ทดลองอ่าน ราชครูนักต้มตุ๋น เล่ม 3 บทที่ 110-111 #นิยายวาย – Jamsai
Connect with us

Jamsai

everY

ทดลองอ่าน ราชครูนักต้มตุ๋น เล่ม 3 บทที่ 110-111 #นิยายวาย

หน้าที่แล้ว1 of 2

ทดลองอ่านเรื่อง ราชครูนักต้มตุ๋น เล่ม 3

ผู้เขียน : สิงซั่งเซียง (刑上香)

แปลโดย : ศีตกาล

ผลงานเรื่อง : 大国师,大骗子

ถือเป็นลิขสิทธิ์ของสำนักพิมพ์เอเวอร์วายในการเผยแพร่ผลงาน

จัดพิมพ์และจัดจำหน่ายในประเทศไทยแต่เพียงผู้เดียว

หากผู้ใดละเมิดลิขสิทธิ์จะถูกดำเนินคดีตามกฎหมาย

– – – – – – – – – – – – – – – – – 

Trigger Warning

นิยายเรื่องนี้เป็นเรื่องที่แต่งขึ้นจากจินตนาการของผู้เขียน

ไม่มีความเกี่ยวข้องกับบุคคล สถานที่ หรือเหตุการณ์จริงใดๆ

   

เนื้อหามีประเด็นอ่อนไหวเกี่ยวกับความรุนแรง

การฆาตกรรม การทารุณกรรมเด็ก การสังหารหมู่

การบังคับหรือโน้มน้าวให้ผู้อื่นทำบางอย่างโดยไม่เต็มใจ

และมีการกล่าวถึงการข่มขืน ซึ่งอาจส่งผลกระทบทางจิตใจ

   

สำหรับผู้อ่านที่มีอายุ 18 ปีขึ้นไป

โปรดใช้วิจารณญาณในการอ่าน

 

** หมายเหตุยังไม่ใช่ต้นฉบับที่เสร็จสมบูรณ์ **

– – – – – – – – – – – – – – – – –

บทที่ 110

ความลับ

‘คนอย่างอาจารย์ซ่ง หากปล่อยเอาไว้ที่บ้านนอกจึงเป็นการใช้ไม้ดีในที่ซึ่งมีประโยชน์เพียงน้อยนิดอย่างแท้จริง…ขอเพียงเจ้ายอมไปกับข้า ไม่ว่าอยากได้อะไรข้าก็จะสนองให้เจ้าได้ทั้งหมด’

ซ่งเสวียนยังจำคำเชื้อเชิญของหนานหรงจวินได้เป็นอย่างดี มันช่างทะนงตนเหลือประมาณ เป็นความโอหังราวกับได้กุมฟ้าดินเอาไว้ในมือของตนทั้งหมดแล้วอย่างไรอย่างนั้น

เขามีความสามารถในการควบคุมจิตใจคน ทั้งยังมีความโอหังที่แผ่ซ่านออกมาจากกระดูก คนเช่นนี้จะเป็นเพียงโจรกระจอกคนหนึ่งได้อย่างไรกัน

ทั้งหมดทั้งมวลที่เกี่ยวข้องกับหนานหรงจวินนี้ คล้ายกลับจะกระจ่างแจ้งขึ้นมา นักบวชใหญ่แห่งแคว้นหนานถู ความสามารถที่คล้ายคลึงกับเขา ไม่ว่าอีกฝ่ายจะมาที่เมืองซื่อฟางด้วยเป้าหมายใด ย่อมไม่เป็นเรื่องดีงามอันยังประโยชน์ให้แว่นแคว้นและราษฎรเป็นแน่

สายตาของซ่งเสวียนเบนกลับมายังจีอวิ๋นซีที่อยู่ตรงหน้า

เรื่องทั้งหมดนี้เขาจำเป็นต้องบอกกับจีอวิ๋นซี แต่จะเอ่ยปากอย่างไรเล่า

เขาย่อมทำเช่นหลายครั้งก่อนหน้าได้ นั่นคือขอให้จีอวิ๋นซีไม่ซักไซ้ไต่ถามสาเหตุ พูดเพียงผลของมันเท่านั้น

จีอวิ๋นซีเชื่อใจและใจกว้างกับเขามากพอ ขอเพียงเขาเป็นคนพูด ไม่ว่าจะเป็นเรื่องอะไรจีอวิ๋นซีก็จะไม่มีทางสงสัย ทั้งยังไม่ไต่ถามที่มาอีกด้วย

