ทดลองอ่าน Additional Heritage มรดกลวงรัก เล่ม 3 บทที่ 84-86 #นิยายวาย – หน้า 2 – Jamsai
Connect with us

Jamsai

Additional Heritage มรดกลวงรัก

ทดลองอ่าน Additional Heritage มรดกลวงรัก เล่ม 3 บทที่ 84-86 #นิยายวาย

บทที่ 85

 

เวินเสี่ยวฮุยได้ใช้ชีวิตอย่างสบายใจหลายวัน การได้อยู่กับแม่ในห้องที่ตัวเองเติบโตมาทำให้เขารู้สึกเหมือนได้กลับไปเป็นเด็กอีกครั้ง ในตอนนั้นถ้าเขาไม่คิดเรื่องชื่อเสียงก็คิดถึงเรื่องผู้ชาย ใช้เวลาในแต่ละวันไปกับการอ่านหนังสือและเสริมสวย เด็กชายในตอนนั้นช่างไร้สาระและตื้นเขินอย่างแท้จริง ทว่าความสุขที่เรียบง่ายในตอนนั้นคงไม่มีวันหวนกลับมาอีกแล้ว

เพื่อไม่ให้แม่ของเขาเห็นถึงความผิดปกติ เขายังคงกินดื่มอย่างร่าเริงทุกวัน หลังจากที่รถของเขาถูกส่งมาจากเผิงเฉิงแล้วเขาก็ยังพาแม่ไปเที่ยว แต่น่าเสียดายที่อากาศในเมืองแย่มาก การขับรถเปิดประทุนในเมืองจึงเป็นเรื่องที่ดูโง่เง่า แต่เขาก็ยังแต่งหน้าทำผมให้แม่ จับคู่เสื้อผ้า และพาเธอไปห้างสรรพสินค้าเพื่อซื้อของ

เฝิงเยวี่ยหวามองไปที่ลูกชายคนสวยที่กำลังถือถุงใบน้อยใหญ่ข้างกายแล้วก็แอบดีใจ

“เอ๊ะ แกว่าถ้าแกเดินข้างฉันจะดูเหมือนเจ้สายเปย์พาเด็กน้อยมาเที่ยวหรือเปล่า”

เวินเสี่ยวฮุยกะพริบตา “คุณนายเฝิง ข้าน้อยไม่เข้าใจที่คุณนายพูดเลย”

เฝิงเยวี่ยหวาหัวเราะพลางด่า “เจ้าเด็กบ้า”

เวินเสี่ยวฮุยหัวเราะเสียงดัง “แม่ วันนี้แม่รู้สึกมีหน้ามีตามากเลยใช่ไหม”

เฝิงเยวี่ยหวาพยักหน้าอย่างภาคภูมิใจ ทว่าเธอก็ลดเสียงหัวเราะลงทันที “เสี่ยวฮุย ตอนนี้แกหาเงินได้เท่าไรกันแน่ ฉันจะเตือนแกนะ แกจะไปอวดรวยกับใครก็ได้ แต่อย่ามาแสร้งรวยกับฉันเชียว”

“แม่ก็ซื้อของตามสบายเถอะ”

เฝิงเยวี่ยหวาลังเลครู่หนึ่งก่อนจะถาม “แกบอกความจริงมา นี่แกกำลังใช้เงินของลั่วอี้อยู่ใช่ไหม”

สัญชาตญาณของเวินเสี่ยวฮุยต้องการที่จะปฏิเสธ แต่พอมาคิดๆ ดูแล้วหลายปีมานี้งานของเขาก็ทำเงินได้เพียงล้านสองล้านเท่านั้นซึ่งเทียบกับ ‘ค่าเลิก’ ของลั่วอี้ไม่ติดเลย เห็นได้ชัดว่าที่ตอนนี้เขาใช้จ่ายอย่างมือเติบก็เป็นเพราะความมั่นคงจากเงินก้อนนั้น อย่างไรก็ตามเขาไม่รู้สึกละอายใจสักเท่าไร เนื่องจาก ‘ต้นกำเนิด’ ของเงินระหว่างเขากับลั่วอี้นั้นล้ำลึกเกินไป และเมื่อคิดอย่างถี่ถ้วนแล้วเงินทั้งหมดของลั่วอี้ก็เป็นของเขาตั้งแต่แรก แม้เขาจะไม่เคยต้องการมัน แต่เขาก็ไม่อยากให้แม่ไม่สบายใจ

