ทดลองอ่าน Additional Heritage มรดกลวงรัก เล่ม 3 บทที่ 84-86 #นิยายวาย – หน้า 3 – Jamsai
Connect with us

Jamsai

Additional Heritage มรดกลวงรัก

ทดลองอ่าน Additional Heritage มรดกลวงรัก เล่ม 3 บทที่ 84-86 #นิยายวาย

3 of 3หน้าถัดไป

บทที่ 86

 

หลังจากส่งเฝิงเยวี่ยหวากลับห้องแล้วเวินเสี่ยวฮุยก็ได้รับข้อความจากลั่วอี้รบเร้าให้เขากลับบ้าน เขาจึงตระหนักได้ว่าครบหนึ่งสัปดาห์แล้ว ตอนนี้จิตใจของเขาไม่อยู่กับร่องกับรอยเป็นอย่างยิ่ง ถ้ากลับไปตอนนี้ลั่วอี้จะต้องมองออกอย่างแน่นอน แต่ถ้าไม่กลับไปแล้วลั่วอี้เกิดความสงสัย อีกฝ่ายจะต้องรีบมารับเขากลับไปแน่ เขาลังเลครู่หนึ่งก่อนจะตอบข้อความกลับไปว่าตัวเองจะไปกินของว่างที่ร้านของหลัวรุ่ยและจะกลับไปช้าหน่อย

เขาต้องการเวลาเพื่อสงบจิตสงบใจของตัวเอง อีกอย่างเขาไม่ได้กินขนมฝีมือหลัวรุ่ยมาสองปีแล้ว

เมื่อเขามาถึงร้านของหลัวรุ่ย ร้านก็กำลังจะปิดพอดี หลัวรุ่ยประหลาดใจเล็กน้อยทันทีที่เห็นเขา

“วันนี้นายไม่ได้ไปซื้อของเป็นเพื่อนคุณน้าเหรอ”

“ซื้อจนเหนื่อยแล้ว ฉันส่งเธอกลับห้องไปแล้ว” เวินเสี่ยวฮุยมองไปรอบๆ ร้าน มันไม่ได้แตกต่างจากเมื่อสองปีที่แล้วมากนัก ในอากาศอบอวลไปด้วยกลิ่นหอมของกาแฟและขนมอยู่เสมอ มันเป็นสถานที่ที่ทำให้ผู้คนได้ผ่อนคลายและทำให้จิตใจสงบลงทันทีที่เดินเข้ามา เช่นเดียวกับความประทับใจที่หลัวรุ่ยมีให้คนอื่น

“นายไม่ได้กินของที่ฉันทำนานแล้ว อยากกินอะไร ลองรสชาติใหม่ไหม”

เวินเสี่ยวฮุยพยักหน้า ก่อนยิ้มพลางเอ่ย “ฉันอยากกินสตรอเบอรี่ชีสเค้กของโปรดของฉัน”

หลัวรุ่ยเผยรอยยิ้มอ่อนโยน “นั่งรอฉันก่อนนะ”

เวินเสี่ยวฮุยนั่งลงตรงที่นั่งข้างหน้าต่าง มันเป็นที่นั่งที่ครั้งหนึ่งเขาเคยชอบมากที่สุด บางครั้งหลังจากลั่วอี้เลิกเรียนพวกเขาก็จะมาดื่มชาและคุยเล่นกันที่นี่ จากนั้นลั่วอี้ก็จะขี่จักรยานพาเขากลับบ้าน มันทั้งอ่อนหวานและงดงามก่อนที่พวกเขาจะคบกันอย่างจริงจัง ทว่ายิ่งสิ่งของงดงามมากเท่าไร เวลาที่มันแตกหักก็จะยิ่งทำให้ผู้คนปวดใจมากเท่านั้น

ผ่านไปครู่หนึ่งหลัวรุ่ยก็ยกถาดเดินเข้ามาโดยมีเค้กชิ้นน้อยๆ และน้ำผลไม้วางอยู่บนนั้น

เวินเสี่ยวฮุยถูๆ มือ “มาๆๆ หิวจะตายอยู่แล้ว”

