everY
ทดลองอ่าน ผมมันไอดอลตัวท็อปของยมโลก เล่ม 1 บทที่ 3-4 #นิยายวาย
ทดลองอ่าน ผมมันไอดอลตัวท็อปของยมโลก เล่ม 1
ผู้เขียน : 裴笛 (Pei Di)
แปลโดย : qMondae
ผลงานเรื่อง : 超糊的我竟是冥界顶流 [ 娱乐圈 ]
ถือเป็นลิขสิทธิ์ของสำนักพิมพ์เอเวอร์วายในการเผยแพร่ผลงาน
จัดพิมพ์และจัดจำหน่ายในประเทศไทยแต่เพียงผู้เดียว
หากผู้ใดละเมิดลิขสิทธิ์จะถูกดำเนินคดีตามกฎหมาย
– – – – – – – – – – – – – – – – –
Trigger Warning
เนื้อหามีประเด็นอ่อนไหวเกี่ยวกับความรุนแรง การทำร้ายทางร่างกายและจิตใจ
การบังคับหรือโน้มน้าวให้ทำบางอย่างโดยไม่เต็มใจ การบูลลี่
การกล่าวถึงเลือด งู และสถานการณ์อันน่าขยะแขยง
ซึ่งอาจส่งผลกระทบทางจิตใจ
สำหรับผู้อ่านที่มีอายุ 18 ปีขึ้นไป
โปรดใช้วิจารณญาณในการอ่าน
** หมายเหตุ: ยังไม่ใช่ต้นฉบับที่เสร็จสมบูรณ์ **
– – – – – – – – – – – – – – – – –
บทที่ 3
ผู้คนราวร้อยคนด้านล่างเวทีจับจองที่นั่งกันเต็มพื้นที่ ครั้นพวกเขาเห็นฉยงเหรินก้าวออกมา เสียงร้องเชียร์ก็ปะทุขึ้นราวกับคลื่นที่โหมกระหน่ำมากระทบฝั่ง
ดังสะเทือนจนไอดอลตัวเล็กๆ ที่ไม่มีประสบการณ์มาก่อนถึงกับมึนหัวตาพร่า
คนเหล่านั้นต่างก็เป็นแฟนคลับของเขาทั้งหมดเลยจริงๆ เหรอ คิดแบบนี้จะโลภเกินไปหรือเปล่า…
เสียงดนตรีบรรเลงดังขึ้นมา…‘นักล่าแสง’
เพลงที่สั้นที่สุดในบรรดาเพลงทั้งหมดของเขา แล้วก็เป็นเพลงเดบิวต์ของเขาด้วยเช่นกัน
มันเป็นเพลงที่เขาซ้อมอยู่ในห้องซ้อมมากกว่าพันครั้ง
จัดการกับอารมณ์ของเพลงยังไง หายใจตอนเต้นยังไง จะควบคุมคุณภาพการแสดงและสีหน้าในช่วงที่ต้องเต้นท่าหนักๆ ยังไง
ทุกรายละเอียดล้วนสลักลึกเข้าไปในสัญชาตญาณของฉยงเหริน
ทุกอย่างนี้ทำให้เขายังคงสามารถรักษาคุณภาพการแสดงที่เข้าใกล้คำว่าสมบูรณ์แบบไว้ได้แม้จะเจอกับสิ่งที่ทำให้ตะลึง
ผู้ชมล่างเวทีราวกับนักแสดงที่จ้างมาในราคาสูง ภายใต้อินเอียร์ฉยงเหรินยังคงได้ยินเสียงเชียร์สนับสนุนอย่างพร้อมเพรียงของเหล่าผู้ชมอยู่เลย
