ทดลองอ่าน ผมมันไอดอลตัวท็อปของยมโลก เล่ม 1 บทที่ 1-2 #นิยายวาย – หน้า 2 – Jamsai
Connect with us

Jamsai

everY

ทดลองอ่าน ผมมันไอดอลตัวท็อปของยมโลก เล่ม 1 บทที่ 1-2 #นิยายวาย

2 of 2หน้าถัดไป

บทที่ 2

 

หลังเที่ยงคืน

ผู้จัดการหยิบโทรศัพท์ที่แบตฯ เต็มเปี่ยมออกมาด้วยใจศรัทธา

ตัวเขาสั่นเล็กน้อย แต่นี่เป็นงานแรกที่ฉยงเหรินได้รับเชิญหลังจากเดบิวต์มาได้สามปีเลยนะ เขากลัวว่าหากตนพูดผิดออกไปนิดเดียวก็จะทำงานนี้หลุดมือ

ผู้จัดการกดโทรออกด้วยมือที่สั่นเทิ้มจนแทบถือโทรศัพท์ไม่อยู่ ก่อนจะรีบยัดใส่มือฉยงเหริน

ฉยงเหริน “…”

“สวัสดี คุณคือคุณหยางผู้จัดการของฉยงเหรินใช่หรือเปล่าครับ”

ต่อสายติดแล้ว อีกฝ่ายเป็นเสียงของผู้ชาย น้ำเสียงน่าฟัง เสียแต่ปลายเสียงฟังดูล่องลอยเล็กน้อย ทำให้คนฟังอดรู้สึกระแวงไม่ได้

ฉยงเหรินชำเลืองมองผู้จัดการร่างท้วนที่สั่นงันงก กดเสียงต่ำลง พยายามสร้างภาพลักษณ์ให้ดูเป็นชายวัยกลางคนที่มีความมั่นใจและสงบนิ่ง “สวัสดีครับ ผมคือผู้จัดการของฉยงเหริน ไม่ทราบว่าจะให้เรียกคุณว่ายังไงดีครับ”

“เรียกผมว่าเลขาฯ จินก็ได้ครับ”

“เป็นชื่อที่ดีครับ แค่ได้ยินก็รู้ว่าคุณต้องหล่อมากแน่ๆ” ฉยงเหรินเอ่ยชมคำสองคำอย่างไม่ใส่ใจนัก “เรายินดีตอบรับคำเชิญจากบริษัทของคุณ ไม่ทราบว่าสัญญานี้…”

อีกฝ่ายเงียบไปครู่หนึ่ง น้ำเสียงเปี่ยมไปด้วยความไม่แน่ใจ “คุณยินดีรับงานนี้จริงๆ หรือครับ”

ฉยงเหริน “ทำไมต้องไม่รับด้วยล่ะครับ”

เขาอยากรับงานนี้จะตายอยู่แล้ว

อีกฝ่ายเงียบไปอีกครั้ง

ฉยงเหรินเอ่ยลองเชิง “หรือคุณคิดว่าค่าตอบแทนหนึ่งแสนไม่สมเหตุสมผล”

เขาลดให้ได้

จริงๆ นะ

ขอแค่เขาได้แสดงต่อหน้าคนตัวเป็นๆ แล้วก็ไม่ต้องเข้าเนื้อตัวเอง จะให้เขาแสดงฟรีก็ยังได้เลย!

เขากระหายที่จะยืนอยู่บนเวทีเหลือเกิน

“พวกเราก็ไม่อยากเสนอค่าตอบแทนแค่หนึ่งแสนหยวนให้คุณฉยงเหริน แต่ว่า…” เลขาฯ จินจากปลายสายไม่ได้พูดไปมากกว่านี้อีก “เอาเป็นว่าคุณยินดีรับคำเชิญของเราก็เป็นเรื่องดีมากเหลือเกินแล้ว”

ไม่ต้องเกรงใจกันขนาดนี้ก็ได้ เขายินดีรับงานนี้สุดๆ เลย!

