everY
ทดลองอ่าน ผมมันไอดอลตัวท็อปของยมโลก เล่ม 1 บทที่ 9-10 #นิยายวาย
ทดลองอ่าน ผมมันไอดอลตัวท็อปของยมโลก เล่ม 1
ผู้เขียน : 裴笛 (Pei Di)
แปลโดย : qMondae
ผลงานเรื่อง : 超糊的我竟是冥界顶流 [ 娱乐圈 ]
ถือเป็นลิขสิทธิ์ของสำนักพิมพ์เอเวอร์วายในการเผยแพร่ผลงาน
จัดพิมพ์และจัดจำหน่ายในประเทศไทยแต่เพียงผู้เดียว
หากผู้ใดละเมิดลิขสิทธิ์จะถูกดำเนินคดีตามกฎหมาย
– – – – – – – – – – – – – – – – –
Trigger Warning
เนื้อหามีประเด็นอ่อนไหวเกี่ยวกับความรุนแรง การทำร้ายทางร่างกายและจิตใจ
การบังคับหรือโน้มน้าวให้ทำบางอย่างโดยไม่เต็มใจ การบูลลี่
การกล่าวถึงเลือด งู และสถานการณ์อันน่าขยะแขยง
ซึ่งอาจส่งผลกระทบทางจิตใจ
สำหรับผู้อ่านที่มีอายุ 18 ปีขึ้นไป
โปรดใช้วิจารณญาณในการอ่าน
** หมายเหตุ: ยังไม่ใช่ต้นฉบับที่เสร็จสมบูรณ์ **
– – – – – – – – – – – – – – – – –
บทที่ 9
“เทพเจ้าไฉ่ซิงเอี๊ยะองค์นี้โคตรคุ้มค่าบูชา!” ผู้จัดการพร่ำพูดด้วยความตื่นเต้น
“ตอนนั้นฉันคิดว่างมงายก็งมงายสิวะ กะอีแค่จุดธูปก้มหัวคำนับไม่ทำให้ตายหรอก เสียก็แต่สั่งเทวรูปบนเน็ต พอของส่งมาถึงเทปก็กระจัดกระจายไปหมด ฉันล่ะโคตรโมโห อยากจะส่งคืนให้รู้แล้วรู้รอด
แต่พอเปิดดูเท่านั้นแหละ โว้ว! เทวรูปไฉ่ซิงเอี๊ยะองค์นี้หล่อเป็นบ้า ตาแดงผมแดงฝรั่งสุด ฉันก็เลยส่งคืนไม่ลง แล้วดูสิ โชคดีนะที่ไม่ได้ขอส่งคืนอะ นี่แค่บูชาไปครั้งเดียวเอง ดวงของนายก็พลิกกลับมาดีแล้ว! ศักดิ์สิทธิ์มาก!”
