ทดลองอ่าน Additional Heritage มรดกลวงรัก เล่ม 3 บทที่ 87-89 #นิยายวาย – หน้า 3 – Jamsai
Connect with us

Jamsai

Additional Heritage มรดกลวงรัก

ทดลองอ่าน Additional Heritage มรดกลวงรัก เล่ม 3 บทที่ 87-89 #นิยายวาย

3 of 3หน้าถัดไป

บทที่ 89

 

ทั้งสองคนมองหน้ากันอย่างโกรธเคือง พวกเขาแทบทนไม่ไหวจนอยากจะใช้แววตามองทะลุอีกฝ่ายเพื่อที่จะดูว่ามีอะไรอยู่ในใจกันแน่ น่าเสียดายที่มีเสื้อผ้า เลือดเนื้อ และกระดูกกั้นกลางระหว่างพวกเขา นอกจากนี้ยังมีหุบเหวลึกที่ยากจะเติมเต็มหลังจากการหลอกลวงและการบาดเจ็บครั้งแล้วครั้งเล่า

ท้ายที่สุดลั่วอี้ก็ค่อยๆ ปล่อยคอเสื้อของเวินเสี่ยวฮุยแล้ววางเขาลง

เท้าของเวินเสี่ยวฮุยแตะพื้น ทว่าหัวใจของเขายังคงล่องลอยอยู่กลางอากาศ เขาคุกเข่าลงช้าๆ เอามือปิดตาอย่างเหนื่อยล้า

“ฉันกลัว ถ้าเขาทำร้ายแม่ฉัน…”

ลั่วอี้ก้มลงมองเวินเสี่ยวฮุย มองดูลำคอเรียวบางที่เหมือนจะคว้าได้ด้วยมือเดียว จู่ๆ ความคิดหนึ่งก็วาบเข้ามาในหัวของเขา ถ้าอย่างนั้นก็ไปตายพร้อมกันเถอะ…เขาจะได้ไม่ต้องกระวนกระวายใจอะไรอีก และไม่ต้องกังวลว่าเวินเสี่ยวฮุยจะจากเขาไป

อย่างไรก็ดีเขาทำใจไม่ได้ เขาจำรอยยิ้มที่ความไร้กังวลบนใบหน้าของเวินเสี่ยวฮุยได้เสมอ มันช่างงดงามเหลือเกิน เขาต้องการคืนรอยยิ้มที่เขาฉวยเอาไปด้วยมือของตัวเองให้แก่เวินเสี่ยวฮุย เขาต้องการเห็นรอยยิ้มนั้นอีกครั้ง แม้มันจะไม่ใช่รอยยิ้มสำหรับเขาก็ตาม

ลั่วอี้ก็คุกเข่าลงด้วย เขาลูบผมของเวินเสี่ยวฮุย “ผมจะปกป้องพี่กับคนที่พี่รัก ผมจะเพิ่มบอดี้การ์ดเป็นเท่าตัว ถ้าพี่ไม่วางใจจริงๆ ก็รีบส่งคุณป้ากลับอเมริกาเถอะ”

เวินเสี่ยวฮุยกุมศีรษะพลางพูดเสียงเบา “แล้วบอดี้การ์ดคนนั้นจะทำยังไง”

“ผมจัดการเอง”

เวินเสี่ยวฮุยเงยหน้าขึ้นมองเขา “เขาบอกว่าของที่เขาอยากได้ นายเป็นคนขุดมาจากผนังห้องฉันใช่ไหม”

“ใช่”

“ฉะนั้นพ่อแม่ของฉันก็รู้เรื่องของนั้น…”

