Additional Heritage มรดกลวงรัก
ทดลองอ่าน Additional Heritage มรดกลวงรัก เล่ม 3 บทที่ 81-83 #นิยายวาย
บทที่ 82
หลังกลับมาถึงบ้านเกิดที่จากมานาน เวินเสี่ยวฮุยเดินออกมาจากห้องโดยสารแล้วสูดอากาศเฮือกใหญ่เพื่อสัมผัสกับอากาศร้อนแห้งซึ่งแตกต่างจากทางตอนใต้ อย่างไรก็ดีสภาพอากาศขมุกขมัว เห็นได้ชัดว่าสิ่งที่เขาสูดเข้าไปนั้นไม่ได้มีแค่อากาศเพียงอย่างเดียว
ลั่วอี้จูงมือของเขาเดินออกจากสนามบินราวกับไม่มีใครอยู่ตรงนั้น ไม่สนใจสายตาของฝูงชนพลุกพล่านที่กำลังเฝ้ามองอยู่ ส่วนหลัวรุ่ยที่เดินตามอยู่ข้างๆ ก็พลันหูร้อนโดยไม่รู้ตัว
เมื่อขึ้นรถเวินเสี่ยวฮุยพยายามนั่งให้ห่างจากลั่วอี้มากที่สุด อย่างไรก็ดีพื้นที่เบาะหลังนั้นเล็กมาก ทั้งยังมีลั่วอี้ที่กุมมือของเขาอยู่ตลอดเวลาจนแทบจะเหมือนคนวิตกจริต คล้ายกับกลัวว่าเขาจะหายไปทันทีที่ปล่อยมือ พวกเขากุมมือจนกระทั่งมีเหงื่อซึมอยู่บนฝ่ามือ เวินเสี่ยวฮุยรู้สึกไม่สบายตัวจึงดิ้นเบาๆ แต่กลับไม่อาจดิ้นหลุดได้
ภายในรถเกิดความเงียบอันน่าอึดอัด
หลังจากผ่านไปนานหลัวรุ่ยก็พูดขึ้น “เสี่ยวฮุย พรุ่งนี้คุณน้าก็จะกลับจีนแล้ว”
“เร็วจังเลยเนอะ” หัวใจของเวินเสี่ยวฮุยบีบแน่น แม้เขาจะคิดถึงแม่ของเขามาก แต่ตอนนี้จู่ๆ เขาก็ตระหนักได้ว่าอันที่จริงตัวเขาเองก็ยังไม่ได้เตรียมพร้อมเลย จึงอดไม่ได้ที่จะรู้สึกกลัว
ลั่วอี้คล้ายกับอ่านความคิดของเขาออก “ไม่ต้องกลัว ถ้าพี่ต้องการ…”
“ไม่ ฉันไม่ต้องการให้นายไปกับฉัน นายอย่ากระตุ้นแม่ของฉันเชียว”
ลั่วอี้พูดอย่างเศร้าสร้อย “ก็ได้ ผมไม่ไป แต่ว่าพี่ต้องเอากล่องหยกนี้ให้เธอ พี่รับปากผมแล้วว่าจะเอาให้เธอในวันแต่งงาน”
เวินเสี่ยวฮุยกลัวว่าลั่วอี้จะดึงดันที่จะไปจึงรีบประนีประนอม “ก็ได้”
หลัวรุ่ยหันมาจากเบาะหน้า ก่อนพูดเสียงเบา “ฉันจะไปเป็นเพื่อนนายเอง ไม่ต้องตื่นเต้น”
เวินเสี่ยวฮุยมองเขาอย่างซาบซึ้ง
คนขับรถพาพวกเขากลับไปที่คฤหาสน์ของลั่วอี้ เมื่อเวินเสี่ยวฮุยลงจากรถก็เงยหน้าขึ้นมองคฤหาสน์ตรงหน้า ในใจเปี่ยมไปด้วยร้อยพันความรู้สึก วาสนาที่ทำให้ได้มาเจอกันได้สิ้นสุดและถูกทำลายลงที่นี่ รักแรก รักที่หนักแน่น และรักที่บิดเบี้ยวจนกลายเป็นความมืดมนในที่สุดก็เกิดขึ้นที่นี่เช่นกัน นี่คือสถานที่ที่เขาไม่เต็มใจจะกลับมาเหยียบที่สุดในโลก แต่ก็เป็นสถานที่ที่ทิ้งความทรงจำอันลึกซึ้งที่สุดให้แก่เขาเช่นกัน