วันนี้เหล่าหยางเล่าเรื่องนี้เป็นรอบที่ห้าแล้ว แต่ฉยงเหรินก็ไม่คิดรำคาญ
ฉยงเหรินเป็นเด็กกำพร้าคนหนึ่ง เขาถูกรับเลี้ยงตอนอายุสิบขวบ พออายุสิบสี่ปีก็ถูกยกเลิกการรับเลี้ยง และจนเขามีอายุมาถึงตอนนี้ คนที่ดูแลเขามากที่สุดก็คือครูใหญ่สถานสงเคราะห์บ้านเด็กกำพร้ากับหยางเฟิงซึ่งเป็นแฟนของครูใหญ่
ถ้าไม่ได้เป็นเพราะล้มป่วยหนักกะทันหัน ตอนนี้เหล่าหยางก็คงยังเป็นหนุ่มหล่อวัยกลางคนผมดกดำอยู่
ระหว่างพวกเขาในนามคือเป็นผู้จัดการกับศิลปิน แต่จริงๆ แล้วผูกพันไม่ต่างจากครอบครัวจริงๆ
ฉยงเหรินรอจนเขาพร่ำรำพันเสร็จถึงเอ่ย “ไม่ง่ายกว่าผมจะได้ขึ้นฮอตเสิร์ช ถ้าไม่ตักตวงดึงกระแสของตัวเองตอนนี้ก็เสียเปล่า แต่ผมไม่อยากตักตวงแบบชัดเจนเกินไป เพราะฮอตเสิร์ชอันนี้มันออกจะ…พี่น่าจะเข้าใจ”
เหล่าหยางพยักหน้า
ฮอตเสิร์ชอันนี้มันน่าพิศวงจริงๆ นั่นแหละ ถ้าไม่ใช่เพราะพวกเขาเจอกับตัวเองจังๆ ก็คงคิดว่าฮอตเสิร์ชอันนี้เป็นมีเดียเพลย์ที่บริษัทมาร์เก็ตติ้งทำขึ้นมา
ตอนนี้คำวิจารณ์ในแฮชแท็กยังนับว่าสงบปรองดองกันดี
ทั้งหมดนี้เป็นเพราะฉยงเหรินหน้าตาดีมากจริงๆ ใครจิ้มเข้าแฮชแท็กฮอตเสิร์ชนี้มาก็สนใจเนื้อหาข่าวพิลึกๆ นี่ได้ไม่เกินสิบวินาที จากนั้นก็เข้าร่วมกองทัพบูชาหน้าตา เลียหน้าจอกันแผล็บๆๆๆ
แทบไม่มีเวลาให้ทันคิดถึงความสมเหตุสมผลของเนื้อหาในฮอตเสิร์ชเลย
แต่ถ้าพวกเขาดึงกระแสฮอตเสิร์ชที่มีเนื้อหางมงายแบบนี้ออกหน้าออกตา ก็เกรงว่าจะถูกคนตราหน้าว่าเขาใช้การตลาดทำให้คนเชื่องมงาย
ทั้งที่เขาขึ้นฮอตเสิร์ชด้วยความสามารถตัวเองแท้ๆ แต่กลับตักตวงกระแสของตัวเองให้หนำใจไม่ได้ คิดแล้วก็เจ็บปวดใจ
“ผมว่าจะอัดคลิปเต้น แล้วอัพลงคืนนี้”
ผู้จัดการ “ถ้านายอัพคืนนี้ ทีมงานเบื้องหลังจะทำทันเหรอ สภาพพวกเราตอนนี้ไม่มีตากล้องกับทีมงานตัดต่อมาช่วยพวกเราทำคลิปหรอกนะ”
ฉยงเหรินขึ้นฮอตเสิร์ชอันดับหนึ่ง ทว่าเจินเฉิงคัลเจอร์กลับไม่มีปฏิกิริยาใดๆ เลย ถ้าเป็นศิลปินคนอื่น ป่านนี้ก็คงเรียกประชุมกันแล้วว่าจะใช้ประโยชน์จากกระแสตอนนี้ให้มากที่สุดยังไง
ความจริงเรื่องนี้แสดงให้เห็นถึงทัศนคติของเจินเฉิงคัลเจอร์แล้ว
“ไม่เป็นไร ผมเอามือถืออัดสักคลิปก็ได้แล้ว การเต้นที่ยอดเยี่ยมใช้แค่เทคนิคการถ่ายธรรมดาๆ ก็พอแล้วครับ”
ความมั่นใจของฉยงเหรินเผื่อแผ่มาถึงผู้จัดการ เขาพยักหน้า “ได้!”
