ทดลองอ่าน พ้นเที่ยงคืนกลืนมิติ เล่ม 5 บทที่ 151-152 #นิยายวาย – Jamsai
Connect with us

Jamsai

everY

ทดลองอ่าน พ้นเที่ยงคืนกลืนมิติ เล่ม 5 บทที่ 151-152 #นิยายวาย

หน้าที่แล้ว1 of 2

ทดลองอ่าน เรื่อง พ้นเที่ยงคืนกลืนมิติ เล่ม 5

ผู้เขียน : เหยียนเหลียงอวี่

แปลโดย : สนสราญ

ผลงานเรื่อง : พ้นเที่ยงคืนกลืนมิติ

ถือเป็นลิขสิทธิ์ของสำนักพิมพ์เอเวอร์วายในการเผยแพร่ผลงาน

จัดพิมพ์และจัดจำหน่ายในประเทศไทยแต่เพียงผู้เดียว

หากผู้ใดละเมิดลิขสิทธิ์จะถูกดำเนินคดีตามกฎหมาย

– – – – – – – – – – – – – – – – –

 

Trigger Warning

 เนื้อหามีประเด็นอ่อนไหวเกี่ยวกับความรุนแรง ปัญหาครอบครัว

การทำร้ายทางร่างกายและจิตใจ การตาย การฆาตกรรม

การบังคับหรือโน้มน้าวให้ทำบางอย่างโดยไม่เต็มใจ

การกักขังหน่วงเหนี่ยว การทรมาน การบูลลี่

การกล่าวถึงเลือด สภาพศพ และสถานการณ์อันน่าขยะแขยง

ซึ่งอาจส่งผลกระทบทางจิตใจ

    

สำหรับผู้อ่านที่มีอายุ 18 ปีขึ้นไป

โปรดใช้วิจารณญาณในการอ่าน

 

** หมายเหตุยังไม่ใช่ต้นฉบับที่เสร็จสมบูรณ์ **

– – – – – – – – – – – – – – – – –

บทที่ 151

รับสมัครผ่านอากาศ

 

ในห้องนอนของห้องหมายเลข 8066

บนเตียงขนาดสองเมตรมีคนคนหนึ่งกำลังตะแคงหลับ ผ้าห่มขนห่านอ่อนนุ่มห่อคลุมร่างเขาไว้มิดชิด นอกจากศีรษะที่โผล่ออกมาแล้วก็ไม่มีช่องว่างให้อวัยวะส่วนอื่นโผล่ลอดออกมาได้ ดูไม่ต่างอะไรกับดักแด้

แสงสว่างถูกม่านหนาๆ บังไว้ โลกภายนอกยามนี้ถูกอาบไล้อยู่ภายใต้แสงตะวันอบอุ่น แต่ที่นี่กลับยังคงมืดมิดไม่ต่างอะไรกับราตรีที่เงียบสงัด

ฮั่วสวี่หายใจแผ่วเบา เบาจนไม่เหมือนกำลังหลับใหล หัวคิ้วของเขาขมวดเข้าหากันน้อยๆ ตรงกันข้ามกลับท่านอนสุขสงบนั่น คล้ายร่างกายผ่อนคลายทว่าจิตใจกลับระแวดระวังตัวอยู่ตลอดเวลา

เขาเป็นคนประเภทหลับตื้น

ตื้นจนแทบไม่รู้จักฝัน อาจมีบ้างบางคราวแต่เพียงไม่นานก็ตระหนักได้ว่านี่เป็นความฝัน หลังจากนั้นก็จะบังคับตัวเองให้ตื่น ด้วยเหตุนี้จึงไม่เคยมีเศษเสี้ยวของความฝันใดๆ อยู่ในความทรงจำของเขาเลย ต่อให้หลังจากฝืนปลุกตัวเองให้ตื่นจะยังคงจำมันได้กระจ่างชัด แต่ไม่นานเขาก็โยนมันทิ้งออกจากหัวสมอง

ไม่ว่าจะฝันงดงามขนาดไหนก็เปลี่ยนแปลงความจริงไม่ได้ ฮั่วสวี่ปฏิเสธเรื่องราวไร้สาระเหล่านี้ตามสัญชาตญาณ

แต่วันนี้ไม่เหมือนกัน

วันนี้ความฝันของเขาไม่มีภาพ มีแต่เสียง

เป็นท่วงทำนองแปลกหู เป็นเสียงฮัมแผ่วเบานุ่มนวลของผู้หญิงที่ชวนให้รู้สึกผ่อนคลาย คล้ายธารน้ำไหลเอื่อยใต้แสงจันทร์สีเงินยวง

เป็นเพลงกล่อมเด็ก

แม้ฮั่วสวี่จะไม่เคยได้ยินมาก่อน แต่ถึงอย่างนั้นเขาก็รู้ว่านั่นคือเพลงกล่อมเด็ก เพราะเมื่อนานมาแล้วเคยมีคนฮัมบทเพลงแบบนี้อีกเพลงให้เขาฟังมาก่อน ท่วงทำนองแม้จะต่างกันออกไป แต่กลับอบอุ่นอ่อนโยนเฉกเช่นเดียวกัน

