everY
ทดลองอ่าน ผมมันไอดอลตัวท็อปของยมโลก เล่ม 1 บทที่ 9-10 #นิยายวาย
บทที่ 10
ในห้องรับแขกอันเล็กแคบมืดสลัว หน้าจอมือถือเป็นแหล่งกำเนิดแสงเพียงหนึ่งเดียวในห้อง บนหน้าจอเป็นรูปศาลาเหนือสายน้ำ ลมยามราตรีโชยพัดผ้าม่านโปร่งบางของศาลาปลิวไสว สาวน้อยชุดขาวบรรเลงพิณ
เรือนผมปรกใบหน้าสะสวยของเธอ
“ฮึกฮือออ!”
ฉยงเหรินกัดผ้าเช็ดหน้า เอื้อมมือไปคว้ากระต่ายขนปุยที่นั่งอยู่ข้างๆ มาดูเป็นเพื่อน เอาหัวทุยนุ่มฟูของกระต่ายน้อยมาเช็ดน้ำตา
“เนี่ยเสี่ยวเชี่ยนน่ากลัวมากอะ” ฉยงเหรินกอดกระต่ายน้อยด้วยความกลัว “ได้ยินมาตั้งแต่เด็กว่าเนี่ยเสี่ยวเชี่ยนเป็นเทพธิดาแสนสวย แต่ฉันไม่เคยมองหน้าเธอชัดๆ ได้เลยสักครั้ง ทำไมเธอถึงไม่ใช่คนนะ QAQ”
กระต่ายขนปุยไม่รู้จะตอบคำถามนี้ยังไง เพราะอย่างไรมันก็เป็นแค่ตุ๊กตากระต่ายขนฟูตัวหนึ่ง
หนังเล่นมาถึงตอนที่หนิงไฉ่เฉินกำลังเขียนบัญชีอยู่ในศาลเจ้าเก่าในตอนเช้า แต่ไม่รู้ตัวว่าชั้นล่างมีศพแห้งไต่คลานรอสูบเลือดสูบเนื้อเขาอยู่ ในตอนนั้นเองเสียงเรียกเข้าก็ดังลั่น
กระต่ายน้อยตกใจขดตัวกลม มุดหน้าลงไปซุกกับขาหน้า หางกลมปุ๊กลุกสั่นหงึกๆ
ฉยงเหรินอุ้มกระต่ายน้อยขี้กลัวขึ้นมา “ฮัลโหลครับ”
“เกิดปัญหากับอัลบั้มเราแล้ว” น้ำเสียงของผู้จัดการที่อยู่ปลายสายฟังดูเลื่อนลอย
ฉยงเหริน “อัลบั้มที่ขายไม่ออกของผมถูกคนจัดการคลังทำลายทิ้งไปหมดเพราะวางเกะกะพื้นที่มานานแล้ว?”