เมื่อเห็นว่าเขาลังเล เฝิงเยวี่ยหวาก็พอจะเดาออกแล้ว

เวินเสี่ยวฮุยยิ้มพลางเอ่ย “แม่อย่าคิดมากเลย เงินที่ผมหามาได้…”

เฝิงเยวี่ยหวาตัดบทเขา “ฉันไม่ได้คิดมาก ฉันรู้ว่าลั่วอี้รวยล้นฟ้า เครื่องหยกที่เขาเอามาให้ฉันก็น่าจะมีราคาหลายล้านล่ะมั้ง แกก็หาโอกาสส่งมันคืนไปเถอะ ฉันรับมันไว้ไม่ได้เด็ดขาด ถ้ามีวันหนึ่งที่พวกแกเลิกกัน ของชิ้นนั้นจะไม่กลายเป็นเผือกร้อนหรือไง”

เวินเสี่ยวฮุยพูดอย่างอึดอัด “ผมรู้”

“แกน่ะดูภายนอกเหมือนจะฉลาดแต่ว่าข้างในไร้เดียงสาเกินไป ฉันจะบอกแกให้นะ ถึงพวกแกสองคนจะเป็นผู้ชายทั้งคู่ แต่พอเป็นเรื่องความรักแล้วไม่ว่าใครก็เหมือนกันหมด เขาเป็นผู้ชายของแก เขาก็ควรจะเลี้ยงแก แต่แกจะไม่ทำอะไรเลยเพราะมีเขาเลี้ยงไม่ได้ คนเราต้องมีทางเลือกสำรองให้ตัวเองเสมอเข้าใจไหม”

เวินเสี่ยวฮุยมองแม่ของเขาอย่างตกตะลึง คิดไม่ถึงเลยว่าจะได้ยินคำเหล่านี้จากปากของเธอ สมกับที่แม่เคยอาบน้ำร้อนมาก่อน แม่พิจารณาทุกอย่างโดยมีเขาเป็นศูนย์กลาง เฉียบคมเกินไปแล้ว

เฝิงเยวี่ยหวาจ้องเขา “แกเข้าใจหรือเปล่า”

เวินเสี่ยวฮุยพยักหน้า

“เดิมทีตัวตนของลั่วอี้ก็ไม่ปกติอยู่แล้ว คราวก่อนพวกแกทะเลาะกันจนกลายเป็นแบบนี้ ใครจะรู้ว่าต่อไปจะเกิดอะไรขึ้นบ้าง ใครจะรู้ว่าความสัมพันธ์จะอยู่นานแค่ไหน ถึงเจ้าเด็กลั่วอี้นั่นจะดูไม่เลว แต่ก็อาจจะไม่ใช่คนที่อยู่ด้วยได้ ตอนนี้ฉันให้พวกแกแยกกัน พวกแกก็ทนไม่ได้ แต่ถ้าเกิดวันหนึ่งหมดรักกันแล้วแกก็คงจะเที่ยวเล่นไปวันๆ ไม่ได้หรอกมั้ง แกจะต้องสร้างอาชีพของตัวเองให้ได้ตอนที่ยังมีแรง ต่อไปฉันไม่ได้อยู่ที่จีนบ่อยๆ แกก็ต้องทำให้ฉันวางใจด้วย”

