ทดลองอ่าน ราชครูนักต้มตุ๋น เล่ม 1 บทที่ 13 #นิยายวาย – Jamsai
Connect with us

Jamsai

everY

ทดลองอ่าน ราชครูนักต้มตุ๋น เล่ม 1 บทที่ 13 #นิยายวาย

ทดลองอ่านเรื่อง ราชครูนักต้มตุ๋น เล่ม 1

ผู้เขียน : สิงซั่งเซียง (刑上香)

แปลโดย : ศีตกาล

ผลงานเรื่อง : 大国师,大骗子

ถือเป็นลิขสิทธิ์ของสำนักพิมพ์เอเวอร์วายในการเผยแพร่ผลงาน

จัดพิมพ์และจัดจำหน่ายในประเทศไทยแต่เพียงผู้เดียว

หากผู้ใดละเมิดลิขสิทธิ์จะถูกดำเนินคดีตามกฎหมาย

– – – – – – – – – – – – – – – – – 

Trigger Warning

นิยายเรื่องนี้เป็นเรื่องที่แต่งขึ้นจากจินตนาการของผู้เขียน

ไม่มีความเกี่ยวข้องกับบุคคล สถานที่ หรือเหตุการณ์จริงใดๆ

   

เนื้อหามีประเด็นอ่อนไหวเกี่ยวกับความรุนแรง

การฆาตกรรม การทารุณกรรมเด็ก การสังหารหมู่

การบังคับหรือโน้มน้าวให้ผู้อื่นทำบางอย่างโดยไม่เต็มใจ

และมีการกล่าวถึงการข่มขืน ซึ่งอาจส่งผลกระทบทางจิตใจ

   

สำหรับผู้อ่านที่มีอายุ 18 ปีขึ้นไป

โปรดใช้วิจารณญาณในการอ่าน

 

** หมายเหตุยังไม่ใช่ต้นฉบับที่เสร็จสมบูรณ์ **

– – – – – – – – – – – – – – – – –

บทที่ 13

เรื่องเก่า

ซ่งเสวียนไม่ได้เกิดมาจากร่องหิน ชื่อเดิมของเขาคือซ่งเซวียน เป็นบุตรอนุสกุลซ่ง

นายท่านซ่งเกิดในตระกูลขุนนาง เดิมเป็นเสนาบดีอยู่เมืองหลวงแต่ถูกเนรเทศมายังเมืองเหิงหยาง ในจวนมีทั้งภรรยาเอกและอนุ มารดาของซ่งเสวียนเป็นเพียงนางขับร้อง ย่อมไม่ได้รับความชื่นชมรักใคร่จากเขา

หากเรื่องมีเพียงเท่านี้ซ่งเสวียนที่เดิมใช้นามว่าซ่งเซวียนย่อมเป็นเพียงบุตรอนุธรรมดา สิ่งที่ทำให้ยุ่งยากใจมากที่สุดคงเป็นการปฏิบัติอันไม่เท่าเทียมระหว่างบุตรภรรยาเอกกับบุตรอนุ หรือไม่ก็พวกความอัดอั้นตันใจที่ไม่สมหวังในชีวิต

ทว่าซ่งเซวียนกลับอ่านความทรงจำคนได้

หลังเกิดมาได้ไม่นานเขายังไม่อาจควบคุมความสามารถของตนเอง ขอเพียงมีผู้อื่นมาแตะต้องร่างกาย ซ่งเซวียนก็จะรับความทรงจำของคนผู้นั้นมาโดยไม่รู้ตัว

ความทรงจำส่วนมากจะมาจากมารดาผู้ให้กำเนิด สาวใช้ที่ดูแลเขา และแม่นม

ถึงขนาดที่ว่าก่อนอายุห้าปีความทรงจำของเขาวุ่นวายสับสนไปหมด บางครั้งหลงคิดว่าตนเป็นเด็กหญิง บางครั้งรู้ตัวว่าตนเป็นเด็กชาย คำที่พูดออกมาจากปากล้วนฟังดูเหลวไหล คนส่วนมากจึงมองเขาเป็นคนโง่

แต่ไหนแต่ไรมารดาของซ่งเซวียนก็ไม่เป็นที่โปรดปรานของนายท่านซ่งอยู่แล้ว ยิ่งมาเห็นว่าบุตรชายของนางโง่เง่ายิ่งแล้วใหญ่ ยามนั้นนางต้องน้ำตานองหน้าทุกวี่วัน สุดท้ายก็ถูกลมหนาวระลอกหนึ่งช่วงชิงชีวิตไป