ผู้จัดการ “…ไม่ใช่อย่างนั้น มีคนซื้อสินค้าที่เกี่ยวกับนายไปทั้งหมดเลยต่างหาก แล้วพอจ่ายเงินได้สามนาที รถบรรทุกก็มาขนของในคลังไปหมดแล้ว”
ฉยงเหรินเงียบไปครู่หนึ่ง ก่อนจะอุทานอย่างตะลึง “แค่ขึ้นฮอตเสิร์ชก็ได้ผลขนาดนี้เลยเหรอ”
ต้องรู้ก่อนว่าสมัยนี้แทบไม่มีคนซื้ออัลบั้มกันแล้ว ต่อให้ซื้อส่วนใหญ่ก็เอาไว้เก็บสะสม ไม่มีใครเอาแผ่นซีดีออกมาฟังจริงๆ เพราะอย่างไรขนาดเครื่องเล่นแผ่นซีดีก็ยังกลายเป็นของโบราณไปแล้ว
ผู้จัดการรู้สึกผิดมาก “ความผิดฉันเอง ต่อให้ผ่านมาสามปีแล้วอัลบั้มนายจะขายออกแค่สี่สิบเก้าแผ่น แต่ฉันก็ควรแจ้งให้ที่คลังล็อกจำนวนไว้ก่อน”
“ไม่ใช่ความผิดพี่หรอกน่า ผมขายไม่ออกขนาดนั้น ใครจะไปรู้ว่าจะมีวันที่ขายหมดสต็อกด้วยล่ะครับ” ฉยงเหรินถอนหายใจ “คงมีแต่ต้องติดต่ออีกฝ่ายไป หวังว่าเขาจะคืนให้เราได้สักห้าร้อยแผ่นนะ”
ผู้จัดการ “แล้วถ้าเขาไม่ยอมล่ะ”
ฉยงเหรินไม่ได้ลนลาน “ร้องเพลงในอัลบั้มเลยแล้วกัน ทำงานแฟนไซน์เป็นงานคอนเสิร์ตแทน จัดการได้อยู่แล้วครับ”
ผู้จัดการรู้สึกหมดคำจะพูด อุตส่าห์พลิกดวงขึ้นมาได้ แต่ก็ยังมีหลุมบ่ออุปสรรคประหลาดๆ คอยขวางอยู่ตลอดๆ
“แล้วก็มีอีกเรื่อง”
ฉยงเหรินเดาตามความคิดที่มีอยู่แล้ว “ข่าวร้าย?”
ผู้จัดการกระแอม “ข่าวดี! นายพลิกดวงชะตาขึ้นมาได้แล้วน่า มั่นใจหน่อยสิ! รายการ ‘Let’s go, Buddy’ อยากเชิญนายไปเป็นแขกรับเชิญพิเศษของตอนแรก ฉันแอบไปถามมาแล้ว ฟู่จยาเจ๋อพาเมิ่งชิงเหิงไป นายอยากไปหรือเปล่า”
ฉยงเหรินตอบแบบไม่คิด “ไม่เอาครับ ต้องเจอหน้าฟู่จยาเจ๋อทุกวันคลื่นไส้จะตาย”
ผู้จัดการ “ค่าตัวตอนละเก้าแสน”
ฉยงเหริน “แต่ได้ออกไปเที่ยวบ้างก็ดีครับ”
เก้าแสน กลิ่นเงินนี่มันหอมจริงๆ
ฉยงเหรินจัดเก็บกระเป๋าเรียบร้อย ก้าวขึ้นไปเหยียบบนเครื่องบินสู่เมืองไห่โจว
เวลาถ่ายทำของรายการ ‘Let’s go, Buddy’ ชนกับงานแฟนไซน์ ตอนแรกเขาคิดจะทิ้งโอกาสงานวาไรตี้ครั้งแรก
แต่ท่านซ่งตี้หวังบอกว่าถนนทุกเส้นเชื่อมตรงกับนรก ไม่ว่าฉยงเหรินจะอยู่ที่ไหน พวกเขาก็พาไปส่งที่งานแฟนไซน์ได้ และยังบอกให้เขากอบโกยเงินจากรายการวาไรตี้อย่างสบายใจ
ท่านซ่งตี้หวังพูดจบ ฉยงเหรินก็ได้ยินเสียงร้องโอ๊ยดังลั่นจากปลายสายทันที
ถึงจะไม่มีหลักฐาน แต่เขาก็รู้สึกได้ว่าคุณซ่งตี้หวังโดนคุณเลขาฯ จินทุบอีกแล้ว คุณเลขาฯ จินเป็นเลขาฯ ที่เข้มงวดมากจริงๆ
