ทดลองอ่าน Additional Heritage มรดกลวงรัก เล่ม 1 บทที่ 11-12 #นิยายวาย – หน้า 2 – Jamsai
Connect with us

Jamsai

Additional Heritage มรดกลวงรัก

ทดลองอ่าน Additional Heritage มรดกลวงรัก เล่ม 1 บทที่ 11-12 #นิยายวาย

2 of 2หน้าถัดไป

บทที่ 12

 

Luca ไม่ได้มาทำงานอีกเลยตามที่คาดไว้ เวินเสี่ยวฮุยยังไม่ค่อยคุ้นเคยในช่วงแรก ทุกคนยังคงซุบซิบเกี่ยวเรื่องนี้ในช่วงหลายวันแรก แต่ในไม่ช้าเรื่องก็ซาไปและสตูดิโอก็กลับสู่สภาวะปกติราวกับว่าคนคนนั้นไม่เคยมีอยู่จริง

หลังจากเรื่องนี้ผ่านไปครึ่งเดือนวันหนึ่งเสี่ยวอ้ายก็มานินทากับเขา บอกว่าตัวเองได้ยิน Raven กับหลิวซิงคุยกันว่า Luca ซวยเพราะรถคันนั้น เขาไม่ใช่คนในพื้นที่ ไม่สามารถซื้อรถได้ เมื่อตรวจสอบก็เจอได้ในทันที ซึ่งเรื่องซุบซิบนี้เมื่อได้ฟังแล้วก็รู้สึกคลุมเครือไม่มีอะไรเจาะจงนัก ส่วนสาเหตุที่แท้จริงเป็นอย่างไร พวกเขาก็ทำได้เพียงคาดเดาเท่านั้น

ระหว่างนี้ประธานหลัวเคยนัดเวินเสี่ยวฮุยสองครั้งและเวินเสี่ยวฮุยก็มักจะปฏิเสธด้วยเหตุผลหลายประการซึ่งทำให้ประธานหลัวไม่ค่อยพอใจสักเท่าไรนัก เวินเสี่ยวฮุยเตรียมใจรอว่า Raven จะนำความยุ่งยากมาให้เขา ทว่านอกจาก Raven จะไม่ได้สนใจอะไรเขาแล้ว ระหว่างนี้ก็ยังไม่ได้เคลื่อนไหวอะไรด้วย และนอกเหนือจากที่เสวี่ยหลีไม่มาหาเขาและไม่รับสายเขาแล้ว งานทุกอย่างของเขาก็เป็นปกติดี

 

ในชั่วพริบตาก็เข้าสู่ช่วงการสอบเกาเข่า

ขณะที่กำลังกินข้าวในวันหนึ่งเวินเสี่ยวฮุยถามถึงเป้าหมายของลั่วอี้

ลั่วอี้พยักหน้า “ผมคิดไว้แล้ว”

“จะไปประเทศไหนเหรอ” เวินเสี่ยวฮุยถามอย่างตั้งตาคอยเล็กน้อย “ถึงตอนนั้นฉันก็ไปหานายได้สินะ? ฉันยังไม่เคยออกนอกประเทศเลย”

ลั่วอี้กินอาหารโดยไม่เงยหน้า “ผมจะไม่ไปเมืองนอก อ่อ พี่อยากไปไหนล่ะ พวกเราไปเที่ยวกันช่วงวันหยุดฤดูร้อนก็ได้”

“หา?” เวินเสี่ยวฮุยค่อนข้างสับสน “มหาวิทยาลัยที่มีชื่อเสียงทั่วโลกมีเยอะขนาดนั้น นายไม่สนใจสักที่เลยเหรอ”

ลั่วอี้ส่ายหน้า

“ทำไมล่ะ”

ตะเกียบของลั่วอี้หยุดชะงัก เขาเงยหน้าขึ้นยิ้มให้เวินเสี่ยวฮุย “ถ้าจะให้ผมพูด เพราะว่าผมทนที่จะจากพี่ไปไม่ได้น่ะสิ”

