ทดลองอ่าน ราชครูนักต้มตุ๋น เล่ม 3 บทที่ 112-113 #นิยายวาย – Jamsai
Connect with us

Jamsai

everY

ทดลองอ่าน ราชครูนักต้มตุ๋น เล่ม 3 บทที่ 112-113 #นิยายวาย

หน้าที่แล้ว1 of 2

ทดลองอ่านเรื่อง ราชครูนักต้มตุ๋น เล่ม 3

ผู้เขียน : สิงซั่งเซียง (刑上香)

แปลโดย : ศีตกาล

ผลงานเรื่อง : 大国师,大骗子

ถือเป็นลิขสิทธิ์ของสำนักพิมพ์เอเวอร์วายในการเผยแพร่ผลงาน

จัดพิมพ์และจัดจำหน่ายในประเทศไทยแต่เพียงผู้เดียว

หากผู้ใดละเมิดลิขสิทธิ์จะถูกดำเนินคดีตามกฎหมาย

– – – – – – – – – – – – – – – – – 

Trigger Warning

นิยายเรื่องนี้เป็นเรื่องที่แต่งขึ้นจากจินตนาการของผู้เขียน

ไม่มีความเกี่ยวข้องกับบุคคล สถานที่ หรือเหตุการณ์จริงใดๆ

   

เนื้อหามีประเด็นอ่อนไหวเกี่ยวกับความรุนแรง

การฆาตกรรม การทารุณกรรมเด็ก การสังหารหมู่

การบังคับหรือโน้มน้าวให้ผู้อื่นทำบางอย่างโดยไม่เต็มใจ

และมีการกล่าวถึงการข่มขืน ซึ่งอาจส่งผลกระทบทางจิตใจ

   

สำหรับผู้อ่านที่มีอายุ 18 ปีขึ้นไป

โปรดใช้วิจารณญาณในการอ่าน

 

** หมายเหตุยังไม่ใช่ต้นฉบับที่เสร็จสมบูรณ์ **

– – – – – – – – – – – – – – – – –

บทที่ 112

จิตใจว้าวุ่น

ลานด้านหลังของหอฮวาซย่า เสี่ยงหรงที่สวมเสื้อแขนลูกศร* สีขาว กำลังรำดาบถัง** ขวับๆ รวดเร็วต่อเนื่องจนไร้ช่องโหว่ ท่วงท่านั้นคล่องแคล่วราวเมฆาทะยานสายธารรินไหล ร่ายรำรวดเดียวจนจบกระบวน

หากมีคนในแวดวงการต่อสู้อยู่จะต้องมองออกแน่ว่าท่วงท่าของนางนั้นมิได้วางท่าจอมปลอมให้ดูน่าตื่นตาตื่นใจแต่อย่างใด ทุกท่าทุกกระบวนล้วนเป็นวิชาที่ใช้งานได้จริงทั้งสิ้น

น่าเสียดายที่ตอนนี้มีผู้ชมเพียงหนึ่งเดียว นั่นคือซ่งเสวียนที่กำลังจ้องมองกระปุกซึ่งใส่จิ้งหรีดที่จับมาเล่นจิ้งหรีดกัดกันอยู่

เขาดูไม่เหมือนกำลังกัดจิ้งหรีดอยู่ เพียงถือฟางเส้นหนึ่งแล้วทำท่าทำทางไปอย่างนั้น ไม่รู้ว่าจิตใจลอยหายไปที่ใดแล้ว

เสี่ยงหรงฝึกฝนกระบวนดาบเสร็จก็จ่อดาบถังมาตรงหน้าซ่งเสวียน ก่อนจะตัดกระปุกใส่จิ้งหรีดขาดเป็นสองซีก

ซ่งเสวียนจึงค่อยเงยหน้าขึ้น สายตาดูเหม่อลอยอยู่หลายส่วน

เสี่ยงหรงเอ่ยด้วยความโมโหว่า “เมื่อวานเจ้าหนีไปไม่บอกกล่าวอันใดสักคำ ทำเอาเหล่าเหนียงหวั่นใจอยู่ทั้งคืน ตอนนี้เจ้ากลับมากัดจิ้งหรีดอยู่นี่น่ะรึ”

