everY
ทดลองอ่าน ภาพวาดโครงกระดูก เล่ม 3 บทที่ 61 #นิยายวาย
ทดลองอ่าน เรื่อง ภาพวาดโครงกระดูก เล่ม 3
ผู้เขียน : ซีจื่อซวี่
แปลโดย : qMondae
ผลงานเรื่อง : 骷髅幻戏图 (Ku Lou Huan Xi Tu)
ถือเป็นลิขสิทธิ์ของสำนักพิมพ์เอเวอร์วายในการเผยแพร่ผลงาน
จัดพิมพ์และจัดจำหน่ายในประเทศไทยแต่เพียงผู้เดียว
หากผู้ใดละเมิดลิขสิทธิ์จะถูกดำเนินคดีตามกฎหมาย
– – – – – – – – – – – – – – – – –
Trigger Warning
เนื้อหามีประเด็นอ่อนไหวเกี่ยวกับการตาย การฆ่าตัวตาย การฆาตกรรม
มีการบรรยายถึงเลือดและสภาพศพ การทำร้ายทางร่างกายและจิตใจ
และการทำร้ายเด็ก ซึ่งอาจส่งผลกระทบทางจิตใจ
สำหรับผู้อ่านที่มีอายุ 18 ปีขึ้นไป
โปรดใช้วิจารณญาณในการอ่าน
** หมายเหตุ: ยังไม่ใช่ต้นฉบับที่เสร็จสมบูรณ์ **
– – – – – – – – – – – – – – – – –
บทที่ 61 ฝัน (7)
หลินปั้นซย่าหน้าถอดสี แม้ว่าจะรีบเบี่ยงตัวหลบไปด้านข้างทันที แต่มีดของเจียงซิ่นก็ยังกรีดโดนหลังมืออยู่ดี เขาตอบสนองเร็วมาก ถีบเท้ายันไหล่เจียงซิ่นออกไป เจียงซิ่นที่ยังคุกเข่าอยู่ริมเตียงถูกหลินปั้นซย่าถีบจนซวนเซจวนเจียนจะตกเตียง เจียงซิ่นคว้าราวจับขอบเตียงหมับ ทรงตัวไว้ได้
เมื่อเห็นหลินปั้นซย่าดิ้นรนเอาตัวรอด สีหน้าเจียงซิ่นก็บิดเบี้ยวกว่าเดิม ปากตวาดกร้าว “หลินปั้นซย่า ฉันกำลังช่วยนายอยู่นะ…ทำไมนายถึงไม่รู้จักแยกแยะขนาดนี้”
กล่าวจบก็โผเข้าไปคว้าไหล่หลินปั้นซย่าไว้ คมมีดในมือกำลังเสือกตรงเข้ามาที่ใบหน้าหลินปั้นซย่า ภายใต้ความสับสนวุ่นวาย หลินปั้นซย่าคลำไปรอบเตียงหมายจะหาอะไรไว้ป้องกันตัว ใครจะรู้ว่าจะคลำเจอแท่งทรงกลมแข็งๆ เขารู้ได้ทันที นี่คือปากกาที่ซ่งชิงหลัวมอบให้เขา ก่อนหน้านี้เขาดูเสร็จแล้วก็วางมันไว้ข้างเตียง
เจียงซิ่นตวาดจบ มีดแหลมคมในมือก็จะแทงลงมาที่หลินปั้นซย่าเดี๋ยวนั้น หลินปั้นซย่าไม่สนอะไรแล้ว เขาดึงฝาปากกาอย่างร้อนรน ยกขึ้นแทงไปที่ไหล่ของเจียงซิ่นอย่างแรง
ไม่คิดเลยว่าหลินปั้นซย่าจะมีอาวุธอยู่ในมือด้วย เจียงซิ่นที่ไร้การป้องกันใดๆ จึงถูกแทงเข้าอย่างจัง เขาร้องโอดครวญ ตัวเอนไปด้านหลัง หลินปั้นซย่าฉวยโอกาสนี้กระโดดข้ามราวกั้นขอบเตียงลงมาทันทีและร้องตะโกน “เจียงซิ่นเสียสติไปแล้ว…รีบแจ้งความ!”
