ทดลองอ่าน พ้นเที่ยงคืนกลืนมิติ เล่ม 3 บทที่ 98-99 #นิยายวาย – หน้า 2 – Jamsai
Connect with us

Jamsai

everY

ทดลองอ่าน พ้นเที่ยงคืนกลืนมิติ เล่ม 3 บทที่ 98-99 #นิยายวาย

2 of 2หน้าถัดไป

บทที่ 99

ห้องจัดเลี้ยง

 

[โน้ตย่อ : ยินดีต้อนรับสู่ห้องจัดเลี้ยง]

 

นับตั้งแต่ได้รับข่าวสารที่ว่าจนถึงตอนนี้เวลาก็ผ่านไปสามนาทีแล้ว คนที่เข้ามาทำเควสต์ฝ่าด่านที่โชคดีมาถึงห้องจัดเลี้ยงได้ทั้งยี่สิบคนยังคงยืนนิ่งอยู่จุดเดิม

เนื่องจากไม่มีข่าวสารอะไรใหม่เพิ่มเติม พวกเขาจึงไม่กล้าเดินเข้าไปข้างในต่อ

ทว่าภายในห้องจัดเลี้ยงกว้างขวาง ทันทีที่เดินผ่านประตูเข้าไปพวกเขาก็มองเห็นทุกอย่างได้ชัดแจ้ง

โต๊ะอาหารหน้าตาเหมือนกันหลายสิบโต๊ะถูกจัดวางอย่างเป็นระเบียบทั่วห้อง บนโต๊ะแต่ละตัวถูกปูไว้ด้วยผ้าปูโต๊ะงดงาม ที่อยู่ทางด้านบนคือจานแก้วสะอาดสะอ้านเป็นมันเงาเหมือนใหม่ ที่วางอยู่ข้างจานคือมีด ส้อม และผ้าเช็ดปากที่พับไว้อย่างประณีตบรรจง

เก้าอี้สีเขียวขอบทองกระจายอยู่รอบโต๊ะ จำนวนเก้าอี้ที่ถูกจัดวางอยู่รอบโต๊ะแต่ละตัวนั้นมีจำนวนเท่ากัน แม้แต่ตำแหน่งจัดวางและระยะห่างก็ล้วนผ่านการคิดคำนวณมาเป็นอย่างดี

หากเงยหน้าขึ้นพวกเขาก็จะพบกับภาพวาดบนโดมโค้งวิจิตร

เมื่อกวาดตาไปรอบๆ ก็จะได้พบกับเปลวไฟส่ายไหวบนเชิงเทียนติดผนังกับม่านกำมะหยี่สีแดงที่ห้อยลงมาจากทางด้านบน

สีแดงทองเป็นสีหลักของห้องจัดเลี้ยงนี้

โอ่อ่างดงาม สะอาดสะอ้านว่างเปล่า

“นี่มัน…อะไรกัน” สมาชิกกลุ่มสือเซ่อรายหนึ่งเอ่ยปากถามด้วยความรู้สึกงุนงงที่ล้วนซ่อนลึกอยู่ภายในใจของทุกคนออกมา

เหอลวี่ยกมือมองดู ‘โน้ตย่อ’ อีกครั้ง “เป็นไปได้ไหมว่าต้องรออีกสักพักถึงจะมีสัญญาณเตือนส่งมาใหม่”

นี่เป็นแนวความคิดอ่านทั่วไปและเป็นความคิดของพวกเขาแทบทุกคนในเวลานี้

“ก็น่าจะเป็นอย่างนั้น”

“ต้องใช่แบบนั้นแน่ๆ ไม่งั้นจะให้พวกเรามาที่ห้องจัดเลี้ยงทำไม หรือว่าจะให้พวกเราทำตัวบินว่อนเป็นแมลงวันไม่มีหัว”

“ตกลงว่าจะรอ?”