ลั่วอี้ยิ่งจับมือของเขาแน่นกว่าเดิม ก่อนจะหันไปชำเลืองมองหลัวรุ่ยแวบหนึ่ง “พี่เพิ่งเคยมาบ้านผมเป็นครั้งแรกสินะ”
หลัวรุ่ยพยักหน้าอย่างตกตะลึง ไม่รู้ว่าเพราะอะไรเขารู้สึกเย็นสันหลังวาบ เขารู้จักลั่วอี้มาก็นานแล้ว แต่นี่เป็นครั้งแรกที่เขาได้มาคฤหาสน์ของลั่วอี้จริงๆ
ลั่วอี้หัวเราะ “ผมไม่เชิญพี่เข้าบ้านก็แล้วกัน คนขับรถจะพาพี่กลับไปเอง พรุ่งนี้ผมค่อยส่งพี่เสี่ยวฮุยกลับบ้าน”
หลัวรุ่ยพยักหน้าอีกครั้ง
เวินเสี่ยวฮุยพูด “แม่เล็ก อย่าขาดการติดต่อนะ เจอกันพรุ่งนี้”
“เจอกันพรุ่งนี้”
หลังจากหลัวรุ่ยกลับไปแล้ว ลั่วอี้ก็ก้มลงจูบผมของเวินเสี่ยวฮุย “ยินดีต้อนรับกลับบ้าน”
เวินเสี่ยวฮุยกำหมัดแน่น ไอเย็นพุ่งขึ้นสู่สมอง เมื่อเขาได้ยินคำเพียงไม่กี่คำที่เรียบง่ายเช่นนั้นก็รู้สึกเย็นยะเยือก เขารู้ว่าลั่วอี้ข่มความโกรธไว้ตลอดเวลาที่เขาจากไป บางทีทุกฉากทุกตอนในเวลานี้อาจทำให้ลั่วอี้นึกถึงความทรงจำบางอย่างที่ไม่อยากนึกถึงก็เป็นได้
“มัวตะลึงอะไรอยู่ เข้ามาสิ” ลั่วอี้จูงมือของเวินเสี่ยวฮุยเข้าไปในคฤหาสน์ ก่อนจะยิ้มแล้วเอ่ย “ตอนที่บ้านหลังนี้ขาดพี่ก็เหมือนขาดจิตวิญญาณไปอย่างนั้นแหละ มันกำลังรอเจ้าของของมันอยู่”
“ฉันไม่ใช่เจ้าของของที่นี่” เวินเสี่ยวฮุยทนไม่ได้กับน้ำเสียงอันมืดมนของลั่วอี้
“ผมบอกว่าใช่ก็ใช่สิ” ลั่วอี้หันตัวมาผลักเวินเสี่ยวฮุยติดประตู ประตูที่ยังปิดไม่สนิทถูกเวินเสี่ยวฮุยผลักอย่างแรงจนเกิดเสียงดัง ‘ปัง’ เขายังไม่ทันจะได้สติจากอาการตกใจ ริมฝีปากอุ่นๆ ก็เข้ามาประกบแล้ว ในทรวงอกของเขาเต็มไปด้วยกลิ่นลมหายใจของลั่วอี้
ลั่วอี้โอบเขาไว้ระหว่างแขนของตัวเองแล้วล็อกท้ายทอยของเขา ขณะที่กำลังจูบอย่างแรงอยู่นั้นก็แทบรอไม่ไหวที่จะสอดมือเข้าไปในกางเกงของเขาเพื่อคว้าก้อนเนื้อนุ่มๆ นั่น
เวินเสี่ยวฮุยครางเสียงต่ำ ขณะที่คิดจะขัดขืนมือก็หยุดชะงัก ทำไมต้องทำเรื่องที่ไร้ประโยชน์ด้วย เขาคิด การยั่วโมโหลั่วอี้จะมีประโยชน์อะไร ก็เหมือนที่เขาพูดเองว่ามันเป็นแค่การร่วมรักเท่านั้น
