ทดลองอ่าน พ้นเที่ยงคืนกลืนมิติ เล่ม 5 บทที่ 155-156 #นิยายวาย – หน้า 2 – Jamsai
Connect with us

Jamsai

everY

ทดลองอ่าน พ้นเที่ยงคืนกลืนมิติ เล่ม 5 บทที่ 155-156 #นิยายวาย

2 of 2หน้าถัดไป

บทที่ 156

หนทางแตกต่าง

 

การที่ถังหลิ่นถูกเชิญเข้ากลุ่มเช่นนี้เกิดขึ้นล่าสุดเมื่อหลายปีก่อน ตอนนั้นบริษัทเริ่มตั้งตัวได้แล้ว ซ้ำยังมีผลประกอบการที่จัดได้ว่าไม่เลวอีกต่างหาก ผู้คนในวงสังคมต่างรู้ดีว่าที่จริงแล้วหัวหน้าแผนกการเงินอย่างเขาคือพาร์ตเนอร์ของบริษัท ผลก็คือไม่รู้ว่าเด็กใหม่ที่เพิ่งเข้าวงการจากบริษัทคัดสรรบุคลากรเจ้าไหนได้เบอร์โทรของเขาไป โทรมาถามเขาว่าอยากเปลี่ยนงานหรือเปล่า

ในตอนนั้นเขาแค่นึกขำ ไม่ได้ถือเป็นเรื่องเป็นราวอะไร หลังจากนั้นเขาก็ลืมเลือนมันไปหมดสิ้น นึกไม่ถึงว่าอีกไม่กี่วันต่อมาผู้บริหารระดับสูงของบริษัทคัดสรรบุคลากรที่รู้จักกัน ทั้งยังมีสายสัมพันธ์ที่ดีต่อกันคนหนึ่งก็ยืนกรานว่าต้องการเชิญเขาไปกินข้าวด้วย กระตือรือร้นจนเรียกได้ว่าน่าประหลาด

หลังจากไปตามนัดเขาถึงได้รู้ว่าเด็กใหม่ที่ไม่ประสีประสารายนั้นเป็นพนักงานบริษัทของอีกฝ่าย การเชิญเขามากินข้าวในครั้งนี้ก็เพื่อเป็นการขอโทษแทนลูกน้องรายนั้น

ก็แค่โทรศัพท์สายหนึ่งเท่านั้น ถังหลิ่นรู้สึกว่าอีกฝ่ายคิดมากเกินไป ต่อมาเขาถึงได้รู้ว่าวันที่สองหลังเขาได้รับโทรศัพท์เชิญชวนนั่น ประธานฟั่นก็จงใจเชิญเพื่อนพ้องรายนี้กินข้าว ทั้งยังพูดคุยเจาะลึกถึงหัวข้อ คุณคิดว่าหัวหน้าแผนกการเงินของผมจำเป็นต้องเปลี่ยนงานอย่างนั้นเหรอ

นับแต่นั้นเป็นต้นมาถังหลิ่นก็ไม่เคยได้รับโทรศัพท์ชวนให้เปลี่ยนงานอีกเลย ถึงจะเป็นการเข้าใจผิดก็ตาม

จนกระทั่งวันนี้ที่อวี้เฟยถามว่า นายอยากเข้าร่วมเป็นนักสำรวจหรือเปล่า’

ปฏิกิริยาแรกของถังหลิ่นคือมองข้ามผ่านไหล่ของอีกฝ่ายไปทางฟั่นเพ่ยหยาง ดูว่าฝ่ายนั้นได้ยินหรือเปล่า โชคดีที่เขาอยู่ห่างจากคนทั้งสองพอประมาณ นอกจากนี้พวกเขาทั้งคู่ยังใจจดใจจ่ออยู่กับอาหารตรงหน้า ตั้งแต่ต้นจนจบไม่ได้เงยหน้ามองมาทางเขาเลยแม้แต่น้อย

อวี้เฟยรับรู้ได้ถึงสายตาของถังหลิ่น เขาหันหน้ามองตามไป ภาพฟั่นเพ่ยหยางกำลังกินสเต๊กอยู่ในโซนพักผ่อนโดยมีไวน์แดงในถังน้ำแข็งวางอยู่ข้างๆ ก็ปรากฏต่อสายตา จะให้เขาแสร้งทำเป็นมองไม่เห็นก็คงยาก

เขาดึงสายตากลับมา เอ่ยกระเซ้าถังหลิ่นว่า กลัวเขาได้ยิน?

คนที่เข้ามาเชิญผมเข้ากลุ่มคือคุณ แล้วมีเหตุผลอะไรที่ผมต้องกลัวด้วย ถังหลิ่นตอบกลับอีกฝ่ายด้วยน้ำเสียงหนักแน่นก่อนจะหันกลับไปอย่างคล่องแคล่วรวดเร็ว พวกเราเปลี่ยนที่คุยกันเถอะ

อวี้เฟย “…”

 

โซนพักผ่อน

ฟั่นเพ่ยหยางวางมีดหั่นสเต๊กลง ช้อนตามองไปตามทางที่คนทั้งสองหายตัวไป ใบหน้าอึมครึม

ฮั่วสวี่ยังคงเคี้ยวขนมปังครึ่งก้อนนั่นอยู่ เขาชำเลืองมองฟั่นเพ่ยหยางพร้อมเอ่ยหยัน หัวหน้ากลุ่มของนายให้นายบีบบังคับฉันเข้าร่วมทีม แต่ตัวเขาเองกลับหนีตามชาวบ้านไป

ไม่ใช่ บีบบังคับ แต่เป็นการ เชิญ’ ” ฟั่นเพ่ยหยางแก้ไขคำพูดของฮั่วสวี่

ฮั่วสวี่ยกมุมปากไม่แยแส เฮอะ

ฟั่นเพ่ยหยางมองดูอีกฝ่ายอยู่สองสามวินาที ก่อนจะเอ่ยขึ้นมาอย่างปุบปับว่า นิสัยเย็นชาของนายแบบนี้ แบ่งให้เขาสักครึ่งก็คงดี

แบ่งให้ใคร ให้ถังหลิ่น?