“เพียงผู้คว้าแสงจะมองเห็นแสง woo~”
[woo~]
“Save me. Save me. Sa, Sa, Save me, eiei~”
[Sa, Sa, Save me, eiei~]
“ฉันไม่อยากลังเลอีก woo~”
[woo~]
“Take me, Take me, Ta, Ta, Take me away ei~”
[Ta, Ta, Take me away ei~]
ท่อนคอรัสจบลง ท่าที่ยากที่สุดของเพลงก็มาถึง
ฉยงเหรินกระโดดตีลังกาตัวตรงกลางอากาศลงมาที่จุดเดิม เรียกเสียงกรีดร้องจากผู้ชมได้ในชั่วพริบตา เขาได้ยินผู้ชมด้านล่างเวทีตะโกนเรียกชื่อเขา ความปลื้มปริ่มในใจเปี่ยมล้นจนไม่อาจบรรยาย ต่อให้ในอดีตจะลำบากแค่ไหนก็คุ้มค่าแล้ว
ฉยงเหรินพยายามกลั้นน้ำตา มองไปยังแฟนคลับที่น่ารักที่สุดในโลก…
เขาเห็นโครงกระดูกหนึ่งโครง
พูดให้ถูกคือโครงกระดูก 0.7 โครง
ตั้งแต่ช่วงกระดูกคอที่ไม่สามารถอธิบายได้ลงไปก็คือโครงกระดูกสะอาดสะอ้าน และตั้งแต่คอขึ้นไปก็ยังคงอยู่ในสภาพสมบูรณ์
อันนี้ก็คอสเพลย์เหมือนกันใช่ไหม สมจริงมากเลย
ฉยงเหรินรู้สึกซูฮกเทคนิคการแต่งตัวที่ทำได้อย่างสมบูรณ์แบบของอีกฝ่ายมากๆ
เขาย้ายสายตาออกจากโครงกระดูก 0.7 โครง กวาดมองผู้ชมทุกคน
ทำไมบางคนถึงไม่มีเท้าล่ะ
หรือว่าผ้าที่ใช้ทำชุดจะใช้ประโยชน์จากการหักเหแสงตามหลักทัศนศาสตร์ ก็แค่ร่วมงานเลี้ยงประจำปี ไม่เห็นจะต้องลงทุนใช้เทคนิคขั้นสูงขนาดนั้นเลย
แล้วผู้ชายรูปงามที่แต่งเป็นงูคนนั้นก็ดูมีเอกลักษณ์มากเลย เขาทำให้หางงูเลื้อยส่ายไปมาบนพื้นแบบนั้นได้ยังไงนะ ลื่นไหลสมจริงเกินไปแล้ว
เฮยเสิงอันเดอร์กราวนด์คัลเจอร์เป็นบริษัทแบบไหนกันแน่ แค่คอสเพลย์ก็ยังต้องไปสุดขนาดนี้เลยเหรอ
หนุ่มงูรูปงามคนนั้นดูเหมือนจะลิงโลดไปหน่อย จะสะบัดหางฟาดคนข้างๆ ปลิวไปแล้ว
ฉยงเหริน “!”
ฟาด! ปลิว! ไปแล้ว!
ฉยงเหรินผวาหนักจนเผลอไปสบตากับเด็กสาวที่อยู่แถวหน้าสุด
เด็กสาวกรี๊ดอย่างตื่นเต้น “กรี๊ดดด! ฉันสบตากับฉยงเหริน ฉันจะตายแล้วๆๆ เอ๊ะ? ฉันตายอยู่แล้วนี่นา ฮ่าๆๆๆ!”