“ทางเราจะวางค่ามัดจำที่เก้าหมื่นหยวน และเราจะจ่ายก้อนสุดท้ายให้หลังจากจบการแสดง ส่งเลขบัญชีและชื่อเต็มของผู้รับเงินมาให้ผมได้เลยครับ”

ฉยงเหริน “ค่ามัดจำเก้าสิบเปอร์เซ็นต์…” นี่ไม่ต่างอะไรกับจ่ายเต็มจำนวนเลยนะ

อีกฝ่ายเข้าใจความหมายของเขาผิดอย่างเห็นได้ชัด

“อันที่จริงแล้วทางเราอยากจ่ายเต็มจำนวนให้กับคุณ แต่นร…บริษัทของเรามีกฎระเบียบอยู่ สัญญาจ้างแสดงจะต้องใช้รูปแบบการวางมัดจำและจ่ายส่วนที่เหลือหลังจบงานเท่านั้น ต้องขออภัยคุณด้วย”

“เข้าใจได้ครับ อ่า ผมหมายถึงว่า…จะจ่ายด้วยวิธีไหนก็ไม่สำคัญหรอกครับ” ฉยงเหรินใจเต้นตึกตัก เรียวนิ้วจิ้มไปมาบนแป้นพิมพ์มือถือ ไม่นานก็พิมพ์เลขบัญชีและชื่อผู้รับในช่องข้อความเสร็จ

เมื่อกดปุ่มส่งข้อความ จู่ๆ เขาก็นึกถึงกลโกงในรายการ Legal Report* ขึ้นมาได้ ตำรวจในรายการพูดย้ำเตือนซ้ำๆ ว่าห้ามบอกข้อมูลบัญชีกับคนอื่นโดยไม่ตรวจสอบเด็ดขาด

ถ้าคนพวกนี้เป็นนักต้มตุ๋นขึ้นมา พวกเขาจะไม่เอาเงินในบัญชีที่ค่ายเปิดให้เขาไปหมดงั้นเหรอ

ฉยงเหรินขบคิด แล้วก็วางใจกลับมาไว้ในทรวงอกได้อย่างเดิม

ในเมื่อบัญชีเขาไม่มีเงินสักหน่อยนี่

“ได้รับข้อความแล้วครับ ทางเราโอนเงินไปเป็นที่เรียบร้อยแล้ว” เลขาฯ จินกล่าวเสียงผะแผ่ว “วันที่สิบกรกฎาคม เวลาสองทุ่มตรง พวกเราจะส่งรถไปรับพวกคุณที่ตึกบริษัท แล้วพบกันครับ”

เลขาฯ จินวางสาย

ติ๊ง

ติ๊ง

โทรศัพท์ของผู้จัดการได้รับข้อความใหม่สองข้อความ

 

มีเงินโอนจากบัญชีเลขท้าย 0003 (นร*เฮยเสิง) เข้าบัญชีเลขท้าย 2333 วันที่ 08/07 เวลา 00:05 (ค่าแสดง) เป็นเงิน RMB จำนวน 90000.00 หยวน จาก [ธนาคารเทียนตี้]’

‘บัญชีเลขท้าย 2333 ของคุณ วันที่ 08/07 00:05 ธนาคารกงซางได้รับ (ค่าแสดง) 90000.00 หยวน ยอดเงินที่ใช้ได้ 90010.13 หยวน [ธนาคารกงซาง]’

 

วันที่ 10 กรกฎาคม สองทุ่มตรง

ฉยงเหรินแต่งหน้าทำผมและสวมชุดแสดงเสร็จแล้ว เมื่อมายืนอยู่หน้ารถพี่เลี้ยงที่บริษัทเฮยเสิงส่งมารับเขา หัวใจก็เต้นระรัวอย่างควบคุมไม่อยู่

คนขับรถเป็นเด็กหนุ่มท่าทางกระตือรือร้น แต่ดันสวมแว่นกันแดดตอนกลางคืน เห็นแล้วฉยงเหรินก็กังวลเรื่องความปลอดภัยทางการจราจรสุดๆ

ทันทีที่เห็นฉยงเหริน เด็กหนุ่มก็จับมือเขาไม่ยอมปล่อย เอาแต่พูดว่าตนเป็นแฟนตัวยงของฉยงเหริน

แต่กระตือรือร้นก็ส่วนกระตือรือร้น น่าเสียดายที่เด็กหนุ่มดูเหมือนเลือดปลายเส้นประสาทจะไหลเวียนได้ไม่ดีนัก หน้าร้อนจัดแบบนี้แต่มือกลับเย็นเฉียบ ฉยงเหรินจับมือเขาแล้วอย่างกับกำลังจับก้อนน้ำแข็งอยู่อย่างไรอย่างนั้นแหละ

ฉยงเหรินและผู้จัดการขึ้นไปนั่งบนรถพี่เลี้ยงตามลำดับ ผู้จัดการจอมซุ่มซ่ามสะดุดเล็กน้อย เขารู้สึกแสบร้อนผิวที่มือ ก้มลงมองก็พบว่าที่แท้มีธูปดอกหนึ่งปักอยู่ในรถ แล้วก็ถูกเขาปัดล้มไปแล้ว