คนทั้งห้องล้วนถูกปลุกให้ตื่นด้วยเสียงเอะอะ ก่อนร้องขึ้นมาด้วยความขลาดกลัว หอพักเวลาห้าทุ่มกว่าถูกตัดไฟแล้ว รอบๆ ล้วนมืดมิดไปหมด หลินปั้นซย่าก็ไม่กล้านิ่งดูดาย สวมเสื้อผ้าแล้วถลาออกไปข้างนอก เขาวิ่งลงไปชั้นล่างเพื่อไปหาอาจารย์ที่เข้าเวรอยู่ชั้นหนึ่งอย่างว่องไวชนิดไม่ทิ้งฝุ่น อาจารย์เห็นหลินปั้นซย่ามีเลือดเต็มตัวก็ตกใจไม่น้อย เมื่อได้ยินว่ามีคนใช้อาวุธเจตนาฆ่าคนก็รีบโทรแจ้งความทันที จากนั้นก็บอกให้หลินปั้นซย่ารออยู่ที่นี่ อาจารย์จะขึ้นไปดูสถานการณ์ข้างบน
หลินปั้นซย่าพยักหน้า นั่งลงหอบแฮกๆ ป่านนี้แล้วเขาก็ยังคงมึนงงอยู่ ไม่รู้ทำไมเรื่องราวถึงได้กลายเป็นแบบนี้ไปได้ เขาก้มหน้ามองตัวเองก็พบว่าทั้งร่างเขาเต็มไปด้วยเลือดสีสด ชุดนอนก็ถูกแทงขาดเป็นรูโหว่ ตรงที่เขาบาดเจ็บคือหลังมือข้างขวา บนนั้นถูกกรีดจนเห็นแผลเด่นชัด บัดนี้แม้ว่าเลือดจะหยุดไหลแล้ว แต่ความเจ็บปวดก็ยังทิ่มแทงไม่ขาดสาย เขารู้สึกหนาวเล็กน้อย หดคอเกร็งอย่างควบคุมไม่ได้
ไม่นานอาจารย์ประจำหอพักก็ลงมาจากชั้นบนโดยที่จับเจียงซิ่นไว้ด้วย เจียงซิ่นถูกมัดด้วยเชือกหลายเงื่อนเหมือนปูตัวหนึ่ง อาจารย์ประจำหอพักด่ากราด กล่าวว่าอายุแค่นี้ทำไมถึงไม่รู้จักทำเรื่องดีๆ เอาแต่ทำเรื่องแย่ๆ มีปัญหาขัดแย้งอะไรก็พูดกันดีๆ ไม่ได้หรือไง ทำไมถึงได้ลงมือใช้อาวุธกับเพื่อนร่วมชั้นได้
เจียงซิ่นไม่มีทีท่าจะดิ้นหนี อยู่ในเงื้อมมืออาจารย์โดยสงบอย่างกับเป็นตัวปลอม จนกระทั่งถูกโยนตัวมาตรงหน้าหลินปั้นซย่าแล้ว เขาถึงเงยหน้าขึ้นปรายตามองหลินปั้นซย่า
“เจ็บมั้ย” เจียงซิ่นพูดแบบนี้ออกมา
“ก็ต้องเจ็บสิ” หลินปั้นซย่าขมวดคิ้ว “ฉันไปทำอะไรให้นายกันแน่ ทำไมถึงทำกับฉันแบบนี้ล่ะ”
“โลกนี้ไม่ใช่โลกความเป็นจริง” เจียงซิ่นกล่าว “นายต้องตื่นขึ้นมา”
หลินปั้นซย่าคิดในใจว่าคนคนนี้อาจจะเสียสติไปแล้วจริงๆ
“เชื่อฉันสักครั้งเถอะ” เจียงซิ่นกล่าว “ฉันไม่ได้โกหกนาย” ขณะเขาพูดก็หมายจะเข้ามาใกล้หลินปั้นซย่า ทว่ากลับถูกอาจารย์หิ้วตัวกลับไป