หลัวรุ่ยรินน้ำชาให้เขาแล้วใช้ส้อมตัดเค้กเป็นชิ้นพอดีคำ จากนั้นก็ส่งไปตรงหน้าเขา

“กินเถอะ กินให้เต็มที่”

เวินเสี่ยวฮุยหยิกแก้มของอีกฝ่าย “แม่เล็กของพวกเราใจดีที่สุดเลย”

หลัวรุ่ยยิ้มน้อยๆ

เวินเสี่ยวฮุยก้มหน้ากิน เมื่อเค้กหอมนุ่มละลายอยู่ในปาก รสชาติหอมหวานก็แพร่กระจายไปทั่ว ขนมของหลัวรุ่ยทำจากวัตถุดิบอย่างดี สดใหม่ รสชาติอร่อย จึงไม่น่าแปลกใจที่มีลูกค้าต่อแถวซื้อเค้กทุกวัน ส่วนในร้านก็แย่งกันซื้อดุเดือดยิ่งกว่า

หลัวรุ่ยเท้าคางมองเขาเงียบๆ

เวินเสี่ยวฮุยกินเค้กไปได้ครึ่งชิ้น เมื่อเหลือบตาขึ้นมองก็หลุดขำ “เป็นอะไรไป ตาหวานเยิ้มเชียว หลงรักฉันหรือไง”

หลัวรุ่ยถอนหายใจ “เกย์สองคนไม่มีอนาคตหรอกนะ”

เวินเสี่ยวฮุยขำพรืด “อย่ามาเลียนแบบคำพูดของฉันนะ”

“ฉันเลียนแบบนายอยู่ตลอดแหละ สมัยเรียนฉันก็หวังอยู่เสมอว่าจะเป็นเหมือนนาย”

“ตอนนี้ล่ะ รู้สึกเหมือนฉันก้าวลงมาจากแท่นบูชาแล้วสินะ” เวินเสี่ยวฮุยยิ้มพลางส่ายหน้า “อันที่จริงฉันก็เป็นไอ้ขี้ขลาดแล้วก็ไอ้โง่คนหนึ่งใช่ไหมล่ะ”

“ตอนนี้ฉันสงสารนาย”

เวินเสี่ยวฮุยรู้สึกอบอุ่นในหัวใจ เขาตักเค้กอีกชิ้นหนึ่งแล้วส่งเข้าปากตัวเอง “เบบี๋ ฉันไม่อยากให้นายกังวลใจที่สุด แต่น่าเสียดายที่ฉันทำไม่ได้” เวินเสี่ยวฮุยตัดสินใจแอบจ้างคนสองสามคนเพื่อติดตามแม่ของเขากับหลัวรุ่ยตลอดยี่สิบสี่ชั่วโมง ตอนนี้เขาสูญเสียผู้ชายที่เขาชอบที่สุดไปแล้ว เขาจึงไม่สามารถสูญเสียไปมากกว่านี้ได้

หลัวรุ่ยจับมือของเขาแล้วถูเบาๆ “ฉันขอแค่นายมีความสุขก็พอ”

เวินเสี่ยวฮุยยิ้มแล้วเอ่ย “นายรีบขายออกเร็วๆ ดีกว่า ฉันจะได้ไม่ต้องเป็นห่วงมาก”

“ฉันจะพยายาม” หลัวรุ่ยเงยหน้า อึ้งไปครู่หนึ่ง ความอบอุ่นบนใบหน้าหายไปในทันที

เวินเสี่ยวฮุยหันไปมอง ลั่วอี้กำลังยืนอยู่นอกผนังกระจก เขาสวมเสื้อยืดและกางเกงขาสั้นตัวใหญ่ สวมรองเท้าผ้าใบสีขาว จูงจักรยานพร้อมกับโบกมือให้พวกเขาด้วยรอยยิ้ม ดูอ่อนเยาว์เป็นอย่างยิ่ง