อาจเพราะการจากไปของมารดาทำให้ซ่งเซวียนเศร้าโศกจนกระทบกระเทือนจิตใจ หลังอายุหกปีสติปัญญาของเขาจึงเพิ่มพูน ค่อยๆ แยกแยะชิ้นส่วนความทรงจำที่มาจากผู้อื่นออกจากความทรงจำที่ตนประสบพบเจอด้วยตนเองได้ชัดเจน เขารู้แล้วว่าตนเป็นเด็กชาย ทั้งยังเรียนรู้จะกระทำสิ่งต่างๆ เช่นคนอื่นๆ

ทว่าเรื่องราวกลับยิ่งย่ำแย่ลง

แม้ซ่งเซวียนยังไม่อาจอธิบายได้ชัดเจนว่าตนอ่านความทรงจำผู้อื่นได้อย่างไร แต่เขาก็ไม่ปกปิดความสามารถดังกล่าว

เด็กที่พูดความลับของคนอื่นอยู่บ่อยครั้งย่อมน่าหวาดกลัว

ไม่มีใครอยากให้ตนกลายเป็นคนที่ไม่มีความลับ

แม้คนในจวนจะไม่ถ่องแท้เรื่องความสามารถซ่งเซวียน แต่ทุกคนล้วนคิดว่าเขาประหลาด สุดท้ายก็พากันออกห่างจากเขา รวมไปถึงสาวใช้และยายเฒ่าที่เลี้ยงเขามาแต่เล็กจนโตด้วย

สิ่งที่น่ายินดีคือบิดาของซ่งเซวียนกับแม่ใหญ่ที่เป็นภรรยาเอกแทบไม่เคยสัมผัสถูกผิวหนังของเขาเลย ทั้งคู่จึงไม่เคยคิดว่าบุตรอนุอย่างเขามีสิ่งใดผิดแผกแตกต่าง เพียงมองว่าข่าวลือที่แพร่สะพัดในจวนเป็นคำกล่าวเกินจริง

แม้แม่ใหญ่จะไม่เคยใจร้ายกับเขา แต่ก็ไม่เคยสนใจไยดีเขาสักนิด

ในสถานการณ์ที่ทุกคนมิอาจเลี่ยงเช่นนี้ ซ่งเซวียนจึงเติบโตมาในจวนสกุลซ่งราวกับคนล่องหนจนอายุสิบปี

กระทั่งเหล่าคุณชายซึ่งเป็นบุตรของภรรยาเอกและอนุทั้งหลายอยู่ในวัยต้องเริ่มเล่าเรียนกันแล้ว ตอนนั้นก็แทบไม่มีใครจำได้ว่าในจวนยังมีซ่งเซวียนซึ่งอายุสิบปีอยู่คนหนึ่ง

ซ่งเซวียนไม่ใส่ใจคำติฉินนินทา แต่ละวันเขาเพียงเล่นคนเดียว ปีนป่ายต้นไม้ เอาแมลงมาต่อสู้กัน ลงน้ำจับปลา ไม่เคยสร้างความวุ่นวายใดๆ

และเวลานั้นเองซ่งเซวียนก็ได้พบกับคุณชายลูกพี่ลูกน้องในจวน

อีกฝ่ายเป็นเด็กหกขวบ ถูกเลี้ยงดูอยู่ในเรือนนอกของจวนสกุลซ่ง

ครั้งแรกที่ซ่งเซวียนปีนกำแพงออกไปเป็นเพราะเขาอยากเก็บผลหลี่จื่อบนต้นในลานเรือนนอก เมื่อก้มหน้าลงก็พบว่าใต้ต้นไม้มีก้อนขนปุกปุยสีขาวเล็กๆ อยู่ก้อนหนึ่ง

เดิมเขาคิดว่าเป็นสุนัขหรือแมว หลังกระโดดลงมาดูถึงพบว่านั่นเป็นเด็กน้อยสวมเสื้อคลุมขนหมาป่าสีขาวราวหิมะคนหนึ่ง

ทั้งที่เพิ่งเข้าฤดูสารท แต่เด็กคนนี้กลับห่อตนเองไว้จนกลายเป็นแมวขาวอ้วนฟูตัวหนึ่ง