แต่ชั่วขณะนั้นเอง จู่ๆ ซ่งเสวียนก็รู้สึกไม่อยากปิดบังอีกต่อไปแล้ว

เขาปิดบังมายี่สิบเจ็ดปี ความลับที่เก็บไว้เพียงคนเดียวนี้ทำให้เขาเริ่มจะหมดสิ้นเรี่ยวแรงแล้ว

และมันยังทำให้เขารู้สึกเดียวดายยิ่ง

ทุกคนล้วนมีความลับเป็นของตนเอง แต่ความลับนี้ของซ่งเสวียนกลับทำให้เขาต้องซ่อนหัวใจของตนเอาไว้ท่ามกลางขวากหนาม ไม่ว่าคบหากับผู้ใดก็ล้วนมีระยะห่างไม่ใกล้ไม่ไกลขวางกั้นอยู่

ว่ากันให้กระจ่างก็คือเขาเพียงหวาดกลัวว่าคนที่สนิทชิดเชื้อจะเผยท่าทีหลบเลี่ยงเขาออกมาก็เท่านั้น

ซ่งเสวียนหลุบตาลงเล็กน้อย ดวงตาแฝงไว้ซึ่งแววอ่อนระโหยอยู่เสี้ยวหนึ่ง

เขาก็เหนื่อยเป็น อาจกล่าวได้ว่าบนเส้นทางอันยาวนานของชีวิตที่ยากลำบาก ขณะเดินทางท่ามกลางสายหมอกและสายฝนนี้ เขารู้สึกเหน็ดเหนื่อยยิ่งกว่าผู้ใดทั้งหมด

จีอวิ๋นซีรู้สึกถึงความเปลี่ยนแปลงของซ่งเสวียนได้อย่างชัดเจน จึงจับมือเขาเอาไว้แล้วถามว่า “เป็นอันใดไป”

ฝ่ามือของซ่งเสวียนส่งความอบอุ่นแผ่วผิวมาให้เสี้ยวหนึ่ง

ครั้งนี้เขาไม่ได้หลบเลี่ยงสัมผัส เพียงหลับตาลงแล้วเอ่ยเบาๆ ว่า “อาซี ข้าต้องพูดเรื่องหนึ่งกับเจ้า”

“อะไร”

“เกี่ยวกับหนานหรงจวิน…และเกี่ยวกับข้า”

ตอนที่ซ่งเสวียนเอ่ยคำนี้ สีหน้าของเขาไม่ได้มีท่าทีผ่อนคลายหยอกล้ออย่างที่เคยเป็น มีเพียงความอบอุ่นเช่นเดิม

ราวกับไม่ว่าหลังจากนี้จะเกิดผลเช่นไร เขาก็รับได้ทั้งหมด

จีอวิ๋นซีตระหนักได้อย่างเลือนรางว่าการสนทนาในครั้งนี้ สำหรับเขาหรือสำหรับซ่งเสวียนแล้วล้วนสำคัญยิ่ง

“หนานหรงจวินผู้นั้น เกรงว่าจะเหมือนกันกับข้าคือมีจุดที่ประหลาดเหนือคนธรรมดาอยู่เล็กน้อย ข้าเคยบอกว่าข้าไม่มีความสามารถในการทำนายอนาคต มิได้หยั่งรู้” ซ่งเสวียนเอ่ยเบาๆ “แต่ข้าก็มีทักษะบางอย่างอยู่จริง จึงได้ทำนายสิบถูกต้องเสียเก้าชะตา ซ้ำยังได้หลอกลวงผู้คนไปทั่ว อาซี ข้าอ่านความทรงจำคนได้” เมื่อพูดถึงตรงนี้มือของซ่งเสวียนก็สั่นน้อยๆ ทว่าไม่นานก็กลับมาสงบ