“รอเถอะ…”

“งั้นพวกเราก็หาโต๊ะนั่งรอกันก่อนเถอะ” ทั่นฮวาเพิ่งจะตามคนอื่นๆ เข้ามาทีหลัง เพราะต้องวิ่งขึ้นบันไดมาอย่างหนัก ขาของเขาเลยอ่อนเปลี้ยไปหมดแล้ว

“…” ความนิ่งเงียบคือคำตอบที่พรรคพวกทั้งสิบเก้าคนมอบให้กับเขา

ความฉลาดเป็นกรดของทั่นฮวาทำให้เขาเข้าใจได้ทันที เขาพยักหน้า “ยืนก็ดีเหมือนกัน ปลอด…”

ที่เขาอยากจะพูดคือคำว่าปลอดภัย

ทว่ายังพูดไม่ทันจบจู่ๆ ห้องจัดเลี้ยงก็มีลมพัดโหม ทั้งเย็นเฉียบทั้งเปียกชื้น ระคนอยู่กับกลิ่นเค็มขื่นของน้ำทะเล

เสียงตึงดังมาจากทางด้านหลังของทุกคน ประตูห้องจัดเลี้ยงปิดลง!

ทุกอย่างเกิดขึ้นกะทันหันไม่มีใครได้ทันตั้งตัว ที่เบาหน่อยก็แค่สะดุ้ง ที่หนักหน่อยก็เนื้อตัวสั่นสะท้านไปทั้งร่าง ค่าความหวาดกลัวบนปลอกคอของคนทั้งยี่สิบคนคล้ายจะพุ่งพรวดขึ้นพร้อมกัน

เสียงเตือนภายในหูของเจิ้งลั่วจู๋ดังขึ้นอย่างรวดเร็ว

“อันตราย อันตราย ค่าความหวาดกลัวเกิน 80! ค่าความหวาดกลัวเกิน 80!”

ของเขายังจัดว่าต่ำ มีอยู่หลายคนพุ่งขึ้นไปเกินกว่า 90

คนที่เข้ามาทำเควสต์ฝ่าด่านทั้งหมดพากันปั่นป่วนขึ้นมาทันที

เจิ้งลั่วจู๋พยายามควบคุมความรู้สึกภายในใจอย่างสุดกำลัง เขารีบคุ้มกันหนานเกอไว้ทางด้านหลัง กวาดตามองไปรอบๆ อย่างระมัดระวังเหมือนกับทุกคน

จู่ๆ สมาชิกกลุ่มหวนเซียงถวนที่ยืนอยู่รอบนอกสุดรายหนึ่งก็รู้สึกว่าข้อเท้าของตัวเองถูกอะไรบางอย่างจับไว้

พอก้มหน้าเขาก็เห็นคนที่หัวเต็มไปด้วยเลือดคนหนึ่งหมอบอยู่กับพื้น มือจับอยู่บนข้อเท้าของเขา

คล้ายรู้ว่ากำลังถูกคนมองจ้องอยู่ คนคนนั้นขยับขยุกขยิกหันหน้ามองกลับมา

นั่นไม่อาจบอกได้ว่าเป็นใบหน้าที่สมบูรณ์ จากหว่างคิ้วจนถึงแก้มขวาถูกเฉือนทิ้งไปหนึ่งในสี่ เผยให้เห็นโครงกระดูกสีขาวชวนสะพรึง

“ว้ากกกกก!” สมาชิกกลุ่มหวนเซียงถวนรายนั้นหวาดกลัวสุดขีด แม้แต่เสียงกรีดร้องก็ยังเพี้ยน

เดิมทุกคนก็กังวลมากพออยู่แล้ว พอได้ยินเสียงร้องของอีกฝ่ายแบบนั้นพวกเขาก็แทบหัวใจหยุดเต้น หัวของคนทั้งสิบเก้าต่างหันมองไป ทันใดนั้นพวกเขาก็มองเห็นคนอยู่บนพื้น หากยังพอเรียกว่าคนได้ล่ะก็

ความหวาดกลัวที่เกิดขึ้นทำเอาหัวสมองของพวกเขาว่างเปล่า

จู่ๆ มือซีดขาวที่เกาะกุมข้อเท้าของสมาชิกกลุ่มหวนเซียงถวนรายนั้นก็ออกแรงกระชาก

โครม!