“แม่ของพี่น่าจะไม่รู้ แต่ว่าพ่อของพี่รู้แน่นอน เขาน่าจะอยากปกป้องแม่ของพี่ล่ะมั้ง ผมดูเอกสารพวกนั้นแล้ว มันไม่ใช่ของที่คนธรรมดาจะเก็บไว้ได้ อย่างน้อยแม่ผมที่อายุแค่ยี่สิบในตอนนั้นก็ทำไม่ได้ เอกสารพวกนั้นถูกซ่อนอยู่หลายปี จนกระทั่งก่อนแม่จากไปฉางสิงถึงได้รู้ว่ามีของพวกนั้นเลยเริ่มตามหาอย่างบ้าคลั่ง…” ลั่วอี้พูดเสียงเบา “มันเป็นเรื่องดีที่ของพวกนั้นตกอยู่ในมือของผม เพราะถ้าฉางสิงเจอพวกมันก่อน เขาคงไม่มีวันปล่อยพวกพี่สองแม่ลูกไปแน่”

เวินเสี่ยวฮุยนึกถึงพ่อของเขา ตอนนี้พ่อจากไปสิบปีแล้ว แม้แต่ใบหน้าก็ค่อนข้างเลือนรางในความทรงจำของเขา แต่เขาจำได้เสมอว่าพ่อเป็นผู้ชายที่เด็ดเดี่ยวและมีความรับผิดชอบ แม้ลั่วหย่าหย่าจะถูกไล่ออกจากบ้านไปในตอนนั้น ทว่าพ่อก็ไม่สามารถนิ่งดูดายต่อความยากลำบากของเธอได้ นี่แหละที่ดูเหมือนเป็นสิ่งที่พ่อทำจริงๆ ที่แท้ฉางสิงก็มีความคับข้องใจบางอย่างกับพวกเขาตั้งแต่สิบปีก่อนแล้ว

เวินเสี่ยวฮุยลูบหน้าก่อนจะลุกขึ้นยืน “ฉันจะกลับห้องแล้วก็จะให้แม่กลับไปภายในสองวันนี้” เขานึกขึ้นได้ว่าวันเกิดของเอียนใกล้เข้ามาแล้ว ทว่าแม่ของเขาดูเหมือนยังไม่คิดที่จะกลับไป เขาคงจะต้องโน้มน้าวเธอสักหน่อย

“จากนี้ไปพี่ก็อย่าทำอะไรหรือไปไหนคนเดียวอีก” ลั่วอี้พูด “เหล่าอู๋อยู่ข้างนอก เขาจะคอยติดตามพี่ตลอดยี่สิบสี่ชั่วโมง”

เหล่าอู๋ก็คือ ‘คนขับรถ’ ของฉางสิงที่เคยช่วยเขาคนนั้น เป็นบอดี้การ์ดที่ลั่วอี้เชื่อใจมาก เวินเสี่ยวฮุยขมวดคิ้ว เขาต้องการถามลั่วอี้ว่าเพื่อปกป้องเขาหรือกีดกันเขากันแน่ แต่รู้ว่าถามไปก็คงไม่มีความหมาย อาจเป็นทั้งสองอย่างก็ได้ล่ะมั้ง ไม่มีความไว้วางใจระหว่างพวกเขาอยู่แล้ว ไม่ใช่แค่เขาที่ไม่ไว้ใจลั่วอี้

 

เมื่อเวินเสี่ยวฮุยกลับไปที่ห้องก็เริ่มโน้มน้าวให้แม่ของเขากลับไปฉลองวันเกิดกับเอียน แม่รู้สึกว่าตัวเองเพิ่งกลับมาได้ไม่นานจึงไม่อยากกลับไปเร็วขนาดนั้น ท้ายที่สุดเวินเสี่ยวฮุยจึงต้องโกหกเธอว่าเขาจะไปฉลองวันเกิดของเอียนในเดือนหน้าด้วยซึ่งทำให้เธอตกลง สามวันต่อมาเวินเสี่ยวฮุยก็ซื้อตั๋วเครื่องบินให้เธอทันที

