everY
ทดลองอ่าน ผมมันไอดอลตัวท็อปของยมโลก เล่ม 1 บทที่ 1-2 #นิยายวาย
ทดลองอ่าน ผมมันไอดอลตัวท็อปของยมโลก เล่ม 1
ผู้เขียน : 裴笛 (Pei Di)
แปลโดย : qMondae
ผลงานเรื่อง : 超糊的我竟是冥界顶流 [ 娱乐圈 ]
ถือเป็นลิขสิทธิ์ของสำนักพิมพ์เอเวอร์วายในการเผยแพร่ผลงาน
จัดพิมพ์และจัดจำหน่ายในประเทศไทยแต่เพียงผู้เดียว
หากผู้ใดละเมิดลิขสิทธิ์จะถูกดำเนินคดีตามกฎหมาย
– – – – – – – – – – – – – – – – –
Trigger Warning
เนื้อหามีประเด็นอ่อนไหวเกี่ยวกับความรุนแรง การทำร้ายทางร่างกายและจิตใจ
การบังคับหรือโน้มน้าวให้ทำบางอย่างโดยไม่เต็มใจ การบูลลี่
การกล่าวถึงเลือด งู และสถานการณ์อันน่าขยะแขยง
ซึ่งอาจส่งผลกระทบทางจิตใจ
สำหรับผู้อ่านที่มีอายุ 18 ปีขึ้นไป
โปรดใช้วิจารณญาณในการอ่าน
** หมายเหตุ: ยังไม่ใช่ต้นฉบับที่เสร็จสมบูรณ์ **
– – – – – – – – – – – – – – – – –
บทที่ 1
“มีข่าวร้ายอีกแล้วใช่ไหมครับ”
เนื้อเสียงแจ่มใสของฉยงเหรินเจือความแหบพร่าเล็กน้อย ทำให้คนฟังสบายใจเมื่อได้ยิน
ผู้จัดการหัวกลม ใบหน้าอวบอ้วน ศีรษะล้านเล็กน้อยนั่งผึ่งพุงกลมๆ อยู่หลังโต๊ะทำงาน ถอนหายใจพลางมองพิจารณาเด็กหนุ่มตรงหน้า
ปีนี้ฉยงเหรินเพิ่งอายุได้ยี่สิบปี ศีรษะเล็กใบหน้าเล็ก เอวบางขาเรียวยาว ผิวสีแทนสะท้อนแสงดูสุขภาพดี มองแทบไม่เห็นรูขุมขน เนียนละเอียดจนน่าอิจฉา
ขนตาของเขาดกหนายาวเป็นแพ ริมฝีปากอมชมพู มีไฝหนึ่งเม็ดแต้มอยู่ใต้หางตา ตาลอยเล็กน้อย ขับให้ใบหน้าที่งดงามไร้พิษภัยแฝงด้วยความรู้สึกเยือกเย็นอันตรายเบาๆ
เป็นรูปโฉมที่ควรจะล่อใจแฟนคลับที่คลั่งไคล้ความหน้าตาดีมาได้นับไม่ถ้วน
อายุสิบหกก็คว้าแชมป์การแข่งขันสตรีตแดนซ์ระดับโลกมาได้ มีเนื้อเสียงจับใจคนฟัง เทคนิคการร้องยอดเยี่ยม เวลาร้องเต้นพร้อมกันเสียงก็นิ่งมั่นคงประหนึ่งว่าลิปซิงค์
รูปลักษณ์ภายนอกอันโดดเด่นกว่าใคร กอปรกับความสามารถระดับแนวหน้านี้ เป็นสิ่งที่คนในวงการต่างก็ยอมรับโดยทั่วกันว่าเป็นดาวจื่อเวย* ร่วงลงมาจากฟ้า
ทว่าเขากลับแป้กอย่างไม่เคยเจอที่ไหนมาก่อน เดบิวต์ได้สามปี สิ่งที่ได้กลับมาก็ยังคงเป็นความนูกู*
จนถึงตอนนี้ยอดแฟนคลับในเวยป๋อ** ก็ยังไม่ถึงหลักหมื่น แต่ยอดไลค์ ยอดรีโพสต์ และคอมเมนต์เวยป๋อแค่โพสต์เดียวกลับไม่ใช่แค่หลักหน่วย นั่นเพราะ 0 ไม่นับเป็นเลขหลักหน่วยไงล่ะ