ก้อนดังกล่าวขดตัวอยู่บนเก้าอี้เลื่อนทำจากไม้คันเล็ก ดวงตากลมโตเบิกมองเขาอย่างตะลึงงัน

“กินหรือไม่” ซ่งเซวียนส่งผลหลี่จื่อให้เจ้าก้อนน้อย

อีกฝ่ายรับไปด้วยความดีอกดีใจ แต่เพิ่งกัดได้คำเดียวก็หน้ายู่ “เปรี้ยวนัก”

ซ่งเซวียนอดขำไม่ได้ “อีกไม่นานหลี่จื่อก็สุกแล้ว ถึงเวลานั้นข้าจะเก็บผลที่หวานให้เจ้า”

นับแต่นั้นซ่งเซวียนก็กลายเป็นแขกประจำของเรือนนอก

เรือนนอกประหลาดยิ่งนัก รอบด้านสร้างกำแพงสูงเอาไว้ มีประตูโค้งบานหนึ่งเชื่อมกับจวนสกุลซ่งให้สามารถเข้าออกได้ แม้จะมีคนรับใช้สี่ห้าคนคอยดูแล แต่ทุกคนกลับเหมือนเป็นใบ้ ไม่จำเป็นก็จะพยายามไม่ออกไปข้างนอก

หากไม่ใช่เพราะซ่งเซวียนมีความสามารถในการปีนกำแพงเป็นเลิศ เขาคงไม่รู้ว่ามีเรือนเช่นนี้อยู่ด้วย

ซ่งเซวียนเพิ่งจะพบคนที่เป็นสหายเขาได้เป็นครั้งแรก ทว่าเจ้าก้อนน้อยกลับอ่อนแอยิ่งนัก แม้แต่ลมฤดูสารทเพียงน้อยนิดก็ไม่อาจสัมผัสได้

เขาจึงเป็นฝ่ายคิดหาวิธีเล่นกับเจ้าก้อนน้อยเอง ซ่งเสวียนเด็ดผลหลี่จื่อขโมยผลท้อให้เจ้าก้อนน้อย จับนก จับจิ้งหรีด หรือกระทั่งปีนกำแพงออกนอกจวนไปซื้อน้ำตาลปั้นแล้วแอบเอามายื่นให้อีกฝ่าย คอยมองใบหน้าของเจ้าก้อนน้อยเผยยิ้มแสนหวานร้องเรียกเขาว่า ‘พี่เซวียน’ ด้วยเสียงเจื้อยแจ้ว

เจ้าก้อนน้อยไม่เคยหวาดกลัวความแปลกประหลาดของซ่งเซวียน ตรงข้ามมันกลับกลายเป็นการละเล่นพิเศษระหว่างพวกเขาสองคนไปแล้ว

‘พี่เซวียน ลองทายซิว่าวันนี้ข้าเห็นอะไรมา’

‘จิ้งหรีดรึ’

‘ไม่ใช่’

‘นกน้อย’

‘ไม่ใช่ๆ’

‘ข้ารู้แล้ว แมวสินะ’ ซ่งเซวียนยิ้มตาหยีพูดคำตอบที่ถูกต้อง และเขาก็ได้รับรอยยิ้มสดใสจากเจ้าก้อนน้อยดังคาด

‘ถูกต้องแล้ว! พี่เซวียนเก่งจริงๆ!’ เจ้าก้อนน้อยดีใจกระโดดโลดเต้น แต่กลับถูกซ่งเซวียนกดให้นั่งลงบนเก้าอี้ตามเดิมอย่างรวดเร็ว

ซ่งเซวียนเอ่ย ‘ดีใจก็ส่วนดีใจ แต่ห้ามกระโดด เดี๋ยวก็ล้มเหมือนคราวก่อนอีกหรอก’

เจ้าก้อนน้อยเบ้ปาก แต่สุดท้ายก็อดหัวเราะขึ้นมาอีกไม่ได้ ‘ข้าเชื่อฟังพี่เซวียนทั้งหมด’

เจ้าก้อนน้อยเป็นสหายคนแรกของซ่งเซวียน ช่วงปีที่อยู่กับอีกฝ่ายนั้นคือช่วงเวลาที่มีความสุขที่สุดของเขา