ฉยงเหรินกลับบ้านมาเปลี่ยนชุดที่จะใส่ตอนเต้น เมื่อถอดเสื้อแล้วส่องกระจกดู เขาก็ต้องสูดลมหายใจเย็นวาบ
หน้าอกซ้ายเขาแดงเป็นแถบ แล้วยังเป็นแผลถลอกด้วย
เขาครุ่นคิด เป็นไปได้ว่าจะไปเสียดสีกับลายปักบนเสื้อยืดตอนที่อุ้มเพื่อนผู้ป่วยแล้วเปิดประตู
ขนาดเขาถลอกปอกเปิกแล้ว ใบหน้าของเพื่อนผู้ป่วยกลับยังคงขาวผ่อง ไม่มีแม้แต่รอยแดง นี่น่ะเหรอที่เขาว่าคนเราจะใช้มาตรฐานเดียวกันไม่ได้ ผิวของเพื่อนผู้ป่วยคนนี้แข็งแรงทนทานต่อการเสียดสีจริงๆ
อิจฉาจริง
เวลาสองทุ่ม ฉยงเหรินเตรียมกดโพสต์คลิปเต้น
เขาใช้มือถือหนีบกับขาตั้งถ่ายคลิปนี้ ฉยงเหรินสวมเสื้อฮู้ดและกางเกงวอร์มสีพื้นเข้าชุดง่ายๆ สวมหมวกแก๊ป ดันปีกหมวกลงจนบังครึ่งหน้า โชว์แค่คางเรียวสวยและริมฝีปากแดงก่ำ
เพลงที่ใช้เต้นคือเพลงสากลที่กำลังติดกระแสในช่วงนี้ ชื่อว่า ‘Waste Myself’
เพลงต้นฉบับเปิดอินโทรมาด้วยเสียงกีตาร์ง่ายๆ ก่อนจะค่อยๆ เพิ่มจังหวะกลองและเปียโน ควบคู่ไปกับการร้องที่นุ่มนวลละเอียดลออของนักร้องที่ถ่ายทอดความรู้สึกอันเปี่ยมไปด้วยความลึกซึ้งออกมา
ฉยงเหรินใช้เวอร์ชั่นรีมิกซ์ของเพลงนี้มาเต้น ทำนองของเพลงสบายๆ จังหวะดนตรีไม่ซับซ้อน
และท่าที่เขาออกแบบสำหรับเพลงนี้ก็ต้องรักษาสไตล์เพลงไว้ด้วย ไลน์สวยท่าชัด ดูเหมือนไม่มีท่าที่ยากเป็นพิเศษ แต่เก็บรายละเอียดทุกเม็ดและสลับสับเปลี่ยนท่าได้ว่องไวมาก
ท่อนดนตรีที่ไม่มีคนร้องเป็นแนวอิเล็กทรอนิกส์ ทำให้เกิดความรู้สึกเหมือนอยู่ในโลกอนาคตสุดแฟนตาซีหน่อยๆ และเป็นท่อนที่ฉยงเหรินชอบที่สุด เขาจงใจออกแบบท่าที่ความยากไม่สูงมากนัก แต่ก็เป็นท่าเตะขาที่ล้างสมองได้ดีมากๆ ออกมาท่อนหนึ่ง
สรุปคือมันเป็นท่าที่ทำให้คนเห็นก็ต้องรู้สึกสนุกสนาน อดไม่ได้ที่จะยิ้มออกมา
เพิ่งโพสต์คลิปออกไปได้ไม่นาน ช่องคอมเมนต์ก็ถูกเสียงกรีดร้อง ‘กรี๊ดดดดด’ เข้าครอบครอง มาถึงก็เรียกผัวเรียกเมียพี่ชายน้องสาวกันเละเทะวุ่นวายไปหมด
[ตอนแรกแค่เข้ามาหวีดหน้าตา ไม่นึกว่าจะเต้นได้ดีขนาดนี้! ฉันกรี๊ดเลย!]