ฉยงเหรินรู้สึกว่าตัวเองอาจจะหลอนอยู่ก็ได้ น่าจะเป็นแบบนั้นแน่ๆ จู่ๆ ได้เจอแฟนคลับมากมายก็เลยดีใจเกินไปหน่อยจนหัวใจสูบฉีดเลือดไม่ทันถึงขั้นขาดออกซิเจน พอขาดออกซิเจนก็เลยเห็นภาพหลอน
ใช่แล้ว เป็นอย่างนั้นแหละ ตรรกะถูกต้องไม่มีตรงไหนเพี้ยน
เขาไม่ได้เห็นผีแน่นอน
ด้านหน้ามีสาวน้อยอายุสิบหกสิบเจ็ดปีคนหนึ่งยกมือขึ้นดึงศีรษะน่ารักๆ ของตัวเองออกมา แล้วเหวี่ยงแขนออกไปข้างหน้าอย่างองอาจ
“วันนี้เจ้าหนูหล่อเกินไปแล้ว! ถอดหัวมัมหมีสร้างบรรยากาศให้ลูกชายดีกว่า!”
ศีรษะร่วงตุบที่ปลายเท้าฉยงเหรินอย่างพอดิบพอดี ดวงตาคู่สวยของสาวน้อยมองเขาอย่างรักใคร่เอ็นดู
ฉยงเหริน “O_O”
ฉยงเหรินใจสั่นมือสั่นตัวสั่น
เขาตกใจจนสติหลุด สิ่งที่ยังสั่งให้เขาแสดงต่อไปก็คือสัญชาตญาณไอดอลอันแข็งแกร่งของเขา
เพื่อไม่ให้เผลอไปเหยียบหัวนั้น เขาจึงเดินตามบล็อกกิ้งด้วยสปิริตทั้งหมดที่มี
ฉับพลันปลายเท้าก็เหมือนกับเตะโดนอะไรบางอย่าง
นุ่มนิ่ม กลมดิก และเป็นทรงทวินเทล
ฉยงเหรินตะคริวกินเท้า เขาชาหนึบไปทั้งร่าง
ศีรษะคนกลิ้งหลุนๆ ลงเวทีไป เด็กสาวติดหัวกลับไปเหมือนเดิม แล้วบรรจงจัดแต่งโบว์ของตัวเอง
วิญญาณด้านล่างเวทียังคงส่งเสียงเชียร์กันอย่างเร่าร้อน ไม่มีใครสังเกตเลยว่าฉยงเหรินช็อกจนเกือบสลบไปแล้ว
เสียงเขาสั่นเครือ ทั้งยังเสียงหลงเล็กน้อย เต้นก็ช้าลง สำหรับผู้ชมนี่คือการแสดงที่เรียกได้ว่าสมบูรณ์แบบ แต่สำหรับมาตรฐานที่ฉยงเหรินตั้งไว้ การแสดงแบบนี้ก็ถือว่ายับเยิน
ตอนนี้เขาไม่รู้เลยว่าระหว่างทำการแสดงพังกับเรื่องที่ผู้ชมการแสดงทั้งหมดไม่ใช่คนอย่างไหนน่ากลัวมากกว่ากัน
โชคดีที่เพลงนี้ใกล้จะจบแล้ว
แสงไฟทั้งหมดดับลง เสียงใสๆ ของฉยงเหรินดังขึ้นท่ามกลางความมืด คล้ายสายลมพัดหวนผ่านสระน้ำในฤดูร้อนซึ่งมีสายน้ำไหลเอื่อย
“ทาดา ทาดา ทา ทาดาดาดา”
สปอตไลต์สว่างวาบ ส่องไปที่ร่างฉยงเหริน
“ทาดา ทาดา ทา ทาดาดาดา”
ตอนที่ฉยงเหรินแต่งเพลงนี้ ท่อนที่เขาชอบที่สุดก็คือท่อนทาดาดา เขาหวังว่าคนที่ได้ฟังจะเห็นประกายแสงรำไรคล้อยไหวอยู่ตรงหน้า
เหมือนหิ่งห้อยในฤดูร้อน แม้จะอ่อนแสง ทว่ายังคงส่องแสงงดงามอยู่ท่ามกลางความมืด มอบความกล้าและความหวังให้กับผู้ไขว่คว้าแสง
เขาเคยจินตนาการถึงวันที่เขาร้องเพลงนี้บนเวที ในขณะที่ผู้ฟังด้านล่างเวทีโบกแท่งไฟในมือ บันดาลทะเลหิ่งห้อยซึ่งเป็นของเขาและแฟนคลับขึ้นในสเตเดี้ยมคอนเสิร์ต
ฉยงเหรินไม่เคยคิดไม่เคยฝันเลยว่าความปรารถนาของตัวเขาจะบรรลุได้ในรูปแบบนี้
เหล่าแฟนคลับด้านล่างเวทีร้องท่อนทาดาดาคลอไปพร้อมๆ กัน แล้วพากันโบกแสงพริบพรายระยับในมือ…
ที่มาจากหัวคน!