สมาชิกกลุ่มหวนเซียงถวนรายนั้นเสียสมดุลล้มกระแทกพื้นโครมใหญ่ เสียงกรีดร้องหยุดชะงัก ทว่าคนคนนั้นที่จับข้อเท้าเขากลับไม่หยุด มือข้างหนึ่งยังคงจับข้อเท้าของสมาชิกกลุ่มหวนเซียงถวน มืออีกข้างแนบติดอยู่กับพื้น อาศัยท่วงท่าแปลกประหลาดคลานเข้าไปในห้องจัดเลี้ยงอย่างรวดเร็ว

ความเร็วของ ‘มัน’ เร็วจนเหลือเชื่อ เพียงพริบตาสมาชิกกลุ่มหวนเซียงถวนรายนั้นก็ถูกลากไปไกลหลายเมตร

ทุกคนเพิ่งได้สติ

ชิงอีเซ่อ ลีออง และโจวอวิ๋นฮุยสามคนสามารถลงมือโจมตีระยะไกลได้พร้อมกัน

ต้นไอเทม ‘ยากเกินย่างก้าว’ ทำให้มีเถาวัลย์จำนวนนับไม่ถ้วนโผล่ออกมาจากพื้นที่ที่อยู่ใต้ร่างของสมาชิกกลุ่มหวนเซียงถวน เพียงช่วงเวลาสั้นๆ มันก็พันรัดอีกฝ่ายตั้งแต่หัวจรดเท้าจนกลายเป็นมัมมี่

มีเถาวัลย์พันรัดไว้ ความเร็วในการถูกลากตัวไปของสมาชิกกลุ่มหวนเซียงถวนรายนั้นก็ลดลงอย่างเห็นได้ชัด

‘มือฉมังขั้นกลาง’ กับ ‘ประกายไฟ’ พุ่งเข้าไปเล่นงานคนที่คลานอยู่บนพื้น

ธนูอากาศพุ่งไปถึงก่อน ทว่าไม่ได้ยินเสียงเสียบทะลุเนื้อกลับเป็นเสียงเจาะเข้ากับพื้นแทน

ตูม! ตูม!

ภายใต้สายตาของทุกคนที่กำลังจับจ้อง ลูกไฟขนาดเล็กพุ่งทะลุผ่านร่าง สะเก็ดไฟแตกกระจายอยู่บนพื้น

เลือดที่อยู่ในร่างของทุกคนเปลี่ยนเป็นเย็นเฉียบ

‘มัน’ ไม่ใช่ร่างแท้จริงแต่เป็นวิญญาณ!

ขณะที่คนที่เข้ามาทำเควสต์ฝ่าด่านทั้งหลายถูกความรู้ใหม่ทำให้ค่าความหวาดกลัวพุ่งสูง จู่ๆ ร่างของคนที่คลานอยู่บนพื้นรายนั้นก็หายลับไป

เจิ้งลั่วจู๋ได้สติก่อนใครเพื่อน เขาวิ่งตรงไปยังสมาชิกกลุ่มหวนเซียงถวนรายนั้นพลางตะโกน “ชิงอีเซ่อ เก็บต้นไอเทม!”