หลังจากจัดการกับแม่ของตัวเองเรียบร้อยแล้วเขาก็โทรหาหลัวรุ่ย โดยบอกว่าตัวเองอยากไปเที่ยวที่ออสเตรเลีย เขายุ่งทุกครั้งที่หลัวรุ่ยชวนเขา ครั้งนี้เมื่อได้ยินว่าเขาจะไปหลัวรุ่ยก็ดีใจมาก

หลัวรุ่ยพูดอย่างตื่นเต้น “บ้านหลังใหญ่ของครอบครัวฉันที่ออสเตรเลียสวยมาก ฉันจ้างนักออกแบบที่ดีที่สุดของที่นั่น ข้างหน้ามีไร่เล็กๆ ข้างหลังมีแม่น้ำ…”

เวินเสี่ยวฮุยอมยิ้ม “พอแล้วๆ แม่ลูกเศรษฐี ในที่สุดคราวนี้ฉันก็จะได้ไปกินไปใช้แล้วก็ไปนอนบ้านนายแล้ว”

หลัวรุ่ยหัวเราะร่า “นายคิดจะไปเมื่อไร”

“เดือนหน้าล่ะมั้ง นายกลับไปก่อน ไปอยู่กับพ่อแม่ของนาย ให้ฉันมีเวลาเตรียมตัวหน่อย แล้วอีกสองอาทิตย์ฉันจะตามไป”

“ได้เลย หลายวันก่อนแม่ฉันโทรมาบอกว่าคิดถึงฉันพอดี ฉันเองก็ควรไปพักผ่อนเหมือนกัน”

“งั้นนายก็รีบไปเถอะ” เวินเสี่ยวฮุยรู้ว่าการพิจารณาคดีครั้งที่สองของฉางสิงจะถูกตัดสินอย่างช้าที่สุดในเดือนหน้า ระหว่างนั้นฉางสิงจะต้องหาวิธีช่วยเหลือตัวเองเหมือนหมาบ้าอย่างแน่นอน การที่บอดี้การ์ดคนนั้นมาหาเขาเป็นตัวอย่างที่ดีที่สุด อย่างน้อยในช่วงนี้เขาจะต้องส่งแม่กับหลัวรุ่ยไปยังสถานที่ที่ปลอดภัย เมื่อคดีลงตัวแล้วเขาถึงจะสามารถวางใจได้ เมื่อมีลั่วอี้ไปจัดการกับบอดี้การ์ดคนนั้น เขาก็น่าจะสามารถส่งแม่กับหลัวรุ่ยออกนอกประเทศได้อย่างปลอดภัย

หลังจากแก้ไขปัญหาของทั้งสองฝ่ายแล้ว เวินเสี่ยวฮุยก็รู้สึกเหนื่อยยิ่งกว่าการไปฟิตเนสเสียอีก เขาพลันนึกถึงชีวิตในเผิงเฉิง มีช่วงหนึ่งที่เขาออกกำลังกายอย่างเอาเป็นเอาตายเพื่อเบี่ยงเบนความสนใจของตัวเอง ทว่าหลังจากกลับมาแล้วเขากลับไม่ได้ออกกำลังกายเลยแม้แต่ครั้งเดียว เพราะตอนนั้นเขาอยากลืมลั่วอี้แต่กลับลืมไม่ลง แต่ตอนนี้ไม่ว่าอะไรก็ไม่สามารถขจัดการมีอยู่ของลั่วอี้ได้เลย

เวินเสี่ยวฮุยหมกตัวอยู่แต่ในห้องโดยไม่ได้ออกไปไหนเป็นเวลาสามวัน แม่ของเขาต้องการจะออกไปซื้อของกลับอเมริกาแต่กลับถูกเขาห้ามอย่างหนักแน่น โดยบอกว่าเขาจะนำของเหล่านั้นไปที่อเมริกาเอง ส่วนหลัวรุ่ยนั้นไวมาก หลังจากซื้อตั๋วเครื่องบินแล้วก็บินไปออสเตรเลียทันที ที่ร้านของหลัวรุ่ยมีผู้จัดการและเชฟเบเกอรี่ผู้เชี่ยวชาญ จึงไม่จำเป็นต้องเป็นห่วงอะไร