ผู้จัดการกระวีกระวาดปักธูปกลับไป แต่ปลายธูปดับสนิทไปแล้ว

รถค่อยๆ เคลื่อนตัว ฉยงเหรินส่งวีแชต* หาผู้จัดการ

 

จนชะมัดเลย ถ้าเจอคุณพ่อเสาทองคำ** ขึ้นมา ผมควรจะทักทายยังไงดีครับ

ไดเอ็ตทรมานมาก รักษามารยาทและฉีกยิ้มเข้าไว้

จนชะมัดเลย จะว่าไปผมมีคำถามหนึ่งที่คิดไม่ตกมาหลายวันแล้ว ผมคุ้นชื่อธนาคารเทียนตี้มาก แต่ผมไม่เคยเห็นธนาคารนี้ที่ไหนมาก่อนเลย

ไดเอ็ตทรมานมาก อาจจะเป็นธนาคารของคุณพ่อเสาทองคำเองก็ได้

ไดเอ็ตทรมานมาก ห้ามเล่นโทรศัพท์บนรถ

ไดเอ็ตทรมานมาก ไม่ดีกับสายตา นายมีเงินทำเลสิกหรือไง

จนชะมัดเลย QAQ ไม่มี

 

ฉยงเหรินเก็บโทรศัพท์ทันที ก่อนจะเหลือบไปเห็นว่าคนขับรถยังสวมแว่นกันแดดอยู่ เขาหันไปมองท้องฟ้ามืดสนิทนอกหน้าต่าง อดคิดจนนึกกังวลไม่ได้ว่ากว่าจะถึงที่หมาย เขาจะยังเหลือขาให้เต้นอยู่หรือเปล่า

“สวมแว่นกันแดดตอนกลางคืนจะไม่กระทบกับการขับรถเหรอครับ” ฉยงเหรินถาม

คนขับรถหนุ่มหัวเราะฮี่ๆ ฉีกยิ้มเห็นฟันขาวใส

“วางใจได้เลยครับ ขับบนเส้นนี้ไม่ต้องใช้ตาด้วยซ้ำ”

ฉยงเหริน “…”

ตอนนี้เขาวางใจไม่ลงจริงๆ แล้วโว้ย!

ไม่นานรถพี่เลี้ยงก็แล่นออกจากตัวเมือง เส้นทางเริ่มคดเคี้ยวมากขึ้นเรื่อยๆ

ถึงรถจะขับเร็วเหมือนติดปีก แต่ว่ากลับขับได้นิ่มสุดๆ เมื่อพิสูจน์ได้ว่าความสามารถในการขับขี่ของคนขับอยู่ในทางบวก ฉยงเหรินถึงค่อยๆ โล่งใจ แล้วเสียงสนทนาระหว่างผู้จัดการกับคนขับรถก็เริ่มดังขึ้น

ผู้จัดการพูดว่าเด็กช่วงวัยรุ่นคุมยากมาก

คนขับรถหนุ่มเห็นด้วยสุดๆ “นั่นน่ะสิครับ ลูกสาวผมปีนี้อายุสิบเจ็ด ช่วงวัยต่อต้านนี้เหมือนไม่มีวันจบสิ้นเลย เขาเถียงแข่งกับแม่เก่งมาก”

ฉยงเหรินคิดด้วยสติพร่าเลือน คนขับดูอายุแค่ยี่สิบกว่าเอง จะไปมีลูกอายุสิบเจ็ดปีได้ไง หรือได้เป็นพ่อคนตั้งแต่อายุได้สามขวบ นี่มันปาฏิหาริย์ของวงการแพทย์ชัดๆ!

เขาไม่ทันได้คิดลงลึกไปมากกว่านี้ ไม่นานก็ผล็อยหลับไป

“ถึงแล้ว ลงรถเถอะ”

ฉยงเหรินได้ยินผู้จัดการเรียกก็ลืมตาตื่นด้วยความงัวเงีย อยากจะขยี้ตาเล็กน้อย เมื่อแตะโดนเปลือกตาก็ฉุกนึกขึ้นได้ว่าวันนี้แต่งหน้ามา เขารีบวางมือลงทันที พร้อมบ่นในใจว่า ‘เกือบไปแล้ว’

เขาตามหลังผู้จัดการ ตอนลงก็จับประตูรถเพื่อช่วยพยุงเล็กน้อย แล้วก็รู้สึกว่าประตูรถทั้งบางทั้งหยาบเหมือนทำจากกระดาษที่ใช้ห่อช่อดอกไม้อย่างไรอย่างนั้น