ผู้จัดการหน้าม่อย “นายเซ็นสัญญาสิบปีกับบริษัท ตอนนี้เพิ่งจะสามปี พวกเขาก็ไม่คิดจะให้นายเป็นศิลปินต่อแล้ว”
เมื่อคิดถึงการตัดสินใจของบริษัท ผู้จัดการก็แทบจะฝืนพูดต่อไม่ไหว
“ตอนนายเป็นเทรนนี นายก็ได้อยู่กลุ่ม A ตลอด ค่าเทรนของกลุ่ม A ก็แพงสุด รวมกันสี่ปีราวๆ ห้าล้านแปดแสนหยวน
ที่บริษัทจะบอกก็คือตราบใดที่นายยินยอมเปลี่ยนจากสัญญาศิลปินเป็นสัญญาฝึกสอน ไปเป็นครูฝึกให้เทรนนี ค่าเทรนของนายก็จะถือว่าเจ๊ากันได้ แต่ถ้านายไม่ยอมเปลี่ยนสถานะของนาย…พวกเขาเรียกร้องมาว่านายจะต้องจ่ายเงินก้อนนี้ภายในสามเดือน”
ฉยงเหรินรู้อยู่แก่ใจดี ข้อเสนอของค่ายเจินเฉิงคัลเจอร์ฟังดูเหมือนจะเป็นมิตร พวกเขายอมยกเงินค่าเทรนห้าล้านแปดแสนหยวนให้เพื่อรั้งตัวเขาไว้เป็นครูฝึกสอน ซ้ำยังพูดให้รู้สึกเหมือนชื่นชมความสามารถของเขามาก
แต่ความจริงแล้วไม่ได้มีเจตนาหวังดีเลยสักนิด
ปีที่แล้วผู้บริหารบริษัทเชิญต้าซือ* มาดูฮวงจุ้ยของบริษัทตามธรรมเนียม และถือโอกาสถามถึงสาเหตุที่ฉยงเหรินไม่ดังด้วย
ต้าซือกล่าวว่าฮวงจุ้ยของฉยงเหรินกับบริษัทขัดแย้งกัน ชะตาชื่อเสียงเด่นดังของเขาถูกโชคลาภของบริษัทกดทับ ซ้ำปาจื้อ*** ของเขายังปะทะกับฟู่จยาเจ๋อซึ่งเป็นศิลปินที่ได้รับความนิยมมากที่สุดในบริษัท ณ ตอนนี้อีก เพราะอย่างนี้เขาถึงเข็นไม่ขึ้นสักที
ตราบใดที่ฉยงเหรินออกจากบริษัท เขาก็จะโด่งดังทะยานสู่ฟ้าทันที
ต้าซือแนะนำให้ผู้บริหารปล่อยปลาหลีฮื้อ* ในมือไป การช่วยเขาให้กลายเป็นมังกรก็นับเป็นบุญกุศลอย่างหนึ่ง
ทว่าในใจผู้บริหารกลับมีความคิดที่ว่าหากเขาจะกลายเป็นมังกรก็ต้องเป็นมังกรของบริษัทนี้ หากเป็นมังกรที่บริษัทของตนไม่ได้ งั้นก็ยอมให้เขากลายเป็นปลาตายไปเสียดีกว่า
พวกเขากลัวว่าฉยงเหรินจะรั้นขอยกเลิกสัญญาแล้วไปกระโดดข้ามประตูมังกรข้างนอก ดังนั้นจึงคิดวิธีซ่อนเร้นด้วยความเจ้าเล่ห์นี้ออกมา
เอาการยกค่าฝึกที่แพงหูฉี่มาเป็นเหยื่อล่อ ให้ฉยงเหรินยอมแพ้กับการเป็นศิลปินด้วยตัวเอง ทำแบบนี้ก็ยังสามารถรีดมูลค่าที่เหลือของฉยงเหรินได้อย่างเต็มที่อีกด้วย พวกเขาจะใช้ประโยชน์จากความสามารถของฉยงเหรินมาฝึกฝนเด็กฝึกมากมายที่โดดเด่นให้กับบริษัท
เพราะก็ฉยงเหรินนี่แหละ ที่เป็นคนจับมือฝึกฟู่จยาเจ๋อทีละท่าๆ จนผู้คนพากันกล่าวชื่นชมทักษะการแสดงบนเวทีของเขา