หัวใจของเวินเสี่ยวฮุยถูกจู่โจมอย่างแรง ทันใดนั้นวันเวลาก็ราวกับย้อนกลับไปเมื่อสามปีก่อน เขากับลั่วอี้มองกันและกันผ่านกระจกเหมือนไม่เคยมีอะไรเกิดขึ้น เขายังคงเป็นเวินเสี่ยวฮุยคนนั้น ลั่วอี้ก็ยังคงเป็นลั่วอี้คนนั้น ภาพของอดีตและปัจจุบันซ้อนทับกันเบื้องหน้า ชวนให้เจ็บปวดรวดร้าวเหลือเกิน

หลัวรุ่ยก็ตกตะลึงเช่นกัน จะไม่ให้เขาเศร้ากับฉากที่คล้ายกับอดีตได้อย่างไร

ลั่วอี้ผลักประตูเดินเข้ามา ก่อนยิ้มยิงฟันพลางพูด “พี่เสี่ยวฮุย กลับบ้านกัน”

พี่เสี่ยวฮุย กลับบ้านกัน

เวินเสี่ยวฮุยรู้สึกว่าหัวใจเจ็บปวดอย่างรุนแรง เขาสูดหายใจเข้าลึก ไร้ซึ่งคลื่นอารมณ์ใดๆ ในการแสดงออก ก่อนจะพูดอย่างใจเย็น

“นายมาได้ยังไง”

“ผมอยากมารับพี่” ลั่วอี้พูดอย่างไม่ลังเล

“ฉันขับรถมา”

“จอดไว้ที่นี่เถอะ” ลั่วอี้ชี้ไปที่จักรยานของตัวเอง “ตอนกลางคืนอากาศเย็นสบายมาก ผมจะพาพี่กลับเอง พี่ไม่ได้ซ้อนท้ายจักรยานนานแล้วสินะ”

เวินเสี่ยวฮุยพูดด้วยสีหน้าไร้อารมณ์ “ฉันมีรถสปอร์ตไม่ขับแต่กลับไปซ้อนท้ายจักรยานเนี่ยนะ อีกอย่างนายเป็นถึงบอสใหญ่ ไม่ค่อยเหมาะหรอกมั้ง”

ลั่วอี้ดึงเขาให้ลุกขึ้น พร้อมกับยิ้มอย่างสดใส “คาร์บอนต่ำ ปกป้องสิ่งแวดล้อม” เขาโบกมือให้หลัวรุ่ย “พวกเรากลับก่อนนะ ไว้เจอกันวันหลัง”

ทั้งสองคนเดินออกไป ลั่วอี้ตบๆ เบาะหลังของตัวเอง “เบาะนี้มีแค่พี่ที่ได้นั่งเท่านั้น”

เวินเสี่ยวฮุยมองสำรวจลั่วอี้ตั้งแต่หัวจรดเท้า แล้วก็อดไม่ได้ที่จะหัวเราะอย่างเย็นชา “ลั่วอี้ นายแต่งตัวแบบนี้แล้วขี่จักรยานมา อยากเล่นย้อนอดีตกับฉันหรือไง”

ลั่วอี้มองเขาอย่างลึกซึ้ง “คงใช่มั้ง”

“ฉันก็คิดถึงอดีตมากเหมือน แต่อดีตก็คืออดีต ต่อให้เหมือนแค่ไหนก็ไม่ใช่เรื่องจริง นายทำอะไรแบบนี้ไม่รู้สึกว่ามันไร้สาระหรือไง”

ลั่วอี้แอบจับจักรยานแน่นขึ้น เขาหัวเราะเสียงต่ำสองที เสียงหัวเราะนั้นเผยให้เห็นความอ้างว้างที่อธิบายไม่ได้

“พี่เสี่ยวฮุย ไอคิวของผมอยู่ที่หนึ่งร้อยหกสิบเจ็ด แต่ผมไม่รู้ว่าควรจะเอาใจพี่ยังไงดี เมื่อก่อนผมมองไม่ออกจริงๆ ว่าพี่จะเป็นคนใจเด็ดขนาดนี้”