ดังนั้นเขาจึงทำลายกฎเกณฑ์เดิม

ทั้งๆ ที่รู้ว่าฝัน แต่เขากลับดื้อแพ่งไม่ยอมตื่น

ท่วงทำนองผ่อนคลาย

ฮั่วสวี่หลับตาขดตัวอยู่ใต้ผ้าห่มแน่น รอการมาถึงของทำนองท่อนถัดไปอย่างว่าง่าย

ทว่าเสียงที่ดังขึ้นมากลับไม่ใช่ท่วงทำนอง แต่เป็นเสียงพูด ถึงจะยังคงเป็นหญิงสาวคนเดิม แต่น้ำเสียงกลับไม่ได้อบอุ่นอ่อนโยนเหมือนก่อนหน้านี้

หัวหน้า ยังต้องให้ ‘บริการเวกอัพคอลล์ด้วยเสียงธรรมชาติ’ ต่อหรือเปล่า…ฉันฮัมจนตัวเองก็เริ่มง่วงแล้ว คุณมั่นใจเหรอว่าทำแบบนี้จะสามารถปลุกเขาได้

ถามใคร หัวหน้าอะไร

ฮั่วสวี่งุนงงไม่เข้าใจ แต่หลังจากนั้นเขาก็ได้ยินเสียงผู้หญิงดังขึ้นอีกครั้ง

ได้ งั้นฉันจะแสดงความสามารถตามอำเภอใจล่ะนะ…”

แสดงความสามารถตามอำเภอใจ?

ฮั่วสวี่…ฮั่ว…สวี่…ฮั่วๆๆๆ…สวี่ๆๆๆ…”

ท่ามกลางเสียงเรียกร้องที่เต็มเปี่ยมไปด้วยจังหวะ ดักแด้ ก็กระโดดผลุงขึ้นมายืนตัวตรงอยู่บนเตียง

ผ้าห่มหล่นอยู่ที่ข้างเท้า ที่เผยให้เห็นกลับไม่ใช่ชุดนอนหรือท่อนอกเปลือยเปล่า หากแต่เป็นเสื้อผ้าครบชุด

ฮั่วสวี่นอนพร้อมกับเสื้อนอก แม้แต่ผ้าพันแผลที่อยู่บนแขนก็ยังคงพันรัดไว้เหมือนปกติ

เขาหรี่ตากวาดมองไปรอบๆ อย่างระมัดระวัง ไม่มีทีท่าเหมือนคนที่เพิ่งตื่นเลยแม้แต่น้อย คล้ายกับว่าที่นี่ไม่ใช่ห้องนอนไม่ใช่เตียงอ่อนนุ่ม แต่เป็นทุ่งกว้างที่เต็มไปด้วยอันตราย มีสิ่งผิดปกติแฝงอยู่ คนที่นอนอยู่จำต้องตื่นตัวระแวดระวังศัตรูอยู่ตลอดเวลา

ทว่าศัตรูไม่ได้อยู่ในห้อง กลับอยู่ในหูของเขา

ฮั่วสวี่…”

ไร้รูปไม่มีร่าง เป็นภูตผีปีศาจ

ใคร! โผล่หัวออกมาเดี๋ยวนี้… เมื่อการกวาดตามองไปรอบๆ ไม่ได้ผล ฮั่วสวี่จึงตวาดออกมาด้วยน้ำเสียงหงุดหงิด

เขาตวาดออกมาเต็มแรง น้ำเสียงที่เปี่ยมไปด้วยกำลังดังทะลุบานประตูออกมา ก้องไปทั่วระเบียงทางเดินชั้นแปด

หนานเกอที่ยืนอยู่หน้าประตูตกใจ แต่เป็นการตกใจในแง่ดี เธอหันมองไปทางหัวหน้าทันที

บริการเวกอัพคอลล์ นี้ได้ผลเร็วกว่าที่ถังหลิ่นคิดไว้ เพราะรู้สึกพึงพอใจกับความสำเร็จดังกล่าวมาก เขาจึงรีบส่งสายตายืนกรานให้กับหนานเกออีกคราว

หนานเกอรับทราบ รีบดำเนินการขั้นสองต่อ ลงมือ สยบเป้าหมาย เพื่อจะได้เริ่มต้นการพูดคุยตกลงเงื่อนไขกันได้อย่างราบรื่น

สวัสดีฮั่วสวี่ หนานเกอทำตัวไม่ต่างอะไรกับพี่สาวที่รู้ใจ น้ำเสียงอ่อนโยนราวกับสามารถปลอบประโลมสรรพชีวิตบนโลกใบนี้ ฉันชื่อหนานเกอ ตอนนี้กำลังคุยกับนายผ่านต้นไอเทม ตราตรึงไม่รู้ลืม

ทักทายเรียบร้อย แนะนำตัวเสร็จสิ้น สถานการณ์เห็นได้ชัดว่าเป็นไปได้ด้วยดี

ทางฮั่วสวี่ถูกสยบแล้วหรือเปล่าไม่มีใครรู้ชัด แต่หากมองดูโดยรอบทั่วทั้งชั้นแปดยามนี้มีประตูหลายบานถูกผลักเปิดแล้ว ทั้งหมดล้วนเพราะถูกเสียงตวาดของฮั่วสวี่ทำสะดุ้งตกใจ ชะโงกหน้าออกมาหมายดูให้รู้แน่ว่าเกิดอะไรขึ้น

นึกไม่ถึงว่าแทนที่จะเห็นตัวการ พวกเขากลับมองเห็นผู้ต้องสงสัยห้าคนยืนอยู่หน้าประตูห้องของฮั่วสวี่ ซ้ำหนึ่งในนั้นยังเป็นผู้หญิง บอกเล่าพูดจาอะไรบางอย่างอยู่กับบานประตูด้วยท่าทีละมุนละไม

คนเหล่านั้นมองหน้ากันไปมา บนใบหน้าเต็มไปด้วยเครื่องหมายคำถาม

คนพวกนั้นมาถึงหน้าประตูเพื่อสารภาพความในใจกับฮั่วสวี่?