“แม่ ผมรู้แล้ว” เวินเสี่ยวฮุยได้แต่ยิ้มอย่างขมขื่นอยู่ในใจ เมื่อก่อนเขาก็เคยคิดแบบนี้ หาแฟนที่มีเงินมีอำนาจสักคนจะได้ดิ้นรนน้อยลงสักยี่สิบปี สบายจะตาย แต่พอมีความสัมพันธ์เข้าจริงๆ แล้วถึงได้รู้ว่าศักดิ์ศรีที่เขาเคยคิดว่าจะก้มหน้าหรือโค้งคำนับเพื่อเงินนั้นกลับตรงดิ่งราวกับท่ายืนของทหาร เขาไม่เคยคิดเลยว่าเขาไม่ยินดีที่จะรับเงินแม้แต่แดงเดียว และก็คิดไม่ถึงว่าจะได้รู้จักกับลั่วอี้

พวกรถหรู คฤหาสน์ หรือเงินที่ใช้อย่างไม่มีวันหมดเหล่านั้นไม่มีค่าเท่ากับการได้นั่งซ้อนท้ายจักรยานของลั่วอี้ หรือตากลมยามค่ำคืนพร้อมกับพูดคุยกันเลย หากเอ่ยความคิดนี้ออกมาเขาจะต้องหัวเราะจนฟันหลุดแน่ๆ อย่างน้อยถ้าเป็นเขาเมื่อสองสามปีก่อนก็คงจะหัวเราะเยาะให้กับความรักจอมปลอมและความไร้เดียงสาเช่นนี้ ใครจะรู้ว่าหลังจากประสบกับมันแล้ว สิ่งเหล่านี้กลับมีค่าอย่างแท้จริง

ทั้งสองคนช็อปปิ้งพลางพูดคุยกัน เมื่อเดินจนเหนื่อยแล้วจึงหาร้านกาแฟในห้างเพื่อนั่งพัก

เวินเสี่ยวฮุยหยิบแป้งออกมาเติมระหว่างที่เฝิงเยวี่ยหวาเข้าห้องน้ำ เพิ่งจะเติมแป้งไปได้แค่สองทีจู่ๆ เขาก็เห็นใบหน้าที่ค่อนข้างคุ้นตาแวบผ่านในกระจก หัวใจของเขาสั่นไหว ไอเย็นยะเยือกจู่โจมร่างกายของเขาทันที ทั้งร่างกายพลันแข็งทื่อ

ขะ…เขาคือบอดี้การ์ดของฉางสิง!

เขามองไม่ผิดแน่ ผู้ชายที่ลักพาตัวเขา ทำดั้งจมูกของเขาหัก และท้ายที่สุดก็ถือกริชพุ่งเข้ามาหาเขา เขามองไม่ผิดแน่! เวินเสี่ยวฮุยปิดตลับแป้งเสียงดังเพียะ ไหล่สั่นสะท้านอย่างควบคุมไม่ได้ เขาคนนั้นอยู่ข้างหลังเขาไม่ไกล แต่เขาก็ไม่มีความกล้าที่จะหันกลับไปมอง

บอดี้การ์ดคนนั้นสะกดรอยตามเขาเหรอ อีกฝ่ายคิดจะทำอะไรกันแน่! ทันใดนั้นเขาก็นึกอยากโทรหาลั่วอี้ ในเวลานี้คนเดียวที่เขานึกถึงก็คือลั่วอี้ แต่เขาก็ไม่อยากตีตนไปก่อนไข้ เขาคิดว่านี่อาจจะเป็นเหตุบังเอิญก็ได้ บางทีบอดี้การ์ดคนนั้นอาจไม่สังเกตเห็นเขาด้วยซ้ำ ทรงผมของเขาในตอนนี้ต่างจากเมื่อก่อนมาก ไม่แน่ว่าต่อให้อยู่ตรงหน้าก็ยังจำไม่ได้…เขาให้เหตุผลกับตัวเองต่างๆ นานา แต่เขาไม่เต็มใจจะยอมรับความจริงที่ว่าเขาตกเป็นเป้าหมายเพราะเขากำลังอยู่กับแม่ของตัวเอง! เขาจะไม่ยินยอมให้ใครมาทำร้ายเธอ