บัดนี้เสื้อเขาขาดรุ่งริ่ง หลินปั้นซย่าเห็นเต็มตาว่าเขามีบาดแผลอยู่ทั่วทั้งร่าง บาดแผลเหล่านี้มีทั้งแผลใหม่และเก่า มันดูเหลือเชื่อมาก เพียงแค่มองก็รู้สึกเจ็บปวดแทนแล้ว แต่เจียงซิ่นกลับเหมือนไม่รู้สึกรู้สา ยังคงพยายามขยับเข้ามาหาหลินปั้นซย่าเพื่อจะพูดคุย
สุดท้ายอาจารย์ประจำหอพักก็เริ่มรำคาญ จับเจียงซิ่นโยนเข้าไปในห้องข้างๆ แล้วขังไว้ทันที ก่อนกล่าวว่า “เธอยังเป็นบ้าอยู่อีกเหรอ เดี๋ยวตำรวจจะมาแล้ว!” จากนั้นเขาก็มองมาที่หลินปั้นซย่า เอ่ยเสียงเครียดด้วยความเป็นห่วง “แผลเธอยังมีเลือดไหลอยู่หรือเปล่า”
“ไม่มีครับ” หลินปั้นซย่าส่ายหน้า “ไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไร แค่แผลที่ผิวชั้นนอกครับ” ถึงแผลจะลึกนิดหน่อยแต่ก็โชคดีที่ไม่ได้บาดเจ็บถึงกระดูก เป็นแค่แผลที่ผิวหนังชั้นนอกเท่านั้น
อาจารย์ประจำหอพักเอ่ย “ยังไงก็ไปโรงพยาบาลหน่อยดีกว่า ให้หมอดูว่าต้องเย็บหรือเปล่า”
หลินปั้นซย่าผงกหัวรับคำ
ตำรวจมาอย่างรวดเร็ว ภายในราวๆ สิบห้านาที ด้านนอกก็มีรถตำรวจจอดเต็มไปหมด อาจารย์ประจำหอพักรีบไปต้อนรับและเล่าเรื่องที่เกิดขึ้น ตำรวจฟังจบก็ถามว่าผู้ต้องหาอยู่ที่ไหน อาจารย์ประจำหอพักชี้ไปยังห้องนั้น “ขังไว้ในนั้นแล้ว”
ตำรวจเอ่ย “เปิดประตูสิ”
อาจารย์ประจำหอพักรับคำแล้วก็ยื่นมือไปดึงประตู ทว่าทันทีที่ประตูเปิดออก เขากลับต้องตะลึงค้าง เลือดฝาดบนใบหน้าหายวับไปทันใดเสมือนเห็นภาพที่น่าสยดสยองสุดขีด “ทะ…ทำไมถึง…”
หลินปั้นซย่าเดินเข้าไปแล้วก็ได้เห็นภาพในห้องนั้นเช่นกัน ปฏิกิริยาของเขาเป็นเช่นเดียวกับอาจารย์ประจำหอ แทบจะตะลึงค้างอยู่กับที่
ห้องนี้เป็นห้องสำหรับเก็บของซึ่งขนาดเล็กมาก เพียงแต่พื้นที่ห้องอันคับแคบบัดนี้เต็มไปด้วยเลือดสดแทบจะทุกกระเบียดนิ้ว เจียงซิ่นนอนอยู่บนพื้น บนคอมีแผลฉกรรจ์เพิ่มขึ้นมา แผลนี้สาหัสถึงขั้นมองเห็นกล้ามเนื้อด้านใน เป็นภาพที่ดูไม่น่าสบายใจอย่างถึงที่สุด เลือดปริมาณมากที่ไหลออกมาจากแผลของเขาย้อมให้แทบจะทั้งห้องนี้กลายเป็นสีแดงสด