ยังไม่ทันเข้าใจว่าอีกฝ่ายกำลังยกย่องหรือด่าตัวเองกันแน่ ฟั่นเพ่ยหยางก็ลุกขึ้นเดินมุ่งหน้าไปนอกโซนพักผ่อนก่อนแล้ว

ฮั่วสวี่ตะลึง เขาหลุบตามองดูขนมปังที่เหลืออยู่ครึ่งก้อน มั่นใจว่าตัวเองยังกินไม่เสร็จ

แต่จู่ๆ ชายท่าทางชวนอึดอัดที่ติดตามเขามาตลอดครึ่งค่อนวันรายนี้ก็ถอยฉากออกไปดื้อๆ

หลังจากฟั่นเพ่ยหยางเดินไปถึงทางออกของโซนพักผ่อนก็ขมวดคิ้วหันหน้ากลับมา นายยังจะตะลึงทำอะไรอยู่ ตามฉันมาสิ

ฮั่วสวี่งุนงง ตามไปทำไม

แอบฟัง ฟั่นเพ่ยหยางตอบออกมาอย่างไม่คิดปิดบัง

ฮั่วสวี่ยิ่งประหลาดใจ ทำไมฉันต้องตามนายไปแอบฟังชาวบ้านคุยกันด้วย

ตอนนี้ภารกิจของฉันคือใช้ความจริงใจทำให้นายหวั่นไหว ฟั่นเพ่ยหยางพูดอย่างเป็นธรรมชาติ ดังนั้นนายจึงได้แต่ต้องตามฉันไปแอบฟังพวกเขาคุยกัน ไม่อย่างนั้นย่อมเท่ากับว่าความคืบหน้าในการปฏิบัติภารกิจของฉันสะดุดลงกลางคัน

กรอบแกรบ…

เสียงถุงใส่ขนมปังถูกขยุ้มเป็นก้อน

 

ทางเดินที่เชื่อมต่อไปยังบันได บริเวณโถงใหญ่ชั้นหนึ่ง

เลือกสถานที่สำหรับพูดคุยได้ดีจริงๆ อวี้เฟยกวาดตามองไปรอบๆ แม้แต่เงาผีสักตนก็ยังไม่มี

เพราะขึ้นลงลิฟต์สะดวกสบายกว่า ดังนั้นคนที่เข้ามาทำเควสต์ฝ่าด่านจึงไม่ค่อยมีใครใช้บันได และด้วยเหตุนี้พื้นที่แถบนี้จึงเงียบสงบมาโดยตลอด แต่ถึงอย่างนั้นถังหลิ่นก็ยังคงไม่พอใจ เขาเดินลึกเข้าไปอีกจนพบตำแหน่งที่เงียบสงัดที่สุด

คุณเชิญผมเข้าร่วมกลุ่ม ผมจำเป็นต้องเข้าใจให้กระจ่างชัดเสียก่อนว่านักสำรวจคืออะไร ถังหลิ่นกวาดตามองไปรอบๆ รู้สึกพึงพอใจกับจุดที่ตนเองเลือกไว้ เรื่องที่ผมอยากถามมีอยู่มากมาย แน่นอนว่าต้องเลือกที่ที่เงียบสงบเพื่อพูดคุยกัน

นายอยากถามอะไร ขอเพียงเป็นเรื่องที่ฉันรู้ รับรองว่าฉันจะเล่าให้นายฟังอย่างไม่คิดปิดบัง อวี้เฟยแสดงความจริงใจ

ถังหลิ่นถามสิ่งที่เขาอยากรู้ที่สุดก่อน ทำไมถึงเลือกผม

ฉันอยากบอกว่าไม่เคยลืม ยังจำได้เสมอ อวี้เฟยยิ้ม แต่ฉันโกหกนายไม่ได้ อันที่จริงฉันเพิ่งนึกขึ้นได้ตอนเห็นนายที่เขตรวมพล

เพิ่งนึกขึ้นได้?

ฉันไม่เคยนึกว่าจะมาพบกับพวกนายที่นี่ ฉันคิดว่าความเร็วในการผ่านด่านของฉันเร็วแล้ว แต่สุดท้ายพวกนายกลับเร็วกว่า ความเร็วเป็นตัวแทนของความสามารถ ฉันไม่อยากพลาดพรรคพวกแบบนี้ไป

ดังนั้นความจริงแล้วคุณต้องการเชิญพวกเราสามคน

ได้สามคนก็ยิ่งดี แต่ถ้าเลือกได้เพียงคนเดียว ฉันขอเลือกนาย

เพราะตอนอยู่ในลิฟต์ผมหาจางเฉวียนตัวปลอมออกมาได้?