เวินเสี่ยวฮุยกำหมัดแน่น นั่งตัวแข็งทื่อทั้งอย่างนั้น ไม่รู้ว่าควรจะทำอย่างไรดี

อย่างไรก็ดีเขากลับไม่มีโอกาสได้คิดมาก เขาได้ยินเสียงฝีเท้าเข้ามาใกล้จากทางด้านหลังอย่างชัดเจน เสียงฝีเท้าแต่ละก้าวๆ นั้นเหมือนกำลังเหยียบย่ำอยู่บนหัวใจของเขาโดยตรง!

เงาของคนคนหนึ่งปรากฏขึ้นที่หางตา จากนั้นก็มีผู้ชายคนหนึ่งนั่งลงบนเก้าอี้ฝั่งตรงข้ามที่แม่ของเขาเพิ่งนั่งไปก่อนหน้านี้

เวินเสี่ยวฮุยเอนหลังโดยไม่รู้ตัว เขามองไปรอบๆ ด้วยความหวาดกลัว มีคนมากมายในร้านกาแฟ เขาน่าจะปลอดภัยใช่ไหม

บอดี้การ์ดเผยรอยยิ้มเยือกเย็น “ไม่ต้องตื่นเต้น ผมไม่ทำอะไรคุณหรอก แค่อยากมาคุยด้วย”

เวินเสี่ยวฮุยพูดเสียงสั่น “นายคิดจะทำอะไร”

บอดี้การ์ดยื่นมือข้างหนึ่งออกมา บนข้อมือมีรอยแผลกรีดลึกเป็นทางที่ดูน่าตกใจ เขายกแก้วน้ำขึ้นดื่มอึกหนึ่ง ดวงตาทั้งคู่มองตรงไปยังเวินเสี่ยวฮุย

“ตอนนี้มือข้างนี้ยกแก้วได้แล้ว”

เวินเสี่ยวฮุยกลืนน้ำลาย มือที่อยู่ใต้โต๊ะกำแน่น

“แต่ผมไม่โทษคุณหรอก พวกเราสองคนไม่มีความแค้นต่อกัน ผมแค่ทำงานเพื่อเงิน นี่ก็ถือว่าเป็นการบาดเจ็บจากการทำงาน”

“…นายคิดจะทำอะไรกันแน่!”

“อันที่จริงเจ้านายของเราจับตาดูพฤติกรรมของคุณตลอดเวลา ลั่วอี้ซ่อนคุณมาสองปี นับว่าซ่อนได้เก่งมาก แต่น่าเสียดายที่ตอนนี้เขาลดความระวังตัวลง”

“ลั่วอี้ไม่ได้ซ่อนฉัน ฉันเป็นแค่เครื่องมือในการทำงาน”

บอดี้การ์ดหลุดหัวเราะ “เลิกพูดเล่นได้แล้ว ผมก็ไม่อยากพูดจาไร้สาระกับคุณเหมือนกัน ผมรู้ว่าคุณอยากจะไปจากลั่วอี้แต่ก็สลัดเขาไม่หลุด เรื่องความรักจะฝืนใจกันได้ยังไงล่ะเนอะ” เขาถอนหายใจ

“เรื่องของฉันกับเขาไม่เกี่ยวกับคนอื่น” เวินเสี่ยวฮุยมองไปที่ประตูตลอดเวลา เขากังวลเพราะแม่ของเขาอาจจะกลับมาเมื่อไรก็ได้

“แน่นอนว่าเกี่ยว อย่างน้อยทุกการกระทำของลั่วอี้ในตอนนี้ก็เกี่ยวกับเจ้านายของผม คุณเวิน คุณคิดว่าลั่วอี้จะปกป้องคุณได้จริงๆ เหรอ”

“นายหมายความว่ายังไง”

“ผมสืบเกี่ยวกับครอบครัว เพื่อน เพื่อนร่วมงาน และทุกคนที่อยู่ข้างกายคุณมาหมดแล้ว ผมเชื่อว่าคุณก็คงไม่อยากให้พวกเขาเกิดเรื่องเพราะคุณหรอกใช่ไหม”

เวินเสี่ยวฮุยขบเขี้ยวเคี้ยวฟัน “ถ้านายกล้า ฉันจะฆ่านายซะ!”