“ผมอยากจะ…” ลั่วอี้หายใจหอบอยู่ข้างหูของเขา “อยากจะมีอะไรกับพี่ตรงนี้เลย อยากจะมีอะไรกับพี่ตรงไหนก็ได้ในบ้านหลังนี้เหมือนเมื่อก่อน” จากนั้นก็ออกแรงดึงกางเกงของเวินเสี่ยวฮุยแล้วพลิกตัวกดเขาไว้บนพรมหนังแกะหนาๆ
เวินเสี่ยวฮุยกัดริมฝีปาก เขามองข้ามไหล่ของลั่วอี้ไปยังโคมไฟระย้าที่ห้อยอยู่เหนือศีรษะ เมื่อลั่วอี้สอดนิ้วเข้าไปในบริเวณที่ยากจะบรรยายนั้น เขาก็ลิ้มรสได้ถึงความเค็มของเลือดในปาก ดวงตาของเขาค่อยๆ ล่องลอย ร่างกายเกร็งและแข็งทื่อ ขณะที่ริมฝีปากของลั่วอี้จูบหน้าอกของเขาอยู่นั้น เขาก็จินตนาการภาพว่าถูกลิ้นของอสรพิษวาดผ่าน มันทั้งอันตรายและน่าพรั่นพรึง ชวนให้ผู้คนหวาดกลัวจนตัวสั่น ทว่าก็ยังระคนไปด้วยความตื่นเต้นน่าเย้ายวนที่ไม่สามารถบรรยายได้
ลั่วอี้ในอดีตอ่อนโยนและสุภาพอยู่เสมอ ทว่าลั่วอี้คนที่ไม่จำเป็นต้องเสแสร้งอีกต่อไปแล้วนั้นยังคงสามารถทำตัวเป็นคู่รักที่สมบูรณ์แบบในวันธรรมดาได้ แต่ทันทีที่ถอดเสื้ออีกฝ่ายก็ดุร้ายและรวดเร็วราวกับสัตว์ร้ายที่หลุดออกมาจากกรง คืนนั้นเวินเสี่ยวฮุยดื่มมากเกินไปจึงจำทุกอย่างได้เพียงเลือนราง แต่ตอนนี้เขาตื่นตัวเป็นที่สุด ตื่นตัวจนกระทั่งสามารถมองเห็นความปรารถนาที่ลึกซึ้งและรุนแรงภายในดวงตาของลั่วอี้ เมื่อมองไปยังใบหน้าที่บิดเบี้ยวของลั่วอี้ มองดวงตาที่แดงก่ำเนื่องจากความปรารถนาที่จะครอบครองอันแรงกล้า โดยเฉพาะความพึงพอใจในชั่วขณะที่ลั่วอี้สอดใส่อย่างดุเดือดนั้น มันเหมือนว่าเขาได้ครอบครองโลกทั้งใบแล้ว
ในไม่ช้าเขาก็ไม่สามารถมองสำรวจลั่วอี้ได้อีกต่อไป แม้แต่การควบคุมสติของตัวเองก็กลายเป็นเรื่องยากภายใต้การลงทัณฑ์อันแข็งแกร่งของลั่วอี้ เขาทำได้เพียงจมดิ่งอยู่ในห้วงสมุทรแห่งราคะตามการเคลื่อนไหวของอีกฝ่าย โลกเบื้องหน้าของเขาพลิกกลับ พื้นที่ที่คุ้นเคยตรงหน้าบิดเบี้ยว สติของเขากระจัดกระจาย…
ลั่วอี้เปลี่ยนสถานที่และท่วงท่าต่างๆ ราวกับเป็นบ้า พวกเขาร่วมรักรุนแรงอย่างต่อเนื่องตั้งแต่ฟ้าสว่างจนกระทั่งภายในห้องมืดสนิท คล้ายต้องการแพร่กระจายกลิ่นอายของทั้งสองคนที่พัวพันกันไปทั่วทุกซอกทุกมุมของคฤหาสน์หลังนี้ เหมือนพิธีพิสดารและลามกอนาจารบางอย่าง เพียงเพื่อขังเวินเสี่ยวฮุยไว้ในมือตลอดไปรวมถึงหัวใจของเขาด้วย