เพราะตอนอยู่ในลิฟต์…นายถอดเสื้อโค้ตคลุมร่างให้เขา

หลี่จั่น ถังหลิ่นยังจำชายหนุ่มใบหน้าขาวสะอาดรายนั้นได้ แต่กลับลืมไปแล้วว่าตัวเองได้ถอดเสื้อโค้ตคลุมร่างไร้วิญญาณของอีกฝ่าย

ทว่าอวี้เฟยจำได้ สำหรับเขาแล้วเรื่องราวต่างๆ ภายในลิฟต์ล้วนชัดเจนราวกับเพิ่งเกิดขึ้นเมื่อวาน

ถังหลิ่นหยุด ให้เวลาอวี้เฟยได้สงบสติอารมณ์

ทว่าอวี้เฟยกลับส่ายหน้า ไม่เป็นไร ปัญหาข้อแรกของนาย ฉันให้คำตอบแล้ว ข้อที่สองล่ะคืออะไร

อารมณ์ของถังหลิ่นซับซ้อนสับสน

คนที่อยู่ตรงหน้าเติบโตเป็นผู้ใหญ่กว่าตอนที่อยู่ในลิฟต์มาก ทว่าความเป็นผู้ใหญ่ที่ว่านี้ไม่ได้เกิดจากการสั่งสมตามกาลเวลา แต่เป็นการเติบโตภายในชั่วข้ามคืน

เรื่องกลุ่มนักสำรวจผมพอได้ยินมาบ้าง แต่คำพูดจากปากคุณ ผมเชื่อว่าต้องเชื่อถือได้กว่าคำเล่าลือพวกนั้น ถังหลิ่นไม่นึกถึงเรื่องอื่นอีก เขาตรงเข้าประเด็นทันที

อวี้เฟยบอก ฉันรู้ว่านายได้ยินอะไรมา กลุ่มคนประหลาด พวกคนเพี้ยนใช่ไหม บางทีอาจจะใช่ แต่อย่างน้อยพวกเราก็รู้จักต่อสู้ ไม่ใช่หนูขาวที่วิ่งไปตามวงที่มีคนขีดไว้ ซ้ำยังภาคภูมิใจที่สามารถผ่านด่านได้สำเร็จ

วงที่มีคนขีดไว้ หนูขาว…

ใช้ถ้อยคำไม่ไว้หน้ากันเลยสักนิด

บางทีนายอาจรู้สึกว่าฉันพูดจาไม่เข้าหู แต่ความจริงมันเป็นแบบนั้น อวี้เฟยประชดน้ำเสียงเย็นชา พวกเราถูกดึงตัวเข้ามาที่นี่ ถูกสั่งให้ทำเควสต์ฝ่าด่าน ปลดล็อกต้นไอเทมไปทีละระดับ เรื่องพวกนี้มีทางเลือกให้พวกเราหรือไง ไม่มี เห็นอยู่ชัดๆ ว่าพวกเราต่างถูกบีบบังคับให้ต้องทำ แต่ราวกับทุกคนยอมรับมันหน้าตาเฉย ไม่เคยมีใครคิดว่าทำไม ทำไมพวกเราต้องทำเรื่องพวกนี้ด้วย ที่จริงแล้วระบบเซียวเป็นใคร กฎกับด่านบ้าบอคอแตกพวกนี้ใครเป็นคนกำหนด ชีวิตของพวกเราเป็นไปด้วยดีอยู่แท้ๆ กลับถูกทำให้ปั่นป่วนไปหมด คนที่มีชีวิตอยู่ไม่กี่วินาทีต่อมาอาจต้องตาย ตัวการที่ทำเรื่องเลวร้ายพวกนี้อยู่ที่ไหน ทำไมพวกเราถึงต้องฟังคำพูดของเขาด้วย บอกให้ทำเควสต์ฝ่าด่านพวกเราก็ต้องทำเควสต์ฝ่าด่านงั้นเหรอ ทำไมถึงไม่หาตัวการออกมา แล้วสับมันให้เป็นหมื่นๆ ชิ้น!

อวี้เฟยยิ่งพูดก็ยิ่งคุมอารมณ์ไม่อยู่ ตอนพูดมาถึงช่วงท้ายเสียงของเขาก็ดังก้องไปทั่วพื้นที่เงียบสงบ

เปลวไฟในดวงตาของเขาคุโชน ร้อนแรงราวกับสามารถแผดเผาได้ทุกสิ่งอย่าง ไม่เว้นแม้แต่ตัวเขาเอง

ถังหลิ่นนิ่งเงียบไม่พูดไม่จาอยู่นาน

อารมณ์ของอวี้เฟยเริ่มเย็นลงทีละน้อยคล้ายตระหนักได้ถึงความผิดพลาดของตัวเอง เขาเอ่ยอย่างกระอักกระอ่วน ขอโทษด้วย ฉันบุ่มบ่ามเกินไปหน่อย จากนั้นเขาก็พูดกึ่งล้อเล่นหมายผ่อนคลายบรรยากาศ แต่ยังไงก็ดีกว่าตอนอยู่ในลิฟต์นั่นมากอยู่ใช่ไหม

อืม ดีกว่ากันมาก ถังหลิ่นยิ้ม ให้ความร่วมมือกับบทสนทนา ช่วยอีกฝ่ายลดทอนความรู้สึกกระอักกระอ่วนก่อนหน้านี้