ชิงอีเซ่อปลดต้นไอเทม ‘ยากเกินย่างก้าว’ ออกอย่างรวดเร็ว

พอเถาวัลย์ที่พันรัดสมาชิกกลุ่มหวนเซียงถวนหายลับ เจิ้งลั่วจู๋ก็ไปถึงตัวอีกฝ่ายพอดี

เขานั่งยองๆ หมายตบหน้าสมาชิกกลุ่มหวนเซียงถวนรายนั้น แต่พอยกขึ้นมือขึ้นมาได้แค่ครึ่งจู่ๆ มือของเขาก็ชะงักค้าง

ทุกคนเพิ่งสังเกตเห็นว่าหลังถูกลากตัวไปสมาชิกกลุ่มหวนเซียงถวนรายนั้นก็ไม่ได้ส่งเสียงอะไรอีก

เสียงกรีดร้องคร่ำครวญ หรือเสียงตะโกนว่าช่วยด้วยสักคำก็ไม่มี

หนานเกอขยับขึ้นหน้ามาหยุดอยู่ข้างเจิ้งลั่วจู๋

หลังจากนั้นทุกคนก็ค่อยๆ ล้อมวงเข้ามา

สมาชิกกลุ่มหวนเซียงถวนที่นอนอยู่บนพื้นมีค่าความหวาดกลัวบนปลอกคอคือ 100

ใบหน้าของเขานิ่งค้างอยู่ในท่าก่อนสิ้นลมหายใจ สองตาถลนออกนอกเบ้า ปากอ้ากว้าง คล้ายตกใจสุดขีด

วิญญาณนั่นไม่ได้ฆ่าเขา

ที่พรากลมหายใจของเขาไปคือความหวาดกลัวต่างหาก

 

‘ค่าความหวาดกลัวจะขยับขึ้นลงอยู่ระหว่าง 0 ถึง 100 ทันทีที่ค่าของมันขึ้นไปถึง 100 ซึ่งเป็นขีดสูงสุดที่ ‘ปลอกคอชวนสะพรึง’ รับได้ มันจะปล่อยกระแสไฟฟ้าเข้าสู่หัวใจของผู้สวม เป็นเหตุให้หัวใจหยุดเต้นถึงแก่ความตาย’

 

‘โน้ตย่อ’ เขียนเอาไว้ชัดแจ้ง

ภายในห้องพักผู้โดยสารที่ไม่ได้เปิดออกพวกนั้น บางทีภาพเหตุการณ์เช่นนี้อาจไม่ได้เกิดขึ้นแค่ครั้งเดียว

แต่สำหรับผู้ที่โชคดีทั้งหลายที่สามารถออกจากห้องมาถึงที่นี่ได้ นี่กลับเป็นครั้งแรกที่พวกเขาได้เห็นมันกับตา

หากจะบอกว่าค่าความหวาดกลัวขยับขึ้นๆ ลงๆ ก่อนหน้านี้มันก็แค่นำความเสี่ยงมาให้พวกเขาเท่านั้น

ยามนี้พวกเขาสัมผัสได้ถึงคมมีดเย็นเยียบของทูตแห่งความตายแล้วจริงๆ

แสงสีม่วงแลดูไม่ต่างอะไรกับมือขนาดใหญ่คู่หนึ่ง ประคองร่างไร้วิญญาณนั่นขึ้นช้าๆ ก่อนจะพามันลับหายไปจากฝ้าเพดานของห้องจัดเลี้ยง

ผู้โชคดีที่ยังมีชีวิตรอดเหลืออยู่ทั้งหมดสิบเก้าคน

ห้องจัดเลี้ยงมีแต่ความเงียบงัน แม้แต่เสียงลมหายใจก็ยังฟังดูเก็บกดอึมครึม

กวนหลันเอ่ยปากทำลายความเงียบก่อนเป็นคนแรก “ที่พวกเราอยู่ในตอนนี้คือ ‘แดนน่าสะพรึงสุดขีด’ หลังจากนี้เรื่องราวทำนองนี้อาจมีให้พบเจออีกมาก บางทีอาจเป็นนายหรืออาจเป็นฉัน ไม่อยากตายมีต้นไอเทมป้องกันอะไรก็เอาออกมาใช้ให้หมด”

“ไอเทมป้องกันมีประโยชน์อะไร” มีคนสิ้นหวังแล้ว “นายป้องกันการโจมตีได้ แต่ป้องกันความหวาดกลัวไม่ได้ ค่าความหวาดกลัวถึง 100 เมื่อไหร่ไม่ว่าใครก็ต้องตายด้วยกันทั้งนั้น!”