เวินเสี่ยวฮุยรู้สึกตื่นตระหนกในช่วงแรก จากนั้นก็หวาดกลัว จนกระทั่งหมดสติในท้ายที่สุด ทั้งร่างกายและจิตใจของเขารู้สึกได้ถึงธรรมชาติของสัตว์ร้ายอันไม่มีที่สิ้นสุดในตัวของลั่วอี้ ทุกครั้งที่อีกฝ่ายกระแทกเข้ามาในร่างกายของเขานั้น เขาเข้าใจยิ่งกว่าตอนไหนๆ ว่าลั่วอี้กำลังแก้แค้นต่อการที่เขาจากไป และกำลังร้องขอในสิ่งที่พวกเขาขาดหายมาตลอดสองปี โดยใช้ความสุขที่บ้าคลั่งและสิ้นหวังนี้เพื่อเตือนสติไม่ให้เขาหลงลืมชั่วชีวิต นอกจากนี้เขาก็ยิ่งเข้าใจมากขึ้นว่าครั้งนี้เขาคงไม่มีวันหนีจากคนคนนี้ได้อีกแล้ว…
เมื่อเวินเสี่ยวฮุยตื่นขึ้นมาภายนอกหน้าต่างมืดมิด เขาพบว่าตัวเองกำลังนอนอยู่บนเตียง เขาจำไม่ได้ว่าหมดสติไปตั้งแต่ตอนไหน จำได้เพียงแค่ว่าลั่วอี้ได้มอบความทรงจำที่ชวนตัวสั่นให้แก่เขา
ร่างกายปวดเมื่อยไปหมด ลำคอแห้งผาก เวินเสี่ยวฮุยกัดฟัน ต้องการจะลุกขึ้นมาดื่มน้ำ ทว่าทุกส่วนของร่างกายกำลังประท้วงทุกการเคลื่อนไหวนี้
ลั่วอี้ตื่นขึ้นก่อนถามเสียงเบา “เป็นอะไรไป อยากเข้าห้องน้ำเหรอ”
เวินเสี่ยวฮุยเหลือบมองเขาอย่างดุร้ายท่ามกลางความมืด “ดื่มน้ำ” เสียงของเขาแหบแห้งทันทีที่อ้าปาก
ลั่วอี้พลิกตัวลงจากเตียง ไม่ช้าก็รินน้ำแก้วหนึ่งกลับมาแล้วยื่นมันมาจรดริมฝีปากของเวินเสี่ยวฮุย
เวินเสี่ยวฮุยดื่มน้ำอึกๆ เมื่อของเหลวสดชื่นไหลผ่านลำคอที่แห้งผากก็เจ็บแสบราวกับถูกไฟแผดเผา
ลั่วอี้ลูบคลำใบหน้าของเขา “ยังอยากดื่มอยู่ไหม”
เวินเสี่ยวฮุยส่ายหน้า
“หิวไหม”
เวินเสี่ยวฮุยนอนกลับลงไปบนเตียง ไม่อยากพูดอะไรอีกแม้แต่คำเดียว
ลั่วอี้พูดอย่างอ่อนโยน “ทำให้พี่เหนื่อยแล้ว พอกลับมาที่นี่ก็มีความทรงจำเยอะเกินไป ผมเลยควบคุมตัวเองไม่ได้…”
เวินเสี่ยวฮุยเอาหูแนบชิดกับหมอน หวังว่าจะไม่ได้ยินเสียงของลั่วอี้อีก แต่เขาก็ยังมีหูอีกข้างหนึ่ง
ลั่วอี้โอบเอวของเขาจากด้านหลัง “เพิ่งจะตีสี่กว่าๆ เวลานี้มันน่าอึดอัดจริงๆ พี่ก็นอนต่ออีกหน่อยเถอะ”
เวินเสี่ยวฮุยยังคงเงียบงัน
ลั่วอี้จูบคอของเขา “แต่ว่าตอนนี้พี่ก็หลับมาเกือบสิบชั่วโมงแล้ว คงนอนต่อไม่หลับแล้วล่ะ ผมนั่งคุยเป็นเพื่อนพี่ดีไหม”
“ฉันอยากนอน” เวินเสี่ยวฮุยพูดเสียงต่ำ
ลั่วอี้หัวเราะเบาๆ “พวกเราคุยกันไปเรื่อยๆ เดี๋ยวพี่ก็หลับไปเองแหละ” เขาอดไม่ได้ที่จะจูบเวินเสี่ยวฮุยอีกครั้ง “พี่ชอบหรือเปล่า ไม่มีใครทำให้พี่พึงพอใจไปมากกว่าผมแล้วสินะ พี่ครางอยู่ตลอดเวลา ครางได้น่าฟังมาก เสียดายที่ผมไม่ได้ถ่ายคลิปเอาไว้”