บอดี้การ์ดยิ้มอย่างมีเลศนัย “ไม่เลวนี่ ผมคุ้นเคยกับสีหน้าแบบนี้ดี ตอนนั้นที่คุณคิดหนีก็ดูเหมือนกระต่ายที่ถูกต้อนให้จนมุมแบบนี้ น่าเสียดายที่กระต่ายยังไงก็เป็นกระต่ายวันยังค่ำ ต่อให้กล้าแค่ไหนก็สู้สัตว์ล่าเนื้อไม่ไหว คุณเวิน ตอนนี้ผมให้โอกาสคุณที่จะปกป้องครอบครัวแล้วก็เพื่อนของตัวเอง แถมยังได้เงินก้อนใหญ่ด้วย อีกทั้งยังหลุดพ้นจากพันธนาการของลั่วอี้ได้อย่างสมบูรณ์ พูดได้ว่ายิงปืนนัดเดียวได้นกสามตัว และคุณก็แค่ต้องทำสิ่งง่ายๆ เพียงอย่างเดียวเท่านั้น”

“ไม่ว่าจะเป็นอะไรฉันขอปฏิเสธ” เวินเสี่ยวฮุยตอบอย่างเฉียบขาด

“อ่อ ดูเหมือนว่าคุณจะมีใจให้ลั่วอี้เหมือนกันนะ”

“นี่ไม่เกี่ยวว่าฉันมีใจให้ลั่วอี้หรือเปล่า สิ่งที่ฉางสิงให้ฉันทำไม่มีทางเป็นเรื่องดีแน่ ถ้าครอบครัวกับเพื่อนของฉันเป็นอะไรไปฉันจะแจ้งความทันที”

“ถ้าแจ้งความแล้วมีประโยชน์ผมจะมาโผล่อยู่ตรงนี้ได้ยังไงล่ะ” บอดี้การ์ดหัวเราะ “ตอนนี้ผมถูกหมายจับ แต่พวกเขาตามหาผมไม่เจอ”

เวินเสี่ยวฮุยใจสั่นสะท้าน เหงื่อเย็นไหลลงมาที่หน้าผาก

บอดี้การ์ดเอนตัวไปข้างหน้าเข้ามาใกล้เขาแล้วพูด “เวินเสี่ยวฮุย บอกตามตรงถ้าเจ้านายของผมเป็นอะไรไป ผมก็จะขาดรายได้อย่างสมบูรณ์ และผมก็ไม่ได้มีสายป่านที่ยาวขนาดนั้น ถึงตอนนั้นผมก็ทำได้แค่เสี่ยงทำเรื่องอันตราย จะช้าหรือเร็วก็ต้องทำอยู่ดี สำหรับผมแล้วมันไม่ได้แตกต่างกันขนาดนั้น ฉะนั้นคุณเชื่อฟังผมจะดีที่สุด ไม่อย่างนั้นคุณจะต้องเสียใจแน่”

เวินเสี่ยวฮุยเบิกตากว้าง ดวงตาแดงก่ำ ความโกรธและความกลัวกำลังจะเผาผลาญสติของเขา ในตอนนี้เขาอยากถือมีดอยู่ในมือเหลือเกิน และเขาจะแทงชายที่อยู่ตรงหน้าโดยไม่ลังเลเลย