ลั่วอี้ที่ปกติมักโทรและส่งข้อความหาเขาไม่ขาดสายก็ไม่มีข่าวคราวมาสามวันแล้ว เขาไม่แน่ใจว่าตัวเองรู้สึกอย่างไร อาจจะกังวลเล็กน้อยล่ะมั้ง สุดท้ายแล้วบอดี้การ์ดคนนั้นก็นับว่าเป็นบุคคลอันตราย แม้ลั่วอี้จะอันตรายยิ่งกว่า แต่สิ่งที่แตกต่างกันมากที่สุดระหว่างคนทั้งสองก็คือบอดี้การ์ดคนนั้นเป็นนักโทษหลบหนี เขาลังเลมาตลอดสามวันที่ผ่านมาว่าควรจะโทรหาลั่วอี้เพื่อสอบถามเกี่ยวกับสถานการณ์หรือไม่ แต่เขาก็ไม่ต้องการแสดงออกว่าตัวเองห่วงใยอีกฝ่าย

เขากับลั่วอี้อยู่ในสถานการณ์ที่ละเอียดอ่อนอย่างยิ่ง พวกเขาอยู่ด้วยกัน มีความสัมพันธ์ลึกซึ้ง เป็นคู่รักในสายตาของทุกคน ทว่ามีเพียงพวกเขาสองคนเท่านั้นที่รู้ความจริงอันน่าอับอาย เพียงแต่เมื่อใช้ชีวิตกับบางอย่างมานานเกินไปมันก็จะกลายเป็นนิสัยอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ ตอนนี้เขายอมรับชีวิตและความสัมพันธ์แบบนี้โดยไม่รู้ตัวไปแล้ว สุดท้ายเขาก็ไม่มีทางเลือกอื่น ถึงอย่างไรเขาก็รู้สึกว่าเขาไม่สามารถรับคนอื่นเข้ามาในชีวิตได้อีกแล้ว

ฉะนั้นหากทุกอย่างจบลง เรื่องของฉางสิงคลี่คลาย เขาก็คงจะอยู่กับลั่วอี้แบบนี้ต่อไปล่ะมั้ง ไม่มีความรักต่อกันอีก ไม่พูดถึงเรื่องในอดีตอีก มีเพียงช่วงเวลาที่อยู่ด้วยกัน ไม่ว่าใครๆ ก็อยากใช้ชีวิตอย่างผ่อนคลายตราบเท่าที่มีโอกาส

วันที่แม่ของเขากลับอเมริกา เขากับเหล่าอู๋ไปส่งด้วยตัวเอง

หลังจากขึ้นรถเฝิงเยวี่ยหวาก็ยังนึกสงสัย “เสี่ยวฮุย แกจ้างคนขับรถตั้งแต่เมื่อไร…” ทันใดนั้นเธอก็นึกขึ้นได้ “คนของลั่วอี้เหรอ”

เวินเสี่ยวฮุยแสร้งตอบว่า “อืม” อย่างไม่ใส่ใจ

“ฉันก็ว่าแล้วเชียวว่าแกจะไปซื้อรถ MPV แบบนี้ได้ยังไง” เฝิงเยวี่ยหวาครุ่นคิด “วันนี้ลั่วอี้ไม่มาเหรอ”

“เขามี…” ยังพูดไม่ทันจบมือถือของเวินเสี่ยวฮุยก็ดังขึ้น ทันทีที่เขาหยิบขึ้นมาดูก็พบว่าเป็นลั่วอี้ที่โทรเข้ามาพอดี เขาพอจะเดาเหตุผลการโทรของลั่วอี้หลังจากขาดการติดต่อมาสามวันได้