ฉยงเหรินรู้สึกแปลกๆ ในใจ แต่ไม่ทันได้สังเกตวัสดุของตัวรถโดยละเอียดก็โดนผู้จัดการลากตัวไปเสียก่อน

“ลงรถแล้วก็อย่ามัวลีลา คนอื่นจะคิดว่านายวางมาด”

ฉยงเหรินหัวเราะ “ผมมีมาดให้วางที่ไหน ศิลปินแป้กขนาดที่ว่าปลายแถวยังเทียบไม่ได้อย่างผมเนี่ย จะเรียกว่าศิลปินไร้แถวก็ยังได้เลย”

ภาพสถาปัตยกรรมแบบโบราณหลายชั้นพร้อมแสงไฟสว่างไสวสะท้อนเข้าสู่ครรลองสายตาของเขา จัดงานเลี้ยงประจำปีในสถานที่แบบนี้ได้ ดูท่าบริษัทเฮยเสิงคงจะเป็นบริษัททุนหนามากจริงๆ อย่างที่คิดเลย

แต่ในเมื่อมีทุนหนาขนาดนี้ แล้วทำไมถึงต้องเชิญไอดอลโนเนมไร้แถวอย่างเขามาด้วยล่ะ หรือว่าเทียบความคุ้มค่ากับราคาค่าตัวของเขาแล้วนึกถูกใจงั้นเหรอ

คนขับรถหนุ่มช่วยเขาถือของ พร้อมกล่าว “เข้าไปพักก่อนเถอะครับ เที่ยงคืนตรงงานเลี้ยงประจำปีถึงจะเริ่ม”

หัวใจของฉยงเหรินบีบรัดแน่น เริ่มงานเลี้ยงตอนเที่ยงคืนนี่มันเป็นงานเลี้ยงแบบไหนกันเนี่ย

เขาอดนึกถึงประตูรถที่สัมผัสเหมือนกระดาษกงเต๊กไม่ได้ เมื่อลอบมองหน้าจอโทรศัพท์ก็พบว่าสัญญาณเครือข่ายเต็มเปี่ยม

เยี่ยม หนังสยองขวัญสอนไว้ว่าโศกนาฏกรรมมักเริ่มจากการที่โทรหาใครไม่ติดนี่แหละ

ในเมื่อมีสัญญาณ ก็ไม่ใช่ปัญหาใหญ่

ด้านนอกภัตตาคารแบบจีนมีคนยืนรออยู่เกือบแตะร้อยคน พวกเขาแต่งตัวแตกต่างกันไป ด้วยความรู้ทั่วไปที่ฉยงเหรินมีอย่างตื้นเขิน เมื่อสังเกตดูดีๆ แล้ว อายุเสื้อผ้าอาภรณ์ที่คนเหล่านี้ใส่น่าจะครอบคลุมเกือบทุกยุคประวัติศาสตร์ของอารยธรรมจีนแล้ว

มองผ่านๆ ก็ดูไม่ค่อยเป็นระเบียบ แต่พอมองดูดีๆ ก็รู้สึกน่าสะพรึงเช่นกัน

ฉยงเหรินชมเปาะเสียงเบา “บริษัทพวกคุณแต่งตัวได้มีสไตล์เฉพาะตัวดีจังเลยนะครับ”

คนขับรถหนุ่มหัวเราะแห้งๆ

“วัฒนธรรมองค์กรเราค่อนข้างให้อิสระน่ะครับ”

ท่ามกลางกลุ่มคนที่มายืนออกันอยู่นี้ มีคนหนุ่มหน้าตาน่าคบหาคนหนึ่งยืนอยู่กลางวง เขาแต่งตัวอลังการสุดๆ อย่างกับจิ๋นซีฮ่องเต้หลุดมาจากหนังสือประวัติศาสตร์อย่างไรอย่างนั้น

ฉยงเหรินเริ่มเก็ต อีกฝ่ายกำลังคอสเพลย์เป็นฮ่องเต้อยู่นี่เอง

ทันทีที่ฝูงชนเกือบร้อยคนเห็นเขา ดวงตาก็เป็นประกายวิบวับขึ้นมาทันที

ฉยงเหริน “…”

เขาอาจจะไม่รู้ฟ้าสูงแผ่นดินต่ำ แต่ไม่รู้ทำไมจู่ๆ เขาก็รู้สึกเหมือนว่ากลุ่มคนตรงนี้ล้วนเป็นแฟนคลับของเขาทั้งหมด! เขาเคยลอบสังเกตสายตาของแฟนคลับไอดอลคนอื่นๆ มันแทบไม่ต่างกับสายตาที่คนเหล่านี้มองเขาเลยล่ะ