ดวงตาของศีรษะเหล่านี้มีดวงไฟวิญญาณสองดวงกำลังลุกโชน โยกไปมาท่ามกลางความมืดอย่างอบอุ่น
ภาพแสงไฟที่มาจากศีรษะคนแทนแท่งไฟนี่เกิดขึ้นจริงๆ หรือ
บัดซบ ทำไมเขาต้องอุทิศตัวให้กับงานขนาดนี้ด้วย!
ถ้าเป็นลมสลบไปตรงนี้ได้เลยก็ดีสิ!
แค่แฟนคลับเอาหัวตัวเองมาโบกก็น่ากลัวเกินพอแล้ว ได้โปรดอย่าโยนขึ้นมาบนเวทีเลย ขอร้องล่ะ
ฉยงเหรินกวาดสายตามอง เห็นคุณซ่งตี้หวังไม่ได้โบกหัวตัวเอง หัวใจก็รู้สึกเหมือนได้รับการปลอบประโลมเล็กน้อย อย่างน้อยคุณพ่อเสาทองคำก็ยังไว้ใจได้
ป๊อง~
ผีที่อยู่ข้างๆ ซ่งตี้หวังถอดหัวตัวเองออกมา ก่อนส่งให้เขาอย่างเอาใจ “ต้าหวังเอานี่ไปใช้เถิดครับ” แล้วซ่งตี้หวังก็รับมาโบกอย่างลิงโลด
ฉยงเหรินคิด โลกแตกเถอะ เหนื่อยแล้ว
ในที่สุดสองนาทีห้าสิบเก้าวินาทีอันแสนยาวนานก็ผ่านพ้นไป ฉยงเหรินมองไปด้านล่างเวที ฉีกยิ้มสว่างไสวไร้ที่ติออกมา
“ขอบพระคุณทุกท่านที่มาชมการแสดงของผม ได้พบกับทุกคน…” เขาลำคอตีบตัน หลุดพูดติดอ่างอย่างไม่อาจควบคุม “ผะ…ผมรู้สึก…ดีใจมาก หวังว่าจะได้พบกันใหม่”
“กรี๊ดดด มัมหมีรักหนูนะคะ”
“ฉยงเหรินเก่งที่สุด!”
“ฉยงเหริน! ฉยงเหริน! ฉยงเหริน!”