เวินเสี่ยวฮุยอึ้งไป จากนั้นก็ส่งเสียงชิออกมา “ฉันว่านายคงอาลัยอาวรณ์ของสะสมอีนุงตุงนังของนายมากกว่าล่ะมั้ง”

“ผมพูดเรื่องจริงนะ” ลั่วอี้วางตะเกียบลง สิบนิ้วประสานไว้ใต้คาง มองเวินเสี่ยวฮุยอย่างจริงจัง “พี่เสี่ยวฮุย ผมโตมาขนาดนี้แล้ว นี่เป็นครั้งแรกที่ผมรู้สึกได้ถึง ‘บ้าน’ ผมอ่านหนังสือมาหลายเล่ม ฟังนิทานมาหลายเรื่อง ต่างก็บรรยายคำว่า ‘บ้าน’ ได้อย่างอบอุ่นและงดงามมาก แต่ว่าผมไม่เคยเข้าใจเลย คนที่อยู่กับผมจนโตไม่ใช่พ่อแม่แต่เป็นหนังสือกับพี่เลี้ยง จนกระทั่งมีพี่แล้วผมถึงเข้าใจคุณค่าของบ้านและครอบครัว ฉะนั้นผมก็เลยไม่สนใจมหาวิทยาลัยเมืองนอก มหาวิทยาลัยพวกนั้นอาจสอนผมได้ก็จริง แต่ถึงผมไม่ได้เข้ามหาวิทยาลัยก็เรียนรู้ได้อยู่ดี ผมจะอยู่ที่นี่แหละ”

เวินเสี่ยวฮุยรู้สึกเคอะเขินเล็กน้อย “ทำอะไรน่ะ จู่ๆ ก็พูดจาชวนแหวะแบบนี้”

ลั่วอี้หัวเราะเบาๆ “ผมพูดจริงนะ”

เวินเสี่ยวฮุยหัวเราะ การที่มีคนเชื่อใจและพึ่งพาเขา ทำให้เขาสัมผัสได้ถึงความสุขและความอบอุ่นที่มาจากใจ ยิ่งได้รู้จักกับลั่วอี้มากเท่าไร เขาก็ยิ่งชอบเด็กผู้ชายที่เกือบจะสมบูรณ์แบบคนนี้มากขึ้นเท่านั้น จนถึงกระทั่งว่าเขาค่อยๆ รู้สึกว่ามรดกล้ำค่าที่สุดที่ลั่วหย่าหย่าทิ้งไว้ให้เขาไม่ใช่ห้องชุดกับเงินสด แต่เป็นหลานชายที่ไม่มีความสัมพันธ์ทางสายเลือด ที่ทำให้เขารู้สึกสนิทชิดเชื้อเหมือนรู้จักกันมานาน

ลั่วอี้ใช้กระดาษทิชชูเช็ดปากเบาๆ พูดเสียงต่ำ “ยิ่งไปกว่านั้นผมยังมีอีกหลายอย่างที่อยากทำที่นี่”

เวินเสี่ยวฮุยถามเรื่อยเปื่อย “ทำอะไรเหรอ”

ลั่วอี้หลุบตาลง ขนตายาวซ่อนดวงตาของเขาเอาไว้ เขายิ้มพร้อมกับเอ่ย “เรื่องที่น่าสนใจมากๆ แบบมากๆ น่ะ”

เวินเสี่ยวฮุยนึกว่าเขาพูดถึงงานอดิเรกอันยุ่งเหยิงเหล่านั้นจึงเห็นด้วย “นั่นสิ ไม่แน่ว่าระหว่างที่เรียนมหาวิทยาลัยนายอาจจะขนถ้วยรางวัลมาอีกกองก็ได้ จริงสิ นายอยากเรียนคณะไหนเหรอ”