“ทำ…ทำไมเขาถึงตายล่ะ…” อาจารย์คุมหอสั่นเทิ้มไปทั้งร่าง
ตำรวจที่มาถึงมีความมืออาชีพอย่างยิ่ง หลังเข้าไปก็ทำการตรวจสอบโดยสังเขปแล้วเอ่ยสาเหตุการตายของเจียงซิ่นออกมา “เขาใช้ถังเหล็กฆ่าตัวตายครับ”
อาจารย์ประจำหอทึ่มทื่อไปทันที “ถังเหล็ก? ถังเหล็กจะใช้ฆ่าตัวตายได้ยังไง”
ตำรวจเอ่ย “ตัดออกมาลับให้คม”
อาจารย์ประจำหอพักทำหน้าราวกับเห็นผี มองไปที่ถังเหล็กซึ่งวางอยู่มุมห้อง ถังเหล็กนั้นขาดหายไปเสี้ยวหนึ่งจริงๆ ถึงจะนับว่ามีความคมแต่จะบั่นคอตัวเองนั้นแทบเป็นไปไม่ได้เลย…แล้วจะนับประสาอะไรกับการหั่นคอตัวเองจริงๆ
ทางตำรวจนับว่าใจเย็นมาก เห็นคนตายเช่นนี้ก็กล่าวว่านี่เป็นจุดเกิดเหตุแรกจำเป็นต้องปิดล้อมไว้ แล้วเรียกคนให้พาหลินปั้นซย่าไปตรวจและรักษาบาดแผลที่โรงพยาบาลก่อน
แล้วหลินปั้นซย่าก็ถูกส่งไปโรงพยาบาลทั้งชุดนอน หลังจากทำแผลเรียบร้อยก็ไปสถานีตำรวจเพื่อทำการลงบันทึกประจำวัน จนเมื่อทุกอย่างเสร็จสิ้นท้องฟ้าก็สว่างแล้ว อาจารย์ประจำชั้นก็รู้เรื่องนี้แล้วเช่นกัน ปลอบขวัญหลินปั้นซย่าไปหนึ่งคำรบแล้วบอกให้หลินปั้นซย่าพักผ่อนอยู่ที่หอ วันนี้ไม่ต้องเข้าเรียน
เดิมหลินปั้นซย่าอยากพูดว่าตนไม่เป็นอะไรมาก แต่อาจารย์ประจำชั้นยืนกรานแน่วแน่ เขาก็ได้แต่เชื่อฟัง
กลับมาถึงหอพักที่ไม่มีใครอยู่ หลินปั้นซย่าเปลี่ยนชุดนอนและผ้าปูซึ่งเต็มไปด้วยเลือดออก ก่อนเอนกายลงนอนบนเตียงอีกครั้ง นอกจากกลิ่นคาวจางๆ ที่ลอยอยู่ในอากาศแล้ว ทุกอย่างก็กลับมาสะอาดเรียบร้อยราวกับเป็นเพียงความฝันหนึ่ง เขาพลิกตัวหันหน้าเข้าหาผนัง ขดตัวกลมอยู่ในผ้าห่ม
หลินปั้นซย่าหนาวนิดหน่อย เขานึกถึงปากกาที่ซ่งชิงหลัวให้มา เวลานี้มันก็ถูกตำรวจเก็บไปแล้วเช่นกัน เหลือเพียงแค่กล่องว่างเปล่าที่วางอยู่เบื้องหน้า จะอธิบายกับซ่งชิงหลัวยังไงดี แล้วซ่งชิงหลัวจะยังโกรธเขาอยู่หรือเปล่า