[การคอนโทรลร่างกายแบบนี้ใครเห็นแล้วไม่พูดว่าสุดยอดบ้าง เพลงนี้เต้นยากสุดๆ โดยเฉพาะท่อน ดนตรีนั่นน่ะ ท่าเต้นเขาดูแปลกๆ นิดหน่อย แต่ก็ดูดีในแบบแปลกๆ แล้วยังโคตรจะล้างสมองเลย ถ้าฉันไปเต้นบ้างก็คงเหมือนหมีควายหักข้าวโพด]
[เมนต์บนรู้ความคิดฉันอย่างกับมาติดกล้องไว้ในบ้าน ไปเอากล้องออกเลย เข้าใจไหม ฉันนึกว่าในที่สุดก็มีท่าเต้นที่ฉันเต้นตามได้แล้ว แต่พอเต้นจริงๆ ตามไม่ทันเลยสักจังหวะ ที่แท้ฉันเองที่ไม่เหมาะกับมัน (แมวเหมียวน้ำตาไหล.jpg)]
#ฉยงเหริน ปังมาก# แฮชแท็กนี้พุ่งขึ้นฮอตเสิร์ชทันที ถึงไม่ได้มาแรงอย่างแฮชแท็กคราวก่อน แต่แป๊บเดียวก็ขึ้นไปถึงอันดับยี่สิบกว่าๆ แล้ว
เขาไม่ได้เฝ้าติดตามฮอตเสิร์ชของตัวเองอีก ‘โปเยโปโลเย’ กำลังรอให้เขาไปท้าทายอยู่ เขาไม่ใช่ไอดอลที่พอมีแฟนคลับในโลกมนุษย์แล้วจะลืมแฟนคลับในโลกหลังความตายหรอกนะ
ฉยงเหรินพลันรู้สึกเหมือนตัวเองเต็มไปด้วยความยึดมั่นแบบ ‘เจ้ายศเจ้าอย่างไม่ควรลุ่มหลงมัวเมาในอำนาจ’ แล้วก็กดไลค์ให้ตัวเองในใจอย่างอดไม่ได้
“Waste waste, waste myself on you”
เมิ่งเซินมองผู้เป็นนายตัวเองร้องไปเต้นไป บิดเอวบางๆ เต้นแร้งเต้นกา หน้าตาดีหุ่นก็ดี เสียแต่ท่าเต้นนี่…
เมิ่งเซินทนมองตรงๆ ไม่ไหว “เราจับคนขายแผ่นเถื่อนได้แล้วครับ”
เทพหลักเมืองแห่งเมืองหลงเฉิงเพิ่งนั่งตำแหน่งได้ไม่นาน เธอดูเหมือนอายุแค่ยี่สิบกว่าปีเท่านั้น ใบหน้าสะสวย แต่งตัวทันสมัย แทบไม่ต่างอะไรจากคนเป็น
เทพหลักเมืองหยุดสเต็ปเท้า “ลำบากเธอแล้ว เดี๋ยวคนของท่านผิงเติ่งหวังจะมารับช่วงต่อเอง ปู่เธอจัดงานครบอายุปี** แต่เธอก็ถูกฉันเรียกมาทำโอที เขาไม่โกรธเธอใช่ไหม”
“ไม่มีทางหรอกครับ” ต่อให้โกรธจริงๆ เขาก็ไม่กล้ายอมรับหรอก “เมื่อก่อนท่านปู่ก็เคยเป็นยมทูตคนเป็น ท่านเข้าใจ งานสำคัญที่สุดนี่ครับ”