ซ่งเสวียนหัวเราะ “นี่ก็เพราะข้าว่างจนไม่มีอะไรทำมิใช่หรือ”

เสี่ยงหรงถาม “เมื่อวานหนานหรงจวินนั่นกลับไปโดยจับเจ้าไม่ได้หรือ เจ้าไปพบอะไรเข้า เหตุใดจึงทำให้เจ้าคนถ่อยนั่นหนีไปกลางดึกเช่นนั้น”

ซ่งเสวียนยิ้มพลางทำมือจุปาก “ความลับ”

เสี่ยงหรงถลึงตาใส่เขา “ทำลึกลับซับซ้อน ข้ารู้ว่าเจ้าไม่มีคำพูดดีอันใด”

ซ่งเสวียนไม่พูดอะไร รอยยิ้มบนใบหน้าค่อยๆ จืดจางลง

เสี่ยงหรงจ้องมองเขาอยู่ครู่หนึ่ง จากนั้นก็วางดาบถังไว้ข้างๆ นางเดินไปนั่งข้างกายซ่งเสวียน ก่อนแค่นลมออกจมูกแล้วถาม “เจ้าเป็นอะไรกันแน่”

สมองของซ่งเสวียนยังคงคิดเรื่องเหลวไหลเมื่อครู่ เรื่องที่เขาจูบจีอวิ๋นซี เรื่องนี้จะเอ่ยปากกับเสี่ยงหรงได้อย่างไรกัน เขาจึงได้แต่พูดเสียงเบาว่า “ข้าอาจต้องไปอีกแล้ว”

เสี่ยงหรงได้ยินแล้วก็อึ้งงัน ผ่านไปครู่หนึ่งค่อยเอ่ย “จะไสหัวไปก็รีบๆ เข้า ข้าคุ้นชินนานแล้ว หรือเจ้าหวังให้ผู้ใดหลั่งน้ำตาให้เจ้ากัน” นางลังเลอยู่ครู่หนึ่งแล้วก็ถาม “ครั้งนี้จะไปนานเท่าใด”

“หกปี” ซ่งเสวียนว่า

เสี่ยงหรงมองเรื่องไปกลับใช้เวลาไม่แน่นอนของเขาเป็นเรื่องปกตินานแล้ว ไม่คิดเลยว่าครั้งนี้จะมีจำนวนปีที่แน่นอน นางจึงอดถามไม่ได้ “ครั้งนี้จะไปทำอะไร”

“ไปเป็นราชครู” ซ่งเสวียนเอ่ยออกมาด้วยท่าทีน่าเวทนา

เสี่ยงหรงหัวเราะเสียงเย็น “อ้อ เช่นนั้นเอาข้าไปด้วยสิ ข้าว่าจะเป็นฮองเฮา”

“ข้าเป็นฮองเฮายังจะดูมีความหวังกว่าเจ้าเป็นฮองเฮาเสียอีก” ซ่งเสวียนหัวเราะไม่ได้ร้องไห้ไม่ออก “หากบอกว่าวันหน้าเจ้าจะได้รับแต่งตั้งเป็นแม่ทัพหญิงยังจะดูน่าเชื่อถือเสียกว่า”

เสี่ยงหรงถีบเขาไปครั้งหนึ่งอย่างอดไม่ได้ “กว่าข้าจะได้พบเจ้าอีกครั้ง เกรงว่าบุตรชายข้าคงเดินไปซื้อซีอิ๊วเองได้แล้วกระมัง”

ซ่งเสวียนได้ยินแล้วก็นิ่งงันไป จากนั้นสมองก็มีฉากเมื่อครู่ผุดขึ้นมาอีกครั้ง เขาอดทอดถอนใจไม่ได้

เขาก็ไม่เข้าใจเช่นกันว่าเหตุใดตนจึงคล้ายกับถูกพิษ จู่ๆ อารมณ์ก็เอ่อท้น ทำเรื่องเช่นนั้นกับอาซีเสียได้

กลับไปเขาจะเผชิญหน้ากับอาซีอย่างไรเล่า

เสี่ยงหรงเห็นเขาดูคิดไม่ตกจึงถามว่า “นี่เจ้าเป็นอะไรกันแน่ หากไม่อยากไป ไม่ไปเสียก็สิ้นเรื่อง”