ชายที่คอสเพลย์เป็นฮ่องเต้เดินก้าวฉับๆ ลงมาจากขั้นบันได ยื่นมือออกมาอย่างระริกระรี้ แต่ก็ดึงกลับไปเช็ดเอวก่อนจะยื่นออกมาจับมือกับฉยงเหริน

“เจ้าหนู ในที่สุดป๊ะป๋าก็ได้เจอลูก ป๊ะป๋ารักลูกนะ”

ฉยงเหรินเข้าใจทันที นี่ก็คือป๊ะป๋าแฟน* นับเป็นของแรร์สำหรับแฟนด้อม

เขาไหลตามน้ำด้วยความยินดี “ขอบคุณที่ชอบกันนะครับ”

สายตาที่คนหนุ่มมองเขารักใคร่เอ็นดูทั้งยังจริงใจ “ฉันคือซ่งตี้หวัง เธอจะเรียกฉันว่าพ่อก็ได้นะ”

ฉยงเหริน “…”

เลขาฯ จินขยับเข้าไปกระซิบเตือนซ่งตี้หวัง “ท่านจะพูดไปตรงๆ ว่าท่านคือซ่งตี้หวังไม่ได้ครับ แบบนี้เดี๋ยวก็โป๊ะแตกหรอกว่าท่านเป็นหนึ่งในทศยมราชแห่งนรกภูมิ! แล้วอีกอย่างท่านจะให้เขาเรียกท่านว่าพ่อได้ยังไง เดี๋ยวเขาก็คิดว่าท่านเป็นพวกวิปริตหรอก!”

ซ่งตี้หวังใจฝ่อฟีบ แต่ก็คิดหาคำแก้ตัวไม่ออก ได้แต่จับมือฉยงเหรินมาเขย่าต่อไปอย่างกระตือรือร้น

ฉยงเหรินยิ้มแกนๆ พยายามรักษามารยาทอย่างมุ่งมั่น มือของเขาถูกซ่งตี้หวังจับแน่น เขาจึงได้แต่ใช้เท้าเตะรองเท้าผู้จัดการไปหนหนึ่ง

ผู้จัดการรีบกล่าว “แค่ฟังก็รับรู้ถึงอำนาจแผ่ออกมาจากชื่อคุณซ่งเลยครับ”

ซ่งตี้หวัง “อำนาจหรือ เธอตาแหลมมาก แต่ฉันแซ่อวี๋ต่างหาก”

ชื่อซ่งตี้หวังแต่แซ่อวี๋ นี่มันหมายความว่าไงกันแน่ หรือว่าคุณพ่อเสาทองคำคนนี้จะชื่ออวี๋ซ่งตี้หวัง ชื่อแบบนี้มันออกจะดูมีอำนาจยิ่งใหญ่เกินไปหรือเปล่า

เลขาฯ จินแค่นเสียงในลำคอพูดเตือนอีกครั้ง “ต้าหวัง* คนเป็นเขาไม่จับมือกันนานขนาดนี้ครับ”

ซ่งตี้หวังคลายมือทันที

ฉยงเหรินลอบบริหารข้อนิ้วที่ถูกบีบจนเจ็บไปหมด พยายามคิดหาคำพูดมาคุยต่อพอเป็นพิธีอย่างมุ่งมั่น

ตั้งแต่เกิดมาเขาเพิ่งเคยได้เผชิญหน้ากับแฟนคลับตัวเป็นๆ ครั้งแรก ตื่นเต้นจนสมองรวนไปหมด

“คุณซ่ง…คุณอวี๋เป็นคนมีความสามารถมาก รู้สึกเป็นเกียรติอย่างยิ่งที่คุณชื่นชอบผม” ฉยงเหรินพูดไปเรื่อยๆ น้ำเสียงก็เริ่มลื่นไหลขึ้น “พวกคุณเจาะจงให้ผมแสดงเพลง ‘นักล่าแสง’ โดยเฉพาะ นี่คงเป็นเพลงที่คุณชอบที่สุดในบรรดาเพลงของผมใช่ไหมครับ”

ซ่งตี้หวัง “ไม่ใช่หรอก เพราะเพลงนี้สั้นน่ะ”

ฉยงเหริน “หา?” หรือคุณพ่อเสาทองคำคิดว่าเพลงของผมไม่เพราะงั้นเหรอ สองนาทีห้าสิบเก้าวินาทีเป็นลิมิตที่เขาทนฟังได้หรือไง

เลขาฯ จิน “ข้อกำหนดบริษัทของเราคือค่าตอบแทนสำหรับศิลปินที่เข้ามาทำการแสดงที่บริษัทเราครั้งแรกต้องไม่เกินหนึ่งแสนหยวน พวกเราคิดว่าการแสดงของคุณมีค่าเกินกว่าหนึ่งแสนไปมาก เพื่อลดความเสียหายของคุณ ทางเราจึงเลือกเพลงที่สั้นที่สุดมาครับ”

ฉยงเหริน “!” แต่ผมยินดีร้องให้พวกคุณหลายๆ เพลงเลยนะ จะให้ร้องยาวสามชั่วโมงก็ยังได้!