“ขอเพียงเป็นสิ่งที่เจ้าประสบพบเจอมา เป็นสิ่งที่เจ้าจำได้ เพียงเป็นเช่นนี้…” ซ่งเสวียนพลิกมือจับมือจีอวิ๋นซีเอาไว้ แล้วเอ่ยเบาๆ “ต่อให้เป็นเพียงการสัมผัสน้อยนิด ข้าก็สามารถอ่านได้ ยิ่งความทรงจำของเจ้าชัดเจนเท่าไร ข้าก็ยิ่งอ่านได้ชัดเจนเท่านั้น” ซ่งเสวียนหัวเราะออกมา ในเสียงหัวเราะนั้นแฝงไว้ซึ่งความโล่งอกอยู่บ้าง “ดังนั้นอาซี ไม่ว่าผู้ใดอยู่ตรงหน้าข้าก็ล้วนไม่มีความลับทั้งสิ้น หลายปีมานี้ข้าอ่านความทรงจำคนมาแล้วมากมาย รู้ความลับของคนมาแล้วมากนัก มากจน…ทำให้ข้ารู้สึกเหนื่อยเหลือเกิน”

เสียงของเขาราวกับทะลุผ่านบุปผาวสันต์คิมหันต์พรรษา ทะลุผ่านน้ำค้างแข็งฤดูสารทและหิมะเหมันต์ คลุกเคล้าปะปนฝุ่นดินมาตลอดเส้นทาง

นี่คือความพิเศษของเขา เป็นโชคดีของเขา และยังเป็นโชคร้ายของเขาด้วย คือรากฐานของความอิสระสุขสบายของเขา และยังเป็นเหตุที่ทำให้ผู้คนหลบเลี่ยงเขาแทบไม่ทัน

ซ่งเสวียนสบตากับจีอวิ๋นซี ต่อให้รอยยิ้มของเขาจะแฝงความเหนื่อยล้าเอาไว้ ทว่าดวงตานั้นก็ยังคงกระจ่างใสสุกสกาว สิ่งนี้คือจุดที่เขาไม่เคยเปลี่ยนไปตลอดเวลายี่สิบกว่าปีที่ผ่านมา

“เช่นนั้นเจ้าก็เคยเห็นความทรงจำของข้าน่ะสิ”

จีอวิ๋นซียังคงใบหน้ายิ้มแย้มเช่นเดิมเอาไว้ ทำให้ผู้อื่นไม่อาจคาดเดาความคิดของเขาได้

แม้แต่ซ่งเสวียนเองก็ไม่อาจกล่าวได้กระจ่างว่าสุดท้ายแล้วตนหวังจะได้รับคำตอบเช่นไร

“ใช่” ซ่งเสวียนพยักหน้า

“พี่ชายปฏิบัติกับข้าอย่างขอไปทีนี่นา” จีอวิ๋นซีบ่นงึมงำ สีหน้ากลับแฝงแววหยอกล้ออยู่เสี้ยวหนึ่ง “หากเคยเห็นแล้ว เหตุใดจึงไม่กระจ่างใจในความคิดของข้าเล่า”

หากเคยเห็นแล้วตอนนี้คนที่ควรกลัว คนที่ควรอธิบายอยู่ในยามนี้ก็ควรจะเป็นซ่งเสวียนมากกว่า

“พี่ชายไม่ได้สนใจในตัวข้าแม้แต่น้อยเลยจริงๆ แม้แต่ความรู้สึกอยากจะสืบรู้โดยพื้นฐานก็ไม่เคยมี” จีอวิ๋นซีอดขมวดคิ้วไม่ได้ เขารู้สึกน้อยอกน้อยใจขึ้นมาอย่างบอกไม่ถูก

ซ่งเสวียนหัวเราะไม่ได้ร้องไห้ไม่ออก เดิมเขาเตรียมใจมาพูดเรื่องนี้อย่างคนที่เตรียมตัวตาย คิดไม่ถึงว่าจะทำให้จีอวิ๋นซีเกิดความรู้สึกไม่พอใจอย่างประหลาดเช่นนี้

เขาดูคล้ายจะผ่อนคลายลงเล็กน้อย ยิ้มพลางดึงมือกลับไป “ข้าอ่านความทรงจำของผู้อื่นก็เพียงเพื่อเลี้ยงชีพ ทำมาหากินเท่านั้น ส่วนความทรงจำของญาติสนิทมิตรสหายนั้น หากไม่สิ้นไร้หนทางจริงจะไปสืบดูตามอำเภอใจได้อย่างไร” ก่อนกล่าวอีกว่า “อาซี เหตุผลที่ความลับเป็นความลับนั้นก็เพราะเจ้าของความลับไม่อยากให้ผู้ใดล่วงรู้”

จีอวิ๋นซีมองเขานิ่งๆ ครู่หนึ่ง จู่ๆ ก็จับมือซ่งเสวียนเอาไว้แน่นอีกครั้ง “เช่นนั้นเจ้าก็เริ่มอ่านตอนนี้เลย”