เครื่องบินลงจอดในอีกสองชั่วโมงให้หลัง ทีมงานพาฉยงเหรินไปส่งที่ลานแคมปิ้งกลางป่าบนภูเขากันดารที่ยังไม่เปิดทำการให้คนนอกเข้าพัก ห้องของที่นี่แทบจะทั้งหมดเป็นบ้านไม้เรียงติดกัน นอกจากนี้ยังมีเต็นท์ของทีมงานที่กางเอาไว้วางจอมอนิเตอร์ด้วย
ฉยงเหรินเข้าไปยังบ้านไม้หลังใหญ่มากๆ หลังหนึ่งตามที่สตาฟฟ์คอยนำทาง ด้านในมีคนคนหนึ่งนั่งอยู่ก่อนแล้ว
เฉินรุ่ยเจ๋อ อดีตไอดอลตัวท็อปรุ่นก่อนหน้าซึ่งปัจจุบันเปลี่ยนมาเดินสายนักแสดงแล้ว ทักษะการแสดงของเขาไม่เลวเลย อีกทั้งเลือกบทได้เหมาะมาก ไม่เคยมีข่าวลือเสียๆ หายๆ
เฉินรุ่ยเจ๋อผิวค่อนข้างคล้ำ คงเพราะตากแดดตอนถ่ายละครมาไม่น้อย เขายื่นมือให้ฉยงเหริน “สวัสดี ฉันเฉินรุ่ยเจ๋อ ฉันเห็นที่นายโคฟเวอร์เพลง ‘Waste Myself’ แล้ว หล่อมาก ถ้ามีโอกาสช่วยสอนฉันทำท่าเตะขานั่นทีสิ ฉันเต้นแล้วดูแปลกๆ ทุกทีเลย”
ฉยงเหรินจับมือเขา สีหน้าจริงใจนอบน้อม “ผมไปดูเรื่อง ‘Along with wolves’ ของคุณในโรงมาสองรอบเลยครับ แสดงได้ดีมากๆ ฉากตอนบอกลาจ่าฝูง ทั้งแบ็กกราวนด์ที่มีดวงจันทร์สีขาวดวงใหญ่ด้านหลังกับใบหน้าด้านข้างของคุณ อารมณ์สับสนที่ทั้งอยากลาขาดจากฝูงหมาป่าแต่ก็อยากให้ฝูงหมาป่ารั้งตัวเองไว้ คุณแสดงทุกอย่างออกมาทางสายตาเลยครับ ตอนนั้นผมขนลุกซู่เลย”
เฉินรุ่ยเจ๋อตาเป็นประกาย “ตอนแรกตรงฉากนั้นต้อง…”
เขาลากฉยงเหรินมาฟังเขาพูดเล่าเป็นต่อยหอย
เฉินรุ่ยเจ๋อเป็นไกด์ประจำรายการ ‘Let’s go, Buddy’ แขกรับเชิญพิเศษอย่างฉยงเหรินจะมาเป็นผู้ช่วยไกด์ของด่านแรก
ในฐานะที่พวกเขาเป็นไกด์ พวกเขาต้องวางแผนกิจกรรมสามวันในแคมป์นี้ แน่นอนว่ากิจกรรมพวกนี้ล้วนมีสคริปต์ให้อยู่แล้ว
คืนนี้ทั้งคู่จะต้องนอนในแคมป์ ส่วนแขกรับเชิญที่เหลือจะมาถึงในวันพรุ่งนี้
หลังปิดกล้อง เฉินรุ่ยเจ๋อหาวหวอดอย่างเกียจคร้าน “บทเรื่องใหม่ที่ฉันจะแสดงจำเป็นต้องลดน้ำหนัก ฉันเลยไปกินข้าวกับนายไม่ได้ ฉันไม่ได้จะวางท่ากับนายนะ”
เขาบ่นหน้าบูด “ฉันล่ะเอียนอกไก่ ควินัว แล้วก็บร็อกโคลีจริงๆ”
ฉยงเหรินเห็นใจอย่างสุดซึ้ง
การกินข้าวคือความสุขอันดับหนึ่งของชีวิตคนเลยนะ ได้ยินว่าวันนี้ทีมงานมีหม้อไฟชาบูให้กิน ตอนนี้เขาถือตะเกียบรอแทบทนไม่ไหวแล้ว
ตอนบ่ายก็ถ่ายช่วงที่พวกเขาสองคนปรึกษากันเรื่องแผนการเที่ยวสองสามวันต่อ
หลังมื้อเย็น กลิ่นหม้อไฟอวลไปทั่วตัวฉยงเหริน เขาฮัมเพลงเดินกลับบ้านไม้หลังน้อยอย่างสุขใจ หม้อไฟอร่อยจริงๆ!