ฉยงเหรินอดน้ำตาคลอไม่ได้ ครึ่งหนึ่งคือความตื้นตันใจ ส่วนอีกครึ่งคือความกลัว
เมื่อเห็นดวงตาของเขาที่มีน้ำตาคลอหน่วย เหล่าแฟนคลับก็ยิ่งปวดใจ
“ลูกแม่อย่าร้อง แม่รักหนูนะ”
ท่ามกลางเสียงร้องระงมของแฟนคลับ ฉยงเหรินได้ยินเสียงใหญ่ๆ ตะโกนก้องด้วยว่า “สามี”
สามีก็สามีเถอะ
ฉยงเหรินเช็ดน้ำตาด้วยใบหน้าไร้อารมณ์ประหนึ่งผ่านโลกมาแล้วมากมาย
เทียบกับการที่แฟนคลับด้านล่างเวทีไม่ใช่คนแล้ว ถูกเรียกว่าสามีก็ไม่ใช่เรื่องใหญ่เลย ต่อให้เรียกว่าภรรยา…
“ภรรยา! ภรรยาสวยมาก! โฮฮฮ แก้วตาดวงใจของฉันช่างสวยเหลือเกิน ฉันไม่คู่ควรเป็นสามีของเธอ ฮือออ~”
ฉยงเหรินสูดหายใจลึก ฉีกยิ้มโบกมือ เดินถอยหลังกลับเข้าไปหลังเวที
เช่นเดียวกับไอดอลที่ไม่อยากแยกจากบรรดาแฟนคลับของตัวเอง
เลขาฯ จินรออยู่ด้านหลังเวที เขาดูบอบบาง ทว่าพลังกายกลับเยอะจนน่าสะพรึง เพราะเขาหิ้วตัวผู้จัดการที่หนักร่วมร้อยกิโลกรัมได้ด้วยมือเดียว
สายตาฉยงเหรินมองวนอยู่ที่ข้อมือบางของเขา แทบจะร้องไห้ออกมาอยู่รอมร่อ
ไม่แสดงแล้วเหรอ เลิกแสดงแล้วจริงๆ เหรอ เลขาฯ จิน คุณช่วยเสแสร้งเป็นคนต่อไปเถอะนะ ขอร้องล่ะ
“ผู้จัดการคุณเป็นลม…เอ่อ…หลับไปแล้ว ไปกันเถอะ เราไปห้องรับรองกันก่อน”
ฉยงเหรินไม่พูดไม่จา เดินตามเลขาฯ จินไปห้องรับรอง และมองอีกฝ่ายวางผู้จัดการลงบนโซฟา
เขานั่งตามลงไป พร้อมเอนหลังพิงแนบโซฟา สองมือทิ้งตก อยู่ในท่าพร้อมจะสลบไปโดยที่ไม่ล้มได้ทุกเมื่อ
เขากลืนน้ำลายอึกใหญ่ ถามสิ่งที่ตนอยากรู้คำตอบที่สุดออกไป
“ธนาคารเทียนตี้…มันก็คือธนาคารเทียนตี้* อันนั้น…ใช่ไหม”
เลขาฯ จินออกอาการเลิ่กลั่กเล็กน้อย “อ่า เรื่องนี้…”
ฉยงเหรินเข้าใจแล้ว เขาพยักหน้า “ก็ว่าล่ะทำไมถึงคุ้นหูขนาดนี้ งั้นเงินนี่…”
“วางใจเถอะครับ ธนาคารเทียนตี้ของเราเข้าร่วมยูเนี่ยนเพย์** แล้ว จะไม่มีปัญหาเรื่องเงินแน่นอนครับ ส่วนยอดเงินที่เหลือจะเข้าบัญชีในวันพรุ่งนี้ครับ”
เข้าร่วมยูเนี่ยนเพย์ด้วยสินะ ฉยงเหรินพยักหน้าอีกครั้ง
ทันทีที่โล่งใจไปได้เปลาะหนึ่ง เขาก็สลบทันควัน
ไม่รู้ว่าเขาสลบไสลไปนานแค่ไหน เมื่อฉยงเหรินค่อยๆ ฟื้นคืนสติกลับมาอีกครั้ง เขาก็ได้ยินเสียงสนทนาของคนจำนวนหนึ่งที่อยู่ข้างๆ
“เป็นความผิดผมเองครับ ผมไม่ทันสังเกตว่าควันธูปบนรถดับไป พวกเขาสูดดมควันธูปหอมเจี้ยงอวิ๋น*** ไม่มากพอถึงได้มองเห็นรูปลักษณ์จริงของเจ้าพนักงานในนรก ต้าหวังได้โปรดหักเงินเดือนผมเถอะครับ”