กวนหลันไม่แม้แต่จะมองดูอีกฝ่าย ยิ่งไม่ต้องพูดถึงความสนอกสนใจเลย

คำพูดเตือนเมื่อครู่เขามอบให้อีกฝ่ายด้วยความเต็มใจ ถ้าเตือนจบแล้วยังต้องบอกวิธีควบคุมความหวาดกลัวให้อีก แบบนั้นทำไมไม่ขึ้นสวรรค์ไปซะเลยเล่า

คนที่เข้ามาทำเควสต์ฝ่าด่านทุกคนต่างกระเสือกกระสนดิ้นรนพาตัวเองหลุดพ้นมาจากเงาของความตายก่อนหน้านี้ด้วยกันทั้งนั้น ตอนนี้พวกเขาก้มมองดูต้นไอเทมของตัวเอง บ้างก็เปิด ‘กล่องไอเทม’ ค้นหาวิธีการป้องกันตัว

กวนหลันปากว่าง หลังจากล้วงกระเป๋ากางเกงอยู่เป็นนานในที่สุดเขาก็หาลูกอมรสพีชเม็ดหนึ่งเจอ ทันทีที่แกะเปลือกเสร็จเขาก็โยนมันเข้าปาก เคี้ยวมันอยู่สองสามที ราวกับกำลังกินลูกพีชฉ่ำน้ำหอมฉุยอยู่

ทั่นฮวากับลีอองคนหนึ่งมีต้นไอเทม ‘ผ่านตาไม่มีลืม’ อีกคนมีต้นไอเทม ‘มือฉมังขั้นกลาง’ ไม่มีอะไรเกี่ยวข้องกับการป้องกันเลย ดังนั้นจึงทำได้เพียงยืนเฝ้าอยู่ข้างหัวหน้ากลุ่ม อดทนรอการจัดวางลำดับต่อไป

คำพูดประโยคแรกของหัวหน้ากวนคือ “ฉันคิดถึงหลวงจีนแล้ว”

ทั่นฮวาแฉออกมาอย่างไม่กลัวอีกฝ่ายเสียหน้า “ที่หัวหน้านึกถึงคือ ‘เรือนกระจก’ ”

หลวงจีนเป็นสมาชิกกลุ่มที่มีความสามารถหลักในการป้องกัน

ต้นไอเทมระดับต้นของเขาคือ ‘เรือนกระจกกันลมกันฝน’

ต้นไอเทมระดับสองคือ ‘เรือนกระจกมีดหอกแทงไม่เข้า’

เจิ้งลั่วจู๋ที่อยู่ห่างออกไปไม่ไกลเรียกใช้ต้นไอเทม ‘แผ่นเหล็กม้วนหนึ่ง’ เขาไม่ได้ใช้ทั้งหมดสี่แผ่น แต่ใช้แค่สามแผ่นเรียงต่อกันเป็นรูปตัว U ให้เขากับหนานเกอเข้ามาอยู่ตรงกลาง เหลือพื้นที่ด้านหนึ่งไว้สำหรับสังเกตการณ์ และเนื่องจากอยู่ตรงข้ามกับกลุ่มเฉ่าเหมยเถียนเถียนเชวียนพอดี จึงสามารถได้ยินบทสนทนาของอีกฝ่ายได้ชัดเต็มสองรูหู