ห้าล้านแปดแสนหยวนสำหรับฉยงเหรินถือว่าเป็นสินทรัพย์มหาศาลอย่างไม่ต้องสงสัย แต่ในวงการนี้มันก็เป็นแค่ราคาเสนอค่าตัวสำหรับการแสดงเพียงเพลงเดียวของฟู่จยาเจ๋อเท่านั้น
ฉยงเหรินรู้ดีว่าบริษัทวางแผนอะไรไว้ เขารู้สึกขบขันเล็กน้อย ไม่คิดเลยว่าตัวเองแป้กมาสามปีแล้ว พวกนั้นจะยังให้ความสำคัญกับตนถึงขนาดนี้
“ผมเต็มใจสอนเด็กฝึกของค่าย พูดตามตรงหลายๆ ปีที่ผ่านมาผมก็สอนไปไม่น้อย แต่ความฝันของผมคือการแสดงบนเวที ไม่ใช่ครู”
ผู้จัดการถอนหายใจ
ถ้าฉยงเหรินเป็นลูกเศรษฐีก็คงดี ทางเลือกที่ดีที่สุดคือแค่รูดบัตรแล้วเชิดหน้าออกไปจากที่นี่ก็สิ้นเรื่อง แต่ว่าเขาเป็นแค่เด็กกำพร้าคนหนึ่ง ถึงถูกกลั่นแกล้งรังแกก็ไม่มีแม้แต่คนในครอบครัวที่จะออกหน้าให้เขา
ผู้จัดการอดโมโหกับความอยุติธรรมนี้ไม่ได้ “เขาบอกจะเอางานของกลุ่ม A ให้นาย แต่จริงๆ งานพวกนั้นก็เอาไปประเคนให้ฟู่จยาเจ๋อหมด แล้วทำไมจะต้องมาขูดรีดเงินห้าล้านแปดนี้กับนายอีก
การเต้นของฟู่จยาเจ๋อให้ซอมบี้มาเต้นยังคล่องแคล่วกว่าอีก ครูสอนเต้นในค่ายก็สอนเขาไม่กระเตื้องเลยสักกะคน
ถ้าไม่ใช่เพราะนายมาจับมือปรับท่าให้เขาทีละท่า เขาจะมีวันนี้ได้เหรอ ถึงนายเดบิวต์แล้วไม่ดัง แต่มูลค่าที่นายสร้างให้บริษัทพอคำนวณดูแล้วก็ไม่ใช่แค่ห้าล้านแปดนี่”
ผู้จัดการกัดฟันกรอด “เมื่อเช้าฉันไปไหว้เทพเจ้าไฉ่ซิงเอี๊ยะ** ให้นายแล้ว แล้วก็ตอนบ่ายนัดต้าซือมาคำนวณชะตาชีวิตนายไว้ด้วย พรุ่งนี้เราค่อยไปตระเวนจุดธูปไหว้บูชาทุกวัดทุกศาลเจ้าในเมืองให้หมด ฉันไม่เชื่อหรอกว่าจะไม่มีเทพองค์ไหนคุ้มครองนายได้เลย”
ตั้งแต่เจอกับความแป้กด้วยเหตุผลที่ไม่วิทยาศาสตร์*** ของฉยงเหริน ผู้จัดการก็หมดศรัทธากับแนวคิดแบบวัตถุนิยม แล้วหันไปนับถือศาสตร์อภิปรัชญา**** แทน
เมื่อเขาใจเย็นลงได้บ้างก็เริ่มครุ่นคิดใคร่ครวญอย่างหนักว่าควรจะช่วยฉยงเหรินหาเงินห้าล้านแปดนี้มาคืนได้ยังไง
ฉยงเหรินไม่มีครอบครัว จึงมีแค่ตัวเขาที่เป็นที่พึ่งพาให้อีกฝ่ายได้
ซ่งตี้หวังคือผู้ปกครองมหานรกเฮยเสิง ตำหนักที่สาม หนึ่งในทศยมราชแห่งนรกภูมิ
เขาเพิ่งเลิกงาน ยังไม่ทันได้ถอดหมวกกวานกับฉลองพระองค์กุ่นฝู** สองมือก็ประคองเข็มขัดหยกที่เอวแล้วบุกเข้าไปยังตำหนักที่ห้าอันเป็นตำหนักของพญายมราชอย่างมุ่งมั่น คำรามลั่นใส่ท่านพญายม “ท่านเยี่ยนหมัวหลัวเสอ! ท่านนี่เจ้าแผนการนะ!”