ภายหลังแม่ใหญ่ทราบเรื่องนี้ นางจึงมาพูดคุยเป็นการส่วนตัวกับซ่งเซวียนเป็นครั้งแรก

นางกล่าวกับซ่งเซวียนว่า ‘ต่อไปอย่าเข้าใกล้เรือนนอกอีก นั่นไม่ใช่ที่ที่เจ้าควรไป’

ซ่งเซวียนจ้องฮูหยินซ่งพลางถาม ‘เพราะเหตุใด’

ฮูหยินซ่งจึงหลอกเขาอย่างเด็กน้อย ‘คุณชายลูกพี่ลูกน้องจิตใจหดหู่ ร่างกายอ่อนแอ หมอบอกว่าเขาไม่เหมาะจะพบแขก เจ้าไปก็ยิ่งทำให้เขาป่วยไข้มากขึ้น’

ไหนเลยจะคิดว่าซ่งเซวียนมองเห็นความทรงจำทั้งหมดของเจ้าก้อนน้อยมานานแล้ว เขารู้ว่าตั้งแต่จำความได้เจ้าก้อนน้อยก็อยู่ในเรือนแห่งนั้น ไม่เคยได้พบปะคนนอก เดียวดายชวนให้ปวดใจนัก

ครั้งนี้ซ่งเซวียนไม่มีทางโดนคำพูดเพียงไม่กี่ประโยคของฮูหยินซ่งโน้มน้าวอย่างแน่นอน เขาเอ่ยปฏิเสธ ‘เขาไม่มีญาติคอยดูแลและไม่มีมิตรสหายอยู่เคียงข้าง มีเพียงคนรับใช้สองสามคนที่เหมือนเป็นใบ้กันหมด เช่นนี้จะไม่ให้เขาจิตใจหดหู่ได้อย่างไร ในฐานะญาติท่านแม่ไม่คิดบ้างหรือว่าจะทำอย่างไรให้เขามีความสุขขึ้น เหตุใดจึงต้องไล่ข้าออกไปจากข้างกายเขาอีกเล่า’

ฮูหยินซ่งคิดไม่ถึงว่าซ่งเซวียนจะพูดจาเช่นนี้ออกมา นางพลันตกตะลึงจนหน้าถอดสี คิดโยงไปถึงเรื่องที่สาวใช้ในจวนลือกันว่าเด็กคนนี้แปลกประหลาด ยามนี้จึงตระหนักได้ว่าซ่งเสวียนไม่เหมือนคนธรรมดาจริงๆ นางตัดสินใจไม่ยินยอมให้เขาเข้าใกล้เรือนนอกอีก มิหนำซ้ำยังถึงกับขังซ่งเซวียนเอาไว้กว่าครึ่งค่อนเดือน

ซ่งเซวียนเพิ่งรู้ตอนนั้นเองว่าตนไม่มีสิทธิ์ใดไปพูดอธิบายเหตุผลกับฮูหยินซ่ง ตั้งแต่นั้นมาเขาจึงแกล้งทำเป็นเชื่องเชื่อ เลิกสนใจเรือนนอกแห่งนั้น รอจนฮูหยินซ่งให้คนที่คอยเฝ้าเขาถอนกำลังออกไปแล้วค่อยแอบย่องไปเล่นกับเจ้าก้อนน้อย

เจ้าก้อนน้อยไม่ได้พบหน้าเขาถึงหนึ่งเดือนเต็ม พอได้เจอกันอีกครั้งก็น้ำตาร่วงเผาะ

‘ข้าคิดว่าพี่เซวียนไม่ต้องการข้าแล้ว’

ซ่งเซวียนฟังแล้วเจ็บปวด ‘พี่เซวียนจะไม่ต้องการเจ้าได้อย่างไร’

เจ้าก้อนน้อยเอ่ยอย่างน้อยเนื้อต่ำใจว่า ‘แม่นมก็เป็นเช่นนี้ จู่ๆ วันหนึ่งก็จากไป ไม่ต้องการข้าแล้ว’

ซ่งเซวียนไม่เคยเป็นที่ต้องการเช่นนี้มาก่อน เขารู้สึกว่าแม้แต่หัวใจก็หลอมละลายไปชั่วขณะ สุดท้ายต้องทั้งหลอกทั้งปลอบกว่าจะทำให้เจ้าก้อนน้อยยิ้มออกได้อีกครั้ง

