอ คนที่เพิ่งเคยดูครั้งแรกถึงกับเหม่อ ฉันเป็นใครฉันอยู่ที่ไหน]
แล้วเหยียนโม่ก็ล้วงเอา
มือถือ! เครื่องหนึ่ง! ออกมา!
ฉยงเหริน “…”
เหยียนโม่เปิดหน้าจอมือถือ เปิดรูปให้ฉยงเหรินดู ขณะนั้นกล้องก็ซูมเข้าไป แล้วพบว่าเป็นรูปบ้านหลังใหญ่โตหลังหนึ่ง
ฉยงเหรินชักไม่เข้าใจแล้วว่าเพื่อนข้างห้องต้องการจะทำอะไร
เห็นแค่ว่าหูของเหยียนโม่จู่ๆ ก็แดงขึ้นมาก สีหน้าดูตึงเครียดเล็กน้อย เมื่อเห็นเหยียนโม่มีอาการแบบนี้ ไม่รู้ทำไมฉยงเหรินถึงรู้สึกตึงเครียดไปด้วย
เหยียนโม่เงยหน้าขึ้น จ้องเขาอย่างตั้งใจแล้วกล่าว
“บ้านหลังนี้มีทางเข้าลานบ้านห้าทาง ตั้งอยู่ในเมืองหลงเฉิง มีพื้นที่หนึ่งพันแปดร้อยตารางเมตร ฉันได้ยินมาว่าเธออยากปลูกดอกบัวแดง ตอนเลือกบ้านเลยกำชับเป็นพิเศษว่าต้องเป็นบ้านที่มีสระบัว ถึงพื้นที่สิ่งปลูกสร้างจะเล็กไปหน่อย แต่ฉันหาซื้อหลังใหญ่กว่านี้ไม่ได้แล้ว
ฉันให้บ้านหลังนี้กับเธอ ให้ฉัน…อยู่ในบ้านของเธอได้หรือเปล่า”
ช่องไลฟ์สลับหน้าไปเป็นภาพถ่ายทางอากาศพร้อมรายละเอียดและการตกแต่งของบ้านหลังนี้ได้อย่างพอเหมาะพอเจาะ
ถ้าบอกว่าการอธิบายของเหยียนโม่เป็นแค่ตัวอักษร พอตอนนี้ได้มาเห็นภาพของจริง คำอธิบายที่ยากจะจินตนาการนี้ก็สมจริงขึ้นมา
พื้นที่ที่กว้างจนน่ากลัวนี่ ลานบ้านที่ออกแบบผสมผสานระหว่างยุคปัจจุบันและยุคโบราณนี่ พร้อมทางเข้าลานบ้านจากแต่ละฝั่ง สระบัวขนาดใหญ่โตมโหฬารนี่ แล้วในสระบัวยังมีศาลานี่อีก!
ในลานบ้านยังมีสวนดอกไม้ด้วย
ไม่ใช่ว่ามีแต่ในละครย้อนยุคเท่านั้นเหรอที่จะมีบ้านหลังใหญ่ขนาดนี้ได้
บ้านแบบนี้ไม่นึกว่าจะตั้งอยู่ในที่ดินทำเลทองอย่างเมืองหลงเฉิง เมื่อก่อนที่นี่เคยเป็นอะไร พระราชวังเหรอ
แม่งเอ๊ย ทุกคนก็เป็นคนเหมือนกันหมด ทำไม!!!
ไม่ว่าจะเชื่อหรือไม่เชื่อว่าในตึกมีผีอยู่จริงก็ตาม ขณะนี้ทุกคนล้วนช็อกกับความอวดรวยนี้จนพูดไม่ออก
ผู้ชมที่ถูกหันเหความสนใจไปโดยสมบูรณ์ ความรู้สึกของพวกเขาเหลือเพียง…
[นี่มัน ‘หมา’ เศรษฐีชัดๆ…]
[โอ๊ย ฉันอิจๆๆ]
[ฉยงเหริน แต่งเลยเถอะ ถ้าไม่แต่งฉันแต่งเอง]
[ขออยู่กินด้วยเหมือนสามีภรรยาโดยการพูดว่าขออยู่ในบ้านของคุณได้หรือเปล่า หมอนี่มันร้ายจริงๆ ฮือออ ทำไมฉันไม่เจอแฟนแบบนี้บ้างนะ]
[มองวิลล่าขนาดสองร้อยหกสิบตารางเมตรของตัวเองแล้วก็ร้องไห้ออกเสียง]
เงาดำที่สูญเสียความสนใจจากผู้ชมไปจึงมีขนาดเล็กลงเรื่อยๆ เขาคำรามอย่างบ้าคลั่งด้วยความโศกเศร้า
ทำไม เพราะอะไรกันแน่
นี่ฉันไม่ใช่ตัวร้ายที่ดึงดูดทุกสายตาได้ทันทีที่เปิดตัวแล้วเหรอ
* เสื้อกั๊ก หมายถึงแอ็กเคานต์หลุมบนอินเตอร์เน็ตที่สร้างโดยไม่เปิดเผยตัวตน
* ออกจากตู้ เป็นสแลง หมายถึงการเปิดเผยอัตลักษณ์ทางเพศของตน
** โต้วเจี่ยว เป็นการล้อไปกับเว็บไซต์โต้วป้าน แพลตฟอร์มสำหรับพูดคุยแลกเปลี่ยนและยังเป็นแหล่งรวมรีวิวหนังสือ ภาพยนตร์ หรือสื่อบันเทิงที่เชื่อถือได้
* จางเต้าหลิง คือปรมาจารย์ผู้ก่อตั้งลัทธิเต๋านิกายเจิ้งอี
ติดตามเรื่องราวทั้งหมดได้ใน ผมมันไอดอลตัวท็อปของยมโลก เล่ม 2
วางจำหน่ายแบบรูปเล่มที่เว็บไซต์ Jamsai Store, ร้าน Jamclub
และร้านหนังสือทั่วไป
รวมถึงในรูปแบบอีบุ๊กที่
Meb / OOKBEE / Pinto E-book by Fictionlog / Naiin App / SE-ED / Hytexts / comico และ ARN