ซ่งตี้หวัง “จริงๆ พวกเราอยากเสนอให้เธอสิบล้านหยวน แต่ท่านพญา…แค่กๆ ซูเปอร์สตาร์อย่างเธอเต็มใจรับงานแสดงที่ค่าตัวถูกขนาดนี้ ฉันซาบซึ้งเหลือเกินจริงๆ เธอวางใจเถอะ ครั้งหน้าฉันจะเพิ่มค่าตัวให้แน่นอน”

คุณพ่อเสาทองคำไม่เพียงแต่เป็นแฟนคลับของเขา แต่ยังเห็นถึงความสำคัญในมูลค่าทางการตลาดของเขาด้วยซ้ำ แถมยังให้สัญญาว่าครั้งหน้าจะเพิ่มค่าตัวให้เขาอีก!

นี่เทพเซียนองค์ไหนจุติลงมาเป็นแฟนคลับกันนะ!

ฉยงเหรินขอบตารื้นขึ้นมาโดยไม่รู้ตัว แต่ก่อนน้ำตาจะไหลลงมา จู่ๆ เขาก็รู้สึกว่ามีอะไรแหม่งๆ ตรงไหนสักที่…

หืม?

ซูเปอร์สตาร์?

เขาหมายถึงใครนะ?

ผมเหรอ???

 

ฉยงเหรินเข้าไปในภัตตาคารโออ่าอลังการนี้ท่ามกลางฝูงชนที่ห้อมล้อม

เขาทำเป็นเช็กข้อความวีแชต แล้วสลับมาค้นเว็บเชียนตู้* ว่ามีคนดังคนอื่นที่ชื่อว่าฉยงเหรินเหมือนกันหรือเปล่า แต่ผลลัพธ์การค้นหาบอกเขาว่าอย่าว่าแต่คนดังเลย ชื่อแบบนี้ทั้งประเทศมีอยู่หนึ่งเดียวเท่านั้น ไม่มีใครชื่อซ้ำกับชื่อนี้

หรือว่าเขาจะดังโดยไม่รู้ตัว

ฉยงเหรินกดเปิดแอพฯ เวยป๋อในโทรศัพท์ หน้าหลักแอ็กเคานต์ของเขาเขียนไว้ว่าจำนวนแฟนคลับ 9998 คน จำนวนคนเข้าชมต่ำกว่า 1000 จำนวนเอ็นเกจเมนต์ 1

ไม่ใช่แค่ไม่ดัง หนำซ้ำแฟนคลับยังหายไปอีกหนึ่ง

คุณพ่อเสาทองคำพาเขามาส่งถึงห้องรับรองหลังเวที “เจ้าหนู ไม่สิ ฉยงเหริน ฉันไม่รบกวนเวลาพักผ่อนและเวลาซ้อมของเธอแล้ว ต้องการอะไรก็เรียกเลขาฯ จินได้ตลอด ฉันจะรอชมการแสดงของเธอนะ”

 

ฉยงเหรินและผู้จัดการปิดประตู ทั้งคู่ต่างหันมองหน้ากัน

ฉยงเหริน “เขาเรียกผมว่าซูเปอร์สตาร์…”

ผู้จัดการ “เขาอยากให้ค่าตัวนายสิบล้าน…”

ฉยงเหริน “พี่เห็นหรือเปล่า ทั้งคุณอวี๋ทั้งลูกน้องเขามีแต่คนมองผมด้วยแววตากระตือรือร้นสุดๆ พวกเขาทุกคนอย่างกับเป็นแฟนคลับของผมกันหมด”

ผู้จัดการ “เห็นแล้ว”

ฉยงเหริน “นี่ผมยังฝันอยู่บนรถหรือเปล่า…”

ผู้จัดการเริ่มร้องไห้กระซิกๆ “ในที่สุดฉยงเหรินของเราก็มีแฟนคลับแล้ว”

ฉยงเหรินดึงทิชชูออกมายื่นให้ผู้จัดการ

ผู้จัดการซับน้ำตา มองนาฬิกาข้อมือก่อนพูด “ตอนนี้สี่ทุ่มพอดี นายจะซ้อมก่อนหรือจะพักก่อน”