“ปู่เธอคือบุคลากรเก่าแก่ของศาลหลักเมืองหลงเฉิง เข้าใจอะไรได้ง่ายดีจริงๆ เอาอย่างนี้ เดี๋ยวฉันจะวาดรูปเหมือนของฉันให้รูปหนึ่ง เธอเอากลับไปให้ปู่เธอสิ ฉันยังประจำอยู่ที่หลงเฉิงอีกสามร้อยปี เรื่องอื่นฉันอาจช่วยไม่ได้ แต่ก็ยังพอคุ้มครองเธอจากความอัปมงคลข้างนอกได้”
เมิ่งเซินได้รับสิ่งที่คาดไม่ถึงก็ปลื้มปริ่ม คิดในใจว่านายเหนือหัวของตนช่างใจกว้าง คุ้มค่าโอทีแล้ว
“เสี่ยวเมิ่ง ฉันอยากเอาท่าเต้นของฉยงเหรินมาปรับเป็นท่าออกกำลังกายระหว่างพักเบรก ทำงานในยมโลกไม่ง่ายเลย ทุกคนจำเป็นต้องพักผ่อนอย่างเหมาะสม เธอช่วยฉันดูทีสิว่าควรปรับยังไงดี”
นายเหนือหัวออกปากสั่ง เมิ่งเซินย่อมปฏิเสธไม่ได้ แต่เขาก็แอบบ่นกระปอดกระแปดอยู่ในใจ กะอีแค่ไอดอลคนหนึ่ง มีดีอะไรให้คนในยมโลกตั้งมากมายตามประจบเอาใจ
ก่อนเมิ่งเซินจะถูกยมโลกเลือกให้เป็นยมทูตคนเป็น เขาก็เคยอยู่ในวัยต่อต้านมาก่อน ทั้งเคยเข้าร่วมทีมเต้น เป็นแร็พเปอร์ใต้ดิน แล้วยังเคยตั้งวงดนตรีด้วย
ว่ากันด้วยความสามารถ ขนาดตัวเขายังเก่งกว่าไอดอลที่ทำงานอยู่หลายคน ตัวเขายังคิดเลยว่าตนเองไม่ดีพอจะเดบิวต์ไปกอบโกยเงินจากแฟนคลับ ไม่รู้ว่าไอดอลพวกนั้นมีหน้ามาอวยตัวเองว่าขยันนักหนาได้ยังไง
เมิ่งเซินวิจารณ์กระปอดกระแปดอยู่ในใจ ทว่าใบหน้ายิ้มตาหยีรอชมการเต้นของฉยงเหริน
ก็คงเป็นพวกที่แค่จัดระเบียบร่างกายได้พอสมดุลนิดๆ หน่อยๆ ก็มีคนมาตะโกนหวีดฉันจะตายแล้วๆ เหมือนเคยนั่นแหละ
คลิปนี้ถ่ายที่ห้องซ้อม เมื่อท่อนอินโทรเริ่มขึ้น ฉยงเหรินก็วิ่งเข้ามาในกล้องทันเพลงเริ่มพอดิบพอดี
“เห? สเต็ปแบบนี้ ฟีลลิ่งจังหวะร่างกายแบบนี้” คนคนหนึ่งหากเต้นได้ดี ร่างกายก็จะมีจังหวะและสไตล์ของตัวเอง ฉยงเหรินเดินแค่ไม่กี่ก้าว เมิ่งเซินก็รู้สึกได้ว่าอีกฝ่ายไม่ธรรมดา
จนฉยงเหรินเริ่มเต้น เมิ่งเซินก็หลุดสบถอย่างกลั้นไม่อยู่ “เชี่ย…”
เทพหลักเมือง “เสี่ยวเมิ่ง?”