ซ่งเสวียนลังเลแล้วลังเลอีก ทว่ายังคงอดไม่ได้ที่จะเอ่ย “ข้า…เมื่อครู่ข้าล่วงเกินคนผู้หนึ่ง”

เสี่ยงหรงสนใจขึ้นมาทันที “อย่างไรกัน เจ้าไปถูกใจแม่นางบ้านใดเข้าแล้วหรือ”

แต่ดูจากท่าทีของซ่งเสวียนแล้ว นางก็คล้ายคิดอะไรบางอย่างออกมาได้ สีหน้าของนางเปลี่ยนมาเป็นเคร่งเครียดขึ้นทันที “ซ่งเสวียน เจ้าคงมิได้ไปลงไม้ลงมือกับฮูหยินบ้านใดเข้าหรอกใช่หรือไม่ หรือว่าแม่นางผู้นั้นไม่ยินยอม หรือว่าเจ้า…”

ยิ่งพูดสีหน้าก็ยิ่งดูย่ำแย่ลงเรื่อยๆ

“พูดจาเหลวไหลอันใดกัน” ซ่งเสวียนหัวเราะไม่ได้ร้องไห้ไม่ออก “ข้า…ข้าไปล่วงเกินบุรุษผู้หนึ่งเข้า”

เสี่ยงหรงมองเขาเงียบๆ

พูดมาถึงขั้นนี้แล้วซ่งเสวียนก็ตัดสินใจว่าจะไม่ปิดบังใดๆ อีกต่อไป เขาเอ่ยออกมาอย่างเปิดเผย “เมื่อครู่ข้าหน้ามืดไปชั่วขณะ ไม่รู้ว่าเป็นอะไร เพียงแต่อยากทำเช่นนั้น…ก็…”

พูดแล้วในหัวของเขาก็มีฉากเมื่อครู่ปรากฏวาบขึ้นมาอีก

ริมฝีปากบางสีแดงสดนั้นถูกเขาดึงให้มาอยู่ใกล้ชิดเบื้องหน้า เขาขาดสติไปชั่วขณะจึงได้พุ่งชนเข้าไปอย่างดื้อรั้นเอาแต่ใจ

ฉากนั้นช่างชัดเจนแจ่มแจ้งเหลือเกิน

ซ่งเสวียนกุมศีรษะร้องครวญครางออกมาเบาๆ ราวกับจะพยายามไล่เอาภาพนั้นออกไปจากสมอง

“แล้วอย่างไร” เสี่ยงหรงพลันเอ่ยถาม

ซ่งเสวียนนิ่งงันไปเล็กน้อย เสียงครวญครางหยุดไปชั่วขณะเช่นกัน

เสี่ยงหรงขมวดคิ้ว ก้มลงมองเขาจากมุมที่สูงกว่า “เจ้าก็พูดแล้วไม่ใช่หรือว่าเจ้าอยากทำเช่นนั้น นี่ก็คือสาเหตุอย่างไรเล่า ยังต้องถามอีกหรือว่าเพราะเหตุใด”

คำพูดหลังจากนั้นของเสี่ยงหรง ซ่งเสวียนก็ไม่ได้ยินอะไรแล้ว ในหัวเขามีเสียงวิ้งๆ เต็มไปด้วยคำถามที่ยากจะเข้าใจมากมาย

เขาอยากทำเช่นนั้น

เดิมทีซ่งเสวียนมาที่นี่เพื่อขออภัยเสี่ยงหรง และมาหาที่สงบอยู่สักครู่ แต่คิดไม่ถึงว่าหลังจากจบบทสนทนานี้เขากลับจิตใจว้าวุ่นยิ่งขึ้น ได้แต่เดินมึนๆ งงๆ ออกจากหอฮวาซย่าไป

เสี่ยงหรงมองส่งเงาร่างของซ่งเสวียนที่ค่อยๆ ไกลออกไป ก่อนจะส่ายหน้าก่นด่าเบาๆ “ปกติเห็นเป็นคนฉะฉานชัดเจน เหตุใดตอนนี้ดูราวกับคนโง่งมกระนั้น”