“ผมกะจะเรียนปริญญาตรีสองใบด้านการเงินกับกฎหมายน่ะ”

“เอ๋? ค่อนข้างธรรมดาเลยนี่นา ฉันยังนึกว่าเด็กที่มีพรสวรรค์อย่างพวกนายจะเรียนอะไรที่ไม่ค่อยมีใครเรียนอย่างคณิตศาสตร์หรือโบราณคดีอะไรพวกนี้ซะอีก”

“พวกนั้นเอาไว้เป็นงานอดิเรกก็ได้ ไม่เหมาะกับการทำเป็นอาชีพ”

“จริงด้วย หางานก็ยาก แต่ว่านายไม่ต้องกังวลเรื่องงานหรอก”

ลั่วอี้พูดอย่างเป็นธรรมชาติ “พี่ก็ไม่ต้องกังวล ถ้างานทำให้พี่ไม่มีความสุข อย่างมากก็ลาออก ผมจะเลี้ยงพี่เอง”

เวินเสี่ยวฮุยพูดด้วยสีหน้าเคลิบเคลิ้ม “ในชีวิตนี้ความฝันสูงสุดของฉันก็คือถูกพ่อหนุ่มรูปหล่ออุปถัมภ์ จากนั้นฉันก็ใช้ชีวิตอย่างไร้ค่าไปวันๆ เหมือนคนเมาที่ติดอยู่ในความฝันก็พอแล้ว…น่าเสียดาย ถ้าเปลี่ยนคนพูดประโยคนี้ก็ดีสิ”

“ทำไมต้องเปลี่ยนคนพูดด้วยล่ะ พี่กลัวว่าผมจะเลี้ยงไม่ไหวเหรอ”

เวินเสี่ยวฮุยขยี้ผมของเขา “นายยังไม่เป็นผู้ชายเลย นี่มันเป็นคำพูดของพ่อหนุ่มน้อย”

ลั่วอี้คว้ามือของเขา แววตาที่จ้องมองเวินเสี่ยวฮุยนั้นมีความกระตือรือร้นที่ชวนให้หน้าแดง

“เป็นผู้ชายหรือไม่ ไม่ค่อยเกี่ยวกับอายุเท่าไรหรอกนะ”

เวินเสี่ยวฮุยชักมือกลับ ก้มศีรษะลงตักข้าวเต็มคำ แสร้งทำเป็นไม่ใส่ใจแล้วหัวเราะพลางพูดต่อไป

“ไว้นายอายุครบสิบแปดแล้วค่อยมาคุยกับฉันเรื่องนี้ก็แล้วกัน”

ลั่วอี้ยังคงมองเขา “คราวก่อนพูดถึงสเป็กผู้ชายที่พี่ชอบ พี่พูดถึงแค่ภายนอก แล้วภายในล่ะ นิสัย? พี่ชอบคนนิสัยแบบไหน”

เวินเสี่ยวฮุยเกิดความรู้สึกอ่อนไหวจนทำตัวไม่ถูกเล็กน้อย เขาพูด “นายถามเรื่องนี้ทำไม”

“สงสัย”

“สงสัยอะไร”

ลั่วอี้ยิ้มแล้วเอ่ย “ถ้าผมไม่ทันระวังแล้วโตไปเป็นผู้ชายแบบที่พี่ชอบจะทำยังไงล่ะ”

เวินเสี่ยวฮุยไอเบาๆ ทีหนึ่ง เขาหัวเราะเสียงดัง โทนเสียงสูงขึ้นโดยไม่ได้ตั้งใจ “เลิกหยอกได้แล้ว” เขาวางตะเกียบลง “ฉันกินหมดแล้วนะ”

“พี่กินไปแค่นิดเดียวเอง”

“ช่วงนี้อ้วนขึ้น กำลังไดเอ็ตอยู่” เวินเสี่ยวฮุยหยิบมือถือแล้วเดินขึ้นไปชั้นบนโดยไม่หันกลับมามอง