ฉยงเหริน “ซ้อมก่อนครับ การจัดไฟเวทีของเพลง ‘นักล่าแสง’ สำคัญมาก ถ้าไม่นัดกับคนจัดไฟให้ดีผมรู้สึกไม่มั่นใจ”

เขาจะได้แสดงต่อหน้าแฟนคลับตัวเป็นๆ ครั้งแรก ต่อให้เป็นเวทีในงานเลี้ยงประจำปีของบริษัทก็เถอะ สำหรับเขามันนับเป็นโอกาสที่ล้ำค่ามากเกินพอแล้ว

เขาไม่อาจนั่งสงบใจอยู่ในห้องรับรอง ต้องทำอะไรสักอย่างใจถึงจะสงบได้

 

ตัดมาที่เวที ฉยงเหรินสื่อสารกับสตาฟฟ์ของงานเงียบๆ ซ้อมคร่าวๆ ไปหนึ่งรอบ ทันใดนั้นเขาก็รู้สึกเหมือนตกอยู่ในห้วงความฝัน

ฉากหลังของเวทีทั้งหมดเซ็ตโดยอิงจากเนื้อหาของเพลง ‘นักล่าแสง’ การจัดแสงลงตัวอย่างยิ่ง คุณภาพเสียงก็ดีเยี่ยม พลอยทำให้คนเห็นอยากเดาเงินลงทุนในการจัดเวทีครั้งนี้กันอย่างอดไม่ได้

ฉยงเหรินซ้อมครั้งแรกจบก็ต้องตะลึงกับคุณภาพเสียงที่ได้รับ เขาอดไม่ได้จึงถามออกไปว่า “ภัตตาคารของพวกคุณต้องมีเงินเยอะขนาดไหนถึงเซ็ตเวทีระดับนี้ขึ้นมาได้ครับเนี่ย ผมเคยไปแสดงร่วมในงานเลี้ยงกลางคืนหลายงาน อุปกรณ์ของสถานีโทรทัศน์รายใหญ่ๆ ยังดีได้ไม่เท่าอุปกรณ์ของพวกคุณเลย…”

สตาฟฟ์ “ท่านซ่งตี้หวังจัดซื้อมาเพื่อการแสดงของคุณโดยเฉพาะเลยครับ ในเมื่อเป็นของที่คุณต้องใช้ ทั้งหมดนี้ก็ต้องเป็นของคุณภาพเยี่ยมเท่านั้น”

ฉยงเหริน “…”

เขาหันไปกระซิบถามผู้จัดการ “ผมให้คุณพ่อเสาทองคำมาเป็นป๊ะป๋าของผมได้ไหม”

ผู้จัดการ “ตั้งสติหน่อย หน้าตาเขาดูแก่กว่านายกี่ปีเชียว”

ฉยงเหริน “แต่เขาเป็นป๊ะป๋าแฟนของผมนี่ พ่อแท้ๆ ทิ้งผมไว้ที่สถานรับเลี้ยงเด็กกำพร้า แต่ป๊ะป๋าของผมจัดซื้ออุปกรณ์เป็นสิบล้านให้ผม ผมว่าป๊ะป๋าเหมือนพ่อแท้ๆ มากกว่าเขาคนนั้นอีก”

ใบหน้าอวบอ้วนของผู้จัดการโกรธเกรี้ยว “ยังไงก็ไม่ได้! คนอื่นจะเข้าใจผิดว่าพวกนายมีความสัมพันธ์ลับอะไรที่พูดไม่ได้”

ฉยงเหรินเสียดาย “ก็ได้ครับ”

เขาหันไปพูดกับสตาฟฟ์ “ลำบากพวกคุณแล้ว ช่วยซ้อมกับผมอีกหลายๆ รอบได้ไหมครับ ผมเพิ่งขึ้นเวทีแสดงผลงานของตัวเองครั้งแรก ไม่ค่อยมั่นใจเท่าไหร่”

 

00.00.00 นาฬิกา

ฉยงเหรินยืนอยู่ท่ามกลางความมืด รอคอยการเปิดตัวบนเวที นี่เป็นครั้งแรกในชีวิตการเป็นไอดอลที่ฉยงเหรินได้ยืนอยู่บนเวทีและได้แสดงบทเพลงของตัวเอง

หัวใจเขาเต้นกระหน่ำ ได้ยินเสียงคนกระซิบกระซาบคุยกันจากด้านล่างเวทีอยู่รางๆ

เขาสร้างความคิดเชิงบวกให้ตัวเองเงียบๆ

ไม่ต้องกลัว ไม่ต้องลน นายคือนูกู นายไม่มีที่ให้ร่วงลงไปแล้ว แต่นายมีพื้นที่อีกมากให้บินสูงขึ้นไป คืนนี้ขอแค่ดึงดูดแฟนคลับตัวเป็นๆ ได้อีกสองคน ยอดแฟนคลับในเวยป๋อก็จะขึ้นเลขห้าหลักแล้ว!