เมิ่งเซินนึกขึ้นได้ว่าเผลอหลุดคำหยาบต่อหน้าผู้เป็นนาย “เขาความสามารถสูงมากจนผมตกใจ ผมเลยเผลอ…”
เทพหลักเมืองตาเป็นประกาย “ไม่เป็นไร ชมต่อสิ มตโตะๆ*”
หนึ่งชั่วโมงให้หลัง เมิ่งเซินก็กอดรูปเหมือนของท่านเทพหลักเมืองกลับบ้านไป
หลังจากคิดใคร่ครวญมาแล้ว เขาก็ตั้งใจจะให้รูปวาดนั้นกับเทวรูปพญายมราชองค์หนึ่งเป็นของขวัญอวยพรท่านปู่ด้วย แต่พอกลับถึงบ้าน เขากลับหาเทวรูปพญายมราชที่ตั้งใจบูชาไม่เจอ
เขาเห็นชิงเหิงเดินผ่านหน้าประตูห้องเขาไป ท่าทางลับๆ ล่อๆ จึงตะโกนเรียก “ชิงเหิง นายเห็นรูปสลักพญายมราชของฉันหรือเปล่า อันที่ท่านอู๋ต้าซือแกะสลักตามตัวจริงของท่านพญายมน่ะ”
ชิงเหิงคอหด เอ่ยเสียงงุบงิบในลำคอ “ไม่เห็น”
เมิ่งเซินขมวดคิ้ว ไม่ใช่เทพเจ้าไฉ่ซิงเอี๊ยะหล่อทองสักหน่อย จะมาขโมยรูปสลักท่านพญายมราชไปทำไมกัน
พญายมราชต่างจากเทพองค์อื่นๆ ตรงที่แทบไม่มีใครนับถือท่านจริงๆ เลย เพราะถ้าเป็นคุณ คุณจะขอให้เขาคุ้มครองเรื่องอะไรกัน ขอให้ไปยมโลกเร็วๆ หรือว่าจะขอให้ลงนรกเร็วๆ ล่ะ
ก็มีแต่ปู่ของเขาที่เชิดชูความยุติธรรมและเด็ดขาดของท่านสุดๆ เมิ่งเซินถึงตั้งใจไหว้วานปรมาจารย์แกะสลักที่ประจำอยู่ภายใต้บังคับบัญชาท่านหลุนจ้วนหวังให้มาแกะสลักท่านพญายมให้ตนเป็นพิเศษ
ภาพลักษณ์ท่านพญายมที่คนธรรมดารับรู้กับท่านพญายมตัวจริงแตกต่างกันคนละโยชน์ รูปสลักองค์นั้นเขาให้ต้าซือแกะสลักจากตัวจริงเชียวนะ คนธรรมดาที่ไหนจะมองออกว่านั่นคือพญายม…
“กู๊ดส์ที่ฉันต้องการนายซื้อมาหรือยัง ฉันโอนเงินเข้าบัญชีนายแล้ว ที่เหลือนายก็เก็บไว้เป็นค่าขนมแล้วกัน นายเพิ่งทำงาน กลัวว่าจะยังไม่มีเงินเท่าไหร่”
ชิงเหิงลอบกัดฟันกรอด เมิ่งเซินเหยียดหยามเขามาตั้งแต่เด็ก แล้วยังคิดจะยกเรื่องเงินแค่ไม่กี่ล้านมาดูถูกเขาอีก
เมิ่งเซินพูดต่อ “ฉันดูคลิปเต้นที่ฉยงเหรินโพสต์เมื่อคืนแล้ว เขาเก่งมากจริงๆ ห่างชั้นกับนายเจ็ดล้านกว่าฟู่จยาเจ๋อได้ เอางี้…”
เมิ่งเซินพลันมีความคิดแผลงๆ “เดี๋ยวฉันออกเงินให้ จ้างเขามาสอนนายเต้นเป็นไง”
ชิงเหิงมองเขาอย่างเหลือเชื่อ
เมิ่งเซินไม่ได้รับรู้ถึงคลื่นความคิดวกวนร้อยพันตลบในใจลูกพี่ลูกน้องคนนี้เลยสักนิด เขายังคงพ่นคำพูดวิเคราะห์การเต้นจนน้ำลายแฉะ แล้วยังถึงกับล้วงมือถือออกมาเปิดคลิปเต้นของฉยงเหรินอีก