เขาพูดกับเจ้ากระต่ายปุกปุยที่นั่งอยู่ตรงหัวเตียง “พรุ่งนี้พอตั้งกล้องแล้วเราไปดูกันว่ากล้องมีมุมอับตรงไหนบ้าง ถึงตอนนั้นเธอก็ระวังเวลาขยับตัวด้วยล่ะ”
เจ้าต่ายพยักหน้าอย่างว่าง่าย
ฉยงเหรินกำชับเสร็จก็ดูว่ามีข้อความใหม่หรือไม่ ซึ่งเป็นครั้งที่เท่าไหร่แล้วก็ไม่รู้ เขาส่งข้อความส่วนตัวไปหาคนที่เหมาสินค้าเขาผ่านแอพพลิเคชั่นของเจินเฉิงคัลเจอร์แล้ว แต่อีกฝ่ายก็ยังไม่ตอบ
หวังว่าจะแก้ปัญหาได้อย่างราบรื่นก่อนงานแฟนไซน์จะเริ่มนะ
พักนี้งานในนรกยุ่งเป็นพิเศษ แล้วท่านพญายมก็ยังไปที่โลกมนุษย์อีก ด้วยเหตุนี้งานเอกสารต่างๆ จึงไปกองอยู่ที่ตำหนักพญายมจนถึงเพดาน
พญายมอวตารร่างเป็นเจ็ดร่าง ทำงานลืมวันลืมคืนมาทั้งสัปดาห์ จนในที่สุดปริมาณเอกสารก็หายไปได้ครึ่งหนึ่งแล้ว
เขานวดคอที่อยู่ในท่าเดิมไม่ขยับนานเกินไป กดเปิดมือถือที่ลืมไปนานแสนนาน
แอพฯ เจินเฉิงคัลเจอร์แจ้งเตือนว่ามีข้อความใหม่
ฉยงเหริน สวัสดีครับ ผมฉยงเหรินเองครับ ผมมีเรื่องหนึ่งอยากจะคุยกับคุณครับ อีกไม่กี่วันผมจะจัดงานแจกลายเซ็น แต่ว่าอัลบั้มถูกขายหมดไปแล้ว ไม่ทราบว่าทางคุณจะสามารถแบ่งมาให้ผมสักห้าร้อยแผ่นได้ไหมครับ ผมจะรับผิดชอบเรื่องค่าใช้จ่ายในการขนส่งรวมทั้งชดใช้ค่าเสียหายให้คุณด้วยครับ
ฉยงเหริน ขออภัยอย่างยิ่งที่มารบกวนจริงๆ ครับ เป็นความผิดของทางเราเองที่ไม่ได้ล็อกจำนวนสินค้าเพื่อสต็อกไว้ก่อน หากผมออกอัลบั้มหน้าผมจะแถมให้คุณจำนวนห้าร้อยแผ่นแน่นอนครับ
ในดวงตาสีชาดของพญายมเปี่ยมไปด้วยความอักอ่วน การไถ่โทษของเขาดูเหมือนจะกลายเป็นการสร้างเรื่องยุ่งยากแบบอื่นให้อีกฝ่ายแทน
. เธอจัดงานแจกลายเซ็นที่ไหน ฉันจะส่งไปที่นั่นโดยตรง ไม่จำเป็นต้องชดใช้
จู่ๆ ข้อความใหม่จากวีแชตก็เด้งขึ้นมา
เลขาฯ หนาน พรุ่งนี้ฉยงเหรินจะจัดงานแจกลายเซ็นที่มหานรกเฮยเสิง ฉันขอลางานครึ่งวันได้ไหมคะ