ครานั้นซ่งเซวียนในวัยเด็กคิดว่าแม่ใหญ่ของเขาต้องเกลียดเจ้าก้อนน้อยแน่นอน ถึงได้ให้อีกฝ่ายซ่อนตัวอยู่ที่นี่เพียงผู้เดียว

ถึงอย่างไรแม่ใหญ่ก็ไม่ชมชอบซ่งเซวียนเช่นกัน เอาไว้เขาโตแล้วจะออกไปอยู่ข้างนอกด้วยกันกับเจ้าก้อนน้อย เลี้ยงดูเจ้าก้อนน้อยนุ่มนิ่มนี้ให้เป็นดั่งน้องชายแท้ๆ ของเขา

ซ่งเซวียนเก็บความหวังนี้ไว้ในใจ จากนั้นก็เริ่มไปซุ่มอยู่หน้าประตูห้องในจวนเพื่อแอบฟังพวกพี่น้องเรียน เขาพยายามหัดอ่านหนังสือเรียนรู้ตัวอักษรศึกษาวิชาคำนวณ เมื่อเติบใหญ่จะได้ออกไปหาเงินข้างนอกได้

เรื่องนี้เขาเองก็ลอบปรึกษากับเจ้าก้อนน้อยแล้ว แม้พวกเขาจะรู้จักหลบเลี่ยงหูตาผู้ใหญ่ แต่อย่างไรก็สู้เมื่อก่อนไม่ได้ ทุกครั้งซ่งเซวียนแวะมาก็ต้องรีบกลับไป

ยิ่งต้องหลบๆ ซ่อนๆ พบกันเช่นนี้ เด็กทั้งสองกลับยิ่งมีความรู้สึกดีต่อกันมากขึ้นไปอีก

มีครั้งหนึ่งซ่งเซวียนได้ยินเจ้าก้อนน้อยเอ่ยอย่างน้อยเนื้อต่ำใจ ‘พี่เซวียน วันนี้ข้าแอบฟังพวกเขาพูดกัน เหมือนว่าข้าจะมีชีวิตอยู่ได้ไม่เกินอายุสิบสองปี’

หัวใจของซ่งเซวียนบีบรัด เขาย่นคิ้วเอ่ย ‘พวกเขาพูดจาเหลวไหลทั้งเพ เจ้าอย่าไปเชื่อนะ’

เจ้าก้อนน้อยค่อยๆ ดึงชายเสื้อ ‘แต่ท่านหมอก็บอก…’

‘เจ้าจะฟังพวกเขาหรือจะฟังข้า’ ซ่งเซวียนปั้นหน้าตึง ‘พวกเขารู้หรือว่าวันนี้เจ้าเห็นจิ้งหรีดหรือนกน้อย พวกเขาทายได้หรือว่าเจ้าเก็บของรักเอาไว้ที่ใด’

‘ไม่ได้ พวกเขาทำไม่ได้!’ เจ้าก้อนน้อยพลันตาเป็นประกาย

ซ่งเซวียนเห็นดังนั้นจึงยอบตัวลง ตั้งใจเอ่ยว่า ‘ไม่มีผู้ใดล่วงรู้อนาคตของผู้อื่น ข้าทำไม่ได้ ท่านหมอพวกนั้นก็ทำไม่ได้ ดังนั้นขอเพียงเจ้าพยายามจะต้องมีชีวิตอยู่ได้ยืนยาวแน่นอน ข้าเองก็จะดูแลเจ้าให้ดี ให้เจ้าได้มีชีวิตอยู่เป็นร้อยปีเลย’

เจ้าก้อนน้อยดีอกดีใจ ‘ข้าเชื่อพี่เซวียน พี่เซวียนบอกว่าข้าจะมีชีวิตอยู่ได้อีกร้อยปี ข้าก็ต้องมีชีวิตอยู่ได้อีกนานแสนนาน! พี่เซวียนก็ต้องมีชีวิตอยู่ด้วยกันกับข้าไปอีกนานแสนนานด้วยนะ!’