ส่วนลั่วอี้นั้นก็จ้องมองแผ่นหลังของเขาจนกระทั่งหายไปจากขั้นบนสุดของบันได

 

หลังจากเวินเสี่ยวฮุยกลับถึงห้องแล้วก็ถอนหายใจอย่างแรง เขาไม่ได้โง่ เขาค่อนข้างฉลาดในเรื่องประเภทนี้ด้วยซ้ำ ตอนเด็กๆ เพราะว่าหน้าตาดีเขาถึงได้รับกระดาษข้อความจากเด็กผู้หญิงเสมอ และเคยเห็นความเอาใจใส่ทุกรูปแบบ ดวงตาที่กระตือรือร้นและเปี่ยมด้วยความหวังของลั่วอี้ กอปรกับการดูแลอย่างพิถีพิถันในช่วงเวลานี้ ทำให้เขารู้สึกตื่นตระหนก

ถ้าลั่วอี้ชอบเขาจริงๆ จะทำอย่างไร

เวินเสี่ยวฮุยถูกความคิดนี้กระแทกจนรู้สึกเวียนศีรษะ นั่นเป็นสายเลือดเพียงหนึ่งเดียวที่พี่สาวของเขาทิ้งไว้ ถ้าลั่วอี้เบี่ยงเบนตั้งแต่เด็กก็ว่าไปอย่าง แต่ถ้าเด็กหนุ่มถูกเขาทำให้เบี่ยงเบนล่ะก็ เขาจะต้องทนไม่ได้แน่ เขารู้สึกกลัวขึ้นมานิดหน่อยจริงๆ หวังว่านี่จะเป็นเพียงการคาดเดาของเขา ไม่อย่างนั้นเรื่องนี้มีความเป็นไปได้ว่าจะยิ่งยุ่งเหยิงกว่าเดิม

เวินเสี่ยวฮุยตัดสินใจลดจำนวนครั้งที่เขาจะมาที่นี่ในทันที เขาคิดถึงขั้นที่ว่าจะไปนอนที่ห้องของหย่าหย่าดีหรือไม่ แต่เขาก็ค่อนข้างกังวลถ้าจะต้องนอนในห้องของคนตาย อันที่จริงแล้วเขาเป็นคนกล้าหาญมากแต่ก็งมงายด้วย คิดแล้วก็ยอมแพ้น่าจะดีกว่า เพียงแต่ในใจของเขาไม่สามารถปฏิบัติต่อลั่วอี้เหมือนญาติธรรมดาได้อีกต่อไปแล้ว

 

เมื่อการสอบเกาเข่าใกล้เข้ามา โรงเรียนของลั่วอี้อยู่ในช่วงปิดเทอม มหาวิทยาลัย XX รับเขาเข้าเรียนโดยไม่ต้องสอบเข้า ในช่วงเวลาที่สำคัญที่สุดของนักเรียนคนอื่นๆ ลั่วอี้กลับได้ปิดเทอมก่อนเวลา ทั้งสองคนวางแผนที่จะไปเที่ยวด้วยกัน แต่ไม่ว่าอย่างไรเวินเสี่ยวฮุยก็จัดการวันหยุดไม่ได้เสียที เขาจึงรู้สึกค่อนข้างหดหู่

เวินเสี่ยวฮุยพลิกดูปฏิทินพลางถอนหายใจ

เสี่ยวอ้ายโน้มตัวเข้ามา “ทำอะไรน่ะ”

“เสี่ยวอ้าย เธอว่าถ้าฉันจะขอลาหยุดสักหนึ่งอาทิตย์ Raven จะอนุมัติหรือเปล่า”

เสี่ยวอ้ายพยักหน้า “อนุมัติสิ”

“จริงเหรอ”

“ลาแต่งงาน ลาไปงานศพ ลาป่วย ลาคลอด นายเลือกมาอย่างหนึ่งได้เลย”