ซ่งตี้หวัง “เข้าใจอะไรผิดหรือเปล่า สิ่งสำคัญในการเป็นพนักงานของเราคืออู้เยอะๆ ทำโอน้อยๆ แต่เงินเดือนจะหายไปไม่ได้แม้แต่แดงเดียว ใครอนุญาตให้นายยื่นคำร้องขอหักเงินเดือนด้วยตัวเอง ถ้าเจออีกฉันจะส่งนายไปหาท่านพญายมราชเสีย”
ไม่นึกเลยว่าผู้นำอย่างซ่งตี้หวังจะเป็นคนแบบนี้ ทันใดนั้นความหวาดกลัวในใจฉยงเหรินก็หายวับไปสองจากพันส่วน
เลขาฯ จิน “ชู่ว เดี๋ยวฉยงเหรินก็ตื่นหรอก เมื่อกี้เขาเพิ่งช็อกมา ให้เขาได้พักผ่อนสงบๆ เถอะ”
“การแสดงของลูกชายฉันยอดเยี่ยมมากจริงๆ” ซ่งตี้หวังกระซิบเสียงเบา “เลขาฯ จิน นายได้ถ่ายคลิปไว้หรือเปล่า ฉันจะเอาไปเปิดวนที่บ้าน”
เลขาฯ จินลดเสียงลง “วางใจเถอะต้าหวัง ทีมสตาฟฟ์ตำหนักที่สามของพวกเราถ่ายแยกมุมมองไว้สิบกว่ามุม ท่านสามารถรับชมแฟนแคมได้พร้อมกันสิบคลิปเลยล่ะ”
หา? การแสดงที่เละตุ้มเป๊ะวันนี้มีกล้องถ่ายไว้สิบกว่าตัวเลยเหรอ นี่จะประจานเขาต่อหน้าสาธารณชนหรือไง
ฉยงเหรินตื่นเต็มตา “อย่าประจานผมออกสื่อนะ!”
ซ่งตี้หวังรีบเข้ามาถามไถ่อาการทันที “เจ้าหนู เป็นยังไงบ้าง”
ฉยงเหรินหดคอถอยออกไปเงียบๆ
ซ่งตี้หวังเอ่ยปลอบเสียงอ่อนโยน “ไม่ต้องกลัวนะ ทุกคนที่เธอเห็นวันนี้เป็นบุคลากรของหน่วยงานเราทั้งนั้น ปัดเศษแล้วก็นับว่าเป็นเจ้าพนักงานของนรกเรา เชื่อถือได้แน่นอน ยังไงหลังเธอตายก็ต้องมาเจอพวกเราอีกอยู่ดี สุดท้ายเราก็ต้องรู้จักคุ้นเคยกันไม่ช้าก็เร็ว คิดอย่างนี้ก็ไม่น่ากลัวแล้วใช่ไหมล่ะ”
ซ่งตี้หวังยกนิ้วโป้ง
ฉยงเหริน “…”
จู่ๆ ก็ไม่อยากได้คุณพ่อเสาทองคำคนนี้เป็นป๊ะป๋าแล้ว เขายอมรับให้คนที่เอาคำพูดแบบนั้นมาปลอบเป็นพ่อของเขาไม่ได้จริงๆ
ฉยงเหรินมือไม้อ่อน เรี่ยวแรงหดหายไปทั้งร่าง ล้มพับไปหลายครั้งถึงกลับมานั่งได้สำเร็จด้วยความช่วยเหลือของซ่งตี้หวังที่เข้ามาประคอง
ส่วนผู้จัดการที่หลับอยู่อีกมุมของโซฟาจนตอนนี้ก็ยังไม่ตื่น
ซ่งตี้หวังหันไปพูดกับเลขาฯ จิน “นายไปตามหลี่สือเจิน* มาที เขาเพิ่งสอบใบประกอบวิชาชีพเวชกรรมของโลกมนุษย์ผ่านใช่ไหม เรียกเขามาดูอาการฉยงเหรินเร็ว”
อัตราการเต้นของหัวใจฉยงเหรินพุ่งไปสองร้อยทันที
“ไม่ต้องหรอกครับ ผมไม่เป็นไร ผมแค่…” เขาก้มหน้าอย่างกระอักกระอ่วน เอ่ยเสียงแผ่วปลาย
“กลัวผี”
ความรักใคร่เอ็นดูเอ่อล้นออกมาจากสายตาซ่งตี้หวังอย่างอ่อนโยน