เวินเสี่ยวฮุยเองก็หัวเราะเช่นกัน “นี่ต้องขอบคุณนายไม่ใช่เหรอ เมื่อก่อนฉันเป็นคนเอาใจง่ายมาก พาฉันไปกินของอร่อยๆ ฉันก็มีความสุขไปได้หลายวันแล้ว และฉันก็เชื่อในทุกคำพูดของนายโดยไม่มีข้อสงสัย ลั่วอี้ นายทำให้ฉันโตขึ้น ฉันก็ทำให้นายโตขึ้นเหมือนกัน ดีจะตายไป”

“พี่ไม่ได้แค่ทำให้ผมโตขึ้นซะหน่อย” ลั่วอี้ขึ้นจักรยาน “เด็กดี ขึ้นมาเถอะ”

เวินเสี่ยวฮุยนั่งซ้อนที่เบาะหลัง ช่างเถอะ คิดเสียว่าตากลมเล่นก็แล้วกัน คงจะดีถ้าอารมณ์ขุ่นมัวที่อยู่ในอกของเขาถูกลมยามเย็นพัดปลิวไป

สายลมอ่อนพัดผ่านใบหน้าทำให้รู้สึกสดชื่น เวินเสี่ยวฮุยหลับตาลง ตอนนี้เขาไม่ต้องการคิดอะไรทั้งนั้น เขาหวังเพียงว่าตัวเองจะเข้าสู่ความฝันไปตามแรงรถจักรยานที่ส่ายไปมา และในความฝันนั้นมีความสุขอันล้ำลึกที่เขาฝังไว้ในส่วนลึกที่สุดของความทรงจำ

เสียงของลั่วอี้ดังขึ้นท่ามกลางสายลม “พี่ยังให้ความหวังในการมีชีวิตอยู่กับผมด้วย”

เวินเสี่ยวฮุยลืมตา ดวงตาเปียกชื้นเล็กน้อย

เมื่อมาถึงคฤหาสน์เวินเสี่ยวฮุยนึกว่าเขาจะต้องร่วมรักอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ แต่ลั่วอี้กลับไม่ได้ทำอะไรทั้งสิ้น อีกฝ่ายเตรียมของว่างยามดึกและเกมที่เพิ่งออกใหม่ไว้เต็มโต๊ะกลาง เห็นได้ชัดว่าลั่วอี้เพิ่งเปลี่ยนหมอนบนโซฟาใหม่ซึ่งดูนุ่มสบายมาก ลั่วอี้มองเขาอย่างคาดหวัง

“พวกเขามาเล่นเกมกันเถอะ”

เวินเสี่ยวฮุยใจสั่นเล็กน้อย แม้เขาจะบอกว่าทุกอย่างที่ลั่วอี้ทำนั้น ‘ไร้สาระ’ ทว่ามีเพียงเขาที่รู้ดีว่าฉากเหล่านี้ล้วนทำให้เขานึกถึงอดีต

เขารู้สึกโกรธเพราะการกระทำของลั่วอี้ แต่เขากลับทำอะไรไม่ได้

ลั่วอี้กดเขาลงไปบนโซฟา “มา ผมจะสอนพี่เล่นเกมซอมบี้ที่ฮิตที่สุดในช่วงนี้ ฉากแจ่มมาก”

ทั้งสองคนนั่งเคียงไหล่กันอยู่บนโซฟา เวินเสี่ยวฮุยเหลือบมองอีกฝ่าย รอยยิ้มที่หล่อเหลาบนใบหน้าของลั่วอี้ช่างเจิดจ้าเสียจริง

เมื่อนึกถึงคนที่เขาเจอเมื่อตอนกลางวัน เวินเสี่ยวฮุยก็ไม่มีกะใจจะเล่นเกมแม้แต่นิดเดียว จนป่านนี้เขายังคิดไม่ออกเลยว่าควรจะทำอย่างไรดี