เป็นไปตามคาด เมื่อเขารับสายเสียงอันไพเราะของลั่วอี้ก็ดังขึ้นจากปลายสาย “พี่เสี่ยวฮุย ตอนนี้คุณป้าน่าจะอยู่ที่สนามบินแล้วใช่ไหม”

“กำลังไป”

“ให้คุณป้าพูดสายหน่อย”

ภายในรถเงียบสงัดมาก เฝิงเยวี่ยหวาได้ยินคำพูดของลั่วอี้อย่างชัดถ้อยชัดคำ เมื่อเวินเสี่ยวฮุยหันไปมอง เฝิงเยวี่ยหวาก็ยื่นมือเตรียมรับสายแล้ว เขารู้สึกหดหู่ใจเล็กน้อยก่อนยื่นมือถือไปให้

“ฮัลโหล เสี่ยวลั่วเหรอ” เฝิงเยวี่ยหวาไอเบาๆ ทีหนึ่ง เธออาจจะต้องการรักษาความสง่างามเอาไว้ ทว่าแม้แต่หลัวรุ่ยก็มองออกว่าเฝิงเยวี่ยหวาพอใจลั่วอี้มาก แม้จะมีอุปสรรคและปัจจัยหลายอย่างที่ทำให้เธอไม่สบายใจ แต่เธอก็ชอบลั่วอี้เป็นการส่วนตัว

“คุณป้า ขอโทษทีครับ วันนี้ตอนแรกผมก็อยากไปส่งคุณป้าที่สนามบิน แต่จู่ๆ ที่บริษัทมีงานสำคัญมาก ผมปลีกตัวไม่ได้เลย”

“ไม่เป็นไร เธอก็ส่งคนขับรถมาแล้วนี่นา อีกอย่างใช่ว่าฉันจะไม่กลับมาสักหน่อย”

“นั่นสิครับ คุณป้ากลับมาครั้งหน้าผมจะต้องไปรับด้วยตัวเองแน่นอน ขอให้เดินทางโดยสวัสดิภาพนะครับ ถ้าคุณป้าต้องการอะไรก็บอกพี่เสี่ยวฮุยได้เลยแล้วผมจะส่งไปให้”

“ได้ ไม่รบกวนเธอแล้ว โอเค ไว้เจอกัน”

หลังจากวางสายเฝิงเยวี่ยหวาก็พยักหน้า “เด็กคนนี้อย่ามองว่ายังเด็กนะ รู้ประสาดีจริงๆ”

เวินเสี่ยวฮุยคิดในใจว่าต่อให้พวกเขารวมหัวกันแล้วคูณสองก็ตามความคิดของลั่วอี้ไม่ทันด้วยซ้ำ ดังนั้นเขาจึงไม่แปลกใจเลยที่ท่าทีของเฝิงเยวี่ยหวาจะเปลี่ยนไปมากหลังเจอกับลั่วอี้ สุดท้ายแล้วพวกเขาก็พูดคุยกันเพียงสามชั่วโมงเท่านั้น ทว่าเขากับลั่วอี้อยู่ด้วยกันมาสามปีแต่เขากลับเห็นคนคนนี้อย่างถ่องแท้ในช่วงเวลาสุดท้าย

ระหว่างทางเฝิงเยวี่ยหวายังคงกำชับเวินเสี่ยวฮุยว่าถ้าสามารถทำได้ก็ให้ดีกับลั่วอี้เข้าไว้ แต่ก็ต้องปกป้องตัวเองและต้องคิดเพื่อตัวเองด้วย

เวินเสี่ยวฮุยพยักหน้าเห็นด้วย แต่คำพูดเหล่านั้นกลับไม่เข้าสมองของเขาเลยแม้แต่น้อย