ซ่งเซวียนถามเขา ‘เราสองคนจะมีชีวิตอยู่นานถึงเพียงนั้นไปเพื่ออะไร’

เจ้าก้อนน้อยบอก ‘หากพวกเรามีชีวิตยืนยาวพี่เซวียนก็จะได้พาข้าไปเล่น พาข้าไปดูเสือบนภูเขา ดูเหล่าอาจารย์กลืนกระบี่พ่นไฟอย่างไรเล่า’

สิ่งเหล่านี้เป็นเรื่องราวที่ซ่งเซวียนเล่าให้เจ้าก้อนน้อยฟัง บางเรื่องก็จริง บางเรื่องก็เท็จ แต่ล้วนกล่อมให้เด็กน้อยมีความสุขได้

ทว่าในเมื่อเจ้าก้อนน้อยยึดถือเป็นจริง ซ่งเซวียนจึงเก็บคำพูดนี้เอาไว้ในใจอย่างจริงจังเช่นกัน

‘เอาล่ะ ไว้เจ้าโตอีกหน่อยพี่จะพาเจ้าออกไปดูเสือ ดูมนตร์เปลี่ยนหน้า ดูโคมไฟ เจ้าอยากไปเที่ยวเล่นที่ใดข้าก็จะพาเจ้าไปที่นั่น’

ไม่ว่าใครก็คิดไม่ถึงว่าเด็กผู้โดดเดี่ยวไร้ที่พึ่งพิงสองคนในจวนสกุลซ่งจะกลายเป็นคนใกล้ชิดที่สำคัญที่สุดของกันและกัน

ซ่งเซวียนคิดว่าพวกเขาจะอยู่ด้วยกันเช่นนี้ไปเรื่อยๆ รอจนเขาและเจ้าก้อนน้อยเติบใหญ่ค่อยคิดหาวิธีให้พวกเขาทั้งสองได้กลายเป็นพี่น้องกันอย่างถูกต้องเปิดเผย เขาจะดูแลเจ้าก้อนน้อยให้ดี พาอีกฝ่ายไปท่องเที่ยวสัมผัสประสบการณ์ทุกหนแห่ง เจ้าก้อนน้อยจะได้พบเจอโลกนอกกำแพงสี่ด้านนี้เสียที

แต่ไม่มีใครคาดคิดว่าการเปลี่ยนแปลงจะมาเร็วถึงเพียงนี้

ปีที่ซ่งเซวียนอายุสิบสอง ไม่รู้ว่าสกุลซ่งไปก่อเรื่องอะไรให้ฮ่องเต้กริ้ว ทั้งตระกูลถึงกับล่มจมย่อยยับภายในคืนเดียว บุรุษไปเป็นทหาร สตรีไปเป็นข้ารับใช้ วันที่ทหารบุกเข้าจวนได้ยินแต่เสียงร้องไห้สะท้านฟ้า

ราวกับไม่มีผู้ใดสังเกตว่าในบรรดาบุตรอนุที่ถูกเกณฑ์มาขาดซ่งเซวียนไปหนึ่งคน

ซ่งเซวียนถูกหิ้วคอเสื้อ มือเท้าปัดป่ายกลางอากาศไม่หยุดหย่อน ‘ท่านปล่อยข้ากลับไป ข้าจะไปช่วย…’

เขาจะไปช่วยเจ้าก้อนน้อยของเขา

ทหารกลุ่มนี้โหดร้ายยิ่งนัก เจ้าก้อนน้อยต้องหวาดกลัวเป็นแน่

‘ไม่ต้องแล้ว ผู้ใดเกิดเรื่องราวได้ แต่คุณชายต้องปลอดภัยแน่นอน’

เมื่อซ่งเซวียนเงยหน้าขึ้นมองก็จำได้ว่าอีกฝ่ายเป็นใคร นั่นคือหนึ่งในคนรับใช้ที่ดูแลเจ้าก้อนน้อยในยามปกติ บุรุษผู้เอาแต่ทำหน้าเย็นชาและไม่พูดจาสักคำ

ซ่งเซวียนเบิกตากว้าง ‘ท่านคือ…’

เมื่อคนรับใช้ผู้นั้นเห็นว่าออกมานอกเขตจวนแล้วจึงปล่อยเขาลงส่งๆ ‘นายท่านรู้ว่าเจ้าดีกับคุณชายมาก ถึงได้ละเว้นชีวิตน้อยๆ ของเจ้าไว้ ยามนี้สกุลซ่งไม่อาจลุกขึ้นได้แล้ว เจ้าเองก็ไปหาทางเอาตัวรอดเอาเถิด’