ซ่งเสวียนนิ่งงันไปเล็กน้อย “อะไรนะ”

“ความคิดของข้า พี่ชายไม่กระจ่างแก่ใจจริงหรือ” จีอวิ๋นซียิ้มพลางเอ่ย “ทุกสิ่งของข้าล้วนแบ่งปันกับเจ้าได้ อดีตของข้า อนาคตของข้า…ล้วนเป็นของเจ้า ข้าไม่กลัวหากเจ้าจะรู้จักข้าดีราวกับรู้จักฝ่ามือของตนเอง ยิ่งเจ้ารู้มากเจ้าก็ยิ่งห่างจากข้าน้อยลง” สายตาของจีอวิ๋นซีจริงจังถึงเพียงนั้น

ความปรารถนาที่เขามีต่อซ่งเสวียนช่างมากมายเกินกว่าความปรารถนาที่เขามีต่อตนเองไปไกล

และที่สำคัญยิ่งกว่าก็คือสำหรับคนจำนวนหนึ่งบนโลกใบนี้แล้ว การเก็บรักษาความลับคือเรื่องที่สำคัญยิ่งกว่าสิ่งใด แต่สำหรับจีอวิ๋นซีแล้วก็คล้ายว่าความไม่รู้ใดๆ เหล่านั้นล้วนเป็นดังอุปสรรคสำหรับเขาทั้งสิ้น

เหมือนกับที่เขาอยากรู้ทุกสิ่งทุกอย่างเกี่ยวกับซ่งเสวียน ไม่ว่าจะเป็นสิ่งที่เปิดเผยได้หรือเป็นสิ่งที่น่าละอายจนไม่อาจให้ผู้อื่นล่วงรู้ ยิ่งเป็นเรื่องที่ต้องปกปิดยากเอื้อนเอ่ยก็ยิ่งทำให้เขากระตือรือร้นยินดี ราวกับได้ค้นพบด้านซึ่งมีเพียงเขาเท่านั้นที่จะได้มองเห็น ได้ครอบครองส่วนหนึ่งของซ่งเสวียนแต่เพียงผู้เดียว

เขากระหายอยากจะครอบครองซ่งเสวียน แต่ก็กระหายอยากให้ซ่งเสวียนมาครอบครองเขาเช่นกัน

แววตาของจีอวิ๋นซีค่อยๆ ลึกล้ำยิ่งขึ้น ราวกับจะดูดกลืนเอาซ่งเสวียนเข้าไปทั้งเนื้อทั้งตัวอย่างไรอย่างนั้น “ซ่งเสวียน ข้าอยากให้เจ้ารู้ทุกสิ่งทุกอย่างเกี่ยวกับตัวข้า”

ยามเขาอยู่ต่อหน้าคนที่รักก็คล้ายมีแรงผลักดันที่ไม่อาจเอื้อนเอ่ยบางประการ

ไม่เพียงอยากให้เจ้าได้เห็นความสว่างสดใสของข้าเท่านั้น แต่ยังอยากให้เจ้าโอบรับด้านมืดมิดของข้าอีกด้วย อยากให้เจ้าได้เดินไปยังมุมลึกสุดของหัวใจอันมืดมิดที่สุดและสกปรกที่สุด มองดูสีหน้าของข้าซึ่งดูดุดันโหดเหี้ยมเพราะความรัก มองดูรากเหง้าอันพันเกี่ยวเลี้ยวลดของข้า

มองดูหัวใจที่กำลังสูบฉีดเลือดของข้าที่มันเต้นอย่างต่อเนื่องเรื่อยไปเพื่อเจ้า

นี่คือความปรารถนาอันละโมบจนยากจะเอื้อนเอ่ยออกมามากที่สุดในใจเขา

เขาปรารถนาให้ซ่งเสวียนเข้าใจตัวตนที่แท้จริงของเขา กระหายอยากให้ซ่งเสวียนโอบรับตัวเขาซึ่งดูน่ารังเกียจที่สุด