ต้นไอเทมป้องกันแบบเดียวกัน

ตอนอยู่ในด่าน 1/10 เทียร์ชื่นชมเรือนกระจกของหลวงจีนอย่างออกหน้าออกตา

เรื่องนี้เจิ้งลั่วจู๋เองก็จำได้

ตอนนี้เป็นอย่างไร ไม่ว่าจะดูดีสักแค่ไหนสุดท้ายก็น้ำไกลไม่อาจช่วยดับกระหาย

“นายคิดจะเรียกพวกเขาสามคนเข้ามา?” หนานเกอกระซิบถาม

เจิ้งลั่วจู๋ตะลึง สงสัยว่าอีกฝ่ายแอบฟังเสียงหัวใจของตัวเองอยู่ “พี่สาวรู้ได้ยังไง”

หนานเกอบอก “ต้นไอเทมของพวกเขาสามคนล้วนไม่ใช่ไอเทมป้องกัน ในเมื่อแผ่นเหล็กยังมีพื้นที่ว่าง คุ้มครองเพิ่มได้คนหนึ่งก็คนหนึ่ง”

เจิ้งลั่วจู๋พยักหน้าเต็มแรง “ใช่”

ที่จริงก็ไม่ใช่หรอก สำหรับหนานเกอที่เธอสังเกตเห็นคือสีหน้าไม่ยอมจำนน อยากพิสูจน์ให้ทุกคนรู้ว่าแผ่นเหล็กของตัวเองดีที่สุดต่างหาก

ส่วนเจิ้งลั่วจู๋เองก็รู้สึกว่าต้องพิสูจน์ให้ทุกคนเห็นว่าแผ่นเหล็กของตัวเองดีที่สุด

ขณะที่กำลังพูดคุยกันสมาชิกกลุ่มเฉ่าเหมยเถียนเถียนเชวียนก็ทอดตามองมาพอดี

พอดีเลยจะได้ไม่ต้องเสียเวลาอารัมภบท เจิ้งลั่วจู๋บอกอีกฝ่ายไปตรงๆ “มานี่สิ ฉันคุ้มกันพวกนายเอง”

กวนหลันเลิกคิ้ว รับน้ำใจอีกฝ่าย แต่ถึงอย่างนั้นเขาก็ยังไม่ไว้ใจสักเท่าไหร่ “แค่แผ่นเหล็กสามแผ่น?”

เจิ้งลั่วจู๋ฟังไม่เข้าหู “หมายความว่าอะไรที่ว่า ‘แค่’ นี่มันอินดัสเทรียลสไตล์เรียบง่ายแต่แข็งแกร่งต่างหาก!”

กวนหลัน ทั่นฮวา และลีออง “…”

มีข้อบกพร่องเต็มไปหมด แต่กลับจนปัญญาจะเถียง

หนึ่งนาทีให้หลัง

เม็ดเหงื่อใหญ่ขนาดเท่าเมล็ดถั่วหยดเปาะแปะลงมาจากหน้าผากของเจิ้งลั่วจู๋ ขอบเขตป้องกันของแผ่นเหล็กของเขาในเวลานี้หดเล็กลงกว่าเดิมพอสมควร ควบคุมยากลำบากมากขึ้นเรื่อยๆ ด้านในเบียดเสียด หนานเกอ กวนหลัน ทั่นฮวา ลีออง รวมถึงอีกสิบสี่คนที่เหลือ

“พวกนายไม่มีไอเทมป้องกันกันบ้างหรือไง” เจิ้งลั่วจู๋แทบคลั่ง จะเบียดเสียดกันเข้ามาทำไมเยอะแยะแบบนี้!

ผู้ลี้ภัยหมายเลข 1 เหอลวี่ “ฉันใช้ ‘ปฏิบัติตามกฎเกณฑ์’ สร้างเขตปลอดภัยได้ แต่ยังไม่รู้ว่าจะตั้งกฎว่าอะไรดี”

ผู้ลี้ภัยหมายเลข 2 โจวอวิ๋นฮุย “ฉันใช้ไฟโจมตี นายรู้ใช่ไหม”

หมายเลข 3 ชายสักลายพระพุทธองค์ “ของฉัน ‘จิตสงบ’ นายเคยเห็นมันมาก่อน”