พญายมซึ่งกำลังพิจารณาคำร้องขอไปเกิดใหม่ของวิญญาณที่รับโทษครบวาระวิบากผลขยับมือทำงานโดยที่ความเร็วไม่ลดลงเลยแม้แต่เสี้ยววินาทีเดียว คล้ายไม่ได้ยินคำพูดของซ่งตี้หวังเลยสักนิด
ซ่งตี้หวังล้วงหนังสือม้วนหนึ่งออกมาจากสาบเสื้อตรงหน้าอก ชี้พลางกล่าว “ท่านมาดูเนื้อหาของ ‘กฎระเบียบสำหรับศิลปินคนเป็นที่ลงมาจัดแสดงในยมโลกตามข้อบังคับมาตรฐาน’ นี่สิ นี่มันเข้าท่าตรงไหนหรือ”
พญายมก้มหน้าก้มตาทำงาน
ซ่งตี้หวัง “ฉยงเหรินเป็นถึงซูเปอร์สตาร์ระดับท็อปเลยนะ ซินล่างเวยป๋อเวอร์ชั่นยมโลกของเขามียอดแฟนคลับทะลุพันล้านเชียวนะ”
พญายมก้มหน้าก้มตาทำงาน
ซ่งตี้หวัง “แต่ท่านกลับกำหนดให้จ่ายค่าตัวของศิลปินคนเป็นที่เข้ามาแสดงในยมโลกครั้งแรกได้ไม่เกินหนึ่งแสน แค่หนึ่งแสน ค่ายพวกเขาจะยอมตกลงรับข้อเสนอหรือ”
พญายมก้มหน้าก้มตาทำงาน
ซ่งตี้หวัง “ท่านรู้หรือเปล่าว่าฉยงเหรินสูงส่งแค่ไหนในใจของเรา เขาคือบุตรแท้ๆ ของเรา ปัดเศษขึ้นแล้วก็นับว่าเป็นองค์รัชทายาทแห่งพระยมเลยนะ เราจะเอาเงินให้ลูกชาย ทำไมต้องขออนุญาตจากท่านด้วย”
“หากท่านยังคงไม่ยอมแก้กฎข้อนี้ พรุ่งนี้เราจะ…”
ฉับพลันนั้นพญายมราชก็เงยหน้าขึ้นจากกองเอกสารที่สูงเป็นภูเขาเลากา เผยดวงตาแดงชาดประดุจทะเลเลือดยามสงบไร้ระลอกคลื่น
“พรุ่งนี้ท่านคิดจะทำอะไรงั้นหรือ”
ซ่งตี้หวังสะดุ้งโหยงจากการถูกสายตานั้นจับจ้อง กลืนคำว่า ‘หยุดงานประท้วง’ กลับลงไปอย่างลำบาก
“พรุ่งนี้เราจะตั้งใจทำงานไม่ให้ท่านผิดหวังในตัวเราแน่นอน”
พญายมราชพยักหน้าเบาๆ
“ดีมาก เราจะเฝ้าดูการทำงานของท่านในวันพรุ่งนี้” เขาพูดด้วยเสียงเนิบช้า และน้ำเสียงก็อ่อนโยนเช่นกัน ทว่ากลับน่ากลัวจนซ่งตี้หวังขยับตัวไม่ได้ “ยังมีเรื่องอะไรอีกไหม”
ซ่งตี้หวังส่ายหน้าอย่างอ่อนน้อม
ไม่มี ไม่กล้ามี