เชื่อฉัน ฉันไม่ได้มีเจตนาร้าย…

เมื่อบรรดาเจ้าของห้องบนชั้นแปดเริ่มสมาธิจดจ่อ ระเบียงทางเดินก็ค่อยๆ เปลี่ยนเป็นเงียบสงัด เสียงของหนานเกอชัดขึ้นทีละน้อย

ตอนนี้ฉันกำลังพูดคุยกับนายอยู่ในห้องของตัวเอง…

คนที่มุงดูอยู่รายรอบ “…”

ปากของผู้หญิง ยิ่งกว่าผีหลอกคน

ประตูห้องต่างๆ ทยอยเปิดออกเยอะขึ้นเรื่อยๆ ทั้งหมดล้วนเกิดจากเสียงของฮั่วสวี่เป็นเหตุ นอกจากชั้นแปดแล้วยังมีชั้นเจ็ดกับชั้นเก้าอีกด้วย พวกเขาถ้าไม่หมอบอยู่กับราวกั้นมองลงมาก็เท้าอยู่กับราวกั้นมองขึ้นไป

เมื่อวานตอนที่สมาชิกกลุ่ม VIP กลั่นกรองแผนการกัน พวกเขาก็คาดเดาได้อยู่ก่อนแล้วว่าต้องมีคนห้อมล้อมมุงดูแน่ ดีไม่ดีอาจมีความเคลื่อนไหวใหญ่โตอะไรบางอย่างตามมา ดังนั้นพวกเขาจึงไม่รู้สึกสะท้านสะเทือนอะไรกับปฏิกิริยาของคนพวกนั้น

หนานเกอปฏิบัติตามแผนการได้อย่างน่าประทับใจ บางครั้งเวลา แท่นบอกบท ทำงานช้าเกินไป เธอถึงกับเลื่อนเปลี่ยนหน้าเอง ฉันเป็นสมาชิกกลุ่ม VIP สมาชิกกลุ่มรวมฉันแล้วมีอยู่ด้วยกันทั้งหมดห้าคน ตอนนี้ฉันอยากเชิญนายเข้ามาเป็นสมาชิกคนที่หกของพวกเรา…

ที่แท้ก็รับสมัครสมาชิก

บรรดาเจ้าของห้องบนชั้นแปดต่างส่งสายตาให้แก่กัน จุดเทียนให้กับหน่วยกล้าตายกลุ่มนี้อย่างพร้อมเพรียง

ส่วนคนที่อยู่บนชั้นเจ็ดกับชั้นเก้าถึงจะไม่อาจมองเห็นสิ่งที่เกิดขึ้นชัดถนัดตา ทว่ากลับวิพากษ์วิจารณ์ชาวบ้านได้สะดวกสบายสุดๆ ไม่จำเป็นต้องสนใจคู่กรณี

กลุ่ม VIP คือใครน่ะ?

เป็นพวกหน้าใหม่ เพิ่งผ่านการเอาชีวิตบนเกาะร้างมาได้ไม่นาน

มีสมาชิกแค่ห้าคนแต่กลับเรียกตัวเองว่ากลุ่ม?

คนถึงจะน้อย แต่ใจกล้าอย่างเหลือเชื่อ มาถึงไม่ทันไรก็เล็งเป้าไปที่เจ้านั่นแล้ว

ฉันใจดำไปหน่อยหรือเปล่านะ ถึงได้นึกอยากเห็นคนพวกนี้ถูกฮั่วสวี่เล่นงานไวๆ…

ฉันยิ่งกว่านายอีก ฉันอยากเห็นเจ้าเด็กแซ่ฮั่วนั่นถูกชาวบ้านเล่นงาน…

ไม่อะ ของนายไม่เรียกว่าใจดำ เขาเรียกว่าผดุงความยุติธรรมแทนสวรรค์ต่างหาก

มีคนห้อมล้อมมุงดูกลุ่ม VIP ทั้งยังมีคนนั่งอยู่ในห้องมองดูฮั่วสวี่ที่อยู่บนหน้าจอ

ในเวลานี้ชายหนุ่มที่พันผ้าพันแผลไว้บนแขนกำลังนั่งอยู่บนพื้นกลางห้องรับแขก บรรยากาศรอบตัวไม่ต่างอะไรกับตอนพายุฝนฟ้าคะนองกำลังจะปะทุ ชวนให้คนรู้สึกเหมือนอีกฝ่ายพร้อมจะกระโดดขึ้นใช้คลื่นลูกยักษ์สาดซัดทำลายทุกสิ่งอย่าง