ที่แท้ก็จัดงานแจกลายเซ็นที่นรกงั้นหรือ เขาพิมพ์ตอบฉยงเหริน
. ฉันรู้สถานที่จัดแล้ว ฉันจะส่งอัลบั้มไปที่ตำหนักสาม ไม่ต้องกังวล
ฉยงเหรินลืมตาตื่นขึ้นมาตอนเช้าตรู่ก็ได้ยินเสียงแจ้งเตือนที่สุดจะแสลงหูอันเป็นเอกลักษณ์ของแอพฯ เจินเฉิงคัลเจอร์ คนที่ซื้ออัลบั้มของเขาไปในที่สุดก็ตอบกลับมาแล้ว อ่านคำตอบจากอีกฝ่ายจบ เขาก็กอดกระต่ายน้อยเงียบๆ แล้วโทรไปหาเหล่าหยาง
ฉยงเหริน “คือว่า…จัดการเรื่องอัลบั้มได้แล้วนะ”
เหล่าหยางปลื้มปริ่ม “งั้นก็ดีเลย ต้องไปรับของที่ไหน”
ฉยงเหริน “เอ่อ…ไม่ต้องไปรับครับ เขาบอกว่าเขาจะส่งไปให้ที่ตำหนักสามโดยตรง”
เหล่าหยาง “…แฟนคลับ ‘ตัวเป็นๆ’ ของนายมีกำลังซื้อไม่เบาเลยนะ”
ฉยงเหรินพยักหน้าเห็นด้วยเงียบๆ
หลังเขาวางสายก็ออกไปล้างหน้าแปรงฟันข้างนอก ถึงจะเป็นหน้าร้อน แต่บนภูเขาก็อากาศหนาวมาก เขาจึงไปล้างหน้าที่ก๊อกน้ำนอกบ้านไม้ ไล่ความง่วงที่มีอยู่เต็มหน่วยไปจนหมด
แขกรับเชิญคนอื่นๆ กว่าจะมาถึงก็บ่าย ฉยงเหรินเลยถือโอกาสตอนที่ยังไม่มีอะไรทำยัดบิสกิตง่ายๆ เข้าปากไปสองสามชิ้น แล้วเอากระดาษเงินกระดาษทองปึกหนึ่งออกมาจากกระเป๋าสัมภาระ เริ่มทำการพับเป็นก้อนเงินก้อนทอง
เขาเรียนรู้ทุกอย่างได้เร็วมาก ดูคลิปสอนพับรอบเดียวก็ทำคล่องมือ นิ้วเรียวร่ายรำไปมาระหว่างแผ่นกระดาษ ไม่นานก็พับก้อนตำลึงทองได้เต็มเตียง
ฉยงเหรินที่จมจ่อมอยู่แต่กับการพับก้อนเงินก้อนทองถูกเจ้ากระต่ายขนปุยเข้ามาคลอเคลียที่เอว เขาจึงหันหน้าไป “?”
กระต่ายน้อยชี้ไปที่ขาเตียง
นิ้วขาวซีดสองนิ้วกำลังแอบจับขอบๆ ก้อนทอง แล้วค่อยๆ เคลื่อนออกไปจากเตียง กระทั่งก้อนทองร่วงลงจากขอบเตียง มือชั่วร้ายนั่นก็เล็งไปที่ก้อนที่สองต่อทันที
ฉยงเหรินช็อกมาก ไม่นึกว่ากลางป่ากลางเขาแบบนี้จะมีโจรขโมยของตอนกลางวันแสกๆ!