ใบหน้าของเวินเสี่ยวฮุยร้อนผ่าว ดวงตาทั้งคู่เบิกกว้างอยู่ในความมืด
“พี่ยังจำคลิปที่พวกเราเคยถ่ายกันได้ไหม สองปีมานี้เวลาที่ผมคิดถึงพี่ก็จะเปิดมันขึ้นมาดู พี่ทั้งมีเสน่ห์และอร่อยแบบนี้ผมจะปล่อยพี่ไปให้คนอื่นได้ยังไง” ลั่วอี้พลิกตัวเวินเสี่ยวฮุยให้หันเข้าหาตัวเอง “สิ่งที่สำคัญที่สุดคือในโลกใบนี้นอกจากพี่แล้วก็ไม่เคยมีใครที่รักผมจริงๆ”
เวินเสี่ยวฮุยใจสั่น เขาสามารถมองเห็นดวงตาที่ล้ำลึกดุจมหาสมุทรของลั่วอี้ผ่านแสงจันทร์ มันดูเหมือนมีความรู้สึกลึกซึ้งบางอย่างที่สามารถทำให้คนจมน้ำตายได้ เขาแอบหยิกตัวเองแล้วพูดอย่างเย็นชา
“หย่าหย่าทำเพื่อนายมากขนาดนี้ ท้ายที่สุดแล้วเธอเป็นอะไรในสายตาของนายเหรอ”
“พี่ไม่เข้าใจ แม่เป็นคนที่ขัดแย้งในตัวเองมาก เธอเกลียดที่ผมเกิดมา กลัวว่าผมจะเติบโต แต่ก็ไม่สามารถตัดความผูกพันของความเป็นแม่ได้ เธอรักผมงั้นเหรอ ก็อาจจะใช่ แต่ในเวลาเดียวกันเธอก็เกลียดและกลัวผม เพราะอย่างนั้นผมถึงได้บอกว่าการตายของแม่คือการหลุดพ้น ไม่ได้แค่หลุดพ้นจากเขาคนนั้น แต่เธอยังเลือกที่จะออกไปจากความทรมานต่อความรู้สึกบิดเบี้ยวที่มีให้ผมด้วย อันที่จริงเธอก็อยากจะไปจากผมนั่นแหละ”
เวินเสี่ยวฮุยรู้สึกเย็นวาบในใจ ลั่วอี้ไม่เคยกล่าวถ้อยคำเหล่านี้ออกมาเลย ทว่าแค่นี้ก็เพียงพอแล้วที่จะทำลายหัวใจของเขาให้แตกเป็นเสี่ยงๆ เขาอดไม่ได้ที่จะคิดว่าตลอดสิบกว่าปีที่ผ่านมาพี่สาวของเขาต้องทนทุกข์กับความทรมานแบบไหนบ้าง เธออยู่กับหมาป่าชั่วร้ายและให้กำเนิดลูกหมาป่าอีกตัวหนึ่ง ถึงตอนนี้แม้กระทั่งเขาเองก็ยังรู้สึกว่าสิ่งที่หย่าหย่าเลือกนั้นดีที่สุดสำหรับเธอแล้ว
“ฉะนั้นถึงมีแค่พี่” ริมฝีปากอ่อนนุ่มของลั่วอี้จูบปลายจมูกของเขา “มีแค่พี่ที่เคยรักผมอย่างบริสุทธิ์ใจ”
เวินเสี่ยวฮุยพูดด้วยน้ำเสียงล้ำลึก “นายต้องให้ฉันพูดอีกสักกี่ครั้งว่าคนที่ฉันเคยรักไม่ใช่นาย”
“ถึงจะเป็นผมคนที่เคยเสแสร้ง แต่นั่นก็คือผมเหมือนกัน ลั่วอี้คนนั้นที่พี่ชอบก็คือผม ไม่ใช่คนอื่น ผิวทุกตารางนิ้ว ทุกรายละเอียดที่พี่ชอบ ผมสามารถให้พี่ได้ ถึงผมจะเคยโกหกพี่หลายครั้ง แต่ความรู้สึกที่ผมมีให้พี่เป็นของจริง เพราะงั้นให้โอกาสผมสักครั้งเถอะนะ ผมสามารถให้พี่ได้ทุกอย่างที่พี่ต้องการ”