แต่หลังจากรอแล้วรอเล่าฮั่วสวี่ก็ยังคงไม่ทำอะไร เขาเพียงนั่งก้มหน้ามองพื้นอยู่ตรงนั้น

สายตาของเขาแลดูโหดเหี้ยม แต่ถึงอย่างนั้นก็คล้ายยังมีสิ่งอื่นแอบแฝงอยู่

คนที่มุงดูเหตุการณ์ทั้งหลายต่างไม่เข้าใจ รู้สึกแค่ว่าอีกฝ่ายแขนขาล้วนมีการพัฒนายกเว้นก็แต่สมองเท่านั้นที่เรียบง่าย ชาวบ้านแค่บอกว่า ฉันอยู่ในห้องของตัวเอง เขาก็ไม่คิดจะออกมาพิสูจน์

ถังหลิ่นเองก็นึกไม่ถึง หนานเกอมาถึงขั้นตอน แจ้งเงื่อนไขอย่างเป็นทางการ แล้ว หลังประตูยังคงสงบนิ่งแบบนี้ เมื่อวานตอนเขาอนุมานเหตุการณ์ เดิมเขาคิดว่าหลังจากถูกปลุกให้ตื่นฮั่วสวี่จะพุ่งออกมาตามหาตัวศัตรู ไม่สนว่าอีกฝ่ายจะอยู่นอกประตูหรืออยู่ในห้องของตัวเองเสียอีก

มีแต่ฮั่วสวี่เท่านั้นที่รู้ดีว่าการที่เขาทำเช่นนี้ก็เพราะไว้หน้าเพลงกล่อมเด็กนั่น

กลุ่มบัดซบที่รบกวนการนอนของชาวบ้านต่อให้ถูกน้ำท่วมพัดหายไปสักหมื่นครั้งก็ไม่มีอะไรให้น่าเสียดาย ทว่าเสียงฮัมเปิดโรงนั่นกลับบังเอิญเล่นงานถูกจุดอ่อนเขาได้พอดิบพอดี

ฮั่วสวี่ถึงกับหวังว่าหลังจากพูดเรื่องเหลวไหลพวกนั้นจบ เสียงผู้หญิงที่ดังอยู่ในหูเขาจะกลับไปฮัมเพลงกล่อมเด็กก่อนหน้านี้อีกครั้ง เพียงแต่ต้นไอเทม ตราตรึงไม่รู้ลืม พิลึกพิลั่นนี้เหมือนจะสื่อสารได้ฝ่ายเดียว

ไม่เป็นไร ต่อให้สามารถสื่อสารได้สองฝ่าย เขาก็ไม่มีทางเอ่ยปากขอร้องอะไรแบบนั้น

โง่เป็นบ้า

ฉันจะถือเสียว่านายยินดีที่จะฟังฉันพูดก็แล้วกัน ต่อไปฉันจะเริ่มอธิบายถึงเหตุผลที่ ‘นายจำเป็นต้องเข้าร่วมกลุ่ม’ อย่างเป็นทางการล่ะนะ”

จำเป็น?

ฮั่วสวี่หางตายกสูง หึๆ

เหตุผลเพียงหนึ่งเดียวที่เขาพอจะนึกขึ้นได้คือความสามารถของเขาสูงเกินไป จำเป็นต้องอุทิศตนช่วยดึงความสามารถของพวกงี่เง่าทั้งหลายให้ขึ้นมาอยู่ในระดับเดียวกัน

ข้อแรก นายอยากเข้าด่าน 4/10 ถ้านายไม่ต้องการ นายย่อมไม่จำเป็นต้องฝึกฝนตัวเองหนักขนาดนั้นทุกวัน ถ้านายไม่ต้องการ นายก็น่าจะเลือกทำภารกิจเพิ่มพูนค่าประสบการณ์ เพื่อจะได้ยืดระยะเวลาพักอาศัยอยู่ที่นี่…

ในเมื่ออยากเข้าไป จะเร็วจะช้ายังไงก็ต้องเข้า ทำไมถึงต้องรอให้ค่าประสบการณ์หมดแล้วถูกบังคับให้เข้าไปในด่านลำพังคนเดียวด้วย”

ฮั่วสวี่ควบคุมตัวเองไม่อยู่ เขาเอ่ยปากแย้ง เธอว่าใครลำ…

คำพูดหลุดออกจากปากไปได้ครึ่งเดียว เขาถึงนึกขึ้นได้ว่าพูดคุยกับอากาศจะมีประโยชน์อะไร

นึกไม่ถึงว่าเสียงที่ดังก้องอยู่ในหูนั้นจะเหมือนได้ยินคำพูดของเขา อีกฝ่ายเอ่ยแก้ไข

หัวหน้าของฉันบอกว่าห้ามใช้คำว่าลำพังตัวคนเดียว ความสามารถในการต่อสู้ของนายสูง ต้องใช้คำว่าบุกเดี่ยว…”

หรือว่าเธอจะอยู่ในห้องจริงๆ และกำลังมองดูเขาผ่านทางหน้าจอ?