เวินเสี่ยวฮุยค้อนเธอ “ไปให้พ้น น่ารำคาญชะมัด”

เสี่ยวอ้ายหัวเราะ “ฝึกงานที่จวี้ซิงแล้วนายยังคิดที่จะลาพักร้อนอีกเหรอ ฝันไปเถอะ ว่าแต่นายจะทำอะไรน่ะ”

“ก็อยากออกไปเที่ยวนี่นา”

เสี่ยวอ้ายตบไหล่ของเขา “เลิกคิดไปเลยที่รัก ตั้งใจทำงานเถอะ”

ประตูสตูดิโอเปิดออก เสี่ยวอ้ายหันไปมองแล้วกระซิบกระซาบ “ว้าววว หล่อจัง Adi นายดูสิ จะต้องเป็นสเป็กที่นายชอบแน่ๆ”

เวินเสี่ยวฮุยหันไปมอง หึ ที่แท้ก็เป็นลูกของผู้มีอิทธิพลที่เขาเจอในงานเลี้ยงการกุศลคนนั้น…เซ่าฉวิน

เสี่ยวอ้ายผลักเวินเสี่ยวฮุยออกไป “อย่ามาแย่งลูกค้ากับฉันนะ”

เวินเสี่ยวฮุยส่งเสียงชิออกมา “ใครอยากจะแย่งกับเธอ เธอวางใจได้เลย เขาไม่ตกไปถึงให้เธอต้องบริการหรอก”

“ทำไมล่ะ”

ระหว่างที่กำลังพูด Raven ก็เดินออกมาจากห้องทำงาน ก่อนพูดด้วยสีหน้าดีใจระคนประหลาดใจ

“คุณชายเซ่า?! แหมๆ ผมรู้สึกยินดีที่ได้ต้อนรับแขกผู้มีเกียรติจริงๆ คุณจะมาทำไมไม่บอกกันก่อนล่ะครับ ผมกลัวว่าพวกเราจะบริการได้ไม่ทั่วถึง”

เซ่าฉวินมองไปรอบๆ สตูดิโอ “ขับรถผ่านมา บังเอิญว่าผมยาวแล้วก็เลยมาตัดซะหน่อย”

Raven ยิ้มจนหน้าบานเหมือนดอกไม้ “เชิญนั่งๆ วันนี้ผมอยู่ที่สตูดิโอพอดี ไม่อย่างนั้นถ้าให้คนอื่นแตะต้องผมของคุณล่ะก็ ผมคงไม่มีความสุขแน่ๆ อย่างนั้นผม…”

“เขาก็แล้วกัน” เซ่าฉวินชี้เวินเสี่ยวฮุย

เวินเสี่ยวฮุยตกตะลึงอยู่พักหนึ่ง จู่ๆ ก็คิดอย่างหลงตัวเอง เป็นไปได้ไหมว่าคุณชายเซ่าคนนี้ชอบเขา

รอยยิ้มของ Raven แข็งทื่อ “เอ่อ…เขาเป็นเด็กฝึกงาน ผมเกรงว่าเขาจะทำได้ไม่ดี”

“ไม่เป็นไร แค่เล็มออกนิดหน่อย” เซ่าฉวินนั่งลงบนเก้าอี้ราวกับไม่มีใครอยู่ข้างๆ พลางมองนาฬิกาข้อมือ

“รีบหน่อยนะ ผมยังมีธุระ”

Raven ชำเลืองมองเวินเสี่ยวฮุย ส่งสายตาให้เขา “ไปเถอะ ระวังหน่อยนะ” ในน้ำเสียงนั้นมีความอิจฉาที่เขาจงใจปกปิดเอาไว้

เวินเสี่ยวฮุยคิดในใจ นี่เขาทำผิดต่อ Raven อีกแล้วใช่ไหม

ช่วงหลังมานี้เวลาที่เขาเห็น Raven ก็แทบทนไม่ไหวจนอยากจะเดินเลียบกำแพงหนี แต่วันนี้กลับอยากนอนให้อีกฝ่ายลั่นไกจริงๆ