ซ่งเซวียนพลันตระหนักได้ว่าคุณชายที่อีกฝ่ายพูดถึงคือเจ้าก้อนน้อย

‘เช่นนั้น…ข้าต้องไปหาเขาที่ใด’ ซ่งเซวียนขมวดคิ้วมุ่น ‘ข้ารับปากเขาเอาไว้ หากเขาเติบใหญ่เมื่อใดจะพาไปเที่ยวเล่น…’

คนรับใช้ชะงักไปชั่วขณะ สุดท้ายเพียงเอ่ยเสียงเบา ‘ไม่ต้องแล้ว’

‘อะไรนะ’

‘สถานะของคุณชายอยู่สูงเกินกว่าที่คนเช่นเจ้าจะอาจเอื้อม’ คนรับใช้ลังเลอีกครู่หนึ่ง ในที่สุดก็เอ่ยต่อว่า ‘อีกอย่างคุณชาย…คงมีชีวิตอยู่ไม่พ้นสิบสองปี บัดนี้คุณชายกลับไปอยู่ข้างกายบิดามารดาแล้ว พวกเขาจะดูแลคุณชายเป็นอย่างดี ตอนนี้เจ้าคือนักโทษที่เดิมทีควรถูกเกณฑ์ไปเป็นทหาร จะวิ่งไปอยู่หน้าคุณชายเพื่ออะไร’

ซ่งเซวียนนิ่งงันอยู่กับที่

‘…เจ้าลืมเรื่องนี้เสียเถิด’ คนรับใช้เอ่ยเสียงเย็นชา

ลำคอของซ่งเซวียนคล้ายมีบางสิ่งอุดกั้น เขาเห็นคนรับใช้ผู้นั้นขี่ม้าจากไปไกล ทั่วหล้ากว้างใหญ่ไพศาล บริเวณนั้นเหลือเขาอยู่เพียงผู้เดียว

นับแต่นั้นมาโลกนี้ก็ไม่มีซ่งเซวียนอีก เหลือเพียงซ่งเสวียนนักต้มตุ๋นหลอกลวงเท่านั้น

  

โปรดติดตามตอนต่อไป

 


 

Comments

comments

No tags for this post.
Continue Reading

More in everY

บทความยอดนิยม

everY

ทดลองอ่าน เขตห้ามรักฉบับเบต้า เล่ม 1 Chapter 2.1-2.2 #นิยายวาย

ทดลองอ่าน เรื่อง เขตห้ามรักฉบับเบต้า เล่ม 1 ผู้เขียน : MINTRAN แปลโดย : ทันบี ผลงานเรื่อง : 배타적 연애 금지구역 ถือเป็นลิขสิทธิ์...

ทดลองอ่าน

ทดลองอ่าน ฟูมฟักจอมราชัน บทที่ 131-132

บทที่ 131 จะว่าไปแล้วการที่นางเข้ามาในจวนโม่เป่ยอ๋องได้นั้นช่างเป็นความบังเอิญนัก ครั้งหนึ่งในระหว่างปฏิบัติการลับ นางบั...

ทดลองอ่าน

ทดลองอ่าน ลำนำฝูหรงเคียงกระเรียน บทที่ 17.1

บทที่ 17.1 ตกปลาตามลำพังท่ามกลางสายลมและหิมะ ‘เส้นแบ่ง’ คำนี้ราวกับจี้เข้าไปตรงใจกลางกะโหลกศีรษะของหยางหลุน เขารีบกล่าวก...

ทดลองอ่าน

ทดลองอ่าน ลำนำฝูหรงเคียงกระเรียน บทที่ 17.2

บทที่ 17.2 ตกปลาตามลำพังท่ามกลางสายลมและหิมะ ที่ประตูหลักกำลังผลัดเปลี่ยนเวร ขอบฟ้าเปลี่ยนเป็นสีขาว ดวงอาทิตย์ยามเช้าค่อ...

ทดลองอ่าน

ทดลองอ่าน ห้วงฝันบันดาลรัก บทที่ 97-98

บทที่ 97 กรงเล็บมาร หวงหร่างลูบชายกระโปรงของชุดกระโปรงตัวหนึ่ง ชายกระโปรงตัวนั้นประดับด้วยขนวิหค นุ่มนิ่มเป็นพิเศษ ส่วนใ...

community.jamsai.com