ทั้งที่รู้แก่ใจว่าความปรารถนานี้มันไม่สมเหตุสมผล

ทว่าเขาก็ยังคงรอคอยอยู่ ณ ที่ใดสักแห่งหนึ่งในส่วนลึกของจิตใจ เฝ้ารอมันอย่างจดจ่อ

ดังนั้นเขาจะรู้สึกหวาดกลัวซ่งเสวียนได้อย่างไรกัน

ความลับอันยิ่งใหญ่ที่สุดที่เขามีต่อซ่งเสวียนก็คือหัวใจที่กำลังเต้นอยู่ของเขา หัวใจที่ต้องการให้ถูกขุดค้นพบดวงนั้น

ซ่งเสวียนไม่ได้อ่านหรือดึงความทรงจำนั้นออกมาจริงๆ เขากลับสบตาจีอวิ๋นซี ราวกับต้องการยืนยันความคิดที่แท้จริงของอีกฝ่าย “อาซี…”

“ทั้งที่คนที่อ่านความทรงจำได้คือเจ้าแท้ๆ” จีอวิ๋นซียิ้มพลางถาม “แต่เหตุใดจึงระแวงระวังยิ่งกว่าข้าอีกเล่า”

ซ่งเสวียนขยับริมฝีปาก เขารู้สึกหดหู่ขึ้นมาเมื่อพบว่าสิ่งที่จีอวิ๋นซีพูดเป็นความจริง

สำหรับเรื่องนี้เขากลับยังต้องให้อาซีที่อายุน้อยกว่าเขาห้าปีมาเป็นผู้คลี่คลายให้

“ขออภัยด้วย” ซ่งเสวียนเอ่ยเบาๆ

“เจ้าไม่จำเป็นต้องขออภัยข้า” เสียงของจีอวิ๋นซีนุ่มนวลราวกับสระน้ำในฤดูวสันต์ “ขอเพียงพี่ชายไม่จากข้าไปเพราะเรื่องนี้อีก เท่านั้นก็เพียงพอแล้ว”

ความระแวงของซ่งเสวียนไม่อาจวางลงด้วยคำพูดเพียงสองสามคำได้ แต่อย่างน้อยในตอนนี้ความลับของเขาก็มีผู้มาแบ่งปันเพิ่มขึ้นคนหนึ่งแล้ว

ผู้แบ่งปันที่อันตราย

หน้าที่แล้ว1 of 2

Comments

comments

No tags for this post.
Continue Reading

More in everY

บทความยอดนิยม

everY

ทดลองอ่าน เขตห้ามรักฉบับเบต้า เล่ม 1 Chapter 2.1-2.2 #นิยายวาย

ทดลองอ่าน เรื่อง เขตห้ามรักฉบับเบต้า เล่ม 1 ผู้เขียน : MINTRAN แปลโดย : ทันบี ผลงานเรื่อง : 배타적 연애 금지구역 ถือเป็นลิขสิทธิ์...

ทดลองอ่าน

ทดลองอ่าน เชิดรักมังกรซ่อนเงาหงส์ บทที่ 1-2

บทที่ 1 เสียงเคาะระฆังบอกโมงยามดังขึ้นครั้งแล้วครั้งเล่า เสียงอันคุ้นเคยเตือนให้คนเก่าคนแก่ในวังตระหนักได้ว่าเพลานี้เป็น...

ชาตินี้ข้าจะรักท่านให้มาก

ทดลองอ่าน ชาตินี้ข้าจะรักท่านให้มาก บทที่ 1-2

บทที่ 1 ต้นฤดูใบไม้ร่วง ท้องฟ้าสีฟ้าคราม สายลมโชยอ่อนพัดแผ่ว ม่านโปร่งบนศาลาริมน้ำขยับไหว ที่อยู่หลังม่านโปร่งคือโฉมสะคร...

ทดลองอ่าน

ทดลองอ่าน สานวาสนากับท่านอาของอดีตคู่หมั้น บทที่ 1-2

บทที่ 1 เวลาเช้าตรู่กู้เจี้ยนหลีรออยู่หน้าโรงจำนำเป็นเวลานานมากแล้ว ในมือของนางกำปิ่นรูปผีเสื้อคู่ประดับพู่ระย้าไว้อันหน...

ทดลองอ่าน

ทดลองอ่าน เชิดรักมังกรซ่อนเงาหงส์ บทที่ 3-4

บทที่ 3 เนี่ยชิงหลินได้ยินคำพูดเช่นนี้จึงเงยหน้าขึ้นเหลือบมองสีหน้าเย็นชาเข้มงวดของเว่ยเหลิ่งเหยาปราดหนึ่ง นางลังเลอยู่ช...

community.jamsai.com