เวินเสี่ยวฮุยไอเบาๆ ทีหนึ่งก่อนเดินเข้าไปหา “คุณชายเซ่า ผมสระผมให้คุณก่อนก็แล้วกัน”

เซ่าฉวินพูด “ไม่สระ ตัดเลย”

“อ่อ…ครับ”

เวินเสี่ยวฮุยหยิบอุปกรณ์ออกมา มองดูใบหน้าหล่อเหลาของเซ่าฉวินในกระจก แม้เวินเสี่ยวฮุยจะดูโหงวเฮ้งไม่เป็น แต่เขาอยู่ในวงการบริการมาปีกว่า จึงได้พัฒนาความสามารถในการสังเกตคำพูดและดูสีหน้าจนมาถึงขั้นสูงสุด เพียงดูแวบแรกก็รู้ว่านิสัยใจคอของเซ่าฉวินไม่ค่อยดีเท่าไร อีกทั้งยังไม่เห็นใครอยู่ในสายตาอีกด้วย เขากลัวว่าเขาจะทำอะไรผิดแล้วถูก Raven ใช้เหตุผลนี้ไล่เขาออก

เซ่าฉวินสบตากับเขาผ่านกระจก “นายตื่นเต้นเหรอ”

เวินเสี่ยวฮุยยิ้มพร้อมเอ่ย “นิดหน่อยครับ ผมกลัวว่าถ้าตัดไม่ดีแล้วผมจะชดใช้ให้ผมของคุณไม่ไหว”

เซ่าฉวินหัวเราะเยาะ “ตัดไม่ดีแล้วยังไง ฉันจะกินนายเหรอ”

เวินเสี่ยวฮุยหัวเราะแห้งๆ สองที “คุณอยากได้ทรงผมแบบไหน”

“มันทิ่มคอน่ะ นายจัดการเองเถอะ” เซ่าฉวินพูดพลางก้มหน้าเล่นมือถือ

เวินเสี่ยวฮุยเลือกที่จะปลอดภัยไว้ก่อนจึงตัดให้สั้นตามทรงเดิม เขาเล็มปลายผมและด้านหลังศีรษะให้เซ่าฉวินก่อน เนื่องจากเซ่าฉวินนิ่งเงียบตลอดเวลา เขาจึงลืมไปชั่วขณะว่าตัวเองกำลังตัดผมให้ใครอยู่ แล้วใช้นิ้วกดขมับของเซ่าฉวินตามความเคยชินเพื่อบังคับให้อีกฝ่ายเงยหน้าขึ้นมา

“เงยหน้าให้ผมดูหน่อย”

ใบหน้าของเซ่าฉวินเผยร่องรอยไร้ความอดทนฉับพลัน

เวินเสี่ยวฮุยคลายมือทันที นิ้วแข็งค้างอย่างเก้ๆ กังๆ อยู่กลางอากาศ

เซ่าฉวินขมวดคิ้ว “นายเป็นบ้าหรือไง กลัวฉันทำไม”

เวินเสี่ยวฮุยคิดในใจ ก็นายมันน่ากลัวนี่นา

เซ่าฉวินเก็บมือถือ มองเขาผ่านกระจกแล้วพูด “รู้ไหมว่าทำไมฉันถึงเลือกนาย”

เวินเสี่ยวฮุยส่ายหน้า

เซ่าฉวินยกยิ้มมุมปากน้อยๆ “ทายสิ”

เวินเสี่ยวฮุยกะพริบๆ ตา “คุณอยากนอนกับผม?”