แล้วหัวหน้าที่ว่าคือใคร ตอนนี้อยู่ข้างๆ เธอหรือเปล่า

ไหนๆ ก็พูดถึงหัวหน้าแล้ว งั้นฉันขอแนะนำสมาชิกกลุ่ม VIP ของพวกเราให้นายรู้จักก่อนก็แล้วกัน ถังหลิ่นคือหัวหน้ากลุ่มของพวกเรา…”

ฮั่วสวี่ “…”

เสียงที่ดังก้องอยู่ในหูทุกครั้งล้วนเชื่อมต่ออยู่กับการเคลื่อนไหวภายในจิตใจของเขาอย่างแนบสนิท เรื่องนี้ทำเอาชายหนุ่มที่พันผ้าพันแผลไว้บนแขนรู้สึกไม่สบอารมณ์เป็นที่สุด เขาถึงกับรู้สึกว่าบนผนังคล้ายมีดวงตากะพริบวิบวับอยู่เต็มไปหมด

ใบหน้าของเขายับย่นเข้าด้วยกัน หลังผ่านไปครู่หนึ่งเขาก็ตัดสินใจลุกขึ้น

สองตาของคนที่เฝ้ารอดูเหตุการณ์อยู่ในห้องทั่วทั้งอาคารเป็นประกาย อ่า กำลังจะสู้กันแล้ว!

ฮั่วสวี่เดินออกจากห้องรับแขก ก่อนจะเลี้ยวขวาไปยังห้องฝึกซ้อมที่อยู่ด้านในสุด

บรรดาคนที่เข้ามาทำเควสต์ฝ่าด่าน “…”

นายจะเข้าไปหลบอยู่ในห้องฝึกซ้อมทำไม ขนาดนอนหลับนายยังไม่กลัวว่าคนจะจับตามองเลยไม่ใช่หรือไง รีบออกไปหาต้นตอของเสียงสิ ระเบิดต้นไอเทมออกมาเลย!

ท่าทีผิดปกตินี้ของฮั่วสวี่ทำเอาคนที่เดิมนั่งดูเหตุการณ์ผ่านจออยู่ในห้องกว่าครึ่งพากันเปิดประตูเดินไปที่ระเบียงทางเดิน หมายฟังดูว่ากลุ่ม VIP ใช้ถ้อยคำแปลกประหลาดมหัศจรรย์อะไร ถึงทำให้คนที่แค่แตะถูกก็ระเบิดรายนี้ทนฟังได้จนถึงตอนนี้

หนานเกอที่อยู่หน้าห้องหมายเลข 8066 เพิ่งแนะนำสมาชิกกลุ่ม VIP ทั้งห้าเสร็จ กำลังเตรียมวกกลับเข้าประเด็น

ถังหลิ่นถอยไปหยุดอยู่ข้างฟั่นเพ่ยหยางแล้ว เขายืนเอนกายพิงอยู่กับราวกั้น จากมุมนี้ทำให้เขาสามารถสังเกตเห็นการเคลื่อนไหวของแต่ละชั้นได้ง่าย เหมือนอย่างเมื่อครู่ที่แค่ชั่วพริบตาก็มีคนโผล่หน้าออกมาดูกันมากมาย

การที่คนพวกนี้โผล่ออกมาพร้อมกันแน่นอนว่าย่อมต้องมีเหตุผล และเหตุผลที่ว่าก็น่าจะไม่เกี่ยวกับเสียงตวาดของฮั่วสวี่ที่ดังอยู่ก่อนหน้านี้

ดังนั้นเหตุผลเพียงหนึ่งเดียวที่ถังหลิ่นพอจะนึกออกก็คือฮั่วสวี่ไปจากห้องแล้ว บางทีอาจเข้าไปในห้องฝึกซ้อม เมื่อจู่ๆ เป้าหมายหายตัวไป คนที่เฝ้าจับตาดู พวกนั้นถึงได้พร้อมใจกันกรูออกมา

แน่นอนว่าฮั่วสวี่ไม่ได้ไปจากห้อง ไม่อย่างนั้นตอนนี้พวกเขาต้องได้ทักทายกันแล้ว

นั่นก็แปลว่าฮั่วสวี่เข้าไปในห้องฝึกซ้อมแล้ว

สองตาของถังหลิ่นเป็นประกาย เขาพูดกับหนานเกอว่า ไม่ต้องถ่วงเวลาแล้ว เร่งจังหวะเถอะ

ถ้าอีกฝ่ายไม่อยากฟัง ไม่ว่าคุณจะพูดมากขนาดไหนมันก็เป็นเพียงคำพูดเหลวไหล ถึงตอนนั้นคุณจะพูดไม่มีแก่นสารอะไรแบบไหนก็ย่อมได้

แต่ในเวลานี้เขารู้สึกว่าฮั่วสวี่น่าจะพร้อมรับฟังคำพูดของพวกเขาแล้ว

หนานเกอรับคำสั่ง สีหน้าเปลี่ยนเป็นจริงจัง น้ำเสียงกลับมาองอาจชัดถ้อยชัดคำเหมือนปกติ อ่อนโยนน้อยลงเยือกเย็นเฉียบขาดมากขึ้น

ค่าประสบการณ์มีความสัมพันธ์โดยตรงกับการปลดล็อกต้นไอเทม ถ้านายใช้พวกมันอย่างสิ้นเปลืองอยู่ที่นี่ แถมบุกเดี่ยวไปยังด่านที่อยู่หลังๆ นั่นก็เท่ากับว่าตัวนายเองกำลังสร้างอุปสรรคใหญ่หลวงให้กับตนเอง จำเป็นด้วยเหรอที่ต้องทำแบบนั้น…

ข้อสอง ถ้าเหตุผลที่นายไม่อยากเข้ากลุ่มคือรู้สึกว่าเป็นคนแปลกหน้า ไม่มีความรู้สึกใดๆ ให้ เช่นนั้นกลุ่ม VIP ของพวกเรา…

ก็สามารถมอบครอบครัวอันอบอุ่นให้กับนายได้?