หลังจากส่งแม่ไปถึงจุดตรวจความปลอดภัยแล้ว เวินเสี่ยวฮุยจึงรู้สึกโล่งอกโดยสมบูรณ์ ตอนนี้แม่ของเขาออกเดินทางแล้ว หลัวรุ่ยก็ไปแล้วเช่นกัน ต่อให้มือของฉางสิงยาวแค่ไหน ตอนนี้อีกฝ่ายก็ไม่มีเวลาไปต่างประเทศและทำได้เพียงรอการพิจารณาคดีครั้งสุดท้ายเท่านั้น เขาต้องการถอนตัวจากเงามืดนั้นอย่างสมบูรณ์

ระหว่างทางกลับบ้านเวินเสี่ยวฮุยมองดูท้ายทอยของเหล่าอู๋อยู่นาน ในที่สุดก็อดไม่ได้ที่จะถามออกไป

“พี่อู๋ หลายวันนี้ลั่วอี้กำลังทำอะไรอยู่เหรอ”

เหล่าอู๋ประหลาดใจเล็กน้อย แต่ยังคงรักษาท่าทีสงบนิ่งเอาไว้ “ผมก็ไม่ค่อยแน่ใจเหมือนกัน หลายวันมานี้ผมเฝ้าพวกคุณอยู่ตลอดเวลา”

“พี่ไม่กลัวว่าบอดี้การ์ดของฉางสิงจะมาแก้แค้นพี่เหรอ” ท้ายที่สุดแล้วเขาก็เป็นคนตัดเส้นเอ็นของบอดี้การ์ดคนนั้นในตอนนั้น

เหล่าอู๋ตอบอย่างใจเย็น “อาชีพอย่างพวกเรายังต้องกลัวการแก้แค้นอีกเหรอ”

“ก็จริง” เวินเสี่ยวฮุยยังต้องการจะพูดอะไรบางอย่าง ทว่าโทรศัพท์กลับดังขึ้นอีกครั้ง และเมื่อเห็นชื่อของสายเรียกเข้าก็ทำให้เขาใจสั่น

หลีซั่ว?!

เขาไม่คาดคิดว่าหลีซั่วจะโทรหาเขาอีก แม้หลีซั่วจะเป็นสุภาพบุรุษและสงบเสงี่ยม แต่แท้จริงแล้วเป็นคนที่มีจิตใจสูงส่ง อีกฝ่ายจึงน่าจะหมดหวังกับเขานานแล้ว…หลังจากลังเลนานกว่าสิบวินาทีเวินเสี่ยวฮุยก็รับสายและเรียกชื่อของอีกฝ่ายอย่างยากลำบาก

“พี่ใหญ่หลี”

น้ำเสียงล้ำลึกน่าดึงดูดของหลีซั่วดังมาจากปลายสาย “เสี่ยวฮุย ช่วงนี้สบายดีไหม”

“ก็ดีครับ…พี่ล่ะ”

“ฉันก็สบายดี ไม่อ้อมค้อมแล้วกัน ฉันมีเรื่องสำคัญมากจะบอกนาย”

“เรื่องอะไรเหรอครับ”

“ฉันไม่รู้ว่าลั่วอี้จะบอกนายหรือเปล่า แต่ฉันคิดว่าด้วยนิสัยของเขา เขาจะต้องปิดบังไว้แน่”

หัวใจของเวินเสี่ยวฮุยจมดิ่ง มือที่ถือโทรศัพท์กำแน่น “พี่ว่ามาเลย”

“ฉันเพิ่งได้ข่าวมาจากวงในว่าฉางสิงหนีไปเมื่อวาน”

แสงสีขาววาบผ่านสมองของเวินเสี่ยวฮุย ร่างกายของเขาสั่นเทาอย่างรุนแรงโดยที่ไม่อาจควบคุมได้

“อะ…อะไรนะ เขา…ทำไมเขาถึงได้…”

“มันเป็นคดีเกี่ยวกับการเงิน เขากำลังอยู่ในระหว่างการประกันตัว ถ้าจะหนีก็ง่ายมาก แต่หนีไปแบบนี้ก็เท่ากับตัดเส้นทางหลบหนีทั้งหมด ฉันไม่รู้ว่าเขากับลั่วอี้มีเรื่องผิดใจอะไรกัน แต่ในเมื่อนายอยู่ใกล้ลั่วอี้ขนาดนั้นก็ระวังตัวหน่อยแล้วกัน”

“ขอบคุณครับ พี่ใหญ่หลี ผม…”

ปัง!