อา…ลูกป๊าน่ารักจริงๆ อยากลูบหัวเขาจัง
ซ่งตี้หวังยื่นมือออกไปอย่างอดไม่ได้ แต่ยังไม่ทันสัมผัสโดนก็ถูกเลขาฯ จินฟาดดังเพียะ
เลขาฯ จินตีมือซ่งตี้หวังเสร็จก็เปลี่ยนเป็นสีหน้าอ่อนโยนทันที
“เป็นความผิดของทางเราเองครับ ขออภัยอย่างยิ่งที่ทำให้พวกคุณตกใจ พวกเรายินดีชดใช้ค่าเสียหายทางจิตใจครับ”
ฉยงเหรินพยายามควบคุมเสียงของตัวเอง “มะ…ไม่ต้อง…ชดใช้หรอกครับ ผมมีคะ…ความสุขมาก…ที่ได้เจอแฟนๆ ส่วนผู้จัดการวะ…ไว้ถามเขาอีกทีตอนเขาตื่นนะครับ…ว่าเขาต้องการหรือเปล่า”
พอลงมาจากเวที สัญชาตญาณไอดอลอันแข็งแกร่งของเขาก็เหือดหาย แค่พูดประโยคสั้้นๆ ก็ติดอ่างอย่างกับแผ่นกระตุก
แต่คนระริกระรี้กลับเป็นซ่งตี้หวัง
เยี่ยมไปเลย!
เลขาฯ จินฉลาดจริงๆ
ถึงจะถูกท่านพญายมราชจำกัดค่าจ้างการแสดง แต่เขาก็ยัดเงินให้ลูกน้อยด้วยวิธีอื่นได้นี่ อย่างเช่นจ่ายชดใช้ความเสียหายทางจิตใจให้ฉยงเหรินสักสิบล้าน…
เลขาฯ จินเพียงปราดตาทีเดียวก็มองทะลุความคิดของต้าหวังได้ จึงเอ่ยเตือนเขา “หากเกิดเหตุสุดวิสัยระหว่างการแสดง แต่ไม่ได้สร้างความเสียหายร้ายแรง ค่าชดใช้มากสุดไม่สามารถมากเกินค่าตอบแทนได้ กฎข้อนี้ระบุอยู่ใน ‘ระเบียบปฏิบัติโดยละเอียด’ ครับ”
เขาชมเปาะ “สมแล้วที่เป็นท่านพญายมราช ไม่เปิดโอกาสให้ท่านเห็นช่องโหว่เลย”
ขณะพวกเขากำลังพูดคุย ฉยงเหรินก็เริ่มเสิร์ชชื่อของซ่งตี้หวังบนอินเตอร์เน็ตแล้ว
ไม่นึกว่าที่นี่จะมี 5G ด้วย เน็ตไวใช่เล่นเลย
ย่อหน้าแรกของสารานุกรมเชียนตู้เขียนไว้ว่า
‘ซ่งตี้หวัง ยมราชตำหนักสามแห่งนรก แซ่อวี๋ กำเนิดเมื่อขึ้นแปดค่ำเดือนยี่ ปกครองนรกเฮยเสิงใต้แนวปะการังมหาสมุทรตะวันออกเฉียงใต้’
ในเมื่อเป็นยมราชของตำหนักที่สาม เช่นนั้นตามหลักการแล้วเขาก็ไม่ใช่ผี แต่เป็นเทพ
ปริมาณความแน่นหนาของผีในห้องจาก 60% ลดฮวบเหลือ 40% ทันทีที่อ่านถึงตรงนี้ ฉยงเหรินก็หายใจคล่องขึ้นไม่น้อย
ซ่งตี้หวังเห็นว่าเขายังหน้าซีดไม่หายก็เอ่ยกำชับ “เลขาฯ จิน ไปเรียกหลี่สือเจินมาเถอะ”
“ไม่ต้องหรอกครับ!” ฉยงเหรินอธิบายอย่างรู้สึกผิด “ผมไม่เป็นไรจริงๆ ครับ ผมกลัวผีก็เหมือนที่บางคนกลัวเลือดนั่นแหละครับ ควบคุมอะไรไม่ได้หรอก”
“งั้นจะยังไงดีล่ะ ทางเราอยากเชิญคุณมาจัดงานแฟนไซน์* ด้วยน่ะครับ” เลขาฯ จินดึงตัวคนขับรถหนุ่มไปยืนริมประตูอย่างเอาใจใส่ ในคำพูดเต็มไปด้วยความเสียดาย
งานแฟนไซน์?