ซ่งตี้หวังเดินออกจากตำหนักของพญายมราช จ้ำเท้ากุมหัวใจที่เต้นตุ้บๆ กลับเขตแดนของตัวเองไป ให้ตายเถอะ ทำไมนับวันเยี่ยนหมัวหลัวเสอถึงได้น่ากลัวขึ้นเรื่อยๆ อย่างนี้นะ
เลขาฯ จินรอเขาอยู่ที่บ้าน “ท่านพญายมยอมให้แก้เรื่องมาตรฐานค่าตอบแทนในกฎระเบียบไหมครับ”
ซ่งตี้หวังส่ายหน้า ลมหนาวก่อตัว สายฝนขมปร่าโปรยปรายอยู่ในใจ
สามปีก่อนจู่ๆ แอ็กเคานต์เวยป๋อของฉยงเหรินไอดอลคนเป็นคนนี้ก็ปรากฏอยู่ในเครือข่ายอินเตอร์เน็ตของยมโลก ชั่วพริบตาฮอตเสิร์ชของเวยป๋อเวอร์ชั่นยมโลกก็ถล่มทลาย ซ้ำยังออกรายการข่าวด่วนประจำวันของนรกซึ่งเทียบได้กับ CCTV news*** ของมนุษยโลกด้วย
แฟนคลับเพิ่มขึ้นมาสิบล้านในเดือนเดียว แล้วเส้นทางสู่ไอดอลตัวท็อปแห่งยมโลกของเขาก็เริ่มขึ้นนับแต่นั้น
เดิมซ่งตี้หวังไม่ได้รู้สึกสนใจเขาสักกะนิด
แต่ซ่งตี้หวังคือยมราชของนรกตำหนักที่สาม ต้องรับผิดชอบดูแลความปลอดภัยด้านระบบสารสนเทศของเครือข่ายอินเตอร์เน็ตด้วย เพราะหน้าที่รับผิดชอบที่มี อย่างไรเขาก็ต้องเข้ามาดูเวยป๋อของฉยงเหรินด้วยตัวเองสักครั้ง
‘จิ๊ หน้าตาดีก็จริง แต่ก็ไม่ถึงกับมีแฟนคลับเพิ่มมาถึงสิบล้านในเดือนเดียวได้นี่ ขนาดเรายังมีแฟนคลับแค่สองล้านเอง…อา อิจฉาจริงๆ’
‘ปล่อยเพลงใหม่แล้วหรือ ก็พอฟังได้’
‘อา เราฟังเพลงนั้นอีกสักรอบแล้วกัน’
‘ให้ตายเถอะ ทำไมเราถึงอยากฟังเพลงนั้นอีกแล้วเนี่ย งั้นฟังอีกแค่รอบเดียว แค่รอบเดียว’
‘รอบสุดท้ายแล้ว รอบสุดท้ายแล้วจริงๆ’
มันเป็นค่ำคืนที่เรียบง่ายธรรมดาคืนหนึ่ง หลังจากเขาเล่นเพลงนั้นวนซ้ำไปสองร้อยรอบ ซ่งตี้หวังก็ตัดสินใจไม่ดิ้นรนอีกต่อไป แล้วเผชิญหน้ากับใจจริงของตัวเองโดยตรง
เขาประหนึ่งบิดาผู้คิดถึงลูกชายที่ออกไปเรียนมหา’ลัยต่างเมือง เซฟรูปที่ฉยงเหรินโพสต์เก็บไว้ทุกรูป