นี่มันก้อนทองที่เขาพับให้แฟนคลับเชียวนะ! ต่อให้เป็นเทพยดาวิเศษวิโสมาจากไหนก็ไม่อนุญาตให้เอาไป
ฉยงเหรินก้าวดุ่มๆ เข้าไปคว้านิ้วซีดๆ สองนิ้วนั่น ฉุดกระชากลากถูออกมา กลายเป็นว่าเขาจับตัวคนคนหนึ่งออกมาจากอากาศ
คนคนนั้นเมื่อรู้ตัวว่าถูกจับได้ก็ดิ้นเร่าเอาเป็นเอาตาย อุ้งมือของฉยงเหรินคว้าจับมือที่โบกไปมาของอีกฝ่ายได้อย่างแม่นยำ ก่อนจะบิดเบาๆ เท่านั้นก็จับกุมอีกฝ่ายได้สำเร็จ
“ขโมยของต้องติดคุกนะ ไม่รู้เหรอ ผมจะแจ้งความ”
พอเห็นเต็มตาก็พบว่าหัวขโมยที่ถูกกดลงกับพื้นเป็นชายชราอายุราวหกสิบกว่าปีคนหนึ่ง ผิวซีดเผือด ผมดำ สวมชุดผ้าแพรสีขาวทั้งตัว หลังถูกพลิกตัวจับไว้ได้ก็ร้องโวยวายทันที “ผมยอมรับแล้ว ผมสารภาพ ท่านยมทูตโปรดละเว้นโทษหนักเถิด”
ท่าน…ยมทูต?
ทันใดนั้นเองก็มีคนคนหนึ่งเข้ามาทางหน้าต่าง หน้าต่างนั้นสูงจากพื้นหนึ่งเมตร แต่เขากลับลอยกลางอากาศเดินเข้ามา
คนคนนี้สวมชุดดำทั้งตัว มีโซ่ตรวนคล้องรอบเอว สวมหมวกทรงสูง บนหมวกมีตัวอักษรเขียนไว้ว่า ‘ร่มเย็นทั่วหล้า’
หน้าตาดูคลับคล้ายคลับคลาว่าเคยเจอที่ไหนมาก่อน แต่ก็นึกไม่ออก ทว่าจากสไตล์การแต่งตัวแบบนี้ มีหรือฉยงเหรินจะมองไม่ออก นี่ก็คือยมทูตดำ* ในตำนานยังไงล่ะ
ฉยงเหรินค่อยๆ หันไปมองชายชราที่กำลังร้องขอชีวิตทีละนิด ทีละนิด น้ำตาคลอหน่วยอย่างอดไม่ได้
เขาควรจะคิดได้ตั้งแต่แรกแล้ว คนเป็นๆ ที่ไหนจะมาขโมยก้อนกระดาษเงินกระดาษทอง กินก็ไม่ได้อีก
“นายนี่เอง! ฉยงเหริน!”