เวินเสี่ยวฮุยวางมือบนหน้าอกของลั่วอี้แล้วค่อยๆ ดันตัวออกห่าง ดวงตาที่เป็นประกายของเขามองตรงไปยังอีกฝ่าย
“ลั่วอี้ มันเป็นไปไม่ได้ ทำไมนายยังไม่เข้าใจอีก นอกเสียจากว่าเวลาจะเดินถอยหลังแล้วนายไม่เคยโกหกฉัน ไม่อย่างนั้นอะไรก็เป็นไปไม่ได้ทั้งนั้น นายอยากให้ฉันอยู่ข้างนาย ฉันไม่มีทางเลือกอื่น นายอยากร่วมรักฉันก็ทำให้ นายอยากให้ฉันทำยังไงฉันก็จะรับปาก ตราบใดที่นายไม่ทำให้ครอบครัวและเพื่อนของฉันเดือดร้อนก็พอ แต่ระหว่างพวกเราก็เป็นได้แค่นี้ กลับไปเป็นเหมือนเมื่อก่อนไม่ได้อีกแล้ว”
ลั่วอี้คว้ามือของเขา “แล้วพวกเราเป็นอะไรกัน”
“นายอยากให้มันเป็นแบบไหนก็แบบนั้นแหละ แฟน คู่นอน ความสัมพันธ์แบบอุปถัมภ์ แล้วแต่นายเลย” เวินเสี่ยวฮุยพูดเสียงเบา “ลั่วอี้ นายเก่ง ฉันชื่นชมนาย ฉันปล่อยให้นายจัดการ แต่สิ่งเดียวที่นายจัดการไม่ได้ก็คือหัวใจของฉัน พวกเราอยู่ในความเป็นจริงกันแล้วเล่นไปตามน้ำเถอะ” พูดจบเขาก็พลิกตัวกลับไปอีกครั้ง เพราะไม่อยากเห็นหน้าของลั่วอี้อีก
ลั่วอี้มองดูแผ่นหลังที่เย็นชาของเวินเสี่ยวฮุย เขากำหมัดแน่นจนข้อนิ้วส่งเสียงดังกรอบแกรบ เมื่อก่อนเขาไม่เคยรู้เลยว่าเวินเสี่ยวฮุยจะเด็ดเดี่ยวและแน่วแน่ขนาดนี้ มาถึงตอนนี้เขาก็ได้รู้ซึ้งด้วยหัวใจที่เต็มไปด้วยบาดแผลแล้ว
ทั้งสองคนนอนไม่หลับทั้งคืนแต่ก็ไม่ได้พูดอะไรกันอีกแม้แต่คำเดียว เวินเสี่ยวฮุยลืมตาจนฟ้าสว่าง เขาฝืนลุกขึ้นมาอาบน้ำและเตรียมตัวไปรับแม่ที่สนามบิน
ลั่วอี้ก็ลุกขึ้นเช่นกัน จากนั้นก็เลือกเสื้อผ้าและทำอาหารเช้าให้เขาเงียบๆ แล้วให้คนขับรถไปส่งเขาที่สนามบิน
ก่อนจะออกจากคฤหาสน์ลั่วอี้ก้มหน้าลงจูบหน้าผากของเขา “ถ้าผมดีกับพี่สิบปี ยี่สิบปี หรือทั้งชีวิตจะมีสักวันที่พี่จะยกโทษให้ผมได้หรือเปล่า”
เวินเสี่ยวฮุยชำเลืองมองเขาเงียบๆ แล้วหมุนตัวจากไป
หลังจากมองแผ่นหลังของเวินเสี่ยวฮุยที่หายเข้าไปในรถแล้ว ลั่วอี้ก็หยิบมือถือออกมา เขากดเบอร์โทรศัพท์เบอร์หนึ่งแล้วโทรออก เสียงทุ้มต่ำสะท้อนอยู่ในห้องนั่งเล่นที่ว่างเปล่า “…ฉันต้องการให้นายทำอะไรบางอย่าง” เขาไม่มีความอดทนพอที่จะรอได้นานถึงขนาดนั้น เขาอยากเห็นเวินเสี่ยวฮุยยิ้มให้เขาอีกครั้ง ไม่ว่าเขาจะต้องจ่ายด้วยอะไรก็ตาม