คนที่กำลังรอฟังทั้งหลายต่างพร้อมใจกันเผยสีหน้าหยันเย้ยออกมา คำพูดนี้ถูกชาวบ้านใช้กันจนเปื่อยแล้ว

เช่นนั้นกลุ่ม VIP ของพวกเราก็เป็นตัวเลือกที่ถูกต้องของนายแล้ว พวกเราจะไม่ฝืนใจนายให้ต้องมามีความรู้สึกอะไรด้วย พวกเราแค่จับกลุ่มกันเท่านั้น พอเข้าไปถึงด่าน 4/10 ได้เป็นที่เรียบร้อย ขอเพียงไม่ผิดกฎด่าน นายสามารถไปจากกลุ่มได้ทุกเมื่อ…

คนที่แอบฟังอยู่ “…”

ไม่ต้องมีความรู้สึกอะไรต่อกันเลยจริงๆ

ข้อสาม ถ้าเหตุผลของการไม่อยากมีกลุ่มของนายเป็นเพราะรู้สึกว่าความสามารถของอีกฝ่ายไม่คู่ควรกับนาย งั้นก็ง่ายมาก ห้องฝึกซ้อมของกลุ่ม VIP เปิดรับการมาเยือนของนายตลอดเวลา สมาชิกกลุ่ม VIP ทุกคนพร้อมรับการทดสอบของนายทุกเมื่อ…

ข้อสี่ หัวหน้าของเรารู้สึกว่าเรื่องนี้อาจไม่ดึงดูดใจนายสักเท่าไหร่ แต่หากว่ากันตามมารยาทแล้วพวกเรายังมีเรื่องที่ต้องบอกให้นายรู้ การเข้าร่วมกลุ่มกับพวกเรานั้นนายมีโอกาสได้รับเงินรางวัลตอบแทนด้วย ทันทีที่เข้าร่วมกลุ่มนายก็จะได้รับเงินตอบแทนนั่นเลย ประธานฟั่นเจ้าอารมณ์จะโอนเงินให้นายทางระบบออนไลน์ หลังจากรวมกลุ่มกันเป็นที่เรียบร้อย ค่าใช้จ่ายทั้งตอนอยู่ในเขตรวมพลและด่านต่างๆ นอกจากส่วนที่นายตัดสินใจจ่ายเองแล้ว กลุ่ม VIP ล้วนเป็นคนจ่ายให้ ขอเพียงนายยังอยู่ในกลุ่มของพวกเรา คำมั่นสัญญานี้จะมีผลไปชั่วนิรันดร์…

คนที่แอบฟังอยู่พากันปั่นป่วน

ถึงจะเคยเห็นกลุ่มต่างๆ พยายามชักชวนฮั่วสวี่ให้เข้าร่วมกลุ่มมาก่อน ทว่าวิธีการของกลุ่ม VIP นี้เรียกได้ว่าน่าประทับใจสุดๆ

ข้อแรกอธิบายถึงความจำเป็นในการเข้าร่วมกลุ่ม

ข้อสองกับข้อสามใช้ทั้งความรู้สึกและความสามารถทำลายความวิตกกังวลของฮั่วสวี่

และข้อสี่…ใช้! เงิน! ทุ่ม!

มีคนทนไม่ไหว ตะโกนออกมาตรงๆ ว่า ถ้าเขาไม่เอา ฉันเอา…

เสียงนี้ไม่ได้ทำกลุ่ม VIP หวั่นไหว แต่ทำฮั่วสวี่สะดุ้งตกใจ

เขาตระหนักได้ทันที คำพูดนั้นทั่วเขตรวมพลล้วนได้ยิน?

ชายหนุ่มที่พันผ้าพันแผลไว้บนแขนวิ่งออกจากห้องฝึกซ้อมไปราวกับพายุ เปิดประตูห้องเสียงดังปึง

สมาชิกกลุ่ม VIP ทั้งห้าปรากฏอยู่ต่อหน้าของเขา

คนหนึ่งนั่งหันหลังให้เขา ถือกระดาษน่าสงสัยไว้ในมือ

คนหนึ่งกำลังยืนหันหน้ามาทางประตูที่เขายืนอยู่ หน้าตาสะสวยงดงาม

อีกคนยืนอ้าปากค้างสองตาเบิกโพลง คือเจ้าอ้วน

สองคนยืนเคียงไหล่พิงอยู่กับราวกั้น…อยู่ใกล้กันเกินไปหน่อยหรือเปล่า

ฮัลโหล?หนานเกอเผยยิ้มกระอักกระอ่วนแต่เปี่ยมมารยาทให้กับอีกฝ่าย เธอเอ่ยปากทักทายชาวบ้านก่อน ถึงจะรู้สึกเป็นกังวลอยู่เล็กๆ แต่เธอก็เลี่ยงไม่ได้ ใครใช้ให้เธอยืนเป็นเซ็นเตอร์อยู่ล่ะ