จากนั้นก็เดินอ้อมกลับขึ้นไปยังห้องส่วนตัวที่อยู่ชั้นบน

นางเปิดโต๊ะเครื่องประทินโฉมออกมา ข้างในมีลิ้นชักลับชั้นหนึ่ง ในนั้นมีปานจื่อ* อัญมณีวงหนึ่งวางอยู่ นางไม่ได้หยิบมันขึ้นมา แต่กลับกดลงไปบนปานจื่อนั้นเบาๆ

ชั้นวางของโบราณขยับเคลื่อนดังครืดคราด เผยให้เห็นประตูลับทรงสี่เหลี่ยมผืนผ้าด้านหลัง

เสี่ยงหรงเดินเข้าไป ข้างในนั้นมีบุรุษผู้หนึ่งกำลังนั่งอ่านหนังสือจิบชาอยู่ที่โต๊ะ

ด้านข้างนั้นมีเจ้าเมืองซื่อฟางยืนอยู่ แขนเสื้อทิ้งตัวลงอย่างเคารพสำรวม สีหน้าจริงจัง ไม่ได้ดูขลาดเขลาเหมือนตอนที่อยู่ข้างนอกแม้แต่น้อย

เสี่ยงหรงคุกเข่าข้างหนึ่งกับพื้น ทำความเคารพตามแบบนักรบอย่างคล่องแคล่ว ก่อนยืนขึ้นแล้วเอ่ย “นายท่าน”

“ไม่ต้องมากพิธี” บุรุษผู้นั้นวางหนังสือลงแล้วเอ่ยถามเสียงเรียบว่า “ไปแล้วรึ”

“เจ้าค่ะ” เสี่ยงหรงก้มหน้าเอ่ย

“จีอวิ๋นซีต้องการให้เขาไปเป็นราชครูจริงดังคาด” บุรุษผู้นั้นหัวเราะเบาๆ “นี่คือตัวเลือกที่ดีที่สุดดังที่เขาว่า”

เสี่ยงหรงไม่ได้พูดอะไร

“ก็ดี ถึงอย่างไรคนผู้นี้ก็ไม่ใช่คนเลวอะไร” บุรุษผู้นั้นช้อนตาขึ้นมองเสี่ยงหรงแล้วหัวเราะ “เจ้าก็เชื่อใจเขามากเช่นกันมิใช่หรือ”

เสี่ยงหรงพยักหน้า “ซ่งเสวียนเป็นสหายข้า เขาเป็นคนใจดีพึ่งพาได้คนหนึ่ง”

“สหาย?” บุรุษผู้นั้นคิดอยู่ครู่หนึ่ง “เจ้าทำเพื่อเขาได้ถึงขั้นใดเล่า”

“บุกน้ำลุยไฟ ไม่ว่าสิ่งใดก็ไม่ปฏิเสธ” เสี่ยงหรงคล้ายซื่อตรงจริงใจจนเกินเหตุ เจ้าเมืองที่อยู่ด้านข้างคิดจะเอ่ยปากโน้มน้าว แต่ก็ไม่รู้ว่าควรเริ่มจากที่ใด

บุรุษผู้นั้นนิ่งงัน ก่อนจะหัวเราะออกมาเบาๆ “คนที่ทำให้เจ้าเป็นเช่นนี้ได้ คงเป็นคนสำคัญจริงๆ เช่นนั้นกับข้า เจ้ามองข้าเป็นอย่างไรเล่า”

เสี่ยงหรงลังเลอยู่ครู่หนึ่ง สุดท้ายก็ไม่ได้ตอบ

บุรุษผู้นั้นหัวเราะ “ช่างเถิด ไม่จำเป็นต้องลำบากใจ ข้าเป็นเพียงนายเก่าของเจ้าเท่านั้น ต่อไปคำว่านายท่านนี้ก็ไม่ต้องกล่าวถึงอีก ถึงอย่างไรข้าก็หลุดพ้นสถานะเดิมนั้นมานานแล้ว ตอนนี้เจ้าก็เป็นเพียงเสี่ยงหรงมิใช่หรือ”