ถ้าบอกลั่วอี้แล้วจะเป็นอย่างไร ถ้าไม่บอกลั่วอี้แล้วจะเป็นอย่างไร

ถ้าบอกลั่วอี้เขาก็อาจจะแก้ปัญหาได้ แต่แม่ของเขากับหลัวรุ่ยก็อาจจะตกอยู่ในอันตราย เขาไม่ยินดีที่จะรับความเสี่ยงนี้ แต่ถ้าไม่บอก…สิ่งที่ฉางสิงต้องการให้เขาทำจะต้องไม่เป็นผลดีต่อลั่วอี้อย่างแน่นอน ด้วยเหตุนี้ไม่ว่าจะเลือกทางไหนก็นับว่าเป็นปัญหา

ตัวเลือกที่เขาเกลียดที่สุดในโลก

“พี่เสี่ยวฮุย เป็นอะไรไป ใจลอยไปไหนน่ะ” ลั่วอี้โอบเขาจากด้านหลังแล้วจับคอนโทรลเลอร์ที่เขาถืออยู่ในมือ “เซ็ตติ้งของเกมนี้ไม่เหมือนเกมอื่น ถ้าพี่ไม่ชิน ผมจะช่วยพี่ปรับ”

เวินเสี่ยวฮุยส่ายหน้า “ไม่ต้อง”

ลั่วอี้คว้าแขนของเขาแน่น ปลายจมูกอ้อยอิ่งอยู่ที่แก้มของเขา ดมกลิ่นหอมจากผมของเขา

“ก่อนที่ผมจะรู้จักพี่ ผมไม่เคยรู้เลยว่าต้องการชีวิตอย่างที่เป็นอยู่ในตอนนี้ ขอบคุณพี่มาก”

เวินเสี่ยวฮุยชักจะทนคำบอกรักที่ไม่มีวันสิ้นสุดของอีกฝ่ายในทุกวันไม่ไหวแล้ว ลั่วอี้ไม่เคยพูดแบบนี้มาก่อน แม้อีกฝ่ายมักจะหยอดคำหวานอยู่เสมอ ทว่าตอนนี้พอได้ยินแล้วทำไมมันช่างน่าอึดอัด

ลั่วอี้วางคอนโทรลเลอร์ลงแล้วลุกขึ้น ต้องการที่จะอุ้มเขา “พี่ไม่อยากเล่นก็ไม่ต้องเล่น ง่วงแล้วสินะ ผมจะพาพี่ขึ้นไปนอนข้างบน”

เวินเสี่ยวฮุยโอบคอของอีกฝ่ายโดยไม่รู้ตัว

ลั่วอี้ยิ้มพลางเอ่ย “เมื่อก่อนพี่ขี้เกียจเดินขึ้นบันได ถ้าไม่ให้ผมแบกพี่ขึ้นไปก็จะให้ผมอุ้มพี่ ชาตินี้ตราบใดที่ผมยังอุ้มพี่ได้ ผมก็จะไม่ปฏิเสธ”

เวินเสี่ยวฮุยก้มหน้า แอบกัดริมฝีปาก

แม้เขาจะเกลียดลั่วอี้ แม้เขาต้องการที่จะกำจัดพันธนาการนี้ แต่ถ้าจะให้เขาทำร้ายลั่วอี้ เขาเกรงว่า…เขาทำไม่ได้ เขาไม่ใช่คนอย่างลั่วอี้ และเขาจะไม่มีวันลืมว่าลั่วหย่าหย่าเคยดีกับเขา

ลั่วอี้ไม่รู้สึกถึงความผิดปกติ เขาฮัมเพลงพร้อมกับอุ้มเวินเสี่ยวฮุยขึ้นชั้นบนไปแล้ว

หลังจากที่ทั้งสองคนอาบน้ำแล้วก็กอดกันอยู่บนเตียงเงียบๆ ลั่วอี้เล่าเรื่องสนุกๆ ในอดีตเบาๆ อีกฝ่ายมีความจำดีเยี่ยม สามารถบรรยายรายละเอียดได้ทั้งหมด ทำให้เวินเสี่ยวฮุยอดไม่ได้ที่จะนึกภาพตามอยู่ในหัว แม้จะไม่มีเรื่องของการมีเพศสัมพันธ์อันร้อนแรง ทว่าน้ำเสียงที่อ่อนโยนของลั่วอี้ สายตาที่อ่อนโยนของอีกฝ่ายในความมืด ริมฝีปากที่จูบเขาแผ่วเบาเป็นครั้งคราว และมือที่สัมผัสเอวของเขาล้วนทำให้เขารู้สึกตัวสั่นเล็กน้อย…