หมายเลข 4 ชายสักลายเจ้าสาวศพสวย “ของฉัน ‘อัศวินกระดูกขาว’ ”

หมายเลข 5 เจียงฮู่ชวน “ของฉัน ‘ถนนทุกสายล้วนมุ่งหน้าสู่กรุงโรม’ ”

หมายเลข 6 ชิงอีเซ่อ “ของฉัน ‘ยากเกินย่างก้าว’ ”

หมายเลข 7 ต้าซื่อสี่ “ฉัน…”

เจิ้งลั่วจู๋ “ฉันไม่ได้ขอให้พวกนายบอก ‘เมนู’ สักหน่อย!”

ต้าซื่อสี่ “ฉันแค่อยากถามว่านายอยากให้ฉันใช้ ‘ฉันคือดาวนำโชคของนาย’ ช่วยหรือเปล่า”

เจิ้งลั่วจู๋ “เพิ่มความกว้าง เพิ่มความหนา เพิ่มความแข็งแกร่ง ขอบคุณ”

เมื่อมีไอเทม ‘ฉันคือดาวนำโชคของนาย’ ช่วยเสริม ประสิทธิภาพในการป้องกันของแผ่นเหล็กรูปตัว U ก็แข็งแกร่งขึ้น อย่างน้อยคนทั้งสิบเก้าคนที่อยู่ภายใต้การป้องกันของแผ่นเหล็กสามด้านก็รู้สึกปลอดภัยขึ้นมาอีกเล็กน้อย ค่าความหวาดกลัวค่อยๆ หยุดนิ่ง

อันที่จริงในบรรดาคนที่เข้ามาทำเควสต์ฝ่าด่านใช่ว่าจะไม่มีคนที่มีต้นไอเทมป้องกันเลย ไม่ว่าจะ ‘ยากเกินย่างก้าว’ ของชิงอีเซ่อ ‘ถนนทุกสายล้วนมุ่งหน้าสู่กรุงโรม’ ของเจียงฮู่ชวนล้วนสามารถใช้ป้องกันในเวลาต่อสู้ได้ แต่ที่ใช้ได้ตรงๆ มีคุณค่าเหมือน ‘แผ่นเหล็ก’ ของเจิ้งลั่วจู๋นั้นกลับมีอยู่เพียงหนึ่งเดียวเท่านั้น

บางครั้งยิ่งเรียบง่าย ก็ยิ่งใช้ได้คล่องมือ

การป้องกันคือก้าวแรกของการรักษาชีวิต ผ่านด่านถึงจะเป็นเป้าหมายสุดท้าย

แต่ตอนนี้พวกเขาออกจากห้องจัดเลี้ยงไปไม่ได้ สัญญาณเตือนใหม่เองก็ยังไม่มาสักที ทุกคนคล้ายกับเดินเข้าไปในซอยตัน

“แล้วตอนนี้พวกเราจะเอายังไง”

“รอ”

“รอให้ปีศาจเข้ามาโจมตีอีกรอบหรือไง”

“หรือว่าพวกเราจะพบเจอเบาะแสอะไรบางอย่างจากที่นี่ได้”

“เกิดเจอกับอะไรที่มันน่ากลัวกว่านี้ล่ะ”

ต่างคนต่างพูด ต่างฝ่ายต่างมีความคิดเป็นของตัวเอง ไม่อาจรวมกันเป็นหนึ่งเดียว

ขณะที่นายพูดประโยคฉันพูดประโยคอยู่นั้น จู่ๆ เชิงเทียนติดผนังที่อยู่ทั้งสี่ด้านก็กะพริบ ก่อนที่แสงไฟจะดับวูบลงพร้อมกันและสว่างกลับขึ้นมาอีกครั้ง เร็วราวกับกะพริบตา