เมิ่งเซินสุดแสนจะเซอร์ไพรส์ ไม่นึกว่าจะได้เจอฉยงเหรินตอนทำโอทีด้วย
“นายจับเขาได้แล้วด้วยนี่ สุดยอดไปเลยนะเนี่ย! ไม่ได้ล่ามโซ่วิญญาณก็ยังจับคน เอ้ย ผีได้ด้วย”
ฉยงเหรินน้ำตาอุ่นร้อนรื้นปริ่มเบ้าตา ขนอ่อนบนแขนตั้งชัน “ช่วยมาล่ามเขาไว้ก่อนได้ไหมครับ”
เมิ่งเซินเข้ามาล่ามโซ่ชายแก่ฉับๆ ถลึงตาด่าสั่งสอนเขา “คุณบอกว่าอยากมาดูที่นี่เป็นครั้งสุดท้าย นายท่านของฉันก็ใจเมตตาช่วยให้คุณได้สมใจอยาก แต่คุณกลับกล้าหลบหนี โชคดีที่ฉยงเหรินเป็นคนเจอคุณ ถ้าเป็นคนทั่วไปก็คงตกใจตายไปแล้ว”
ฉยงเหริน ตอนนี้ผมก็หวิดจะหัวใจวายตายอยู่แล้วครับ
ชายชราทำหน้าตาน่าสงสาร “นายท่าน ลูกชายผมมันอกตัญญู แค่กระดาษเงินกระดาษทองก็ยังไม่เผามาให้ผม ผมกลัวว่าลงไปแล้วจะไม่มีเงินค่าแป๊ะเจี๊ยะให้นายท่านทั้งหลาย พอเห็นก้อนทองละลานตาบนเตียงนี่ก็เลยเกิดความคิดน่ารังเกียจขึ้นมา”
เมิ่งเซิน “ตอนนี้ตั้งแต่ล่ามวิญญาณจนถึงขั้นตอนพิจารณาบาปจะถูกอัดเสียงอัดวิดีโอไว้ทั้งหมด คุณคิดจะเอาเงินไปให้ใคร นี่เป็นการติดสินบน คุณจะต้องโทษเพิ่มอีกขั้นรู้หรือเปล่า”
ชายชราเริ่มร้องไห้โฮ “นายท่าน ผมไม่รู้จริงๆ ครับ ท่านละเว้นผมเถอะ ถ้าไม่ใช่เพราะลูกอกตัญญู ผมก็คงไม่ต้องกังวลเรื่องไม่มีเงินติดสินบนแล้วไปรับทัณฑ์ทรมานข้างล่างนั่นหรอกครับ”
เมิ่งเซินกลัวว่าภาพลักษณ์ของยมโลกจะเสียหาย จึงอธิบายกับฉยงเหรินด้วยสีหน้าอันชอบธรรม “เรื่องแบบนั้นมันเรื่องตั้งแต่ปีมะโว้ของปีมะโว้แล้ว ภายใต้การนำของท่านพญายม ระบอบการปกครองของพวกเราตอนนี้สมบูรณ์แบบ กระบวนการต่างๆ ได้มาตรฐาน เน้นย้ำเรื่องความยุติธรรม แล้วยังมีช่องทางให้วิญญาณได้ยื่นเรื่องขอความช่วยเหลือด้านการเงินโดยเฉพาะ ถ้ารู้สึกไม่พอใจกับผลการพิจารณาก็ยังสามารถยื่นคำร้องขอให้พิจารณาบาปใหม่ได้”
ฉยงเหรินพยักหน้าคอแข็งทื่อ มือยังคงพับก้อนทองด้วยความไวเหมือนติดปีก ถ้าไม่หาอะไรทำเพื่อหันเหความสนใจล่ะก็ เขาต้องเป็นลมแน่นอน
“เอ๋?” เมิ่งเซินโน้มตัวลงไปดูมือของเขาอย่างละเอียด “นายไม่มีพลังนี่ ทำไมถึงจับผีได้ล่ะ”
ฉยงเหรินจิกนิ้ว เหงื่อเย็นผุดพรายบนหน้าผาก อย่าเข้ามาใกล้สิโว้ย!
* ยมทูตดำ หรือเฮยอู่ฉาง มีหน้าที่รับดวงวิญญาณคนที่ทำชั่วหรือมีบาปหนาให้ไปชดใช้กรรมในนรก
ติดตามเรื่องราวทั้งหมดได้ใน ผมมันไอดอลตัวท็อปของยมโลก เล่ม 1
วางจำหน่ายแบบรูปเล่มที่เว็บไซต์ Jamsai Store, ร้าน Jamclub
และร้านหนังสือทั่วไป
รวมถึงในรูปแบบอีบุ๊กที่
Meb / OOKBEE / Pinto E-book by Fictionlog / Naiin App / SE-ED / Hytexts / comico และ ARN