นอกจากนี้สิ่งที่เจียงซิ่นเคยพูดก็ยังวนเวียนอยู่ในสมองของเขาไม่หยุด เขาไม่เข้าใจว่าคำพูดพวกนั้นหมายความว่ายังไงกันแน่ แต่ก็พอจะรู้สึกเหมือนว่าตนพอจะเข้าใจคำพูดเหล่านี้ได้รางๆ ว่ามันก็ไม่ใช่เรื่องดีสักเท่าไหร่นัก
คิดถึงตรงนี้หลินปั้นซย่าก็หดหู่ใจเล็กน้อย เขาหิวขึ้นมานิดๆ แต่ตอนนี้โรงอาหารยังปิดอยู่ จึงได้แต่ต้องรอให้เย็นค่อยออกไปกิน
ก๊อกๆๆ
ประตูห้องถูกเคาะจนเกิดเสียง หลินปั้นซย่านึกว่าเป็นอาจารย์ประจำหอพักจึงถามไปประโยคว่ามีเรื่องอะไร
คนด้านนอกไม่ตอบคำถามแต่เคาะอีกสองสามครั้ง ดูดื้อด้านสุดๆ
หลินปั้นซย่าได้แต่ไต่ลงจากเตียงเพื่อไปเปิดประตู ใครจะรู้ว่าทันทีที่เปิดประตูออกมา กลับพบว่าเป็นซ่งชิงหลัว เขาถามออกมาว่า “ได้ยินว่านายได้รับบาดเจ็บ”
หลินปั้นซย่าเอ่ย “อ่า…ชะ…ใช่แล้ว นายเข้ามาก่อนสิ”
ซ่งชิงหลัวเดินเข้าไป วางของที่ถือมาลงบนโต๊ะ “ยังไม่ได้กินข้าวสินะ กินหน่อยมั้ย”
หลินปั้นซย่าเอ่ยขอบคุณเขา
ขณะหลินปั้นซย่ากำลังกินข้าว ซ่งชิงหลัวก็ถือโอกาสนี้มองสถานที่ที่เขาอาศัยอยู่พลางเอ่ยด้วยความจู้จี้จุกจิกเล็กน้อย “เตียงเล็กขนาดนี้จะไม่กลิ้งตกลงมาเหรอ”
หลินปั้นซย่าเอ่ยเสียงอู้อี้ “ไม่เป็นไร นอนพอ”
“นั่นสินะ คงเพราะนายก็ค่อนข้างตัวเล็ก” ซ่งชิงหลัวกล่าว
หลินปั้นซย่า “…”
ซ่งชิงหลัวถามขึ้นว่า “เมื่อคืนเกิดอะไรขึ้น”
“นายยังไม่รู้เรื่องเหรอ”
“ฉันรู้มาหลายเวอร์ชั่น ไม่รู้เวอร์ชั่นไหนคือต้นฉบับ”
หลินปั้นซย่าเอ่ยถาม “มีกี่เวอร์ชั่นเหรอ”
“เพียบ” ซ่งชิงหลัวเล่าให้ฟังคร่าวๆ เวอร์ชั่นที่ดังที่สุดเลยคือเจียงซิ่นยืมเงินหลินปั้นซย่า แต่ไม่อยากคืนก็เลยจะฆ่าปิดปากเขา แล้วยังมีอีกหลายเวอร์ชั่นที่ไม่ค่อยฮอตฮิตนัก หนึ่งในนั้นแปลกจนถึงกับดึงฉินสวี่มาเอี่ยวด้วย
หลินปั้นซย่าเกือบจะสำลักอยู่แล้ว “ยังมีแบบที่เกี่ยวกับฉินสวี่ด้วยเหรอเนี่ย”
“เล่ากันว่านายคบกับฉินสวี่ ทำให้ฉินสวี่ฆ่าตัวตาย ในฐานะที่เจียงซิ่นเป็นเพื่อนของฉินสวี่ย่อมทนดูต่อไปไม่ไหว ก็เลยวางแผนฆ่านายเป็นการแก้แค้นให้เขา…” เขาเอ่ยไปก็หลุดยิ้มออกมาอย่างอดไม่ได้ “จริงหรือหลอก?”