เสี่ยงหรงขยับริมฝีปาก ทว่าจนแล้วจนรอดก็ไม่ได้เอื้อนเอ่ย นางก้มหน้าลงต่ำราวกับกำลังโศกเศร้า

มือของบุรุษนั้นลูบลงบนศีรษะของนาง “ข้ามิได้กล่าวโทษเจ้า”

เสี่ยงหรงยังคงก้มหน้า ยืนนิ่งอยู่ตรงทางเข้าลับ

บุรุษผู้นั้นพาเจ้าเมืองจากไป พื้นที่อันเคว้งคว้างว่างเปล่านี้มีเพียงเสี่ยงหรงยืนอยู่ตามลำพัง ยิ่งดูเดียวดายและหนาวเหน็บขึ้นอีก

“นายท่าน…” เสี่ยงหรงพึมพำ “องค์ชาย…”

* เสื้อแขนลูกศร หมายถึงเสื้อที่มีปลายแขนสอบแคบลง

** ดาบถัง คือดาบในสมัยราชวงศ์ถัง เป็นดาบทหารสามารถแบ่งออกได้สี่ประเภท ได้แก่ อี๋เตา จั้งเตา เหิงเตา และโม่เตา โดยมากแล้วหากกล่าวถึงดาบถังจะหมายถึงเหิงเตา ซึ่งเป็นดาบเรียวยาวตรง แต่มีความแข็งแรงมาก

* ปานจื่อ เป็นอุปกรณ์สวมนิ้วหัวแม่มือสำหรับผู้ที่ยิงธนู ป้องกันการเสียดสีของสายธนูกับนิ้วหัวแม่มือ ภายหลังมีการพัฒนามาเป็นเครื่องประดับที่ทำจากหยกหรืองาช้าง และอาจสลักตัวอักษรหรือลวดลายเอาไว้ด้านบน

หน้าที่แล้ว1 of 2

Comments

comments

No tags for this post.
Continue Reading

More in everY

บทความยอดนิยม

everY

ทดลองอ่าน เขตห้ามรักฉบับเบต้า เล่ม 1 Chapter 2.1-2.2 #นิยายวาย

ทดลองอ่าน เรื่อง เขตห้ามรักฉบับเบต้า เล่ม 1 ผู้เขียน : MINTRAN แปลโดย : ทันบี ผลงานเรื่อง : 배타적 연애 금지구역 ถือเป็นลิขสิทธิ์...

ทดลองอ่าน

ทดลองอ่าน เชิดรักมังกรซ่อนเงาหงส์ บทที่ 1-2

บทที่ 1 เสียงเคาะระฆังบอกโมงยามดังขึ้นครั้งแล้วครั้งเล่า เสียงอันคุ้นเคยเตือนให้คนเก่าคนแก่ในวังตระหนักได้ว่าเพลานี้เป็น...

ชาตินี้ข้าจะรักท่านให้มาก

ทดลองอ่าน ชาตินี้ข้าจะรักท่านให้มาก บทที่ 1-2

บทที่ 1 ต้นฤดูใบไม้ร่วง ท้องฟ้าสีฟ้าคราม สายลมโชยอ่อนพัดแผ่ว ม่านโปร่งบนศาลาริมน้ำขยับไหว ที่อยู่หลังม่านโปร่งคือโฉมสะคร...

ทดลองอ่าน

ทดลองอ่าน สานวาสนากับท่านอาของอดีตคู่หมั้น บทที่ 1-2

บทที่ 1 เวลาเช้าตรู่กู้เจี้ยนหลีรออยู่หน้าโรงจำนำเป็นเวลานานมากแล้ว ในมือของนางกำปิ่นรูปผีเสื้อคู่ประดับพู่ระย้าไว้อันหน...

ทดลองอ่าน

ทดลองอ่าน เชิดรักมังกรซ่อนเงาหงส์ บทที่ 3-4

บทที่ 3 เนี่ยชิงหลินได้ยินคำพูดเช่นนี้จึงเงยหน้าขึ้นเหลือบมองสีหน้าเย็นชาเข้มงวดของเว่ยเหลิ่งเหยาปราดหนึ่ง นางลังเลอยู่ช...

community.jamsai.com