ฉยงเหรินมือเย็นเฉียบ เหงื่อผุดพรายเต็มฝ่ามือ แต่เขาไม่กล้าเช็ดเพราะกลัวว่าการแสดงอาจจะเริ่มได้ทุกเมื่อ

เสียงแจ้งของสตาฟฟ์ดังขึ้นจากอินเอียร์มอนิเตอร์ “เตรียมพร้อม”

เขาตัวสั่น สูดหายใจเข้าลึก

“ห้า”

“สี่”

“สาม”

“สอง”

“หนึ่ง”

แสงไฟสว่างขึ้น สาดส่องให้เจิดจ้าไปทั่วทั้งเวที

 

* Legal Report รายการด้านกฎหมายของ CCTV เน้นเล่าถึงคดีความต่างๆ และให้ความรู้และแนวคิดทางด้านกฎหมาย

* วีแชต คือแอพพลิเคชั่นโซเชียลมีเดียสำหรับส่งข้อความที่นิยมมากในประเทศจีน ฟังก์ชันใกล้เคียงกับไลน์

** คุณพ่อเสาทองคำ คือคำที่คนจีนมักใช้เรียกเจ้าของบริษัทหรือผู้มีเงินและคอยออกทุนสนับสนุนให้ศิลปิน

* ป๊ะป๋าแฟน หมายถึงแฟนคลับที่รักศิลปินเหมือนลูกและสถาปนาตัวเองเป็นพ่อของศิลปิน

* ต้าหวัง เป็นคำที่ใช้เรียกกษัตริย์หรือผู้มีความเป็นเลิศด้านใดด้านหนึ่ง

* เชียนตู้ เป็นการผันจากไป่ตู้ เสิร์ชเอ็นจิ้นยอดนิยมของคนจีน โดย ‘ไป่’ คือหนึ่งร้อย ‘เชียน’ คือหนึ่งพัน

 

 

  

โปรดติดตามตอนต่อไป

2 of 2หน้าถัดไป

Comments

comments

No tags for this post.
Continue Reading

More in everY

บทความยอดนิยม

everY

ทดลองอ่าน เขตห้ามรักฉบับเบต้า เล่ม 1 Chapter 2.1-2.2 #นิยายวาย

ทดลองอ่าน เรื่อง เขตห้ามรักฉบับเบต้า เล่ม 1 ผู้เขียน : MINTRAN แปลโดย : ทันบี ผลงานเรื่อง : 배타적 연애 금지구역 ถือเป็นลิขสิทธิ์...

จุติรัก พลิกชะตาร้าย

ทดลองอ่าน จุติรัก พลิกชะตาร้าย บทที่ 1-2

บทที่ 1 ฮ่องเต้หญิง   “ท่านพี่นำร้อง น้องหญิงคลอรับ ท่านพี่เสียงเพิ่งลับ น้องหญิงสลับขึ้นเวที เป็นมารดาอารี มีบุตรีกตัญญ...

ทดลองอ่าน

ทดลองอ่าน ร้อยเรียงรักเคียงฤทัย บทนำ – 1.2

บทนำ ความหลังของต้าลี่ 1   ฤดูหนาวในรัชศกต้าลี่ปีที่สิบเอ็ด โม่เป่ย ตำบลค่งหม่า สถานที่แห่งนี้คือประตูด่านสำคัญสุดท้ายทา...

จุติรัก พลิกชะตาร้าย

ทดลองอ่าน จุติรัก พลิกชะตาร้าย บทที่ 7-8

บทที่ 7 ค่าเดินทาง เมื่อภูตสุนัขดำคืนร่างเป็นสุนัขธรรมดาตัวหนึ่ง ภูตบุปผาสองตนนั้นก็ไม่อาจทำการใหญ่ ต่อให้ชาวหมู่บ้านป่า...

จุติรัก พลิกชะตาร้าย

ทดลองอ่าน จุติรัก พลิกชะตาร้าย บทที่ 3-4

บทที่ 3 เกิดใหม่   เวิ้งฟ้าดำสนิทปานน้ำหมึก เพียงมีดวงดาวบางตากระจัดกระจายบนม่านฟ้า ทอรัศมีอ่อนจางประเดี๋ยวเผยประเดี๋ยวเ...

community.jamsai.com