ฉันไม่สู้กับผู้หญิง ฮั่วสวี่พูดเสียงขรึม แต่ถ้าเธอยังพูดพล่ามเรื่องข้อที่ห้าอะไรอีกล่ะก็ ฉันก็ไม่กล้ารับรอง

ว่ากันตามวิธีรับสมัคร ขอเพียงฮั่วสวี่เปิดประตูออกมา จากนั้นถังหลิ่นจะเป็นคนรับมือต่อเอง แต่คำพูดของเขาที่ว่า ไม่สู้กับผู้หญิง นี้เป็นการสร้างศัตรูโดยแท้

ยังมีข้อที่ห้าจริงอย่างที่นายว่า หนานเกอเงยหน้าขึ้นเล็กน้อย ตอบรับสายตาของอีกฝ่าย ไม่แม้แต่จะคิดหลบ

เจิ้งลั่วจู๋เองก็พรวดพราดลุกขึ้นยืน ขวางอยู่ด้านหน้าของหนานเกอ หน้าแทบจะชนอยู่กับหน้าของฮั่วสวี่ เขาพูดด้วยความโมโห “ฉันพูดเอง…

ฮั่วสวี่ยิ้มหยันออกมาคราวหนึ่ง การโจมตีด้วยน้ำกำลังก่อตัวอยู่ในอุ้งมือเขา

เจิ้งลั่วจู๋โยนกระดาษบอกบททิ้งไป คำพูดพวกนั้นเขาจำมันได้นานแล้ว ข้อห้า ฉันอยู่ห้อง 4033 นายอยู่ห้อง 8066 หมายเลขห้องของนายมีค่าเป็นสองเท่าของเลขห้องฉันพอดี นายว่านี่เป็นวาสนาหรือเปล่า!

ฮั่วสวี่ “…”

คนที่ลอบฟังอยู่ “…”

วาสนาไม่วาสนาอะไรไม่พูดถึงก่อนก็ได้ น้ำเสียงที่ตกลงกันไว้อยู่แต่เดิม ไม่น่าจะเป็นแบบนี้!

ฮั่วสวี่มองเจิ้งลั่วจู๋ด้วยสีหน้าไร้ความรู้สึก จู่ๆ ใต้เท้าก็มีแอ่งน้ำขนาดใหญ่แอ่งหนึ่งปรากฏขึ้นมา เปลี่ยนระเบียงทางเดินที่มีห้องของเขาเป็นศูนย์กลางให้เปียกชื้นไปหมด ราวกับห้องสิบกว่าห้องเปิดประตูสาดน้ำออกมาพร้อมกัน

หลังจากน้ำเอ่อล้นแผ่วงกว้างออกไป มันก็พุ่งลงจากพื้นตึก จากนั้นเพียงพริบตามันก็ยกตัวขึ้นสูง ปริมาณน้ำเพิ่มขึ้นอย่างฉับพลัน กลายเป็นคลื่นยักษ์สูงสองเมตร

เหตุการณ์ทั้งหมดเกิดขึ้นภายในชั่วพริบตา

คลื่นยักษ์ม้วนตัวซัดกลับมา เห็นได้ชัดว่าต้องการอัดสมาชิกกลุ่ม VIP ทั้งห้าให้ตายคาคลื่น

ทว่าที่อยู่ใกล้ๆ นั้นไม่ได้มีเพียงสมาชิกกลุ่ม VIP แต่ยังมีคนที่กำลังมุงดูอยู่อีก นับแต่เห็นว่าเพื่อนบ้านข้างเคียงเสียสติไปแล้ว พวกเขาก็กุลีกุจอหมายปิดประตู ทว่าคลื่นยักษ์นั่นกลับโหมกระหน่ำเข้ามารวดเร็วไม่ต่างอะไรกับฟ้าผ่า

โครม…

คลื่นโถมกระหน่ำลงมา ทว่ามันกลับไม่ได้ตกถึงพื้น แต่หยุดอยู่เหนือหัวสมาชิกกลุ่ม VIP ทั้งห้า ไม่ต่างอะไรกับเสือหิวที่กำลังตะครุบเหยื่อ แต่กลับถูกหยุดไว้กลางคัน

คนอื่นๆ พากันตะลึงลาน ทว่ากลุ่ม VIP กลับไม่มีใครอยู่นิ่ง พวกเขาอาศัยจังหวะดังกล่าวเคลื่อนไหวคล่องแคล่ว วิ่งไกลออกไปราวๆ สิบกว่าเมตร

ทางนั้นยังไม่ทันได้หยุดเท้า คลื่นยักษ์ทางนี้ก็คืนสภาพซัดโครมลงมา

นอกจากฮั่วสวี่ที่กระโดดขึ้นไปอยู่บนยอดคลื่นได้อย่างสบายๆ ในวินาทีสุดท้ายแล้ว คนอื่นๆ ล้วนเปียกโชกกันถ้วนหน้า