ในเวลานี้เองแม่ของเขาก็กลับมาพอดี สีหน้าของเวินเสี่ยวฮุยเปลี่ยนกะทันหัน บอดี้การ์ดก็รู้สึกถึงอะไรบางอย่างเช่นกันจึงพูดอย่างรวดเร็ว “ผมจะติดต่อคุณไปอีก แล้วถ้าคุณบอกลั่วอี้ล่ะก็ คุณคงรู้ผลที่จะตามมา” พูดจบอีกฝ่ายก็ลุกขึ้นแล้วจากไปโดยไม่หันกลับมามอง

เมื่อเฝิงเยวี่ยหวากลับมาก็เอ่ยอย่างสงสัย “คนที่นั่งตรงนี้เมื่อกี้คือใครเหรอ”

“…พวกขายของน่ะ” เวินเสี่ยวฮุยหยิกฝ่ามือของตัวเอง บังคับให้ตัวเองใจเย็นลง

“ชิ พวกนี้ไม่เคารพกฎหมายเอาซะเลย” เฝิงเยวี่ยหวาก็ไม่ได้สนใจอีกและดื่มชายามบ่ายต่อ

สมองของเวินเสี่ยวฮุยสับสน เขามองแม่ด้วยสายตาล่องลอย

ทำยังไงดี ควรจะทำยังไงดี

ความคิดแรกของเขาก็คือบอกลั่วอี้ เขาคิดว่าลั่วอี้สามารถแก้ไขปัญหาทุกอย่างได้ตั้งแต่เมื่อไรกันนะ ก็เหมือนกับที่ลั่วอี้พูดเอง อย่างไรก็ตามเขาไม่เชื่อใจลั่วอี้และไม่กล้ารับผลที่จะตามมาหากเขาก้าวผิด

Comments

comments

No tags for this post.
Continue Reading

More in Additional Heritage มรดกลวงรัก

บทความยอดนิยม

everY

ทดลองอ่าน เขตห้ามรักฉบับเบต้า เล่ม 1 Chapter 2.1-2.2 #นิยายวาย

ทดลองอ่าน เรื่อง เขตห้ามรักฉบับเบต้า เล่ม 1 ผู้เขียน : MINTRAN แปลโดย : ทันบี ผลงานเรื่อง : 배타적 연애 금지구역 ถือเป็นลิขสิทธิ์...

จุติรัก พลิกชะตาร้าย

ทดลองอ่าน จุติรัก พลิกชะตาร้าย บทที่ 1-2

บทที่ 1 ฮ่องเต้หญิง   “ท่านพี่นำร้อง น้องหญิงคลอรับ ท่านพี่เสียงเพิ่งลับ น้องหญิงสลับขึ้นเวที เป็นมารดาอารี มีบุตรีกตัญญ...

ทดลองอ่าน

ทดลองอ่าน ร้อยเรียงรักเคียงฤทัย บทนำ – 1.2

บทนำ ความหลังของต้าลี่ 1   ฤดูหนาวในรัชศกต้าลี่ปีที่สิบเอ็ด โม่เป่ย ตำบลค่งหม่า สถานที่แห่งนี้คือประตูด่านสำคัญสุดท้ายทา...

จุติรัก พลิกชะตาร้าย

ทดลองอ่าน จุติรัก พลิกชะตาร้าย บทที่ 7-8

บทที่ 7 ค่าเดินทาง เมื่อภูตสุนัขดำคืนร่างเป็นสุนัขธรรมดาตัวหนึ่ง ภูตบุปผาสองตนนั้นก็ไม่อาจทำการใหญ่ ต่อให้ชาวหมู่บ้านป่า...

จุติรัก พลิกชะตาร้าย

ทดลองอ่าน จุติรัก พลิกชะตาร้าย บทที่ 3-4

บทที่ 3 เกิดใหม่   เวิ้งฟ้าดำสนิทปานน้ำหมึก เพียงมีดวงดาวบางตากระจัดกระจายบนม่านฟ้า ทอรัศมีอ่อนจางประเดี๋ยวเผยประเดี๋ยวเ...

community.jamsai.com