 

วันต่อมาลั่วอี้เตรียมอาหารเช้าให้เขาจากนั้นก็ไปที่บริษัท ส่วนเวินเสี่ยวฮุยก็กลับไปที่ห้องของตัวเอง

หลังจากวิตกกังวลอยู่ไม่กี่วันเวินเสี่ยวฮุยก็ได้รับสายที่ไม่มีเบอร์โทรเข้ามา วินาทีที่เขาเห็นสายเรียกเข้าก็สังหรณ์ใจได้ถึงอะไรบางอย่าง สุดท้ายเขาก็รับสาย จากนั้นเสียงอันมืดมนของบอดี้การ์ดก็ดังมาจากปลายสาย

“บ่ายสามเจอกันที่ร้านกาแฟเลขที่สี่สิบหกที่ถนน XX มาคนเดียว” ไม่ทันได้รอให้เวินเสี่ยวฮุยตอบสักคำก็วางสายไปแล้ว

เวินเสี่ยวฮุยสูดหายใจเข้าลึก ครุ่นคิดอยู่นานเป็นชั่วโมงว่าควรจะแจ้งความดีหรือไม่ ท้ายที่สุดแล้วเขาก็ไม่ได้แจ้งความ แต่พกมีดเล่มหนึ่งไปด้วย

  

  

โปรดติดตามตอนต่อไป

 

 

3 of 3หน้าถัดไป

Comments

comments

No tags for this post.
Continue Reading

More in Additional Heritage มรดกลวงรัก

บทความยอดนิยม

everY

ทดลองอ่าน เขตห้ามรักฉบับเบต้า เล่ม 1 Chapter 2.1-2.2 #นิยายวาย

ทดลองอ่าน เรื่อง เขตห้ามรักฉบับเบต้า เล่ม 1 ผู้เขียน : MINTRAN แปลโดย : ทันบี ผลงานเรื่อง : 배타적 연애 금지구역 ถือเป็นลิขสิทธิ์...

จุติรัก พลิกชะตาร้าย

ทดลองอ่าน จุติรัก พลิกชะตาร้าย บทที่ 1-2

บทที่ 1 ฮ่องเต้หญิง   “ท่านพี่นำร้อง น้องหญิงคลอรับ ท่านพี่เสียงเพิ่งลับ น้องหญิงสลับขึ้นเวที เป็นมารดาอารี มีบุตรีกตัญญ...

ทดลองอ่าน

ทดลองอ่าน ร้อยเรียงรักเคียงฤทัย บทนำ – 1.2

บทนำ ความหลังของต้าลี่ 1   ฤดูหนาวในรัชศกต้าลี่ปีที่สิบเอ็ด โม่เป่ย ตำบลค่งหม่า สถานที่แห่งนี้คือประตูด่านสำคัญสุดท้ายทา...

จุติรัก พลิกชะตาร้าย

ทดลองอ่าน จุติรัก พลิกชะตาร้าย บทที่ 7-8

บทที่ 7 ค่าเดินทาง เมื่อภูตสุนัขดำคืนร่างเป็นสุนัขธรรมดาตัวหนึ่ง ภูตบุปผาสองตนนั้นก็ไม่อาจทำการใหญ่ ต่อให้ชาวหมู่บ้านป่า...

จุติรัก พลิกชะตาร้าย

ทดลองอ่าน จุติรัก พลิกชะตาร้าย บทที่ 3-4

บทที่ 3 เกิดใหม่   เวิ้งฟ้าดำสนิทปานน้ำหมึก เพียงมีดวงดาวบางตากระจัดกระจายบนม่านฟ้า ทอรัศมีอ่อนจางประเดี๋ยวเผยประเดี๋ยวเ...

community.jamsai.com