อวี้เฟยกลับเข้าเรื่อง นายอย่าคิดว่าคำพูดพวกนั้นของฉันเมื่อกี้เป็นการคุยโวโอ้อวดไม่เจียมตัวเด็ดขาด อันที่จริงพวกเราสืบรู้ ความจริง บางอย่างแล้ว

ถังหลิ่นสะท้านไปทั้งใจ ไม่ใช่เพราะไม่เคยคิดถึงความเป็นไปได้นี้มาก่อน แต่พอได้ยินเองกับหูเขาก็อดรู้สึกตื่นเต้นไม่ได้ต่างหาก คืออะไร

ทันทีที่หลุดปากถามเขาก็นึกขึ้นได้ว่าตัวเองคิดน้อยเกินไปแล้ว ถังหลิ่นรีบพูดเสริมออกมาอีกประโยค ถ้าเป็นข่าวสารภายในของกลุ่มนักสำรวจไม่สะดวกที่จะบอก คุณไม่ต้องตอบคำถามนี้ก็ได้

ไม่มีอะไรที่เปิดเผยไม่ได้ อวี้เฟยตอบ พวกเราอยากประกาศให้คนที่เข้ามาทำเควสต์ฝ่าด่านทุกคนได้รู้ใจจะขาด เมื่อรู้ เรื่องพวกนี้ ก็ยิ่งอยากรู้เรื่องที่ยังไม่รู้ พวกนั้น ความรู้สึกกระหายใคร่รู้เป็นแรงขับเคลื่อนที่ดีที่สุดของการสำรวจ

ถังหลิ่นยิ้ม กลุ่มนักสำรวจฝึกอบรมทักษะการพูดให้คุณเป็นพิเศษ?

อวี้เฟยจ้องมองเขา หากพูดให้นายคล้อยตามได้ ฝึกฝนนานแค่ไหนก็คุ้ม

ถังหลิ่นรับรู้ได้ถึงความจริงใจของอีกฝ่าย ก็คล้ายกับที่เขาขอให้สมาชิกในกลุ่ม VIP ปฏิบัติต่อฮั่วสวี่

ที่แท้ทำอะไรไว้ ก็ย่อมได้สิ่งนั้นตอบแทน

อวี้เฟยไม่เสียเวลาพูดเหลวไหล เขาแบ่งปันข่าวสารของกลุ่มนักสำรวจให้กับถังหลิ่น เท่าที่พวกเรารู้ ที่นี่กับการทำเควสต์ฝ่าด่านก่อนเข้ามาถึงนครใต้พิภพนั้นไม่เหมือนกัน…

เรื่องนี้ผมรู้ ถังหลิ่นแม้จะไม่เคยมีประสบการณ์ แต่จากที่จู๋จื่อเล่าเขาก็พอเข้าใจได้เจ็ดแปดส่วนแล้ว

รายละเอียดและรูปแบบของด่านเหล่านั้นไม่เหมือนกับในนครใต้พิภพและโลกใต้บาดาล ทั้งยังไม่มีต้นไอเทม จะมีก็แต่ไอเทมที่ใช้ได้เพียงครั้งเดียว นอกจากนี้ยังไม่มีผู้คุมด่านด้วย ด่านแต่ละด่านล้วนมอบโลกที่แตกต่างกันออกไป คนที่อยู่ในโลกดังกล่าวจะมีสภาพไม่ต่างอะไรกับ NPC ต่อให้ครั้งนี้ตาย การทำเควสต์ฝ่าด่านในรอบต่อไปก็ยังคงสามารถปรากฏตัวได้ใหม่

ยังมีจุดสำคัญอีกสองจุด

หนึ่งคือคนที่เข้ามาทำเควสต์ฝ่าด่านทุกวันจะถูกดูดเข้ามาภายในด่านตอนเที่ยงคืน ก่อนจะถูกส่งกลับไปยังโลกแห่งความเป็นจริงอีกครั้งตอนตีห้า ไม่ต่างอะไรกับการถูกบังคับให้ทำงานกะดึกทุกคืนเป็นเวลาห้าชั่วโมง ต่างกับด่านหลังตั้งแต่นครใต้พิภพที่เข้ามาแล้วก็ยากจะกลับบ้านได้อีก ถึงจะผ่านด่านมาถึงยังสถานที่อย่างโรงแรมโลกใต้บาดาลหรือเขตรวมพลด่าน 3/10 สามารถใช้ค่าประสบการณ์ซื้อโอกาสกลับบ้านได้ แต่เวลากับจำนวนครั้งก็ถูกจำกัดไว้อย่างเข้มงวด

สองคือด่านก่อนหน้านี้ไม่มีคนตาย หากระหว่างทางได้รับบาดเจ็บสาหัสมีอันตรายถึงแก่ชีวิต คนที่เข้ามาทำเควสต์ฝ่าด่านรายนั้นก็จะถูกดีดกลับสู่โลกแห่งความเป็นจริงทันที

เพราะอวี้เฟยไม่รู้ว่าถังหลิ่นเข้ามาที่นี่ได้ผ่านทางห้องอธิษฐานจึงเข้าใจว่าเขาก็เหมือนกับคนอื่นๆ ที่เคยทำเควสต์ฝ่าด่านในด่านต่างๆ ก่อนหน้านี้ ดังนั้นพอได้ยินถังหลิ่นบอกว่า รู้เขาก็ส่ายหน้า ที่ฉันพูดถึงไม่ใช่รายละเอียดของด่าน แต่เป็นรูปแบบของการดำรงอยู่ของโลกแห่งการทำเควสต์ฝ่าด่านทั้งหมด