กระแสน้ำถอยจากไปแล้ว

บรรดาเพื่อนบ้านข้างเคียงที่พลอยซวยไปด้วยบ้างก็ยืนนิ่งอยู่กับที่บ้างก็ยันประตูถอนหายใจ เปียกม่อล่อกม่อแล่กตั้งแต่หัวจรดเท้า

ฮั่วสวี่ไม่แม้แต่จะมองพวกเขา สายตาล็อกอยู่บนร่างของสมาชิกกลุ่ม VIP ที่วิ่งออกไปอยู่นอกรัศมีสิบกว่าเมตรเป็นที่เรียบร้อยเหล่านั้น

เจ้าอ้วนเยวี่ยชูแขนขวาขึ้น โบกมาทางเขาด้วยท่าทีเป็นมิตร ฉันชื่อฉงเยวี่ย ฉงเยวี่ยก็คือฉัน! เมื่อกี้คือ กุญแจหยุดนิ่ง ของฉัน แต่มันคงสภาพได้ไม่นานเท่าไหร่ ประธานฟั่นบอกว่ายังสามารถพัฒนาได้ ฉันจะพยายามฝึก…

สายตาของฮั่วสวี่ส่องประกายวับวาวอันตราย ขณะกำลังเตรียมรวบรวมสมาธิอีกรอบ วัตถุที่ไม่รู้ว่าเป็นอะไรก็พุ่งตรงเข้ามา

เขาหลบเลี่ยงไปทางด้านข้างตามสัญชาตญาณ

วัตถุบางอย่างนั่นชนเข้ากับประตูห้องของฮั่วสวี่ก่อนจะระเบิดออก

นอกรัศมีสิบกว่าเมตรเจ้าอ้วนเยวี่ยรีบถอยฉาก เปิดช่องให้ไอดอลของตัวเองได้ปรากฏตัว

ฟั่นเพ่ยหยางขยับขึ้นหน้าก้าวหนึ่ง มองไปทางฮั่วสวี่ด้วยสมาธิแน่วแน่ ฟั่นเพ่ยหยาง วินาศกรรมระดับกลาง จะไปลองศึกษาแลกเปลี่ยนที่ห้องฝึกซ้อมกันสักหน่อยดีไหม

กว่าจะดันเจ้าอ้วนเยวี่ยไปทางด้านข้างและดึงฟั่นเพ่ยหยางกลับมาถังหลิ่นก็ต้องออกแรงอย่างสุดกำลัง เขาสูดลมหายใจเข้าลึกๆ เผยยิ้มเป็นมิตรให้กับ พรรคพวกที่พวกเขาหมายตาไว้ ว่ากันตามขั้นตอนที่วางไว้แต่เดิม หลังจากนั้นผมต้องเอ่ยปากชมความสามารถของคุณ ดังนั้นการเชื้อเชิญเมื่อครู่คุณทำเป็นไม่รู้ไม่เห็นก็แล้วกัน ย้อนความทรงจำกลับไปตอน กุญแจหยุดนิ่ง พวกเราเริ่มต้นใหม่กันอีกครั้ง

ฮั่วสวี่ “…”

หน้าที่แล้ว1 of 2

Comments

comments

No tags for this post.
Continue Reading

More in everY

บทความยอดนิยม

everY

ทดลองอ่าน เขตห้ามรักฉบับเบต้า เล่ม 1 Chapter 2.1-2.2 #นิยายวาย

ทดลองอ่าน เรื่อง เขตห้ามรักฉบับเบต้า เล่ม 1 ผู้เขียน : MINTRAN แปลโดย : ทันบี ผลงานเรื่อง : 배타적 연애 금지구역 ถือเป็นลิขสิทธิ์...

จุติรัก พลิกชะตาร้าย

ทดลองอ่าน จุติรัก พลิกชะตาร้าย บทที่ 1-2

บทที่ 1 ฮ่องเต้หญิง   “ท่านพี่นำร้อง น้องหญิงคลอรับ ท่านพี่เสียงเพิ่งลับ น้องหญิงสลับขึ้นเวที เป็นมารดาอารี มีบุตรีกตัญญ...

ทดลองอ่าน

ทดลองอ่าน ร้อยเรียงรักเคียงฤทัย บทนำ – 1.2

บทนำ ความหลังของต้าลี่ 1   ฤดูหนาวในรัชศกต้าลี่ปีที่สิบเอ็ด โม่เป่ย ตำบลค่งหม่า สถานที่แห่งนี้คือประตูด่านสำคัญสุดท้ายทา...

จุติรัก พลิกชะตาร้าย

ทดลองอ่าน จุติรัก พลิกชะตาร้าย บทที่ 7-8

บทที่ 7 ค่าเดินทาง เมื่อภูตสุนัขดำคืนร่างเป็นสุนัขธรรมดาตัวหนึ่ง ภูตบุปผาสองตนนั้นก็ไม่อาจทำการใหญ่ ต่อให้ชาวหมู่บ้านป่า...

จุติรัก พลิกชะตาร้าย

ทดลองอ่าน จุติรัก พลิกชะตาร้าย บทที่ 3-4

บทที่ 3 เกิดใหม่   เวิ้งฟ้าดำสนิทปานน้ำหมึก เพียงมีดวงดาวบางตากระจัดกระจายบนม่านฟ้า ทอรัศมีอ่อนจางประเดี๋ยวเผยประเดี๋ยวเ...

community.jamsai.com