เขาเปิดไปพลางอธิบาย
“ท่านี้ดูเหมือนจะง่ายนะ แต่จริงๆ ดีเทลเยอะไปหมด ออกแบบท่าได้ละเอียดมาก อยากจะเต้นให้ดูดีก็ต้องคอนโทรลร่างกายเก่งสุดๆ ตอนเปลี่ยนท่าด้วยความไวแบบนี้ก็ต้องรักษาความแม่นยำเฉียบคมถึงจะออกมาดูดีแบบนี้ได้”
“ท่อนที่เตะขาจะว่าง่ายก็ง่าย แต่จะว่ายากก็เป็นท่าที่ยากที่สุด ท่านี้มีแต่กับดักเต็มไปหมด ทำผิดแค่มิลเดียวก็ขัดตาจนน่าเกลียด ฉันกล้าพูดเลย คนโคฟเวอร์เพลงนี้เก้าสิบเก้าเปอร์เซ็นต์จะมาพังตรงท่าเตะขาที่ดูง่ายๆ นี่แหละ”
“จะว่าไป สไตล์การเต้นของเขาเหมือน PP ที่คว้าแชมป์โลกได้ตั้งแต่อายุสิบหกเลย”
เมิ่งเซินพูดแล้วก็ติดลม ล็อกอินเข้าเวยป๋อตัวเองแล้วเขียนวิทยานิพนธ์อวยยศฉยงเหรินอีกสองพันคำ เนื้อหาก็มีแต่เนื้อล้วนๆ ใจความหลักก็คือคนคนนี้เจ๋งโคตรๆ รักเลยๆ
แอ็กเคานต์ของเขาสร้างตอนที่ยังเรียนเต้นอยู่ คนติดตามในวงการนักเต้นเยอะมาก หนึ่งในนั้นมีคนไม่น้อยที่พอดูคลิปของฉยงเหรินที่เขาโพสต์แล้วก็รู้สึกเลื่อมใสกับการเต้นของฉยงเหริน พากันวิเคราะห์เทคนิคพร้อมเยินยออย่างตื่นเต้นไปอีกยกใหญ่
ชิงเหิงกลับมาที่ห้องของตัวเอง โกรธจนน้ำตาร่วงแหมะๆ ไม่หยุด เขาเลียนแบบท่าเตะขาของฉยงเหรินอยู่หน้ากระจกอย่างไม่ยอม
ยังไม่ทันเลียนแบบได้สักท่อน เขาก็ร้องไห้ฟูมฟายให้ตัวเองในกระจกยิ่งกว่าเดิม
โถงส่วนกลางของนรกภูมิ ยมราชทั้งสิบตำหนักมารวมตัวกันพักเบรกระหว่างทำงาน
“ยมบาลตำหนักเก้าที่ค้าแผ่นซีดีผิดกฎหมายถูกจับได้แล้ว จากคำบอกกล่าวของโฆษกท่านผิงเติ่งหวัง ท่านตัดสินใจเนรเทศนักโทษไปชดใช้ที่มหานรกหานปิง”
พญายมได้ฟังข่าวในทีวี สายตาก็ย้ายออกจากหน้าเว็บสั่งซื้ออัลบั้มของฉยงเหริน “นึกว่าแผ่นซีดีตกยุคไปแล้วซะอีก”
ซ่งตี้หวังทำขรึมอย่างหาได้ยาก “ยมบาลตนนี้ฉวยโอกาสตอนส่งมอบวิญญาณบาปเข้ามาดาวน์โหลดคลิปการแสดงของฉยงเหรินบนเครือข่ายอินทราเน็ต* ภายในตำหนักสามของเรา มันกลัวว่าหากขายไฟล์โดยตรงจะทำให้มีคนอื่นเอาไฟล์ไปขายต่อแล้วจะขัดผลประโยชน์ของตัวเอง ก็เลยไรต์ลงแผ่นซีดีที่ตั้งค่าให้อ่านไฟล์ได้อย่างเดียวมาขาย ตอนที่จับตัวได้มันก็ขายไปหนึ่งหมื่นแผ่นแล้ว จำนวนเงินที่เกี่ยวข้องกับคดีสูงเกินสองล้านเหรียญนรก