รูปแบบของการดำรงอยู่?ถังหลิ่นนึกสนใจ

ใช่ อวี้เฟยตอบ ด่านก่อนหน้านี้ แต่ละด่านล้วนไม่มีลักษณะต่อเนื่องเกี่ยวข้องกัน ตรงกันข้ามกลับคล้ายเป็นพื้นที่เสมือนจริงจำนวนมาก ไม่ว่าจะเมืองที่อยู่ด้านใน สิ่งปลูกสร้าง หรือคนก็ตาม ล้วนคล้ายข้อมูลเสมือนที่พร้อมจะคืนสภาพได้ทุกเมื่อ NPC ที่ตายไปแล้วสามารถกลับมามีชีวิตได้ใหม่ในครั้งหน้า พูดจาเหมือนเดิม แสดงปฏิกิริยาตอบสนองเหมือนเดิม ไม่อาจจำได้ว่านายเคยเข้ามาทำเควสต์ฝ่าด่านมาก่อน…

แต่ที่นี่ไม่เหมือนกัน อวี้เฟยหันหน้ามองไปที่นอกหน้าต่าง ที่นี่เป็นสถานที่ที่มีอยู่จริงๆ ด่านทุกด่านล้วนสร้างขึ้นบนแผ่นดินนี้ ลึกไปถึงใต้ท้องทะเล สูงขึ้นไปจนถึงท้องฟ้า ล้วนเชื่อมต่ออยู่ด้วยกัน

โลกที่…มีอยู่จริง?

ถังหลิ่นนึกหวาดหวั่น แต่ถึงอย่างนั้นเขาก็ยังคงถามอย่างใจเย็น แล้วคุณมั่นใจได้ยังไงว่าที่นี่มีอยู่จริง

สมาชิกกลุ่มของพวกเราที่อยู่ด่านถัดไปทดลองเอาข้าวของจากที่นี่กลับไปยังโลกแห่งความเป็นจริงอยู่ตลอด แต่ไม่ว่าจะลองดูสักกี่ครั้งก็ล้วนแต่ล้มเหลว ทว่านึกไม่ถึงว่ามีอยู่ครั้งหนึ่งพวกเขาจะบังเอิญพบว่าตอนกลับไปยังโลกแห่งความเป็นจริง พื้นรองเท้ามีดินจากที่นี่เปื้อนติดไปด้วย… อวี้เฟยหันกลับมามองถังหลิ่น หลังทำการทดลอง พวกเขาก็พบว่าส่วนประกอบทางเคมีภายในดินนั้นบางอย่างสามารถระบุได้ แต่ขณะเดียวกันก็ยังมีอีกหลายส่วนที่ระบุไม่ได้ว่าคืออะไร ภายใต้การทดลองพบว่ามีองค์ประกอบอยู่ชนิดหนึ่งที่สามารถเปล่งแสงได้เมื่อทำปฏิกิริยากับตัวทำปฏิกิริยาบางอย่าง…

ดินโคลนที่สามารถเอากลับไปยังโลกแห่งความเป็นจริง ซ้ำยังสามารถทำการทดลองทางเคมีได้ แสดงว่าเรื่องการมีอยู่ของที่แห่งนี้ไม่ใช่เรื่องที่ต้องสงสัยอีกต่อไป

การที่อวี้เฟยจงใจพูดถึงผลการทดลองทางเคมีนี้ หรือว่า…

หรือว่าพวกคุณค้นพบตัวทำปฏิกิริยาอื่นที่สามารถทำให้องค์ประกอบนั่นเปล่งแสงได้แล้ว

อวี้เฟย ใช่

ถังหลิ่น ที่ไหน

อวี้เฟย ในเลือดของพวกเรา

ถังหลิ่นกุมมือแน่นอย่างไม่รู้ตัว ปลายนิ้วเย็นขึ้นมานิดๆ เลือดของทุกคน?

อย่างน้อยในหมู่นักสำรวจที่ยินดีให้ความร่วมมือทำการทดลองหลังกลับไปยังโลกแห่งความเป็นจริง ผลลัพธ์ที่ได้ก็ล้วนเป็นแบบนั้น อวี้เฟยตอบ

แล้วทำไมถึงไม่ประกาศการค้นพบนี้ออกไป ระดมคนให้มากขึ้น…

ไม่มีประโยชน์ อวี้เฟยเอ่ยตัดบท ขอเพียงพวกเราคิดจะบอกเรื่องนี้กับคนอื่นที่ไม่ใช่คนที่เข้ามาทำเควสต์ฝ่าด่าน อยากจะเปิดเผยข้อมูลของที่นี่ออกไป น่ากลัวว่าแค่คิด หัวก็ปวดเจียนระเบิดแล้ว

พวกคุณไม่จำเป็นต้องพูด แค่เอาตัวอย่างดินไปก็ได้แล้ว นี่เป็นหลักฐานชัดแจ้ง

ดินมันจะสลายตัวไปเองระหว่างการทดลอง ตอนนั้นคนของพวกเราเพิ่งจะใช้ตัวทำปฏิกิริยาทำให้องค์ประกอบนั่นเปล่งแสงได้ไม่ทันไร ถ้าให้เวลาพวกเราอีกสักนิด ไม่แน่ว่าพวกเราอาจพบเจออะไรมากกว่านี้