ฉยงเหรินกลายเป็นบุคคลที่เขาตั้งค่าการติดตามเป็นพิเศษ และตั้งหมายเหตุไว้ว่า ‘องค์รัชทายาทหนึ่งเดียวของเจ้าตำหนักที่สาม’
บัดนี้ฉยงเหรินก็เหมือนเป็นไอดอลอันดับหนึ่งของยมโลก ยมบาลใต้ความดูแลของซ่งตี้หวังแทบทั้งหมดเป็นแฟนคลับของเขา
เนื่องจากข่าวสารของโลกคนตายและโลกคนเป็นไม่เชื่อมต่อกัน ซ่งตี้หวังจึงไม่ค่อยแน่ใจนักว่าในโลกมนุษย์ฉยงเหรินมีแฟนคลับมากแค่ไหน
แต่ฉยงเหรินสามารถโด่งดังในยมโลกได้ขนาดนี้ ในโลกคนเป็นก็ต้องเป็นซูเปอร์สตาร์ตัวท็อปแบบที่โพสต์อะไรเรื่อยเปื่อยไร้แก่นสารโพสต์เดียวก็มียอดรีโพสต์ ยอดไลค์ ยอดคอมเมนต์เป็นล้านๆ และเป็นตัวท็อปในหมู่ตัวท็อปด้วยแน่นอน
และเพราะเหตุนี้ค่ายของฉยงเหรินจะยอมรับงานที่ให้ค่าตัวต่ำเตี้ยเรี่ยดินขนาดนี้ได้ยังไง อย่างนี้จะไม่ทำให้ราคาตลาดผันผวนหรือ
อ่า…บ้านมีสินทรัพย์กองเป็นภูเขา แต่กลับเอาไปเปย์ให้ลูกน้อยของตัวเองไม่ได้ ช่างเป็นความรู้สึกที่ทรมานเหลือเกิน แค่อยากให้เงินลูกอยากเจอหน้าลูกทำไมถึงได้ยากลำบากขนาดนี้นะ
ท่านพ่อซ่งตี้หวังน้ำตาตกใน
เมื่อเห็นผู้เป็นนายของตนซึมกะทือ เลขาฯ จินก็เสนอแนะ “พวกเราลองส่งคำเชิญไปก่อนไหมครับ ไม่สำเร็จเราค่อยคิดหาทางอื่นกัน”
ซ่งตี้หวังพยักหน้าอย่างไม่คาดหวัง “เอาสิ นายไปจัดการเลย ค่าตัวก็ให้ตามลิมิตที่ท่านพญายมเขากำหนดไว้ หนึ่งแสนนั่นน่ะ”
ติ๊ง!
เสียงแจ้งเตือนดังขึ้นขัดความคิดของผู้จัดการ
หน้าเดสก์ท็อปคอมพิวเตอร์ขึ้นแจ้งเตือนอีเมลใหม่ ผู้จัดการกดเปิดเข้าไป กวาดสายตาอ่านเนื้อหาคร่าวๆ แล้วใบหน้าอ้วนๆ ก็ต้องตะลึงค้าง!
“นายถูกเชิญให้ไปออกงานแสดงแล้ว…มีบริษัทที่ชื่อว่าเฮยเสิงอันเดอร์กราวนด์คัลเจอร์จำกัดเชิญนายไปแสดง เสนอค่าตัวหนึ่งแสน!
ฉยงเหรินของเราได้งานแล้ว ตั้งหนึ่งแสนแน่ะ” ผู้จัดการเอ่ยงึมงำอย่างเหม่อลอย “หรือว่าที่ฉันขอเทพเจ้าไฉ่ซิงเอี๊ยะไปจะได้ผลแล้ว?”