ฉยงเหรินได้ยินก็หูผึ่ง!
หมายถึงอีเวนต์แบบที่ได้ขายอัลบั้มไปด้วยแล้วก็ได้พูดคุยอย่างใกล้ชิดกับแฟนๆ ด้วยน่ะเหรอ
ไอดอลนูกูที่มียอดขายอัลบั้มแค่ 49 อัลบั้มอย่างเขาก็จัดงานนี้ได้ด้วยเหรอ
ทำไงดีล่ะ ชักสนใจแล้วสิ!
ถึงการจัดงานแฟนไซน์ที่นี่แฟนคลับที่มาส่วนใหญ่จะเป็นผีก็เถอะ…
แต่แฟนคลับในโลกแห่งความตายก็คือแฟนคลับ เขาจะเหยียดสปีชี่ส์ไม่ได้
กลัวผีอะไร เราสามารถหาวีธีมาสยบความกลัวได้นี่!
ไม่มีงานอะไรที่ยากลำบากทั้งนั้น มีแต่ฉยงเหรินผู้กล้าหาญ!
แววตาซ่งตี้หวังเปี่ยมล้นด้วยความรักความห่วงใยของบิดา “ถ้ากลัวก็ช่างเถอะ อย่าฝืนตัวเองเลยนะ”
ฉยงเหรินชูหมัด “คนเราต้องกล้าที่จะทลายกำแพงของตัวเอง ต้องเผชิญหน้ากับปัญหาและท้าทายตัวเองถึงจะเติบโตครับ
ได้โปรดให้โอกาสผมได้เติบโตเถอะนะครับ”
* ธนาคารเทียนตี้ หรือธนาคารฟ้าดิน เป็นชื่อธนาคารที่มักปรากฏอยู่ในธนบัตรกระดาษจำลองสำหรับเผาส่งให้บรรพบุรุษ
** ยูเนี่ยนเพย์ เป็นระบบเครือข่ายการชำระเงินตัวกลางของประเทศจีน คล้ายๆ กับระบบบัตร VISA
*** ธูปหอมเจี้ยงอวิ๋น หรือที่บางส่วนเรียกว่าธูปหอมเจี้ยงเจิน เป็นธูปไม้หอมที่มักใช้ในลัทธิเต๋า โดยใช้จุดเพื่อให้ใจสงบ มีไว้สำหรับประกอบการนั่งสมาธิหรือประกอบพิธีกรรมต่างๆ
* หลี่สือเจิน เป็นนักเภสัชวิทยา แพทย์ในช่วงกลางสมัยราชวงศ์หมิง ได้รับยกย่องเป็นราชาสมุนไพรจีน
* งานแฟนไซน์ คืองานแจกลายเซ็นให้แฟนคลับ