โลกแห่งการทำเควสต์ฝ่าด่านมีอยู่จริงๆ

ดินของที่นี่กับร่างกายของพวกเรามีองค์ประกอบที่ไม่รู้จักแบบเดียวกัน

บทสรุปของเรื่องนี้เหมือนจะมีเพียงข่าวสารสองเรื่อง ทว่าหากขยายความคิดอ่านออกไป ความเป็นไปได้กับการอนุมานจำนวนนับไม่ถ้วนที่โผล่ออกมาก็แทบจะกลบกลืนถังหลิ่นจนมิด

คนของพวกเราเดาว่าองค์ประกอบชนิดนี้คล้ายเป็นสัญลักษณ์หรือพลังงานบางอย่าง อวี้เฟยพูดต่อ สัญลักษณ์บ่งบอกถึงสถานะของคนที่เข้ามาทำเควสต์ฝ่าด่าน ใช้มันแยกแยะพวกเราออกจากคนธรรมดาทั่วไป ขณะเดียวกันก็ใช้พลังงานของมันยับยั้งไม่ให้พวกเรานำเอาข่าวสารเกี่ยวกับโลกแห่งการทำเควสต์ฝ่าด่านไปเผยแพร่ต่อคนนอก

แล้วการปลอมแปลงแก้ไขความทรงจำล่ะ ถังหลิ่นจำได้ว่าจู๋จื่อเคยบอกว่าตอนฝ่าด่านก่อนหน้านี้ ถ้าบังเอิญมีคนพบเห็นพวกเขาถูกแสงสีม่วงดูดเข้ามาสู่โลกแห่งการทำเควสต์ฝ่าด่านตอนเที่ยงคืน ความทรงจำของคนที่เห็นก็จะถูกแก้ไข เปลี่ยนให้เป็นความทรงจำที่สามารถอธิบายได้ ช่วยเก็บงำความลับของการทำเควสต์ฝ่าด่าน

บางทีอาจเกี่ยวข้องกับองค์ประกอบนั่นเหมือนกัน อวี้เฟยบอก น่าเสียดายที่หลังจากนั้นพวกเราก็เอาดินออกไปอีกไม่ได้ คาดว่าพวกเขาคงจับได้แล้ว

ถังหลิ่น พวกเขา?

คนที่รับผิดชอบดูแลการขนส่งของโลกแห่งการทำเควสต์ฝ่าด่าน บางทีเบื้องหลังของพวกเขายังมีคนอื่นอยู่อีก อวี้เฟยก้มหน้ามองดูภาพนกเค้าแมวบนแขน พูดชัดถ้อยชัดคำด้วยน้ำเสียงเย็นเยียบ เอาเป็นว่าคนพวกนั้นอย่าหวังว่าจะหนีรอดไปได้แม้แต่คนเดียว

ไอสังหารปรากฏออกมาอย่างชัดเจน

ระหว่างการสนทนาสั้นๆ เพียงไม่กี่นาทีถังหลิ่นพบเห็นมันแล้วถึงสองครั้ง

นี่ไม่ใช่ความรู้สึกที่เกิดขึ้นชั่ววูบ หากแต่ถูกปลูกฝังอยู่ในก้นบึ้งหัวใจของอีกฝ่ายนานแล้ว

ตอนนี้คุณรู้ถึงฐานะของพวกเขาหรือยัง ถังหลิ่นพยายามสะกดกลั้นความรู้สึกอย่างเต็มกำลังพลางถาม

อวี้เฟยสูดลมหายใจเข้าลึกๆ เขาเงยหน้า ยัง แต่ผู้คุมด่านต้องเป็นส่วนหนึ่งของคนพวกนั้นแน่ การเฝ้าด่านของพวกเขามีกฎระเบียบกำหนดไว้แน่ชัด แถมยังมีการสลับผลัดเปลี่ยนกันอีก ตอนอยู่ที่นครใต้พิภพฉันกับดีมอสเคย…

ครั้นพูดถึงชื่อของผู้คุมด่าน อวี้เฟยก็หยุดชะงัก เมื่อพบว่าตัวเองไม่ได้มีอาการปวดหัวเหมือนอย่างที่คาดไว้ เขาก็เข้าใจได้ทันที ตอนนายผ่านด่าน 2/10 ผู้คุมด่านคือดีมอส?

ถังหลิ่นพยักหน้า

มีแต่คนที่ทำเควสต์ฝ่าด่านซึ่งพบเจอกับผู้คุมด่านเดียวกันเท่านั้นถึงจะสามารถพูดคุยถึงรายละเอียดและชื่อของผู้คุมด่านได้

ตอนอยู่นครใต้พิภพฉันกับเขาเคยประมือกันครั้งหนึ่ง…ที่จริงถ้าจะว่ากันให้ถูกก็ต้องบอกว่าฉันถูกเขาเล่นงานฝ่ายเดียวมากกว่า อวี้เฟยยอมรับตามตรง ตอนนั้นเขาบอกว่า ฉันชอบนักสำรวจอย่างพวกนายจริงๆ แต่ต้องเป็นคนที่น่าสนใจหน่อยถึงจะได้ นายมันโง่เกินไป เพราะฉะนั้นจงทำตัวว่านอนสอนง่ายอยู่ในกรงเถอะ เข้าใจหรือเปล่า’…”