เซ่าฉวินหรี่ตาลง “มีความมั่นใจในตัวเองดีนี่”

เวินเสี่ยวฮุยผุดรอยยิ้มเสแสร้ง “ผมล้อเล่นน่ะครับ”

เซ่าฉวินนั่งไขว่ห้างแล้วพูดอย่างไม่เกรงใจ “ถ้านายไม่แต่งหน้าก็จะเป็นประเภทที่ฉันนอนด้วยตามปกติ น่าเสียดาย ฉันเกลียดผู้ชายแต่งหน้าที่สุด เห็นแล้วหมดอารมณ์”

เวินเสี่ยวฮุยแอบด่าในใจ ไปหมดอารมณ์ที่บ้านปู่แกนู่น เพราะเขาอารมณ์เสียน้ำเสียงจึงขึ้นลงสูงๆ ต่ำๆ ทันที

“ถ้าอย่างนั้นไม่ทราบว่าคุณชายเซ่ามาหาผมด้วยธุระอันล้ำค่าอะไรเหรอครับ”

“อยากให้นายช่วยอะไรหน่อย”

เวินเสี่ยวฮุยคิดไม่ออกจริงๆ พวกเขาต่างก็เป็นคนแปลกหน้า นอกจากจะนัดกันไปหลับนอนแล้ว เซ่าฉวินยังจะต้องการอะไรอย่างอื่นได้

  

ติดตามเรื่องราวทั้งหมดได้ใน Additional Heritage มรดกลวงรัก เล่ม 1

วางจำหน่ายแบบรูปเล่มที่เว็บไซต์ Jamsai Store, ร้าน Jamclub

และร้านหนังสือทั่วไป

   

รวมถึงในรูปแบบอีบุ๊กที่

Meb / OOKBEE / Fictionlog / Naiin App / SE-ED / Hytexts / comico และ ARN

 

2 of 2หน้าถัดไป

Comments

comments

No tags for this post.
Continue Reading

More in Additional Heritage มรดกลวงรัก

บทความยอดนิยม

everY

ทดลองอ่าน เขตห้ามรักฉบับเบต้า เล่ม 1 Chapter 2.1-2.2 #นิยายวาย

ทดลองอ่าน เรื่อง เขตห้ามรักฉบับเบต้า เล่ม 1 ผู้เขียน : MINTRAN แปลโดย : ทันบี ผลงานเรื่อง : 배타적 연애 금지구역 ถือเป็นลิขสิทธิ์...

จุติรัก พลิกชะตาร้าย

ทดลองอ่าน จุติรัก พลิกชะตาร้าย บทที่ 1-2

บทที่ 1 ฮ่องเต้หญิง   “ท่านพี่นำร้อง น้องหญิงคลอรับ ท่านพี่เสียงเพิ่งลับ น้องหญิงสลับขึ้นเวที เป็นมารดาอารี มีบุตรีกตัญญ...

ทดลองอ่าน

ทดลองอ่าน ร้อยเรียงรักเคียงฤทัย บทนำ – 1.2

บทนำ ความหลังของต้าลี่ 1   ฤดูหนาวในรัชศกต้าลี่ปีที่สิบเอ็ด โม่เป่ย ตำบลค่งหม่า สถานที่แห่งนี้คือประตูด่านสำคัญสุดท้ายทา...

จุติรัก พลิกชะตาร้าย

ทดลองอ่าน จุติรัก พลิกชะตาร้าย บทที่ 7-8

บทที่ 7 ค่าเดินทาง เมื่อภูตสุนัขดำคืนร่างเป็นสุนัขธรรมดาตัวหนึ่ง ภูตบุปผาสองตนนั้นก็ไม่อาจทำการใหญ่ ต่อให้ชาวหมู่บ้านป่า...

จุติรัก พลิกชะตาร้าย

ทดลองอ่าน จุติรัก พลิกชะตาร้าย บทที่ 3-4

บทที่ 3 เกิดใหม่   เวิ้งฟ้าดำสนิทปานน้ำหมึก เพียงมีดวงดาวบางตากระจัดกระจายบนม่านฟ้า ทอรัศมีอ่อนจางประเดี๋ยวเผยประเดี๋ยวเ...

community.jamsai.com