แรงปะทะรุนแรงมาพร้อมกับเสียงดังสนั่นหวั่นไหว ร่างของเวินเสี่ยวฮุยลอยออกจากที่นั่งทันทีและกระแทกเข้ากับประตูรถอย่างจัง เวินเสี่ยวฮุยรู้สึกว่าครึ่งซีกของร่างกายเจ็บปวดอย่างรุนแรง ภาพเบื้องหน้าพลิกกลับ เสียงสุดท้ายที่เขาได้ยินก่อนจะหมดสติไปคือเสียงของหลีซั่วที่กำลังตะโกนเรียกเขาอย่างกระวนกระวายใจ…

  

  

ติดตามเรื่องราวทั้งหมดได้ใน Additional Heritage มรดกลวงรัก เล่ม 3

วางจำหน่ายแบบรูปเล่มที่เว็บไซต์ Jamsai Store, ร้าน Jamclub

และร้านหนังสือทั่วไป

 

รวมถึงในรูปแบบอีบุ๊กที่

Meb / OOKBEE / Pinto E-book by Fictionlog / Naiin App / SE-ED / Hytexts / comico และ ARN

3 of 3หน้าถัดไป

Comments

comments

No tags for this post.
Continue Reading

More in Additional Heritage มรดกลวงรัก

บทความยอดนิยม

everY

ทดลองอ่าน เขตห้ามรักฉบับเบต้า เล่ม 1 Chapter 2.1-2.2 #นิยายวาย

ทดลองอ่าน เรื่อง เขตห้ามรักฉบับเบต้า เล่ม 1 ผู้เขียน : MINTRAN แปลโดย : ทันบี ผลงานเรื่อง : 배타적 연애 금지구역 ถือเป็นลิขสิทธิ์...

จุติรัก พลิกชะตาร้าย

ทดลองอ่าน จุติรัก พลิกชะตาร้าย บทที่ 1-2

บทที่ 1 ฮ่องเต้หญิง   “ท่านพี่นำร้อง น้องหญิงคลอรับ ท่านพี่เสียงเพิ่งลับ น้องหญิงสลับขึ้นเวที เป็นมารดาอารี มีบุตรีกตัญญ...

ทดลองอ่าน

ทดลองอ่าน ร้อยเรียงรักเคียงฤทัย บทนำ – 1.2

บทนำ ความหลังของต้าลี่ 1   ฤดูหนาวในรัชศกต้าลี่ปีที่สิบเอ็ด โม่เป่ย ตำบลค่งหม่า สถานที่แห่งนี้คือประตูด่านสำคัญสุดท้ายทา...

จุติรัก พลิกชะตาร้าย

ทดลองอ่าน จุติรัก พลิกชะตาร้าย บทที่ 7-8

บทที่ 7 ค่าเดินทาง เมื่อภูตสุนัขดำคืนร่างเป็นสุนัขธรรมดาตัวหนึ่ง ภูตบุปผาสองตนนั้นก็ไม่อาจทำการใหญ่ ต่อให้ชาวหมู่บ้านป่า...

จุติรัก พลิกชะตาร้าย

ทดลองอ่าน จุติรัก พลิกชะตาร้าย บทที่ 3-4

บทที่ 3 เกิดใหม่   เวิ้งฟ้าดำสนิทปานน้ำหมึก เพียงมีดวงดาวบางตากระจัดกระจายบนม่านฟ้า ทอรัศมีอ่อนจางประเดี๋ยวเผยประเดี๋ยวเ...

community.jamsai.com