น้ำเสียงของอวี้เฟยราบเรียบ โชคดีที่ถังหลิ่นจำดีมอสได้แม่น สมองของถังหลิ่นเปลี่ยนคำพูดที่หลุดออกจากปากของอวี้เฟยให้กลายเป็นน้ำเสียงของผู้คุมด่านผมสีทองรายนั้นโดยอัตโนมัติ

เขารู้จักนักสำรวจ แถมยังพูดถึง กรง อีก จากคำพูดของอีกฝ่ายถังหลิ่นจับข่าวสารสำคัญได้สองประการ

ถูกแล้ว อวี้เฟยพยักหน้า ดังนั้นผู้คุมด่านที่อยู่ที่นี่จึงไม่ใช่ NPC ที่จะรีเซ็ตคืนสู่สภาพเดิมทุกวัน พวกเขามีเลือดมีเนื้อมีความทรงจำ พวกเขาจำกลุ่มคนที่เข้ามาทำเควสต์ฝ่าด่านได้แม่นยำ ส่วนกรงที่เขาพูดถึงก็คือด่านที่ฉันบอกไว้ก่อนหน้านี้ว่าพวกเขามีการกำหนดเส้นทางและขอบเขตไว้ตั้งแต่แรก ทั้งยังต้องการให้พวกเราเข้าไปทำเควสต์อยู่ในนั้น ไปให้พวกเขาเล่นสนุกอยู่ในกรงนั่น

เนื่องจากปริมาณข่าวสารมีจำนวนมาก ถังหลิ่นจึงจำต้องใช้เวลาทำความเข้าใจ

ในข่าวสารเหล่านั้นมีบางเรื่องที่เขาเคยนึกสงสัยไปตามสัญชาตญาณ อย่างเช่นเขาเคยรู้สึกว่าต้นไอเทมเป็นพลังงาน ปีศาจราตรีเองก็เป็นพลังงานในรูปแบบหนึ่ง ดังนั้นตอนที่เงาร่างหมาป่าเข้าไปในร่างกายเขามันถึงได้กลายเป็นต้นไอเทมที่สอง ทว่าเพราะเรื่องราวพวกนั้นล้วนไม่เคยชัดแจ้งเหมือนอย่างในเวลานี้มาก่อน ดังนั้นแรงกระเพื่อมที่เกิดขึ้นตามมาจึงนำมาเทียบกันไม่ได้

ถังหลิ่น มาเข้าร่วมกลุ่มกับพวกเราเถอะ อวี้เฟยเอ่ยปากเชื้อเชิญอีกครั้ง สายตาเร่าร้อนคล้ายแบกรับภารกิจหนักหนาบางอย่างไว้ พวกเรามาร่วมค้นหาความจริงไปด้วยกัน ร่วมกันทำลายโลกบัดซบนี่!

ถังหลิ่นยอมรับว่ามีอยู่ชั่ววูบที่เขารู้สึกเลือดร้อนแผ่ซ่านไปทั้งร่าง

ความจริงที่เขายอมคุยกับอวี้เฟยนานขนาดนี้ก็เพราะหวังว่าบางทีกลุ่ม VIP อาจสามารถร่วมมือกับกลุ่มนักสำรวจ ฝ่าด่านไปพร้อมๆ กับค้นหาความจริง

ทว่าหลังจากมองดูชายหนุ่มผู้บุ่มบ่ามเลือดร้อนที่อยู่ตรงหน้า เขาก็ค่อยๆ ใจเย็นลง

ทำลายโลกแห่งการทำเควสต์ฝ่าด่าน?

แน่นอนว่าเขาต้องการแบบนั้น แต่ต้องทำอย่างไรถึงจะเปลี่ยนเป้าหมายให้กลายเป็นจริงได้

พวกคุณคิดจะทำยังไง ถังหลิ่นถาม

อวี้เฟยคิดว่าในที่สุดถังหลิ่นก็เปิดใจยอมรับแล้วจึงรีบอธิบาย อย่างแรกคือลืมเรื่องด่านทิ้งไปเสีย ด่านต้องการก็แค่ให้นายเปิดแผนที่เพิ่ม แต่เชื่อเถอะว่านั่นไม่ใช่เป้าหมายที่แท้จริง ที่พวกเราต้องทำคือตรวจสอบทุกสถานที่ภายในด่านอย่างสุดกำลัง โดยเฉพาะกับพื้นที่ที่อยู่นอกเส้นทาง รวมถึงจุดที่กฎไม่อนุญาตให้พวกเราไป ยิ่งห้ามมากเท่าไหร่พวกเราก็ยิ่งต้องไปให้ได้ มีแต่ทำแบบนั้นเท่านั้นถึงจะได้ผลลัพธ์อะไรบางอย่างกลับมา

ฉงเยวี่ยเคยเล่าว่าเคยมีนักสำรวจเข้าไปในพื้นที่ที่อยู่นอกเขตที่ระบบกำหนดและถูกกำจัดโดยตรง

ดูท่าจะเป็นเรื่องจริง

“เจาะจงอีกหน่อยได้ไหม” ถังหลิ่นยังคงถามต่อ “แค่บุกเข้าไปสำรวจในพื้นที่ที่ไม่รู้จักเหรอ มีแผนการสำรวจที่มีระบบมีขั้นมีตอนมากกว่านี้หรือเปล่า”