หลินปั้นซย่าช็อกจนตะเกียบหลุดมือ ปฏิเสธว่าเขาไม่ได้เป็นอย่างนั้นสักหน่อย อย่าพูดซี้ซั้ว
ซ่งชิงหลัวเอ่ย “งั้นเวอร์ชั่นไหนคือเรื่องจริง”
“ฉันไม่รู้” หลินปั้นซย่ากล่าว “ฉันเองก็ไม่เข้าใจเหมือนกันว่าทำไมเขาต้องพยายามฆ่าฉันด้วย ทั้งๆ ที่ไม่ได้ผิดใจหรือมีความแค้นอะไรกับเขา ยังไม่รู้จักเขาเท่านายเลยด้วยซ้ำ”
“นั่นสินะ”
หลินปั้นซย่ากินอาหารคำสุดท้ายเสร็จก็อิ่มพอควร เขาลูบหนังท้องตัวเองและเอ่ยขอบคุณซ่งชิงหลัวจากใจจริงอีกครั้ง ซ่งชิงหลัวกลับตอบมาว่า “ให้ฉันดูแผลหน่อย”
“ไม่เป็นไร แค่แผลที่ผิวหนังชั้นนอก ไม่ร้ายแรง ไม่อย่างนั้นฉันคงไม่ได้พักผ่อนอยู่ที่หอแบบนี้หรอก”
ซ่งชิงหลัวยืนยัน “ให้ฉันดูหน่อย”
หลินปั้นซย่าเห็นเขายืนกรานก็ได้แต่ยื่นมือออกไป ซ่งชิงหลัวคว้ามือหลินปั้นซย่าไว้พลางตรวจสอบโดยละเอียดรอบหนึ่ง “บนตัวไม่ได้บาดเจ็บตรงไหนแล้วใช่มั้ย”
“ไม่มีนะ”
“หมอได้ตรวจให้หรือเปล่า”
“อันนี้…ไม่ได้ตรวจ” หลินปั้นซย่าส่ายหน้า
ซ่งชิงหลัวเอ่ย “ศอกนายเหมือนจะช้ำ”
หลินปั้นซย่าก้มหน้ามองก็พบว่าข้อศอกของตัวเองช้ำไปจ้ำหนึ่งจริงๆ แต่อาจเป็นเพราะเครียดเกินไป เขาเลยไม่รู้สึกถึงความเจ็บจากแผลฟกช้ำตรงนี้เลย
ซ่งชิงหลัวจับมือหลินปั้นซย่าเอาไว้ คนคนนี้ผอมมาก ข้อมือเล็กจนมือของเขาสามารถรวบได้หมด “ที่อื่นล่ะ?”
“หา?”
“ฉันจะดูว่านายได้รับบาดเจ็บตรงไหนอีกหรือเปล่า”
หลินปั้นซย่าไม่ทันตั้งตัว ซ่งชิงหลัวก็ยื่นมือออกมาปลดกระดุมชุดนอนเขาทีละเม็ดๆ ต่อมาหลินปั้นซย่าถึงรู้ตัวว่าอีกฝ่ายจะทำอะไร จึงรีบคว้าคอเสื้อของตัวเองอย่างตึงเครียดทันใด “มะ…ไม่ต้องหรอกมั้ง?”
เสียงของซ่งชิงหลัวราบเรียบ “กลัวอะไร ฉันไม่กินนายหรอก”
หลินปั้นซย่าเอ่ย “แต่ว่า…”
“แค่ดู” ระหว่างเขาพูดเช่นนี้กระดุมเม็ดสุดท้ายก็ถูกปลดจากรังดุม เผยให้เห็นร่างกายของหลินปั้นซย่า ไหล่และหน้าอกผอมบางอย่างที่คิดไว้ แค่มองปราดเดียวก็รู้ว่าไม่ใช่เด็กที่ได้รับการเลี้ยงดูมาเป็นอย่างดีแน่นอน หุ่นบางเหมือนกระดาษ ไม่รู้ว่าเมื่อก่อนเคยถูกกลั่นแกล้งมามากแค่ไหน แค่คิดถึงตรงนี้ ซ่งชิงหลัวก็เม้มปากเบาๆ เป็นองศาที่ดูไม่สบอารมณ์นัก
โปรดติดตามตอนต่อไป…
ติดตามบทต่อไป ได้ในวันที่ 22 พ.ย. 65