ไอ้คนบัดซบ หากินกับการขายแผ่นเถื่อนของลูกชายข้า!” ไอสังหารของซ่งตี้หวังพลุ่งพล่าน “ท่านผิงเติ่งหวัง ท่านจะแช่แข็งมันในมหานรกหานปิงนานแค่ไหน”
ผิงเติ่งหวังเป็นชายแก่เคราขาวอารมณ์ดี เขาลูบคางกล่าว “สามร้อยปี เพิกถอนสิทธิ์เกิดใหม่สามพันปี”
พญายมมองใบหน้าเบลอๆ ของฉยงเหรินในทีวี ก้มหน้าลงกดออเดอร์ในเว็บไซต์ออฟฟิเชียลของฉยงเหรินต่อ
วันนั้นเขาไม่ควรพูดว่าเพลงของฉยงเหรินแย่ต่อหน้าเจ้าตัวเลยจริงๆ งั้นก็ซื้ออัลบั้มของอีกฝ่ายสักหน่อยเป็นการไถ่โทษแล้วกัน
นักโทษคนนั้นขายแผ่นซีดีเถื่อนสองร้อย แต่อัลบั้มของแท้ออฟฟิเชียลขายแค่แผ่นละห้าสิบแปดหยวน มันสมเหตุสมผลเหรอ ซีดีเถื่อนของนักโทษขายไปแล้วหนึ่งหมื่นแผ่น แต่ยอดขายสูงสุดของอัลบั้มถูกลิขสิทธิ์สูงแค่หลักพันเอง
พญายมคิดว่าเหตุการณ์แบบนี้ไม่ยุติธรรมเลย ฉยงเหรินควรได้เงินมากกว่านี้
งั้นซื้อสินค้าอย่างอื่นที่เกี่ยวกับฉยงเหรินไปด้วยสักหน่อยก็แล้วกัน น่าเสียดายที่ต่อให้ซื้อทุกอย่างแล้วยอดรวมทั้งหมดก็ไม่ถึงสองล้านอยู่ดี
พญายมมีความเสียดายอยู่เต็มอก ขมวดคิ้วพลางกดจ่ายเงิน
ครึ่งชั่วโมงต่อมา ผู้จัดการที่เข้าไปเบิกอัลบั้มที่คลังเพื่องานแฟนไซน์ ชิงเหิงที่กดเข้าเว็บไซต์ออฟฟิเชียลเพื่อทำภารกิจที่ได้รับจากเมิ่งเซินให้เสร็จ คนทั่วไปที่ต้องซื้อกู๊ดส์ให้ครอบครัวที่เข้าฝันมาขอ รวมทั้งเหล่าแฟนคลับที่อยากซื้อของเกี่ยวกับฉยงเหรินเพราะตกหลุมรักฉยงเหรินพลันพบว่า…
สินค้าที่เกี่ยวกับฉยงเหรินบนเว็บไซต์ของเจินเฉิงคัลเจอร์จู่ๆ ก็โซลด์เอาต์หมดทุกอย่าง อัลบั้ม สโลแกน ปฏิทินตั้งโต๊ะ แท่งไฟออฟฟิเชียล ไม่เหลือเลยสักชิ้นเดียว
ผู้จัดการร้องกรี๊ด “ซวยแล้ว ฉยงเหรินของเราจัดแฟนไซน์ครั้งแรกแต่ไม่มีอัลบั้มเหลือให้ขายแล้ว ซวยแล้ว!!!”
ชิงเหิงมองหน้าเว็บที่สินค้าคงเหลือในสต็อกเป็นศูนย์ก็วิตก ทำไงดี ยมทูตคนเป็นอย่างเมิ่งเซินจะโมโหจนจะลากเขาลงนรกหรือเปล่า
** งานครบอายุปี หรืองานเจิ่งโซ่ว เป็นการจัดงานฉลองที่จะเริ่มจัดอย่างยิ่งใหญ่เมื่ออายุ 50 ปี และจะจัดอีกทุกๆ 10 ปี ถือเป็นพิธีต่ออายุอย่างหนึ่ง
* มตโตะ เป็นคำที่มาจากภาษาญี่ปุ่น แปลว่าอีก เอาอีก
* อินทราเน็ต (Intranet) คือระบบเครือข่ายภายในองค์กร โดยเป็นเครือข่ายอินเตอร์เน็ตที่เปิดให้ใช้เฉพาะสมาชิกในองค์กรเท่านั้น