“แน่นอนว่ามี พวกเราต้องเริ่มลงมือจากสามด้าน ได้แก่การมีอยู่ของโลกนี้ การมีอยู่ของผู้คุมด่าน และรายละเอียดของด่าน แต่การจะสำรวจเรื่องผู้คุมด่านกับรายละเอียดภายในด่านนั้นมีโอกาสแค่ตอนเข้าไปในด่านแล้วเท่านั้น อีกอย่างด่านก็ผ่านการตั้งค่ามาก่อนที่จะเปิดให้เข้าไป พวกเรารู้สึกว่าการสำรวจภายในนั้นไม่มีความหมายสักเท่าไหร่ ดังนั้นจึงเน้นไปที่ด้านนอก ในบริเวณที่ไม่ได้รับอนุญาต”

อวี้เฟยพูดไม่หยุดคล้ายพอพูดถึงเรื่องนี้เขาก็กระเหี้ยนกระหือรือไม่รู้จบไม่รู้สิ้น

ทว่าถังหลิ่นกลับสังเกตเห็นว่านับตั้งแต่เมื่อครู่จนถึงตอนนี้อีกฝ่ายพูดถึงคำว่า ไม่อนุญาต สองครั้งแล้ว เขาจึงเตือนอ้อมๆ ไม่อนุญาตแปลว่ามีอันตราย เป็นไปได้ว่าอาจหมายถึงการถูกกำจัด

ทุกการสำรวจล้วนมีอันตราย อวี้เฟยไม่แม้แต่จะหยุดคิด ไม่มีความกล้า ก็อย่ามาเป็นนักสำรวจ

นี่ไม่ใช่ มีอันตราย แต่เป็นการพุ่งเข้าหาอันตรายโดยไม่มีแบบแผน

ถังหลิ่นถอนหายใจแผ่วเบาออกมาคราวหนึ่ง ช้อนตาขึ้นคล้ายตัดสินใจ ผมนับถือในความกล้าของพวกคุณ แต่ผมอยากพาพรรคพวกกลับบ้านมากกว่า

อวี้เฟยฟังออกถึงคำปฏิเสธในคำพูดของอีกฝ่าย แต่ถึงอย่างนั้นเขากลับไม่อาจยอมรับ ตอนนี้นายมีโอกาสสืบรู้ความจริงแล้ว มีโอกาสช่วยเหลือคนที่อยู่ที่นี่ทั้งหมด แต่นายกลับสนใจแค่ พรรคพวก ไม่กี่คนนั่น!

ถังหลิ่นส่ายหน้าคุณให้เกียรติผมเกินไปแล้ว ผมแบกรับชีวิตผู้คนมากมายแบบนั้นไม่ไหว

อวี้เฟยร้อนอกร้อนใจ เขาพูดออกมาโดยไม่ทันยั้งคิด พรรคพวกของนายพวกนั้นไม่มีนายจะตายหรือไง ต่อให้เป็นแบบนั้นก็เถอะ การทำลายที่นี่ ช่วยชีวิตผู้คนทั้งหมด เทียบไม่ได้กับชีวิตพรรคพวกของนายพวกนั้นเลยหรือไง

ถังหลิ่นนิ่งมองดูเขา ผมเป็นหัวหน้ากลุ่ม VIP

 

  

โปรดติดตามตอนต่อไป

 

 

2 of 2หน้าถัดไป

Comments

comments

No tags for this post.
Continue Reading

More in everY

บทความยอดนิยม

everY

ทดลองอ่าน เขตห้ามรักฉบับเบต้า เล่ม 1 Chapter 2.1-2.2 #นิยายวาย

ทดลองอ่าน เรื่อง เขตห้ามรักฉบับเบต้า เล่ม 1 ผู้เขียน : MINTRAN แปลโดย : ทันบี ผลงานเรื่อง : 배타적 연애 금지구역 ถือเป็นลิขสิทธิ์...

ซ่อนกลิ่น

ทดลองอ่าน ซ่อนกลิ่น บทที่ 25.3-25.5

บทที่ 25-3 คาดคั้นเอาผิด ในขณะที่เขากำลังสอบสวนอยู่นั้น เฉิงเผยเหนียนก็ไล่ตามมาถึงอย่างกระหืดกระหอบ ทีแรกเฉิงเผยเหนียนเข...

ซ่อนกลิ่น

ทดลองอ่าน ซ่อนกลิ่น บทที่ 25.1-25.2

บทที่ 25-1 คาดคั้นเอาผิด หลิ่วจือหว่านซึ่งอยู่อีกด้านมองดูเฉิงเผยเหนียน จู่ๆ ก็เปิดปากขึ้นด้วยท่าทีเย็นชา ตัดบทคำพูดของเ...

ซ่อนกลิ่น

ทดลองอ่าน ซ่อนกลิ่น บทที่ 26.1-26.2

บทที่ 26-1 น้ำแกงบำรุง เซิ่งเซียงหลันกลัวเกรงพี่สาวอยู่บ้าง ซ้ำตนเองก็เป็นฝ่ายผิด พอถูกนางตำหนิต่อว่าก็อัดอั้นโทสะเอาไว้...

ซ่อนกลิ่น

ทดลองอ่าน ซ่อนกลิ่น บทที่ 26.3

บทที่ 26-3 น้ำแกงบำรุง ในวันนี้หลิ่วจือหว่านกำลังเตรียมจะออกจากจวนไปดูเรือขนสินค้าส่งมอบของที่ท่าเรือ เมื่อเดินมาถึงหน้า...

community.jamsai.com