เขาโคลงศีรษะกลมๆ “นายแป้กจนขนาดค่าสถานที่จัดแสดงยังต้องยอมเข้าเนื้อตัวเอง ใครกันนะที่ยอมจ่ายตั้งหนึ่งแสนเพื่อเชิญนายไปแสดง เฮยเสิงอันเดอร์กราวนด์คัลเจอร์อะไรนี่คงไม่ใช่วิธีเรียกพวกบริษัทผิดกฎหมายแบบคลุมเครือหรอกใช่ไหม”
ฉยงเหรินเห็นเขามีท่าทีเหมือนจิตใจถูกกระทบกระเทือนอย่างแรงก็เข้ามาอ่านอีเมลด้วยตัวเองเสียเลย
เขาอ่านพลางออกเสียง “เราขอเรียนเชิญคุณฉยงเหริน เข้าร่วมทำการแสดงงานประจำปี ณ บริษัทเฮยเสิงอันเดอร์กราวนด์คัลเจอร์จำกัด ด้วยความจริงใจอย่างยิ่ง รายละเอียด ร้องเพลงและเต้น เพลง ‘ผู้คว้าแสง’ ค่าตอบแทน หนึ่งแสนหยวน หากคุณมีความประสงค์ร่วมงาน โปรดติดต่อมาที่เบอร์ 13444444444 หลังเวลาเที่ยงคืน”
ฉยงเหรินหัวใจกระตุก
เลขสี่เรียงกันมาเป็นขบวนขนาดนี้ นี่ไม่ใช่เบอร์มงคลที่อยู่ในหนังผีโดยเฉพาะจริงๆ เหรอ
อดีตดาวจื่อเวยจากฟากฟ้า และไอดอลชายที่แป้กที่สุดของค่ายเจินเฉิงคัลเจอร์ในตอนนี้มีจุดอ่อนอยู่อย่างหนึ่ง
เขากลัวผี
กลัวมากๆ ด้วย
* ดาวจื่อเวย เรียกอีกอย่างคือดาวจักรพรรดิ เป็นดาวที่คนจีนใช้ดูดวง ซึ่งเป็นดวงดาวที่สื่อถึงตัวจักรพรรดิ
* นูกู เป็นภาษาเกาหลี แปลว่าใคร ถูกนำมาใช้ในวงการแฟนคลับ โดยใช้เรียกศิลปินที่ไม่มีชื่อเสียงและยังไม่เป็นที่รู้จักในวงกว้าง
** เวยป๋อ คือแอพพลิเคชั่นโซเชียลเน็ตเวิร์กยอดนิยมของจีน มีชื่อเต็มว่าซินล่างเวยป๋อ
* ต้าซือ เป็นคำเรียกอาจารย์หรือยอดฝีมือในศิลปการแขนงต่างๆ นอกจากนี้ยังใช้เรียกขานภิกษุสงฆ์ชั้นผู้ใหญ่ และใช้กับนักบวชผู้เป็นที่เคารพนับถือ
*** ปาจื้อ เป็นศาสตร์การคำนวณดวงชะตาแขนงหนึ่งของจีน
* ปลาหลีฮื้อในที่นี้มาจากสำนวน ‘ปลาหลีฮื้อกระโดดข้ามประตูมังกร’ ซึ่งหมายถึงการมีความพยายามแล้วจะประสบความสำเร็จ เช่นเดียวกับปลาหลีหรือปลาคาร์พที่ว่ายทวนน้ำกระโดดข้ามประตูมังกรจนกลายเป็นมังกรได้สำเร็จ
** ไฉ่ซิงเอี๊ยะ คือเทพเจ้าแห่งโชคลาภ หรือไฉเสิน
*** ไม่วิทยาศาสตร์ เป็นศัพท์สแลงทางอินเตอร์เน็ต หมายถึงสิ่งที่ขัดต่อสามัญสำนึกทั่วไป ไม่มีเหตุผลรองรับ มักใช้พูดในเชิงแซะ
**** อภิปรัชญา เป็นศาสตร์จักรวาลวิทยาของจีนและวิทยาศาสตร์โบราณโดยครอบคลุมความเชื่อที่เป็นนามธรรม ซึ่งรวมไว้ 5 ศาสตร์ด้วยกัน คือ ศาสตร์ดูแลสุขภาพ (ครอบคลุมทั้งด้านศิลปะป้องกันตัวและเวทมนตร์คาถา พิธีกรรมต่างๆ) ศาสตร์การแพทย์แผนจีน โหราศาสตร์ พยากรณ์ศาสตร์ และนรลักษณ์ศาสตร์
** กุ่นฝู คือชุดคลุมของจักรพรรดิ
*** CCTV news คือสำนักข่าวสถานีวิทยุโทรทัศน์กลางแห่งสาธารณรัฐประชาชนจีน