ทุกคนต่างพากันปิดปากเงียบ

เพราะแค่ชั่วพริบตาห้องจัดเลี้ยงทั้งห้องก็เปลี่ยนไป

ม่านถูกกระตุกหล่น โต๊ะเก้าอี้ล้มคว่ำ แก้วจานระเกะระกะ ศพนอนเกลื่อนพื้น

โต๊ะแต่ละตัวล้วนมีคนนั่งอยู่เต็ม สภาพการตายของพวกเขาแต่ละคนล้วนน่าเวทนา บรรยากาศคละคลุ้งไปด้วยกลิ่นคาวเลือด

ราวกับมีภูตผีปีศาจโผล่ขึ้นมากลางห้องจัดเลี้ยงบนเรือสำราญซึ่งตกแต่งงดงาม และเปิดฉากสังหารหมู่เหล่าแขกเหรื่อที่กำลังหัวเราะกันอย่างสนุกสนาน

แสงไฟไม่ได้อึมครึมลง ตรงกันข้ามกลับยิ่งสว่างมากกว่าเดิม เชิงเทียนติดผนังแต่ละอันมีเปลวเทียนลุกไหม้สว่างไสว แสงไฟส่องสะท้อนเปลี่ยนห้องจัดเลี้ยงจนดูไม่ต่างอะไรกับตอนกลางวัน

 

  

ติดตามเรื่องราวทั้งหมดได้ใน พ้นเที่ยงคืนกลืนมิติ เล่ม 3

วางจำหน่ายแบบรูปเล่มที่เว็บไซต์ Jamsai Store, ร้าน Jamclub

และร้านหนังสือทั่วไป

 

รวมถึงในรูปแบบอีบุ๊กที่

Meb / OOKBEE / Fictionlog / Naiin App / SE-ED / Hytexts / comico และ ARN

 

 

2 of 2หน้าถัดไป

Comments

comments

No tags for this post.
Continue Reading

More in everY

บทความยอดนิยม

everY

ทดลองอ่าน เขตห้ามรักฉบับเบต้า เล่ม 1 Chapter 2.1-2.2 #นิยายวาย

ทดลองอ่าน เรื่อง เขตห้ามรักฉบับเบต้า เล่ม 1 ผู้เขียน : MINTRAN แปลโดย : ทันบี ผลงานเรื่อง : 배타적 연애 금지구역 ถือเป็นลิขสิทธิ์...

จุติรัก พลิกชะตาร้าย

ทดลองอ่าน จุติรัก พลิกชะตาร้าย บทที่ 1-2

บทที่ 1 ฮ่องเต้หญิง   “ท่านพี่นำร้อง น้องหญิงคลอรับ ท่านพี่เสียงเพิ่งลับ น้องหญิงสลับขึ้นเวที เป็นมารดาอารี มีบุตรีกตัญญ...

ทดลองอ่าน

ทดลองอ่าน ร้อยเรียงรักเคียงฤทัย บทนำ – 1.2

บทนำ ความหลังของต้าลี่ 1   ฤดูหนาวในรัชศกต้าลี่ปีที่สิบเอ็ด โม่เป่ย ตำบลค่งหม่า สถานที่แห่งนี้คือประตูด่านสำคัญสุดท้ายทา...

จุติรัก พลิกชะตาร้าย

ทดลองอ่าน จุติรัก พลิกชะตาร้าย บทที่ 7-8

บทที่ 7 ค่าเดินทาง เมื่อภูตสุนัขดำคืนร่างเป็นสุนัขธรรมดาตัวหนึ่ง ภูตบุปผาสองตนนั้นก็ไม่อาจทำการใหญ่ ต่อให้ชาวหมู่บ้านป่า...

จุติรัก พลิกชะตาร้าย

ทดลองอ่าน จุติรัก พลิกชะตาร้าย บทที่ 3-4

บทที่ 3 เกิดใหม่   เวิ้งฟ้าดำสนิทปานน้ำหมึก เพียงมีดวงดาวบางตากระจัดกระจายบนม่านฟ้า ทอรัศมีอ่อนจางประเดี๋ยวเผยประเดี๋ยวเ...

community.jamsai.com